เปิดสีสันชีวิต รับข้อคิดบนความภูมิใจ ของ “หมอวั้ง วรางคณา” หมอดูอินดี้ พร้อมเช็คดวงท้ายปีด้วยไพ่ออราเคิล

Club Pride Day Recap

เปิดสีสันชีวิต รับข้อคิดบนความภูมิใจ ของ “หมอวั้ง วรางคณา” หมอดูอินดี้ พร้อมเช็คดวงท้ายปีด้วยไพ่ออราเคิล

23 ธ.ค. 2024

“ดวงชะตามันเป็นไกด์ไลน์ เป็นแนวทางได้ สำหรับวั้งมองว่า การดูดวงมันคือการให้คนมาช่วยเปรียบเทียบ แล้วตัวเราเองเป็นคนเลือก เพราะฉะนั้นอย่าเชื่อจนไม่เหลือเหตุผลที่เป็นตัวเอง แล้วการดูดวงจะไม่ทำร้ายคุณเลย”

 

 

เรียนรู้วิธีคิด ผ่านชีวิตของแขกรับเชิญในทุกสัปดาห์ สำหรับ Club Pride Day คุยอย่าง Proud เมาท์อย่าง Pride กับสองดีเจสุดแซ่บ “ดีเจพี่อ้อย” และ “ดีเจก็อตจิ” ที่ได้ต้อนรับ “หมอวั้ง วรางคณา” หมอดูชื่อดัง ในเรื่องการดูดวงด้วยไพ่ออราเคิล ที่คนในวงการบันเทิงต่อคิวดูดวงกันมากมาย จากไสตล์การดูดวงที่เป็นกันเองมาก ๆ จนเกิดเป็นฉายา หมอดูอินดี้ ซึ่งกว่าจะมาเป็นหมอดูที่มีชื่อเสียงในวันนี้ ชีวิตของเขาเริ่มจากความไม่เชื่อมาก่อน และชีวิตของเขาต้องผ่านบททดสอบมามากมาย และนอกจากการเป็นหมอดู เขายังมีอีกหลายบทบาท เช่น การถ่ายภาพ และการเป็นครีเอเตอร์ด้วย เรื่องราวสีสันของชีวิต พร้อมข้อคิดแรงบันดาลใจ ได้ถูกแบ่งปันเอาไว้แล้วในรายการ

 

ไพ่ออราเคิล คืออะไร? ใช้ทำนายอย่างไร?

“ไพ่ออราเคิล คือ ไพ่ที่เป็นรูปภาพ ซึ่งถูกเรียกว่า ไพ่ภาพพยากรณ์ ซึ่งสิ่งที่วั้งชอบในการใช้ไพ่นี้คือ มันเป็นการใช้โดยที่ไม่มีขีดจำกัดในการพยากรณ์ แล้วก็จริง ๆ แล้วในการดูดวงด้วยไพ่ ถ้าพูดแบบตรง ๆ เลย มันคือการเสี่ยงทาย เหมือนบางครั้งที่เราต้องการความมั่นใจสักอย่าง แล้วเราโยนเหรียญ เพื่อดูว่าออกหัวหรือก้อย มันเหมือนกันเลย แต่ว่าข้อดีของไพ่ คือมันมีความเป็น Storytelling คือมันต้องเล่าเรื่องราวได้ ในสิ่งที่เราถาม

แล้ววั้ง เป็นคนที่เชื่อเรื่องที่ว่าไม่มีอะไรบังเอิญ สมมติมาดูดวง เราบอกว่าสับไพ่ให้วั้งหน่อยค่ะ 9 ครั้ง เพื่อเป็นการสร้างความจดจ่อ เพื่อให้คนเกิดสมาธิ แล้วพอสับไพ่เสร็จ วั้งก็จะหยิบไพ่โดยเรียงตามลำดับที่ได้สับไว้แล้วเท่านั้น จะไม่สุ่มไพ่ จะไม่กรีดไพ่ ซึ่งมันน่าจะเป็นสถิติ หรือมันจะเป็นความไม่บังเอิญก็ไม่รู้ ที่เวลาที่เค้าถามในเรื่องราวนั้น ภาพของไพ่ก็จะเป็นสตอรี่ในเรื่องนั้น ๆ เช่นกัน

ซึ่งคนที่ทำไพ่ออราเคิลนี้ ชื่ออาจารย์สมบูรณ์สุข ท่านเป็นช่างศิลป์ แล้วก็เรียนโหราศาสตร์ จากนั้นก็มาวาดทำไพ่นี้ขึ้น ตอนนี้น่าจะทำไพ่ประมาณ 3-4 ชุด แต่ชุดที่วั้งใช้ เป็นชุดที่สองของเค้า ที่เลือกใช้ชุดนี้เพราะว่า ในไพ่ชุดนี้ มีไพ่ที่มีวั้งเป็นต้นแบบ คือเค้าถ่ายรูปเรา แล้ววาดออกมาเป็นไพ่นั่นเองค่ะ”

 

 

เปิดไพ่ทำนายดวง 2568 ปีนักษัตรไหนปัง ปีไหนต้องระวัง!

คนเกิดปีชวด ปีหน้าคนปีชวดมีโอกาสที่จะได้เริ่มอะไรใหม่ ๆ เหมาะกับช่วงของการที่จะต้องเริ่มต้นจริงจัง ต้องลงมือทุ่มเทตั้งใจ แล้วประคับประคองทุกสิ่งอย่างให้มันดี ให้มันผ่านพ้นไปได้แล้วจะเป็นปีที่ดีของคุณเลย

คนเกิดปีฉลู ปีหน้าเป็นช่วงที่จะมีความโดดเด่นในเรื่องของการเดินทาง การสัญจร ทุกการเดินทางมีความสุขมากขึ้น เป็นการเดินทางที่มีเป้าหมายให้กับตัวเองมากขึ้น เป็นการเดินทางกับกลุ่มคนสนิทรักใคร่ คนคุ้นเคย คนใกล้ตัว ถ้าเป็นเรื่องงาน ก็จะเป็นคนที่ต้องทำงานที่มีการเดินทางไปโน่นมานี่ ติดต่อประสานงาน มันต้องมีการไป Walk-in บ้าง ไม่ใช่แค่อินเตอร์เน็ต หรือทางออนไลน์อย่างเดียว เราจะทำให้มันเป็นเชิงรุกมากขึ้น ถือว่าเป็นการเปลี่ยนวิถี สำหรับคนปีฉลู

คนเกิดปีขาล ปีหน้าถือว่าเป็นปีแห่งชัยชนะ ปีแห่งความสำเร็จ เพราะฉะนั้นคนปีขาล ถ้าเกิดว่าในปี 2567 มันโหดร้ายกับคุณ ในปี 2568 มันเป็นปีที่คุณจะทำสำเร็จ มันเป็นปีที่คุณรู้สึกว่าได้รางวัลจากสิ่งที่คุณทุ่มเทตั้งใจ เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งท้อ รางวัลรออยู่ รางวัลแห่งชีวิต รางวัลแห่งผลงาน หรือแม้กระทั่งความชื่นชมจากคนรอบตัวของคุณ ก็ถือว่าเป็นรางวัลที่ดีของคนปีขาลเช่นกัน

คนเกิดปีเถาะ ปีหน้าเป็นปีแห่งการต้องเรียนรู้วิธีการ ฝึกฝนตัวเองให้มากขึ้น สิ่งไหนที่เราคิดว่าเรายังทำไม่ดี เรายังทำไม่ได้ การฝึกฝนจะไม่ทำร้ายใคร ถ้าเราพยายามทำมันอย่างสม่ำเสมอจนกว่าเราจะบอกได้ว่าเราทำได้หรือไม่ได้ เพราะฉะนั้นคนปีเถาะ ในปีหน้ามันอาจจะมีเรื่องให้คุณมีความรู้สึกท้อบ้างในบางช่วงของปี แต่อย่างที่บอกไปว่า การเรียนมากมันไม่สู้การเรียนรู้นะ คือเรียนมามาก แต่ถ้าไม่เคยเรียนรู้ คือเรียนแล้วไม่ใช้ ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะฉะนั้นคนปีเถาะเรียนรู้เท่านั้นที่จะช่วยทำให้คุณเติบโตและก้าวหน้าได้

คนเกิดปีมะโรง ในปีหน้าถือว่าเป็นปีที่มีจุดเลือก มีทางเลือกให้เราต้องตัดสินใจค่อนข้างเยอะ ซึ่งทุกการตัดสินใจของคนปีมะโรง มีผลในระยะยาว 1-2 ปีจากนี้ ถ้าคุณใช้เหตุและผล ใช้สติ  แล้วก็ใช้ความรู้สึกของตัวเองในการตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม มันจะทำให้การตัดสินใจของคุณเกิดการผิดพลาดน้อยที่สุด และจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของคนปีมะโรงตลอดทั้งปีเลย

คนเกิดปีมะเส็ง ปีหน้าเป็นปีชงด้วยนะ ซึ่งในปีหน้าถือว่าเป็นปีที่อาจจะทำให้คุณเจอปัญหาหรือความรู้สึกที่ทำให้หมดไฟได้ มีความขี้เกียจ มีความรู้สึกเหนื่อยหน่าย เบื่อ เซ็ง ไม่มีแพชชั่น ไม่มีการผลักดันให้ตัวเองอยากจะทำ อยากจะสู้ อยากจะลุยต่อ แต่ไพ่บอกว่า คุณเหนื่อยนะ แต่มันคือการพักผ่อน เพราะฉะนั้นคนปีมะเส็งพักได้แต่อย่านาน เพราะเวลามันเดินเร็วมาก คนปีมะเส็ง ปีหน้าเหนื่อยได้ท้อได้ไม่ว่ากัน แต่ขออย่างเดียว อย่าทิ้งโอกาส อย่ารอเวลา ลุกขึ้นได้เมื่อไหร่ ทำให้สำเร็จเร็วได้มากเท่านั้น

คนเกิดปีมะเมีย ในปีหน้าเป็นช่วงปีที่คุณอาจจะเจอเรื่องราวดราม่าจากคนอื่น ๆ รอบตัวได้ง่าย เช่นถูกจับตามองเป็นพิเศษ ถูกติฉินนินทา กล่าวร้ายให้โทษ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมชาติ ที่เรากีดกั้นคนอื่นให้คิดหรือพูดถึงเราไม่ได้ แต่ให้รู้ไว้เลยว่าในปีหน้า คุณควรที่จะต้องสตรองมาก ๆ ไม่ว่าคุณจะเจออะไร ให้นึกเอาไว้เลยว่า สิ่งไหนสบายใจ ทำแล้วฮีลใจได้ ให้ทำสิ่งนั้น เจอเรื่องกระทบกระทั่งบ้าง เจอดราม่าบ้าง แล้วจะเจอบ่อยตลอดทั้งปีเลยสำหรับคนที่เกิดปีนี้ แต่ไม่ต้องไปสนใจ บางทีสิ่งเหล่านี้มันทำร้ายใจเราได้ แต่เราไม่ควรทำร้ายใจตัวเอง

คนเกิดปีมะแม ในปีหน้า ที่พึ่งทางใจของคุณที่ดีที่สุดก็คือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ สิ่งที่เคารพ สิ่งไหนที่รู้สึกว่าคุณได้ทำดี คิดดี ปฏิบัติดี จะเป็นสิ่งที่ดีมาก ๆ กับคนปีมะแม เพราะฉะนั้นคนไหนที่รู้สึกว่า ปีที่ผ่านมาฉันมีเรื่องที่ฉันผิดพลาด ฉันมีการเกเร รีบ ๆ ปรับตัว เพราะดวงชะตาของคุณส่งผลกับการกระทำของคุณจากปี 2567 ทั้งหมดเลย เพราะฉะนั้นในปี 2568 คนปีมะแม ต้องตั้งสติก่อนสตาร์ท ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ให้เลือกในสิ่งที่ถูกต้องก่อนถูกใจ แล้วชีวิตคุณราบรื่นตลอดปี 2568 แน่นอน

คนเกิดปีวอก ในปี 2567 ที่ผ่านมา คุณจะเจอความชอกช้ำจิตใจ คุณจะเหน็ดเหนื่อย จะท้อแท้มาแค่ไหนก็ตาม ปี 2568 ถึงเวลาที่เป็นปีของคุณแล้ว มันเป็นปีของหัวใจนักสู้ ความโลดโผนในชีวิตที่บางทีก็ไม่ได้คิดไว้ว่าชีวิตจะต้องมาเจออะไรขนาดนี้ ปีหน้ามันกำลังจะดีขึ้น หัวใจของคุณมันกำลังจะแข็งแกร่ง ร่างกายซ่อมแซมมาแล้วอย่างดี มันแกร่งขึ้น มันดีขึ้น มันอดทนได้มากขึ้นและมันต้านทานต่ออุปสรรค และปัญหาชีวิตได้ดีกว่าที่ผ่านมา ดังนั้นสิ่งที่คุณคิดหวังไว้ มันมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้ง่าย และมากขึ้นเช่นกัน

คนเกิดปีระกา ในปีหน้าสิ่งเดียวที่น่าเป็นห่วงคนปีระกาคือ ความว้าวุ่นเรื่องความรัก อย่างเดียวเลย ไม่ว่าจะเป็นความรักที่มีอยู่แล้ว หรือความรักที่กำลังอยากจะมี อยากจะหามาใหม่ หรืออะไรก็ตาม เป็นเรื่องเดียวที่รบกวนจิตใจ เพราะจริง ๆ แล้วคนปีระกา เป็นคนที่รักคนยากอยู่แล้วโดยพื้นฐาน เพราะฉะนั้นเวลาที่เค้าจะต้องรักใคร มันหมายถึงการทุ่มไปทั้งตัวเลย แต่นอกนั้น ในปีหน้าอะไรก็ตามที่มีการเรียนเพิ่ม เรียนมาเพื่อเสริมอาชีพ หรือมีรายได้เสริม ลุยเลย คนปีระกาเงินรออยู่ จากการเรียนรู้ของคุณ

คนเกิดปีจอ ปีหน้าต้องระวังมากที่สุดในเรื่องของสุขภาพ บางครั้งการไม่ตรวจ ก็คือไม่รู้ แต่ฝากย้ำไว้เลยว่า สำหรับในช่วงของปีหน้า สิ่งที่คนปีจอต้องให้ความสำคัญคือเรื่องสุขภาพร่างกายตัวเอง และมันเป็นช่วงปีที่อาจจะเจอเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้คุณต้องเปลี่ยนตัวตนไป ซึ่งมันจะส่งผลในด้านบวก มากกว่าในด้านลบ และสิ่งที่คุณคาดหวัง มันจะสำเร็จได้ ถ้าคุณกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง

คนเกิดปีกุน ไพ่อาจจะดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะว่ามันหมายถึง คนปีกุน อาจจะต้องเจอเรื่องเจ็บช้ำน้ำใจ ปัญหาสุขภาพ เจอเรื่องที่ทำให้เสียอกเสียใจ เพราะปีหน้า ปีกุน ชงเต็ม แต่ใจเย็น ๆ คุณอาจจะเสพคอนเทนต์มากเกินไป ว่าฉันชง 100% แล้วจะเจอแต่เรื่องไม่ดี จะบอกให้เลยว่า ส่วนตัววั้ง เรื่องเปอร์เซ็นต์ของปีชงไม่มีผลเลย จากการพิสูจน์มาแล้วทั้งชีวิต ดวงมันมาจากการกระทำของเราล้วน ๆ บางคนบอกว่าชง 100% ไม่ดี แต่ปีนั้นชีวิตวั้งดีมากเลยนะ เพราะฉะนั้น คนปีกุนอาจจะให้ระวังหน่อย ถ้าคุณรู้สึกว่ามันกังวลมาก ไม่สบายใจ อยากไปทำบุญ อยากไปทำทาน อยากจะเข้าวัด เข้าศาลเจ้า อยากไปช่วยเหลือบริจาคอะไร ทำเลย ทำให้ตัวเองรู้สึกว่าฉันได้ทำสิ่งดี ๆ แล้ว สิ่งดี ๆ จะเกิดกับฉัน แต่ว่าเรื่องสุขภาพอันนี้ย้ำเลย เรื่องของความเสียอกเสียใจ ความแตกสลายทางความรู้สึก ถ้าเราเลี่ยงไม่ได้ ก็ต้องรีบรักษามันให้เร็ว แค่นั้นเอง

ส่วนไพ่ของปีหน้า 2568 ทำนายว่า ปีหน้าผู้หญิงมีอำนาจเยอะ เพราะฉะนั้นคุณผู้หญิงอาจจะมีการลุกขึ้นมามีความเป็นผู้นำมากกว่าคุณผู้ชาย หรือเป็นเพศที่หาเงินได้ดีขึ้น เพราะฉะนั้นผู้หญิงอย่านิ่งดูดาย ถึงแม้เราจะเป็นมนุษย์แม่ ดูแลลูกอยู่บ้าน ทุกวันนี้มันมีอาชีพออนไลน์นะหลายคนมองข้าม แต่มันทำให้เรามีรายได้นะ แต่ถ้าเป็นภาพโดยรวม วั้งมองว่า ปีหน้าเราต้องจับตามองมาก ๆ คือเรื่องของเศรษฐกิจบ้านเรา ว่ามันจะเติบโตได้จริงไหม

ต้องตีความว่าเป็นของช่วงระหว่างปี 2568 กับ 2569 สองปีนี้มันมีผลมาก ๆ ในเรื่องของเศรษฐกิจ การเงิน การค้าขาย ในบ้านเรา ที่มันพร้อมจะดีเลยก็ได้ แต่ในช่วงสั้น ๆ และเป็นช่วงที่สามารถจะพลิกให้แย่ลงไปเลยก็ได้ในช่วงสั้น ๆ เช่นกัน เพราะฉะนั้น การเงินในปีหน้า ควรวางแผนชีวิตให้ดี มันมีความไม่แน่นอนสูง เวลามันดีมันอาจจะเหมือนพลุมี่ขึ้นไปสวย แล้วร่วงมาเร็ว เพราะฉะนั้นก็ให้ระวังเรื่องการใช้จ่าย ไตร่ตรองให้รอบคอบ ปีหน้าทุกการใช้เงินมีผลกับคุณในระยะยาว”

 

 

ทริคจัดบ้านรับปีใหม่ บ้านแบบไหนถึงจะปัง?

“โล่ง โปร่ง สะอาด ไม่มีกลิ่น มันเป็นฮวงจุ้ยที่ดีมาก ๆ คือสะอาดตา อยู่แล้วสบายใจ ไม่มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ มันทำให้คุณไม่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ และทำให้คุณ หรือคนอื่นที่แวะมาเยี่ยมเยียนก็จะรู้สึกดีกับบ้านหลังนี้ ยังไงก็เป็นบ้านที่รู้สึกว่า เราสามารถดูแลตรวจตรา การที่มันไม่รกไม่ร้าง มันทำให้เกิดการปลอดภัย เพราะฉะนั้นมันก็เป็นฮวงจุ้ยดี ๆ ที่ทำให้บ้านเรามันคือเซฟโซน แล้วจากประสบการณ์ที่วั้งทำ วั้งรู้สึกว่า บ้านที่ดีมันต้องปลอดภัยถูกใจคนอยู่ ต้องมีระเบียบ ข้าวของวางเป็นที่ ไม่เกิดอุบัติเหตุ เตะ เกี่ยว เฉี่ยว ชน คนในบ้านไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่อยู่ได้ และคุณก็ไม่ควรเก็บของให้มันเน่าเสียคาตู้เย็น เพราะมันจะเหม็นอับ ถ้าอับก็ต้องเปิดหน้าต่าง ให้มันมีวินัยของคนในบ้านในการทำความสะอาด และใส่ใจบ้านด้วย ทุกอย่างมันจะต้องกลมกลืน นี่คือฮวงจุ้ยที่ดี และลงทุนน้อยที่สุด ไม่ต้องมีอะไรเยอะแยะมาตั้ง มาจัด มาวาง มาทุบ เราเลือกไม่ได้ว่าจะต้องเป็นที่อยู่ที่ดี และดวงชะตามันบอกเป็นไกด์ไลน์ เป็นแนวทางได้ บางคนอาจจะบอกว่า การดูดวงคือแผนที่ สำหรับวั้ง เมื่อก่อนเคยเห็นด้วย แต่พอเราเติบโตขึ้น เราจะรู้ว่าการดูดวงมันไม่ใช่แผนที่ มันคือการที่คนมาช่วยเปรียบเทียบ แล้วให้คุณเป็นคนเลือก เราต้องเชื่อว่ามันมีหลายอย่างมากในชีวิตมนุษย์ที่มันเอาชนะโชคชะตาได้เสมอ”

 

 

จุดเริ่มต้นบนเส้นทางหมอดู ของ หมอวั้ง วรางคณา

“วั้งเริ่มดูดวงมาตั้งแต่ 9 ขวบ ตอนนั้นวั้งไปอยู่กับคุณพ่อที่อเมริกา ซึ่งคุณพ่อได้รับเชิญให้ไปเปิดสำนักสอนนั่งปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ ที่อเมริกา แล้วคุณพ่อก็รักเรามาก เราเป็นลูกคนเดียวที่คุณพ่อเลี้ยง ไปไหนคุณพ่อก็หนีบไปด้วย พอไปอยู่ที่นั่นคุณพ่อก็จะรับแขก รับลูกศิษย์ ที่จะมาดูดวงบ้าง มานั่งสมาธิบ้าง แล้วอยู่ ๆ ก็มีอยู่เคสหนึ่ง ที่เค้าอยากจะขายที่ดิน แล้วคุณพ่อก็บอกว่าลองตอบให้พี่เค้าหน่อยสิว่าพี่เค้าจะขายที่ดินผืนนี้ได้ไหม จากเซ้นส์ของวั้ง คือมนุษย์เรามันมีเซ้นส์ทุกคนอยู่แล้ว แต่เราฝึกใช้มันได้ไม่เท่ากัน แล้ววิธีที่จะฝึกใช้เซ้นส์ ก็คือการคาดเดา แล้วตอนนั้นเรารู้สึกว่าที่ดินขายได้ แต่ว่ามันจะช้าหน่อย แต่มันจะขายได้แน่ ๆ แล้วภายใน 3 อาทิตย์ อยู่ ๆ เค้าก็ขายที่ดินตรงนั้นได้จริง ๆ วั้งก็เลยได้ค่าดูหมอมา 1 ดอลล่าร์ ณ วันนั้น ก็ประมาณ 40 กว่าบาท ก็ถือว่าเยอะนะ นั่นคือจุดแรก แล้วก็ไม่เคยสนใจดูดวงเลย เพราะว่าวั้งไม่เคยภูมิใจในอาชีพพ่อมาตั้งแต่เด็ก

ย้อนไป 40 กว่าปีที่แล้ว เมื่อเราต้องตอบใคร ๆ ที่โรงเรียน ว่าคุณพ่อทำอาชีพอะไรมันน่าอายมากนะ คือเราจะรู้สึกว่าเพื่อนในห้อง คุณพ่อจะเป็นทหาร คุณแม่เป็นพยาบาล เป็นตำรวจ แต่พอเป็นเรา ต้องบอกว่าคุณพ่อเป็นหมอดู คุณแม่เป็นนางพยาบาล ณ วันนั้นเรารับไม่ได้ เราไม่เคยภูมิใจเลยว่าฉันมีพ่อทำอาชีพหมอดู

แต่เมื่อไม่นานมานี้ ประมาณ 2-3 ปีที่ผ่านมา วั้งมาค้นเจอจดหมายที่พ่อเค้าเขียนถึงเรา ซึ่งคุณพ่อวั้งเสียชีวิตเร็ว เสียตั้งแต่เราอายุ 11 แล้วคุณแม่ก็เสียตั้งแต่เราอายุ 13 เสียตามกัน 2 ปีเลย แต่ปรากฏว่าเค้าก็บันทึกหลายอย่างว่า พ่อไปแจ้งเกิดวันนี้ ทั้ง ๆ ที่ จริง ๆ ลูกเกิดวันนี้ เพราะลูกจะดวงดีกว่า ลูกยิงปืนลมครั้งแรกตอน 9 ขวบ แล้วนี่ก็คือเป้าที่ลูกยิงเอาไว้ คือคุณพ่อเป็นคนที่ชอบเขียนหนังสือ ชอบเขียนบันทึก ชอบเก็บรูปถ่าย แล้ววั้งก็เพิ่งมาเมื่อ 2 ปีแล้วนี่เอง มันก็รู้สึกได้ว่าพ่อรักเรามาก จนวันพ่อที่ผ่าน วั้งอยากจะบอกให้รู้ว่า ภูมิใจมากที่มีพ่อเป็นหมอดู”

 

 

จุดพลิกชีวิตของ หมอวั้ง วรางคณา

“จุดลำบากของวั้งเลยคือ ช่วงอายุประมาณ 14 ด้วยความที่คุณพ่อเสียเร็ว คุณแม่ก็เสียเร็ว เพราะฉะนั้นชีวิตเราเติบโตมากับการต้องไปอยู่บ้านอาก่อน จากบ้านอาก็หนีออกจากบ้านเพราะเราจะไปหาคุณแม่ สุดท้ายก็ต้องมาอยู่บ้านพี่สาวคนละแม่ ช่วงที่มาอยู่ตรงนี้ ก็เหมือนพจมานเลย ทำทุกสิ่งทุกอย่าง อะไรที่เป็นงานคนใช้ วั้งทำหมด ดูแลทุกคนในบ้าน ทำทุกอย่าง  จะไปเรียนหนังสือ ต้องตื่นตี 4 คือต้องทำงานบ้านก่อนทุกสิ่งอย่างถึงจะไปโรงเรียนโด้ ณ วันนั้นวั้งรู้สึกว่าโรงเรียนคือสวรรค์ บ้านมันคือนรก อาจจะเป็นเพราะว่าเป็นโรงเรียนผู้หญิงล้วน แล้วเรารู้สึกว่าอุ่นใจ เราได้ไปโรงเรียน ได้ไปเจอเพื่อน แล้วก็เป็นอีกช่วงหนึ่งที่วั้งตัดสินใจหนีออกจากบ้าน แล้วก็ไปอาศัยตามบ้านเพื่อน หาเงินกินข้าวโดยการไปนั่งดูดวงตรงใกล้ ๆ เสาชิงช้า คือตรงศาลพระวิษณุ อยู่ตรงเกาะกลางถนนหน้าโรงเรียน นั่นคือออฟฟิศแรกที่ไปนั่งดูดวง

ตอนนั้นวั้งไม่รู้สึกว่าทุกข์นะ เรารู้สึกว่าตัวเองมีอะไรให้ทำ และสามารถดูแลตัวเองได้ ไม่ได้มีความรู้สึกว่านี่เป็นอาชีพที่ฉันจะเลือก ฉันแค่ต้องการหาเงินโดยที่ฉันต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อที่จะได้เงินมา อย่างน้อยก็ยังดีกว่าไปขโมยของ ดีกว่าไปหลอกเงิน การดูดวงมันเป็นความพึงพอใจที่เค้าจะให้เงินเรา บางคนเค้าให้เกินก็มี ถ้าถามว่าทุกข์ทรมานไหม เรามองว่า นี่ยังไม่ใช่จุดทุกข์ทรมาน เพราะจุดที่ทุกข์ทรมานจริง ๆ คือในวันที่เราพยายามทำหลาย ๆ อาชีพเหมือนคนอื่น ๆ เราก็อยากจะเหมือนคนอื่นที่เช้าไปทำงาน เย็นกลับบ้าน สิ้นเดือนรับเงิน แต่เราเป็นคนเรียนหนังสือน้อย วั้งเรียนถึง ปวช. ปี 3 และก็เรียนออกแบบตกแต่งภายใน แต่ไม่ได้สอบไฟนอล แล้วต้องดร็อปเรียน แล้วเวลาที่เราจะต้องไปสมัครงาน มันจะต้องใช้วุฒิ วั้งได้แค่วุฒิ ม.3 ก็เอาไปสมัครงาน ซึ่งตามหลักมันหางานไม่ได้หรอก แต่เราก็ได้งานมาตลอดนะ”

 

 

หมอวั้ง วรางคณา กับความสามารถ และบทบาทที่หลากหลาย

“งานแรกเลยที่วั้งไปสมัครแล้วเค้ารับ คือนิตยสารปลื้ม ไปสมัครตำแหน่งตำแหน่งนักข่าว และวาดรูปล้อดารา เพราะเป็นนิตยสารภาพล้อการ์ตูนดารา เป็นเจ้าเดียวเลย เราก็ไปทำเป็นผู้สื่อข่าวบันเทิง ตอนนั้นเงินเดือนน่าจะ 4,000 บาท ก็ไปทำแบบงง ๆ ทำอยู่ได้ประมาณ 3 เดือน ก็ได้ไปทำอยู่ที่ มีเดียออฟมีเดีย เป็นผู้สื่อข่าวบันเทิง แล้วก็ไปเป็นตากล้อง ซึ่งเป็นตากล้องที่ถ่ายรูปไม่เป็น แต่ในยุคนั้นเวลาที่เราจะไปถ่ายภาพข่าว มันจะต้องใช้ฟิล์มสไลด์ ซึ่งมันถ่ายยากมาก เราก็ต้องไปฝึกเอา เราไม่เคยเรียน แล้วสมัยก่อนถ้าจะถ่ายลงนิตยสาร อาร์ทเวิร์คมันจะต้องเป็นฟิล์มสไลด์ ไม่ใช่ฟิล์มทั่วไปเหมือนที่เราใช้กล้องฟิล์มนะ ซึ่งมันยากก็ต้องไปฝึกเอาเอง

หลังจากนั้นเราก็อยากมีรายได้ ก็ทำหมดเลย ไปเรียนเสริมสวย เป็นช่างเสริมสวย ก่อนหน้านั้นก็มีไปรับจ้างร้านยาดอง อยู่ที่เชียงใหม่ ไปขายพวกไส้ย่าง ไปรับจ้างขนถังแก๊ส ขับรถขนผัก จากนครปฐมมาคลองขวาง อะไรก็ได้ที่ได้เงินเราทำหมดเลย

ส่วนสิ่งที่ชอบจริง ๆ คือ ชอบถ่ายรูป อาจจะเป็นเพราะว่าเราเห็นคนที่บ้านเรา คือคุณพ่อ เป็นคนชอบถ่ายรูป ที่บ้านเราก็จะมีรูปภาพที่คุณพ่อชอบถ่ายเอาไว้เยอะมาก แล้วมันทำให้เรารู้ว่าในวันที่มันมีภาพถ่าย มันทำให้เรามีความทรงจำ มันดีมากเลยนะ อาจจะไม่เหมือนยุคนี้ เรามีมือถือกดถ่ายได้เลย แต่ในยุคนั้นมันต้องตั้งใจ มันต้องเอาฟิล์มไปล้าง ไปอัดภาพออกมา เรารู้สึกว่าตัวเองชอบถ่ายภาพ ตอนที่เรียนปวช. วั้งอยากเรียนถ่ายภาพมากเลย แต่ไม่ได้เรียน วั้งเลือกเรียนคณะศิลปประยุกต์ เป็นศิลปกรรมออกแบบตกแต่งภายใน ก็ไปเรียนแบบไม่ได้อยากเรียน แต่ดันสอบผ่านเลยต้องไปเรียน ก็เรียนเกี่ยวกับการออกแบบ เขียนแบบ ทำดิสเพลย์ ออกแบบผลิตภัณฑ์”

 

หมอวั้ง กับการยอมรับตัวตน จากคนในครอบครัว

“เรื่องการยอมรับตัวตน จะมีแค่ช่วงตอนอยู่กับพี่สาว ที่เค้าแบบรับได้ หรือรับไม่ได้ ตาวั้งเป็นคนที่บุคลิกชัดมากตั้งแต่ 5-6 ขวบ เพราะว่าเราโตมากับคุณพ่อ ก็เติบโตมาแบบลูกชายคนหนึ่ง แต่คุณแม่ทำงานโรงพยาบาล เค้าก็ไปเช้าเย็นกลับ ชีวิตและบุคลิกส่วนใหญ่เราก็ได้มาจากคุณพ่อทั้งหมด เช่น ไม่ค่อยอยากจะใส่เสื้อ ชอบนุ่งกางเกงขาสั้นตัวเดียว ใส่ผ้าโสร่ง จนทุกวันนี้วั้งก็เป็นคนชอบนุ่งโสร่งอยู่บ้าน ดื่มกาแฟ อ่านหนังสือพิมพ์ตอนเช้า ๆ ก็เลยเป็นคนอ่านหนังสือเร็ว และติดนิสัยพูดเร็ว เพราะเราเป็นคนอ่านออกเสียงมาตลอด วั้งโชคดีอย่างหนึ่งคือ ไม่ค่อยโดนบูลลี่ หรือโดนกดดันมาก ๆ จากครอบครัว อาจจะเป็นเพราะว่า เราหนีออกจากบ้าน เราก็เลยเหมือนคนที่มาเติบโตอยู่ข้างนอก ดังนั้นคนในครอบครัวไม่ค่อยมีผลกับตัวตนวั้งเลย ในตอนที่โตมา

การที่เราเป็นทอมบอย มันมีปัญหาอยู่สองเรื่องที่ทุกวันนี้วั้งก็ยังเป็นอยู่ เรื่องแรกคือการเข้าห้องน้ำ แต่ความโชคดีคือ คนยุคก่อนกับคนยุคนี้ การใช้สายตาแบบไม่มีมารยาทมันลดลง สมัยก่อนสายตาไม่มีมารยาทมากนะ มันทำให้เรารู้สึกว่า เราคือตัวประหลาด การที่เราไปเข้าห้องน้ำผู้หญิงแล้วคนหันมามอง หรือโดนแม่บ้านไล่ มันเหมือนเราเป็นตัวประหลาด จนบางทีถ้าทนไม่ไหว วั้งก็เดินออก แล้วเดินเข้าห้องน้ำผู้ชายเลย โชคดีที่ยุคนี้คนที่เค้าไม่มีมารยาททางสายตามันลดลงไปมาก อาจจะด้วยสังคมที่เข้าใจพวกเรามากขึ้น สังคมที่มันเปิดกว้างมากขึ้น  คนเรามันควรจะมาดูกันในเรื่องของนิสัยใจคอ ความคิด การกระทำ เอาสิ่งเหล่านี้เป็นตัวตัดสิน ไม่ใช่เรื่องของบุคลิกทางเพศ กับอีกเรื่องที่วั้งมีปัญหา คือเรื่องของการใช้หางเสียง ไม่รู้จะใช้ครับ  หรือค่ะ เพราะเราเคยโดนคอมเมนต์ว่าเป็นผู้หญิงอย่าพูดครับ แต่ก็ไม่ได้ให้ค่า ไม่สนใจ ถ้าคิดว่าตัวเองใจบางทนไม่ได้ ก็แค่ลบ เพราะเรารู้สึกว่าถ้าเราตอบ เดี๋ยวเค้าก็อาจจะกลับมาอีก แล้วคนที่เจ็บช้ำใจไม่ใช่เค้า แต่เป็นเรา ก็เลยเลือกด่าในใจ บางทีวั้งก็แก้ปัญหาด้วยการไม่ต้องใส่หางเสียง ซึ่งมันเป็นปัญหาหนึ่งเหมือนกัน”

 

 

เรื่องความรัก อยากให้ตัดสินด้วยหัวใจ

สมมติว่าใครอยากจะมาดูดวงกับวั้งเรื่องความรัก ถ้าคุณมีแฟน แนะนำว่าให้มาทั้งคู่ แล้วดูไปพร้อม ๆ กัน อะไรดีไม่ดีจะได้ช่วยกัน วั้งไม่ชอบการดูดวงความรักที่แยกกันดู มันจะกลายเป็นว่าเราคือคนกลางที่ไปทำให้เค้าตีกัน หรือรักกันได้ และมันจะกลายเป็นรักกันเพราะหมอดูบอก เลิกกันเพราะหมอดูทัก เรื่องของความรัก เป็นเรื่องที่ต้องใช้ความรู้สึก ไม่ใช่ใช้ดวงในการตัดสิน มันเป็นเรื่องคนสองคน ความรักมันสวยงามได้ และมันก็คือทำลายเราได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นเรื่องความรัก ไม่อยากให้ตัดสินด้วยดวง อยากให้ตัดสินด้วยหัวใจมากกว่า

วั้งก็มีความรักที่ดี ตอนนี้ก็ 4 ปีแล้วค่ะที่คบกัน เราผ่านอะไรมาเยอะ เราหนักหนาสาหัสมาเยอะ  จริง ๆ แล้ว ความรักแบบนี้มันค่อนข้างต้องเป็นรักที่สตรอง กว่ามันจะเป็นรักที่สังคมยอมรับ  กว่ามันจะเปิดเผย มันก็ต้องมีอุปสรรค แต่ว่าโชคดีที่เราเป็นคนที่ไม่เคยจะต้องไปเจอความรักที่คู่เราจะต้องบอกไม่ได้ว่าเราคือทอม เพราะเราเป็นคนชัด จึงไม่ได้โดนปิดกั้นเรื่องผู้ใหญ่เวลาจะเข้าหาใคร

การดูแลความรัก อย่างแรกเลยคือ ความเข้าใจ ความรักเนี่ยนะ สมมติเราเจอคนสวย เก่ง รวย แต่ถ้าอยู่ด้วยแล้วท็อกซิก ก็ไม่ไหว วั้งจะบอกคนอื่นเสมอว่า ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณรู้สึกว่าคุณรักใครสักคน แล้วถ้าความสุขกับความทุกข์มันใกล้กันมาก แสดงว่ามันไม่สุข เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ความรักมันสุข ความทุกข์มันต้องน้อยที่สุด”

 

 

ดูดวงอย่างไรถึงจะมีประโยชน์กับชีวิต

“ดูดวงแบบฟังหูไว้หู การดูดวงที่ดี ได้ประโยชน์จากการดูดวง แล้วไม่ทำให้ชีวิตคุณพัง หรือว่างมงายจนเกินไป คือฟังหมอดู แล้วคิดดูบนความเป็นจริงในสิ่งที่เราเจออยู่ แบบนี้คุณจะได้ประโยชน์จากหมอดู และการเลือกหมอดูที่คุณรู้สึกว่าถูกจริต อันนี้ก็สำคัญ คือบางครั้งถ้าหมอดูแนะนำให้คุณทำอะไรที่มันจะทำให้คุณคลายทุกข์ หรือสบายใจขึ้น แต่ถ้ามันจะต้องเสียเงินทองมากมาย ต้องคิดดี ๆ ว่ามันใช่รึเปล่า หรือสมมติคุณมีเงิน 1,000 บาท คุณอยากจะทำบุญแล้วหมอดูบอกว่าให้ไปทำบุญนี้ไปเลย 1,000 บาท แต่ถ้าเป็นวั้ง วั้งจะรู้สึกว่า ถ้าคุณทำบุญได้แค่ 1,000 บาท คุณแบ่งไปทำบุญที่ละ 100 บาท คุณก็ทำบุญได้ตั้ง 10 ที่นะ เพราะฉะนั้นการดูดวงมันไม่ใช่เรื่องงมงายหรอก แต่ว่าการดูดวงเราต้องมีเหตุและผล อย่าเชื่อจนไม่เหลือเหตุผลที่เป็นตัวเอง แล้วการดูดวงจะไม่ทำร้ายคุณเลย”หมอวั้ง วรางคณา

 

 

พบเรื่องราวชีวิตหลากสีสันใน Club Pride Day  คลับที่เต็มไปด้วยแบ่งปันข้อคิดแรงบันดาลใจ และมีคลังความรู้ที่พร้อมแชร์ ไปกับแขกรับเชิญพิเศษ และสองดีเจสุดแซ่บ “ดีเจพี่อ้อย” และ “ดีเจก็อตจิ”  ได้ในทุกสัปดาห์

 

ดูรายการย้อนหลัง

album

0
0.8
1