“การที่เรายอมรับตัวตนของตัวเองได้ โดยที่ไม่ต้องรอให้ใครมายอมรับเรา บางทีมันก็มีความสุขได้เลย เพราะเงื่อนไขบางเงื่อนไข มันก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้”
เรียนรู้วิธีคิด ผ่านชีวิตของแขกรับเชิญในทุกสัปดาห์ สำหรับ Club Pride Day คุยอย่าง Proud เมาท์อย่าง Pride กับสองดีเจสุดแซ่บ “ดีเจพี่อ้อย” และ “ดีเจก็อตจิ” ที่ได้ต้อนรับแขกรับเชิญที่หลายคนคิดถึง “ซิน Singular” ศิลปินหน้าหวานผู้มีเสียงทุ้มเปี่ยมเสน่ห์ กับการเติบโตระหว่างทางกว่า 15 ปีในวงการ วันนี้ซินกลายเป็นศิลปินอิสระที่จัดการงานเองแทบทุกอย่างตั้งแต่เบื้องหน้าถึงเบื้องหลัง และตั้งเป้าหมายเพียงแค่อยากทำงานอย่างมีความสุข เรื่องราวสีสันของชีวิต พร้อมข้อคิดแรงบันดาลใจ ได้ถูกแบ่งปันเอาไว้แล้วในรายการ
10 ปีที่หายไป ของ ซิน Singular
“จริง ๆ ที่หายไปเป็นช่วงรอยต่อตอนที่เป็นวง กับตอนที่ออกมาเป็นศิลปินเดี่ยวก็คือ 2 ปี แต่ว่านั่นก็เมื่อ 10 ปีได้ที่หายไป เพราะหลังจากนั้นก็อาจจะมีช่วงหนึ่งที่ซินไปทำงานที่ญี่ปุ่น คือเราไปออกเพลงที่ญี่ปุ่น และก็ยังทำเพลงตลอด แต่ที่มันอาจจะรู้สึกว่าหายไป เพราะมันก็มีเพลงที่ดังบ้างไม่ดังบ้าง
ที่ห่างหายไม่ค่อยได้ออกรายการสัมภาษณ์ ถ้าให้เราเดาก็คือ ตามรายการต่าง ๆ อาจจะคิดว่าเราไม่ค่อยอยากไปออกด้วยส่วนหนึ่ง แต่จริง ๆ ซินไม่เคยปฏิเสธเลยนะ ถ้ามีคนติดต่อมาแทบไม่ปฏิเสธเลย และมันอาจจะเป็นภาพไปก่อนที่ช่วงแรก ๆ ซินอาจจะดูเป็นคนแบบพูดไม่เก่ง คิดว่าเป็นภาพจำ
แต่ซินคิดว่าตัวเองมีหลายโหมด ถ้าสนิทก็จะมีความคุยเก่ง คุยได้ทั้งวัน แต่บางวันไม่มีพลังก็จะนิ่ง ๆ ถ้าถามว่าเป็น Introvert ไหม ก็ใช่แหละ แต่เป็นมานานแล้ว ก่อนที่มันจะมาฮิตคำว่า Introvert เสียอีก”
ย้อนวัยเด็กสุดขี้อาย ของ ซิน Singular
“ซินเป็นเด็กขี้อายมาก จำได้เลยว่าตอน ม.1 เวลาออกไปรายงานหน้าชั้น เราไม่สามารถที่จะออกไปได้เลย สมมติว่ามันถึงคิวแล้ว เราจะไม่สบตาใครเลย แล้วก็อ่านโพยเท่านั้น เคยมีครั้งนึงที่มือไม้สั่นแล้วเป็นลมไปเลย
จริง ๆ ช่วงแรกที่ขึ้นเวทีร้องเพลงมันก็ยังเป็นอาการประมาณนี้อยู่นะ แต่เราต้องคิดว่า The Show must go on แต่ถ้าถามว่ามันตื่นเต้นไหม มันตื่นเต้นมาก ควบคุมอะไรไม่ได้เลย ถ้าไปดูโชว์แรก ๆ ของซิน จะรู้เลยว่าเราตื่นเต้นมาก มันค่อยมาลดลงตอนที่เราชินกับบรรยากาศแล้ว หรือชินกับเวทีแล้ว
ซินชอบร้องเพลงมาตั้งแต่จำความได้ ตอนนั้นเราก็ร้องอยู่ที่บ้าน ร้องให้คุณพ่อคุณแม่ฟัง หรือตอนนั่งรถไปโรงเรียนก็ร้องไปเรื่อย แต่ถ้าหน้าห้อง หรือ งานโรงเรียน ก็คือไม่ร้องเลย ไม่มีเด็ดขาดที่คนจะได้เห็นเราร้องเพลง ตอนเด็ก ๆ เพลงที่ชอบร้องคือ เพลงรุ้งตัวอ้วน ของพี่อุ้ย รวิวรรณ จินดา เหมือนเราฟังตามคุณพ่อคุณแม่แล้วจำได้
นักร้อง เป็นความฝันเดียวเลยที่ซินอยากจะเป็น แต่มันก็เป็นแค่ความฝันที่เราเก็บเอาไว้ในใจ เพราะเรารู้สึกว่ายุคนั้น การเป็นนักร้องมันน่าจะยากเหมือนกันที่จะเป็นศิลปิน มันไม่เหมือนยุคนี้ที่ใครก็ร้องเพลงลงแพลตฟอร์มต่าง ๆ ได้ แต่เด็กยุคก่อนแทบไม่รู้เลยว่า การจะเป็นนักร้องมันจะต้องเริ่มยังไง”
จุดเริ่มต้นบนเส้นทางศิลปิน
“มันเริ่มมาจากที่เราชอบร้องเพลง แล้วเราก็อินกับเพลงที่ร้อง ว่าเพลงนี้ใครเป็นคนแต่ง และเราชอบดูเนื้อเพลง เราชอบเก็บสะสมแผ่นซีดีดูว่าแบบใครเป็นโปรดิวเซอร์ แล้วจำได้ว่าวันเกิดอายุ 14 ซินก็ลองแต่งเพลงของตัวเองดูเล่นๆ แล้วก็แต่งมาเรื่อย ๆ ซึ่งเราไม่ได้นึกหรอกว่า นี่มันคือการที่เรากำลังทำตามความฝันอยู่รึเปล่า เราแค่ลองทำเพราะเราชอบ จนแบบได้ลองมาทำเพลงเป็นเดโม่จริง ๆ แล้วก็ลองเข้าห้องอัดดู พอเจอพี่ที่ห้องอัดเค้าก็เหมือนมีคอนเน็คชั่นกับค่ายเพลง ก็เลยแนะนำเราให้ส่งเดโม่ไปที่ค่ายดูสิ ซินก็ส่งไปที่ค่ายโซนี่มิวสิค แล้วเค้าก็ได้เรียกเข้ามาคุยรายละเอียด มีกระบวนการอยู่ประมาณ 6 เดือน กว่าจะได้เดบิวต์เป็นศิลปิน”
กว่าจะเป็นวง Singular
“ตอนแรกต้องบอกว่าซินเข้าไปคนเดียว แล้วก็ถ้าพูดตามตรงคือตอนนั้นด้วยลุคของซิน ทำให้ทางค่ายยังไม่รู้ว่าจะขายออกมายังไง เค้าก็เลยลองเติมสมาชิกอีกคนนึงดู สุดท้ายมันก็เลยออกมาเป็นวง
ก็ต้องขอบคุณทุกคนฮะ ที่ทำให้เพลง เบาเบา ดังมาก ไม่คิดเลยเพราะถ้าส่วนตัว ซินชอบเพลง 24.7 ซึ่งเป็นซิงเกิลแรกที่ปล่อยมา แต่กับเพลงเบาเบา เรารู้สึกว่ามันก็เพราะดี ตอนที่เราแต่งเราก็รู้สึกว่าเพลงนี้ก็ดีนะ แต่ไม่ได้คิดไปถึงขนาดว่ามันจะดังขนาดนี้ ที่มาของเพลงเบาเบา คือถ้าสมมติเราให้สัมภาษณ์กันสมัยก่อน เราจะบอกว่าเพลงนี้มีที่มาจาก เพื่อนมาปรึกษาหลังทะเลาะกับแฟน ซึ่งอันนั้นก็จริงส่วนหนึ่ง แต่ที่มาของท่อนฮุค มาจากซินนั่งรถไฟฟ้าอยู่ แล้วก็เจอคู่รักวัยใส กำลังกอดกันแบบแทบจะจูบกลืนเป็นเนื้อเดียวกันอยู่แล้ว แล้วคนในขบวนก็คือมีมวลของความแบบ เบา ๆ กันหน่อยมั้ย เราก็เลยปิ๊งไอเดียซึ่งมันก็เวิร์คเหมือนกัน ก็เลยเอามาเขียนต่อให้เป็นเพลง
ในยุคที่วงดังมาก ก็จะมีแฟนคลับที่ติดตามเราแบบเกือบทุกการใช้ชีวิต แต่ด้วยตอนนั้นอาจจะไม่ได้มีช่องทางให้เราปกป้องสิทธิ์ตัวเองขนาดนั้น จริง ๆ แฟนคลับมีหลายรูปแบบ มีทั้งถ้าไปงานต่างจังหวัดแล้วเราต้องนั่งรถตู้กลับบ้าน ก็จะมีแฟนคลับขับรถตาม ซึ่งซินว่าอันนี้อันตรายไปนิดนึง บางครั้งเราก็จะบอกให้คนขับหยุดรถก่อน ให้เค้าแซงไปเลย แล้วเราก็ค่อยไป ซึ่งมันก็มีความคิดว่าฉันจะต้องลำบากขนาดนี้เลยเหรอในการเดินทาง ศิลปินมันก็เป็นอาชีพ ๆ หนึ่ง ซินว่ามันต้องมีพื้นที่ส่วนตัว ที่คนอื่นต้องเคารพพื้นที่นั้นของเราด้วย พอมีเรื่องคนตามคุกคามความเป็นส่วนตัว มันก็ทำให้ซินแย่ไปเลยเหมือนกัน โดยเฉพาะเรื่องสภาพจิตใจ มันสะสมมาเรื่อย ๆ จนช่วงรอยต่อระหว่างตอนที่เป็นวงกับตอนที่เป็นศิลปินเดี่ยว พอซินปล่อยอัลบั้มชุดแรกออกมาแล้วไปขึ้นโชว์ ซินก็จะมีความแบบแพนิคประมาณนึง แล้วมันบวกกับการที่ซินเป็นคนขี้อายด้วย แล้วจะต้องไปอยู่ในสภาวะที่ต้องไปอยู่ท่ามกลางมวลชน เราต้องสู้จริง ๆ เพราะว่าเรารักที่จะทำเพลง รักที่จะร้องเพลง ก็เลยต้องพยายามมากกว่าคนอื่น ๆ หน่อย ถ้าเป็นช่วงนี้ ซินจะรู้สึกโอเคกับโชว์ของตัวเองมาก ๆ แต่ถ้าเป็นสมัยก่อน กว่าจะพูดออกมาได้แต่ละคำ มันต้องมีการเขียนเป็นสคริปต์เลยว่าวันนี้ถ้าจบเพลงนี้เราจะพูดอะไรบ้าง เราต้องเตรียมตัวและมีการท่อง
ที่วงเราดัง เราก็ตกใจ และก็ดีใจไปด้วย จนท้ายที่สุดเมื่อ Singular ต้องแยกวงกัน ซินคิดว่ามันเป็นเรื่องของการที่เรามองกันไปคนละทิศทาง เหมือนเราโฟกัสกันคนละอย่าง แล้วก็คิดว่าเป็นการพูดคุยกันระหว่างวงเอง แล้วก็ค่ายด้วยว่า ถ้าเรายังฝืนทำต่อไป คิดว่าน่าจะไม่ไหว เลยตัดสินใจแยกย้ายไปทำในสิ่งที่แต่ละคนชอบดีกว่า”
ซิน Singular กับการถูกตั้งคำถามจากสังคม
“คอมเมนต์คลาสสิคที่จะเห็นตลอด 15 ปี คือ พี่เค้าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงนะครับ คำถามนี้จะมีมาตลอด ซึ่งซินไม่เคยอธิบายนะ อาจจะด้วยความที่ว่ายุคนั้นมันเป็นยุคงง ๆ ของหลาย ๆ อย่าง ทั้งแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ทั้งวงการเพลง วงการข่าว มันยังเป็นยุคที่เปลี่ยนผ่าน คนยังไม่รู้ว่าจะต้องรีแอ็คยังไง รวมถึงตัวศิลปินด้วยก็ยังไม่รู้ว่ามีคำถามแบบนี้แล้วฉันพูดได้มากน้อยแค่ไหน แต่ว่าจริง ๆ ซินก็เป็นตัวของซินเองอยู่แล้ว แต่ตอนนั้นมันไม่ได้มีช่องทางอะไรที่จะให้เราได้อธิบาย แล้วซินจะเป็นสายที่ไม่ค่อยเข้าไปอ่านคอมเมนต์มากนัก เพราะว่าถ้าอ่านเยอะก็จะรู้สึกไม่โอเค จะไวกับเรื่องเหล่านี้ เราเลยพยายามเอาโฟกัสไปไว้กับจุดที่เราสามารถทำให้มันดีขึ้นได้มากกว่า
อาจจะเพราะตอนนั้นซินไว้ผมยาวด้วย ทำให้เวลาไปเข้าห้องน้ำ คุณป้าแม่บ้าน หรือพนักงานก็จะบอกว่าอันนี้ห้องน้ำชายนะคะ ซึ่งเค้าก็ไม่รู้จริง ๆ อันนี้มันก็ไม่เป็นไร อย่างตอนนั้นมีครั้งหนึ่งซินไปขึ้นคอนเสิร์ต ซินไม่แน่ใจว่ามันอาจจะเป็นในแพลตฟอร์มที่สามารถขึ้นคอมเมนต์ได้ แล้วมันก็จะมีคอมเมนต์เด้งขึ้นมา แล้วมีทีมงานเล่าให้ฟังว่า มันมีคอมเมนต์เด้งขึ้นมาตอนที่เราโชว์อยู่ว่า ไม่ต้องแอ๊ปก็ได้ค่ะ ซินก็งงว่านี่เราแอ๊ปอยู่เหรอตอนนี้ ก็แปลก ๆ ดี แต่ซินก็ไม่ได้ไม่ค่อยได้ไปคิดอะไรกับมันมาก ซึ่งคำถามแบบนี้ สมมติว่าเป็นคนรู้จักกัน ซินว่าเรื่องพวกนี้ เราแค่มองหน้ากัน คุยกัน เราก็น่าจะรู้และเข้าใจอยู่แล้ว
ซินคิดว่ายุคนี้เรื่องระบบความคิด หรือว่าการยอมรับหลาย ๆ อย่าง มันก็พัฒนาตามวันเวลาไปด้วย เพราะฉะนั้นซินว่ายุคนี้เป็นยุคที่เหมือนเราจะเห็นว่าศิลปินหลาย ๆ คน ก็แบบสามารถเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่มาก ซึ่งซินเห็นแล้วก็ดีใจแทนคนเหล่านั้น ที่เค้าสามารถเป็นตัวเองได้เลยแบบเต็มที่ แต่ยุคก่อนเหมือนแฟนคลับเค้าจะมีตัวตนเราในความคิดที่เค้าสร้างขึ้นมาว่า ช่วงนึงที่เพลงเบาเบา ดังมาก หลาย ๆ คนอาจจะคิดว่าซินเป็นคนแบบเบาเบา อบอุ่น แต่เปล่าเลย จริง ๆ แล้ว ซินเป็นคนที่มีหลายเลเยอร์ บางทีก็เป็นคนเครียด เป็นคนดุ และเป็นคนสนุกได้”
โควิดพลิกชีวิตให้ ซิน Singular ได้มีผลงานที่ญี่ปุ่น
“ช่วงโควิดพอดีเลย ที่เหมือนมันมีโอกาสเข้ามาหาซินตอนช่วงปี 2019 ที่ซินได้ทำอัลบั้มญี่ปุ่น แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้ไปญี่ปุ่นนะ จะเป็นการทำงานออนไลน์ เพลงที่ปล่อยมาจะเป็นแอนนิเมชั่นของซินกับศิลปินที่ซินฟีทเจอริ่งด้วย เป็นศิลปินญี่ปุ่น ซึ่งก็ให้เค้าถ่ายเป็นวีดีโอมา แล้วก็ให้ศิลปินไทยของเราเป็นคนวาด ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันไป เพราะว่าตอนนั้นมันยังบินไม่ได้ เพลงที่ทำที่ญี่ปุ่น ตอนนี้มีให้ฟังในทุกสตรีมมิ่ง ชื่ออัลบั้ม Self Portrait ก็เป็นภาษาญี่ปุ่นหมดเลย”
มุมมองการเปลี่ยนผ่านของวงการเพลง
“ตอนที่ Singular มีเพลงดัง ตอนนั้นมันจะเป็นยุคที่กำลังจะเปลี่ยนไปสู่ยุคโซเชียล ตอนนั้นก็เพิ่งจะเริ่มมีอินสตราแกรม ซึ่งตอนนั้นเราก็ยังไม่มีด้วยซ้ำ เพิ่งจะมามีอินตราแกรมตอนที่เป็นศิลปินเดี่ยวแล้ว ซินคิดว่ายุคนี้มันยากขึ้นที่จะมีเพลงร้อยล้านวิว เหมือนสมัยก่อนจะมีเพลงร้อยล้านวิวมาเรื่อย ๆ แต่ซินรู้สึกว่าพอเป็นยุคนี้เราะจะเห็นเพลงร้อยล้านวิวน้อยลง เพราะว่าคนฟังจะแยกไปฟังในแนวเพลงที่เค้าชอบ ในแพลตฟอร์มที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งแต่ละแพลตฟอร์มก็จะมีเพลงฮิตแตกต่างกัน แล้วแต่ช่วงวัยด้วย ถามว่ามันมีข้อดีไหม ซินก็คิดว่ามันก็มีข้อดีนะ คือมันมีความหลากหลายมากขึ้น คนก็ไปรวมกลุ่มของตัวเองในกรุ๊ปเดียวกัน กรุ๊ปฮิพฮ็อพ กรุ๊ปป๊อบ กรุ๊ปเพลงสไตล์ต่าง ๆ ซินว่ามันก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน
ในเรื่องการหาแรงบันดาลใจ ถ้าเป็นเพลงประกอบหนัง หรือประกอบซีรี่ส์ ซินรู้สึกว่ามันเป็นความสนุกอีกแบบหนึ่ง เพราะเหมือนเราได้สวมคาแรกเตอร์ลงไป หรือการจะเขียน มันต้องอ่านเนื้อเรื่องก่อน คือเราต้องเข้าไปอินในโลกนั้น ก็รู้สึกสนุกดี แต่ว่าถ้าเป็นเพลงที่มาจากตัวเอง อาจจะมีบ้างที่เพลงนี้เราเคยพูดไปแล้ว มันก็จะต้องหาอะไรใหม่ ๆ หรืออาจจะต้องมีไปหาแรงบันดาลใจที่ไม่ได้มาจากตัวเราล้วน ๆ อย่างเช่นอาจจะต้องไปดูหนัง ฟังเพลง หรือไปลองพูดคุยกับคนอื่น ๆ ดูบ้าง หรืออย่างการได้ไปฟีทเจอริ่งกับศิลปินอื่น ๆ ก็เหมือนได้รู้จักกับคนใหม่ ๆ ได้รู้จักกับศิลปินบางคนที่ถ้าเราไม่ได้ไปฟีทเจอริ่งกัน เราอาจจะแบบไม่ได้เจอกัน เพราะมันคนละแนวเพลงกัน
ซินน่าจะทำเพลงไปจนกว่าเราจะรู้สึกว่าไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ซึ่งยังไม่ได้คิดนะว่าจะทำไปถึงอายุเท่าไหร่ คิดว่าถ้าสมมติไม่ได้ทำงานเบื้องหน้าแล้ว ก็จะไปทำเบื้องหลัง จริง ๆ ซินชอบหมดเลยเกี่ยวกับวงการเพลง ถ้าถามว่าให้ไปลองบริหารค่ายเพลงดูอยากทำไหม ถ้ามีโอกาสในวันหนึ่งก็อยากลองดูเหมือนกัน แต่ว่าตอนนี้ที่ได้ทำไปแล้วก็คือเป็นโปรดิวเซอร์ให้ศิลปินอื่น ๆ
ซินคิดว่าเพลงน่าจะเหมือนกับแฟชั่น หลาย ๆ เพลง ซินคิดว่ามันน่าจะวนกลับมา แล้วก็มีบางเพลงที่หายไป อย่างถ้าเป็นยุคนี้คนจะชอบทำเพลงสั้น ๆ ยุคถัดไปไม่แน่คนอาจจะอยากฟังเพลงยาวขึ้น อาจจะกลับมาชอบฟังเพลง 5 นาที เหมือนสมัยก่อนก็ได้”
เปิดหัวใจ ส่องความรัก ของ ซิน Singular
“ความรักตอนนี้ไม่ได้โฟกัสขนาดนั้น ซินไม่ได้มีแฟนเป็นตัวเป็นตนมานานแล้ว มีคนที่เหมือนศึกษาดูกันเรื่อย ๆ ในตลอดระยะเวลาที่เป็นโสดมาก็ไม่ได้ปิดไม่คุยกับใครเลย แต่แค่เหมือนคุยกัน แล้วมันก็ยังไม่ได้จริงจังขนาดที่จะเป็นเรียกใครว่าเป็นแฟน
ซินคิดว่าซินเป็นแฟนที่เข้าใจยาก ปกติก็เป็นคนคิดเยอะประมาณนึงอยู่แล้ว สมัยเมื่อ 10 ปีที่แล้วนะ พอยิ่งเป็นแฟนกับใครก็จะยิ่งมีความซับซ้อนไปใหญ่ มันจะยากนิดนึงนะสำหรับซิน แล้วซินไม่รู้สึกว่าชอบตัวเองตอนที่มีแฟนเท่าไหร่ เพราะมันจะดูทุกสิ่งทุกอย่างมันยุ่งเหยิง การใช้ชีวิตของเรามันดูทำไมมันยากจัง หรือเป็นเพราะว่ายังไม่เจอคนที่ทำให้ทุกอย่างมันง่ายด้วยตอนนี้ซินคิดว่าตัวเองมีความสุขดี แล้วชีวิตก็เต็มได้ด้วยตัวเอง ก็เลยไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตาหาคน ๆ นั้นสักเท่าไหร่”
ซิน Singular กับการใช้ชีวิตที่ง่ายขึ้น
“สมัยก่อนตอนซินเป็นศิลปินใหม่ ๆ เราจะเป็นคนคิดเยอะ เวลาขึ้นเวทีจะคิดเยอะมาก มันก็เลยอาจจะดูไม่ได้สบายตัวขนาดนั้น แต่ว่าถ้าเป็นช่วงหลัง ๆ ด้วยประสบการณ์ ด้วยอายุที่เยอะขึ้นเรื่องบางเรื่องที่เรารู้สึกว่ามันคิดมากไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา เราก็ตัดออก หรือแค่วางลง แล้วทุกอย่างมันก็จะง่ายขึ้น
ณ วันนี้ ความสุขของซิน คือการที่ยังได้ทำงานเพลงอยู่ แล้วก็รวมถึงได้ทำหลาย ๆ อย่าง ที่เรามีเป้าหมายว่าอยากจะทำ อย่างทำเพลงที่ญี่ปุ่นนั่นก็เป็นเป้าหมายหนึ่ง หรือว่าในอนาคต มันอาจจะมีงานบางส่วนที่ซินรู้สึกว่าเราอยากเข้าไปลองทำ ความสุขคงจะเป็นการที่เรายังมีแพชชั่นกับการทำงานอยู่ ณ วันนี้ไม่รู้จะขอบคุณยังไง ที่แฟนคลับยังฟังเพลงเรามายาวนานหวังว่าเราจะฟังกันต่อไปเรื่อย ๆ ซินก็ยังคงทำหน้าที่ของซิน ทำเพลงที่ซินคิดว่าดีที่สุดออกไปให้ทุกคนฟังอยู่เรื่อย ๆ จนกว่าซินรู้สึกว่ามันไม่มีอะไรจะพูด หรือว่าไม่มีใครฟังแล้ว ตอนนี้มีเพลงที่เพิ่งปล่อยก็มี เป็นเพลงประกอบซีรี่ส์ เรื่อง Us รักของเรา ชื่อเพลงว่า ไม่อยากจูบเธอในฝัน ก็ฝากทุกคนฟังกันเหมือนเดิม”
สีสัน แรงบันดาลใจ จาก ซิน Singular
“ซินคิดว่าบางครั้งเราต้องการการยอมรับจากครอบครัว ซึ่งมันจำเป็นกับการที่เราจะมีความสุข แต่ซินมองว่า บางทีถ้าเรายอมรับตัวเองได้ ไม่ต้องรอให้ใครมายอมรับเรา บางทีมันก็มีความสุขได้เลย เพราะถ้าเกิดว่าเค้าไม่ยอมรับเลยในชีวิตนี้ แล้วเราจะต้องไม่มีความสุขไปตลอดชีวิตรึเปล่า ซินว่ามันก็ไม่จำเป็นนะ บางทีเราก็มีความสุขได้เลย ณ ตอนนี้ ถ้าเราไปโฟกัสที่สิ่งที่เราชอบหรือไปโฟกัสกับสิ่งที่เราอยากทำ
คนหลาย ๆ คนจะชอบอะไรที่มันชัดเจน ฉันสามารถแปะป้ายได้ว่านี่คือแอปเปิ้ล นี่กล้วย นี่ส้มจริง ๆ แล้ว ซินว่าประชากรโลกเรามี 7,000 ล้านคนเลยนะ มันไม่มีทางที่คนมันจะเหมือนกัน หรือว่าชอบอะไรเหมือนกันขนาดนั้น ถึงแม้ว่าคุณไปแปะป้ายว่าลูกนี้เป็นส้ม คุณยังจะต้องไปดูอีกนะว่าส้มลูกนี้มันพันธุ์อะไร แล้วมันเป็นพันธุ์ที่มีเม็ดมาก เม็ดน้อย เป็นสีอะไร เพราะฉะนั้นซินว่ามันแบบเออก็เหมือนกัน แค่เรายอมรับในความหลากหลายและทำความเข้าใจมัน” - ซิน Singular
พบเรื่องราวชีวิตหลากสีสันใน Club Pride Day คลับที่เต็มไปด้วยแบ่งปันข้อคิดแรงบันดาลใจ และมีคลังความรู้ที่พร้อมแชร์ ไปกับแขกรับเชิญพิเศษ และสองดีเจสุดแซ่บ “ดีเจพี่อ้อย” และ “ดีเจก็อตจิ” ได้ในทุกสัปดาห์
ดูรายการย้อนหลัง
Artist: แหนม รณเดช