เปิดศาสตร์ส่งท้ายปี ฟังสีสันชีวิต ของ “อ.นิ่ม เทวจิตศิษย์ปู่” จากหมอดู สู่ต้นฉบับไหว้เจ้าที่กลางบ้าน

Club Pride Day Recap

เปิดศาสตร์ส่งท้ายปี ฟังสีสันชีวิต ของ “อ.นิ่ม เทวจิตศิษย์ปู่” จากหมอดู สู่ต้นฉบับไหว้เจ้าที่กลางบ้าน

11 ธ.ค. 2024

“จะไหว้พระอะไร อย่าลืมพระในบ้าน อย่าลืมดูแลคนที่ให้เลือดเนื้อเรา บางคนมีค่าเครื่องบินไปไหว้พระไกล ๆ แต่ไม่มีเงินไม่มีเวลากลับไปหาพ่อแม่ ณ วันที่เราสูญเสียท่าน แม้จะอยากไปหาแค่ไหน เราก็ไม่เจอท่านแล้วนะ”

 

เรียนรู้วิธีคิด ผ่านชีวิตของแขกรับเชิญในทุกสัปดาห์ สำหรับ Club Pride Day คุยอย่าง Proud เมาท์อย่าง Pride กับสองดีเจสุดแซ่บ “ดีเจพี่อ้อย” และ “ดีเจก็อตจิ” ที่ได้ต้อนรับ “อ.นิ่ม เทวจิตศิษย์ปู่” หมอดูชื่อดัง ในเรื่องการสื่อเจ้าที่จิตสัมผัส และเป็นต้นฉบับการไหว้เจ้าที่กลางบ้าน ที่ได้รับความไว้วางใจ พร้อมเป็นที่ปรึกษาให้กับนักแสดง และผู้จัดหลาย ๆ ท่าน กว่าจะมาเป็นหมอดูที่มีชื่อเสียงในวันนี้ ชีวิตของเขาเริ่มจากความไม่เชื่อมาก่อน และมีจุดเปลี่ยนของชีวิตที่ทำให้มาเป็นหมอดู พร้อมให้ความสำคัญในเรื่องของการบูชาพระในบ้านให้ดีที่สุด เรื่องราวสีสันของชีวิต พร้อมข้อคิดแรงบันดาลใจ ได้ถูกแบ่งปันเอาไว้แล้วในรายการ

 

 

จากความไม่เชื่อ สู่เรื่องเหลือเชื่อ

“จริง ๆ การเป็นหมอดูของนิ่มมันเริ่มจากความไม่เชื่อ ซึ่งไม่เชื่อในที่นี้คือ ด่าเค้าด้วยค่ะ ด่าเหมือนที่คนอื่นเค้าด่าเราตอนนี้ มะโนรึเปล่า คิดไปเองรึเปล่า มันจะมีจริงเหรอ

จนกระทั่งเราเคยหัวใจหยุดเต้นตอนอายุประมาณ 18-19 ปี ตอนนั้นเป็นกรวยไตอักเสบ แล้วหัวใจหยุดเต้นไปประมาณ 1-2 นาที ความรู้สึกมันเหมือนตัวเองกลับบ้าน แล้วเจอเพื่อนสมัยเรียนมาเต็มบ้านเลย เราก็ถามเพื่อนว่ามาทำอะไรกัน เพื่อนก็บอกมางานศพไง นี่แกตายแล้ว เราก็บอกว่าตายอะไร นี่เราจะเข้าบ้าน มานั่งปิดซอยกันทำไม สักพักก็ได้ยินเสียงเหมือนแม่เรียก ก็เลยหันไปพูดกับเพื่อนว่า ต้องไปแล้วแม่เรียก พอฟื้นขึ้นมาก็เห็นแม่ยืนอยู่ข้างเตียง
หลังจากนั้นก็เริ่มมีเรื่องราวแปลก ๆ พอออกจากโรงพยาบาล คุณแม่พาไปวัด ซึ่งระหว่างทางเรานั่งเงียบมาตลอดทาง แต่พอลงจากรถปุ๊บ เราก็หันไปบอกแม่ว่า โบสถ์ที่นี่เค้าจัดดอกไม้สวยมากเลย ทั้งที่จริง ๆ แล้ว มันคือเมรุร้าง มีใบไม้แห้งปลิว ตอนนั้นแม่ก็เริ่มไม่โอเค เค้าก็พาไปรดน้ำมนต์ ช่วงนั้นเราต้องดร็อปเรียน กลับไปอยู่กับพ่อแม่ที่พังงา แล้วก็เริ่มเห็นผี เริ่มเห็นวิญญาณ ซึ่งตอนนั้นก็แยกไม่ออกว่าอันไหนคน อันไหนผี เพราะบางทีมันเดินสวนกัน ก็เหมือนคนเรา แต่พอหลัง ๆ เริ่มไม่ใช่ เริ่มมาแบบน่ากลัวขึ้น

ต้องบอกว่าเราโชคดีที่แม่ค่อนข้างซัพพอร์ตดี แม่ไม่มองว่าเราเป็นบ้า หรือคิดไปเอง แล้วเราเป็นคนที่ค่อนข้างกลัวผีมากอยู่แล้ว ทุกวันนี้ก็ยังกลัวนะ แล้วบางครั้งมาแบบตั้งตัวไม่ทัน ตอนเด็ก ๆ พอเจอผีก็มีกรี๊ด มีร้องไห้ ตกใจ แต่พออยู่ไป ๆ มันเหมือนเราเริ่มเคยชิน แล้วพอเราเห็น แม่จะสังเกตอาการเราได้ แม่ก็เลยเอื้อมมือมาจับ แล้วก็บีบมือเราบอกว่าขับรถให้ถึงบ้านนะลูก แม่นั่งอยู่ตรงนี้ แม่เป็นพระเกตุคุ้มครองอยู่นะ เราก็ใช้ชีวิตอยู่แบบนั้นเป็นปี จนกลับขึ้นมาเรียน พอเรียนจบมหาวิทยาลัย แล้วก็ทำงานธนาคาร มีจังหวะที่ได้เดินสวนกับพี่คนหนึ่งที่เค้าเหมือนจะมีเซ้นส์ เค้าก็บอกว่าเดี๋ยวว่างแล้วไปคุยกับพี่หน่อยนะ แล้วก็เรียกเข้าไปคุย เค้าก็บอกว่าพี่เห็นคนแก่เดินตามนิ่มตลอดเลย เราก็ถามว่าใคร ผีที่ธนาคารรึเปล่า เค้าบอกว่าไม่ใช่ แล้วเค้าให้เรารับเค้า แล้วชีวิตเราจะเปลี่ยน เราก็ถามว่ารับในที่นี้คือรับยังไง ถ้าให้ไปนั่งเข้าทรงเราไม่เอาหรอกนะ เค้าก็บอกว่าไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้ แต่ถ้านิ่มรับชีวิตจะเปลี่ยนเลยนะ นิ่มจะมีทุกอย่าง เราก็เลยแบบเอาไงดี เค้าบอกว่าถ้านิ่มไม่มั่นใจ นิ่มลองท้าสิ เราก็เลยตั้งจิตขอว่า งั้นขอรถคันนึง โดยที่พ่อแม่ไม่ซื้อให้นะ ต้องเป็นรถที่เราซื้อเอง แล้วก็ต้องได้ภายใน 2-3 เดือนนี้ด้วยนะถ้าเกิดว่าอยากให้รับจริง ๆ อยากให้มาทำตรงนี้จริง ๆ ก็ขอให้สิ่งที่อยากได้สมหวัง หลังจากนั้นมันเหลือเวลาอีกประมาณ 2 อาทิตย์ เค้าจะปิดไตรมาสของธนาคาร แล้วมันจะมีโบนัส แล้วเจ้านายก็โยนงานใหญ่มาให้ พอทำเสร็จสรุปไตรมาส เราได้โบนัสมาประมาณ 2 แสนกว่าบาท  ได้ดาวน์รถตามที่ขอไว้ ก็เลยรับแบบภาวะจำยอม โดยพี่เค้าบอกว่าของนิ่มเป็นบรมครู แค่จุดธูป 16 ดอก แล้วก็บอกเลยว่า ตั้งแต่นี้ไปก็จะรับ แล้วก็ให้ทุกอย่างมันมาเอง หนูสมองไม่ค่อยดีหรอกนะ ไปเรียนไพ่ หรือไปเรียนเลข 7 ตัว หนูทำไม่ได้หรอก เรียนเลขยังตกทุกเทอมเลย ก็เลยบอกว่า ถ้าจะให้ทำอะไร ก็ขอให้มันมาจากเซ้นส์ 100% ไม่มีการเรียนเพิ่มใด ๆ หลังจากนั้นก็มีคนรอบข้างเรา ที่มักฝันเห็นเป็นเราใส่ชุดขาวไปหา ฝันเห็นเรามีผ้าพาดเหมือนฤาษีไปหา  แล้วหลังจากรับท่าน การเห็นผีก็หายไปเลย อันนี้เป็นสิ่งหนึ่งที่ขอเค้าว่า ถ้ารับแล้ว อันดับแรกที่ขอเลยคือขอไม่เห็นผีนะ สมมติว่าเราไปสื่อกับเจ้าที่ หรือไปบ้านใคร แล้วบรรพบุรุษอยากจะสื่อกับเรา มันจะมีความรู้สึกว่าตรงนี้มีผู้หญิงอยู่นะ ลักษณะแบบนี้ ตายเพราะอะไร เจ็บตรงไหน จะมาให้เรารู้สึกแต่ไม่เห็น แล้วนิ่มก็เคยพูดแล้วว่า ถ้าให้นิ่มเห็นผีอีก นิ่มเลิกเลยนะ ซึ่งจริง ๆ เราเลิกไม่ได้หรอกค่ะ แต่ก็พูดไปก่อน

ซึ่งด้านครอบครัวค่อนข้างโชคดี เพราะที่บ้านเป็นคนมีเซ้นส์ทุกคนตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นก๋ง คือปู่จะเป็นสายหมอดู เค้าเรียกสายเวทย์ มีอาคม บางทียืนอยู่ คนมองไม่เห็นเค้า ส่วนก๋งก็จะเป็นสายพระจีนเดินอยู่บนหลังคา คุณแม่ก็จะเป็นคนค่อนข้างมีเซ้นส์ มีลางสังหรณ์ค่อนข้างดี ส่วนเพื่อนจะมีความงง เพราะเมื่อก่อนเป็นคนค่อนข้างเกเร ล่าสุดเพื่อนชวนไปไหว้เจ้าที่ที่โรงงาน เพื่อนก็บอกว่าเดี๋ยวไหว้เสร็จ จะให้เหล้าเลย 4 กรม เราบอกเพื่อนว่า กินไม่ได้ เพื่อนก็งง เพราะตั้งแต่มีปู่ เราก็แพ้แอลกอฮอล์เลย กินเหล้าไม่ได้เลย เข้าที่อโคจรไม่ได้เลย ที่ไหนมีไฟแว็บ ๆ ถ้าเข้าไปปุ๊บคือปวดหัวเลย ต้องกลับบ้านทันที”

 

 

จากหมอดู สู่ต้นฉบับของการไหว้เจ้าที่กลางบ้าน

“ตอนนี้อาชีพที่นิ่มทำอยู่คือ ไหว้เจ้าที่กลางบ้าน เป็นงานที่เยอะมากกว่าดูดวง เพราะเราคือต้นฉบับของการไหว้เจ้าที่กลางบ้าน

เรื่องเจ้าที่ เราต้องแยกก่อน การไหว้กลางแจ้งส่วนใหญ่เราจะไหว้ช่วงตรุษจีนถึงจะเหมาะสมที่สุด เพราะตอนตรุษจีน จะมีทั้งเทวดา บรรพบุรุษ สัมภเวสี มีครบเลย แต่ถ้าอยู่ ๆ วันธรรมดาหากเราไหว้กลางแจ้ง จะถือว่ามันเป็นการไหว้ผีมากกว่า อย่างศาลพระภูมิ ตี่จู้เอี๊ยะ ท่านคือเทวดาที่เราเชิญลงมาเพื่อปกปักรักษาบ้านเรา แม้กระทั่งตายายที่เป็นศาล เพราะสังเกตว่าเวลาที่เราจะตั้งศาลพระพรหม พระภูมิตายาย เราจะต้องใช้พราหมณ์หรือหมอบ้านในการตั้งศาล ส่วนการไหว้เจ้าที่กลางบ้าน คือเราไหว้เจ้าที่เจ้าทาง เจ้าของที่เจ้าของทางเดิม ซึ่งเค้าอยู่มาไม่รู้กี่แสนล้านชาติแล้ว ณ ตรงนี้

ในเรื่องการจุดธูป 16 ดอกกลางแจ้ง มันไปได้หลายอย่างมาก มันจะมี 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน 14 ชั้นบาดาล ดังนั้นการจุดธูป 16 ดอก มันหมายถึงขอเทวดาเปิดทาง หรือขอเจ้ากรรมนายเวร ซึ่งจริง ๆ แล้วเจ้ากรรมนายเวรกับเทวดาอยู่คนละชั้นคนละภูมิเลย 16 ชั้นฟ้าคือชั้นฟ้าเลยนะ ส่วนเจ้ากรรมนายเวรมาได้หลายรูปแบบ แม้กระทั่งคนในครอบครัวเราปัจจุบันก็เป็นเจ้ากรรมนายเวรเราได้เหมือนกัน หรือไม่ว่าจะเป็นแฟน หรือเพื่อน ก็คือเจ้ากรรมนายเวรของเราได้ทั้งนั้น ที่ทำให้เสียใจ ทำให้มีความสุข การทำให้อะไรก็ตาม ก็คือเคยมีบุญสัมพันธ์กันมาทั้งนั้น การที่เรามาเจอกัน แสดงว่าชาติใดชาติหนึ่งเราต้องเคยเจอกัน

การไหว้เจ้าที่กลางบ้าน คือการไหว้เจ้าของที่เดิม ซึ่งอาจจะอยู่มานานมากแล้ว คนหลายคนอาจจะมองว่า ฉันเป็นคนซื้อบ้าน โฉนดก็ชื่อฉัน เงินก็ฉันจ่าย นิ่มก็เลยบอกทุกคนว่า เราลองอยู่กับเจ้าที่แบบพาร์ทเนอร์ไหมคะ เราดูแลเค้า เค้าดูแลเรา เค้าก็ส่งเสริมเรา อย่างเราจะต่อเติมบ้าน ก็บอกกล่าวเค้าสักคำ เพื่อไม่ให้งบมันบานปลาย ไม่ให้คนในบ้านเจ็บป่วย หรือคนที่จะเข้าอยู่ใหม่ หรืออยู่มานานแล้ว ไม่ได้ทำบุญนานแล้ว ก็ไหว้สักหน่อยอะไรแบบนั้น และการไหว้เจ้าที่กลางบ้านแบบฉบับของนิ่ม ห้ามไหว้ด้วยของคาวนะคะ เพราะนิ่มมองว่าการที่มีของคาวขึ้นมาเมื่อไหร่ มันหมายถึงว่า สัมภเวสีก็กินได้ ผีก็กินได้ ฉะนั้นเราควรจะแบ่งชั้นให้มันชัดเจนในการไหว้

กลางบ้าน คือเข้าประตูบ้านไปแล้วหาจุดที่เป็นกลางบ้านที่รู้สึกว่ามันว่างที่สุด คนอยู่คอนโดก็ไหว้ได้นะคะ คอนโดทุกห้องมีเจ้าที่เป็นของตัวเอง โดยเดินเข้าประตูบ้านไป ไม่นับประตูรั้วนะ ให้เราหาเป็นจุดกลางของบ้าน อาจจะเป็นตำแหน่งห้องรับแขก จากนั้นหันหน้าเข้าบ้าน หันหลังให้ประตูบ้าน ปูผ้าขาว แล้วก็วางของทุกอย่าง ไม่ต้องวางโต๊ะนะคะ ควรจะวางพื้นเลยจะได้ถึง

ผลไม้ 9 อย่างอะไรก็ได้ แต่นิ่มจะเน้น กล้วย แก้วมังกร แล้วก็องุ่น แก้วมังกร คือเรื่องของบริวาร  ซึ่งคนเดี๋ยวนี้มีปัญหาเรื่องบริวารเยอะมาก เพราะฉะนั้นก็ให้มีแก้วมังกร แล้วขอเรื่องของคนเรื่องของบริวารไป องุ่น ก็จะเป็นเรื่องของเงินที่นับไม่ถ้วน ส่วนกล้วย ก็จะได้หาเงินได้ง่าย ๆ หาคนได้ง่าย ๆ แล้วก็เตรียมหมากพลู 9 คำ ดาวเรือง 9 ดอก แล้วก็น้ำ 5 ขวด ซึ่งน้ำ พอไหว้เสร็จแล้วต้องเอาไปเทหน้าบ้านนะ ห้ามดื่ม ถ้าเป็นคอนโดก็เทระเบียง 3 ขวดแรก เราจะเทล้างสิ่งไม่ดีจากซ้ายไปขวา 2 ขวดหลังเททวนกลับมา ก็คือขอเปิดทางรับทรัพย์ การไหว้เจ้าที่กลางบ้านเป็นการขอขมาเจ้าที่เจ้าทาง และขอเปิดทางการทำมาหากิน เช่นบอกให้ท่านรู้ว่า เราเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้คนปัจจุบัน เราทำอาชีพอะไร เราอยากให้ท่านช่วยเราในเรื่องไหน โดยช่วงเดือนธันวาคม คิวจะค่อนข้างเยอะ เพราะลูกค้าจะเชิญเพื่อไหว้ขอบคุณปีนี้ แล้วพอต้นปี มกราคม ก็จะเชิญไปไหว้ขอเปิดทางรับทรัพย์ปีหน้า ซึ่งถ้าในกรณีไหว้เอง นิ่มจะให้งดเดือนเมษายน กับ ตุลาคม เพราะเมษายนเป็นเดือนร้อน แล้วก็เดือนตุลาคม เป็นเดือนสัมภเวสี และสังเกตว่าจะเกิดเหตุการณ์ใหญ่ ๆ ที่มันมีการสูญเสียเยอะ ละเป็นเดือนวันสาร์ทไทย เป็นเดือนที่คาบเกี่ยวกับกินเจ เป็นช่วงส่งผีเทวดา เพราะฉะนั้นเราก็จะไม่ให้ไหว้เอง เพราะว่าการไหว้เจ้าที่ถ้าไม่มีคนอย่างเรา อาจจะสื่อไม่ถึง และไม่รู้ว่าผีหรือว่าเจ้าที่มา ซึ่งนิ่มก็จะเป็นตัวกลางสื่อว่าเจ้าที่อยู่ไหน เจ้าที่เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เจ้าที่ต้องการอะไรที่มันนอกเหนือไปจากที่ไหว้เองไหมถามว่าเจ้าที่ชอบอะไร เจ้าที่ชอบความสงบ แล้วส่วนใหญ่ที่นิ่มทำตรงนี้มา 10 ปี เจ้าที่จะไม่ชอบบ้านที่ทะเลาะกันเยอะ ๆ ทำลายข้าวของ มีการถีบประตู พังของในบ้าน เจ้าที่จะไม่ชอบ

การไหว้เจ้าที่กลางบ้าน ถ้าไม่เชิญอาจารย์นิ่ม เรามีคลิปให้ดูใน Youtube สามารถดูคลิปและไหว้เองได้เลย โดยไหว้วัน อังคารเที่ยง หรือ เสาร์เที่ยง เราทำคลิปให้เพื่อให้คนที่ไม่ได้มีกำลังในการเชิญเรา สามารถไหว้เองได้เลย แล้วที่ให้ไหว้ อังคารกับเสาร์ เพราะเป็นวันรับและเป็นวันแข็งนะคะ แล้วให้ทำเที่ยงตรง ก็เหมือนเราพักเที่ยงกินข้าวค่ะ ติดตามได้ที่ช่อง อาจารย์นิ่มพาไปมู ในนั้นมีอีกหลายอย่างเลยค่ะ”

 

 

ถอดความหมาย เลขที่บ้าน บอกอะไรเราได้บ้าง?

“เลขที่บ้านมีทั้งผลดี และผลไม่ดีนะคะ ซึ่งของนิ่มจะไม่ต้องบวกลบใด ๆ อ่านแยกเป็นตัว ๆ เลยนะคะ คุณสามารถดูได้ทั้งตัวทับข้างหน้าและทับข้างหลัง

เลข 1 บ้านนี้คนในบ้านค่อนข้างมีความมั่นใจในตัวเองสูงนิดนึง แต่ก็มักจะได้ทำอะไรที่มันมีโอกาสมากกว่าคนอื่น ข้อเสียจะเป็นเรื่องของระบบไฟ ไฟเสียบ่อย แล้วอย่างเลข 1 อยู่ตรงไหน ก็สามารถบอกจุดได้เหมือนกันว่าตรงไหนเสียบ่อย เช่น 1 อยู่ข้างหลัง ก็จะเป็นโซนตั้งแต่ครึ่งบ้านไปถึงครึ่งหลังอาจจะเสียบ่อยหน่อย

เลข 2 คือระบบน้ำ จะเจอเรื่องน้ำท่วม น้ำซึม น้ำไม่ไหล ค่อนข้างบ่อย แต่ข้อดีของบ้านที่มีเลข 2 คือเป็นบ้านที่มีเมตตา เพราะฉะนั้นบ้านหลังนี้เวลาเจอปัญหา มักจะผ่านได้แบบนาทีสุดท้าย เหมือนจะหืดขึ้นคอ พอนาทีสุดท้ายก็ผ่านปัญหาได้ ถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์ในบ้านไป

เลข 3 ของนิ่มเป็นเรื่องอุบัติเหตุ ทะเลาะเบาะแว้ง ของเสียของพัง แต่ข้อดีของเลข 3 คือบ้านนี้จะขยันหาเงิน หาเงินเก่งมากแต่ไม่รู้เงินไปไหน แล้วก็จะเป็นประเภทที่ถ้าอยู่กันเกิน 2 คน ก็จะเถียงกันบ่อย จะค่อนข้างมีปากเสียงกัน เพราะ 3 เป็นเลขของการทะเลาะเบาะแว้ง แล้วถ้าเลข 3 ไปอยู่ข้างเลข 7 บ้านนั้นก็จะต้องมีคนป่วย

เลข 4 ในศาสตร์ของนิ่มข้อดีก็คือเป็นเรื่องของคำพูดแล้วก็การเจรจา เรื่องของการติดต่อ แล้วส่วนใหญ่คนที่บ้านมีเลข 4 ก็จะบูชาพระพิฆเนศ หรือว่าจะมีในเรื่องของศาสนาฮินดู ที่เกี่ยวกับการพูด บางทีพูดด้วยความหวังดีแต่คนไม่เข้าใจก็เกิดได้

เลข 5 จะเป็นเรื่องของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ส่วนมากบ้านหลังนั้นอาจจะเป็นกรุพระ หรือบางบ้านมีพระเยอะมาก แล้วถ้าสวดมนต์บ่อย ๆ จะดี

เลข 6 ส่งผลต่อช่องท้อง ปวดหลัง ข้อดีก็จะเป็นเรื่องของพลัง จะเป็นพวกบ้าพลัง เวลาทำอะไรทำสุด เวลาไม่ทำก็คือไม่ทำเลย แล้วเลข 6 มันจะเป็นเรื่องของความมั่นคง ก็จะค่อนข้างมีความมั่นคงดี แล้วก็จะเป็นบ้านที่ค่อนข้างมีเป้าหมาย แต่ไปไม่ค่อยถึงนะ เพราะเป็นพวกบ้าพลัง เวลาทำก็ทำสุดเลย แต่พอผลไม่โอเคก็เลิก

เลข 7 เป็นเลขจร ก็คือคนเข้าออกเยอะ หรือบ้านนั้นเจ้าที่ค่อนข้างคัดคน คือถ้าเป็นคนไม่ดีจะมาบ้านเราได้ครั้งเดียว หลังจากนั้นก็หายไปเลย ถ้าเลข 7 อยู่ตามโรงงานหรือบริษัท ถ้ามีคนไม่ดี มันจะมีเรื่องผุดขึ้นมาเอง และเลข 7 คือเรื่องของการเดินทาง ถ้าทำงานเกี่ยวกับการเดินทาง เช่น ทำทัวร์ จะดี แล้วบ้านที่มีเลข 7 ส่วนใหญ่ก็จะบูชาพญานาค

เลข 8 ถ้าคนในบ้านทะเลาะกันหรือเถียงกัน จะชอบเอาเรื่องเก่า ๆ มาพูดกัน คนพูดไม่ลืม คนทำลืม และคนพูดจำ นำไปสู่การทะเลาะกันในเรื่องเดิม ๆ ชอบขุดเรื่องเดิม ๆ มาพูด แต่ก็จะเป็นบ้านที่เรื่องการเงิน เป็นเงินหมุนที่ดี เวลาใกล้หมดก็จะมีมาเติมตลอด

เลข 9 ถ้าบ้านนี้มีผู้หญิง ก็จะผู้หญิงเป็นใหญ่ ผู้หญิงบ้านนี้ก็จะอารมณ์แปรปรวน ขึ้น ๆ ลง ๆ แต่บ้านที่มีเลข 9 จะมีองค์เทพเยอะหน่อย อาจจะเป็นแนวเทวลัย ส่งผลเรื่องของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือเรื่องของเทพเยอะ

เลข 0 เป็นเรื่องของการเก็บเงินไม่อยู่ หาได้เท่าไหร่ก็ไม่เหลือ แต่เลข 0 ข้อดีก็คือ บ้านนี้จะไม่ค่อยมีอุบัติเหตุแรง ๆ หรือไม่ค่อยมีอะไรที่มันเจ็บป่วยแรง ๆ

บางคนเชื่อว่าถ้าเลขไม่ค่อยดีให้แก้ด้วยการแปะทอง อย่างของนิ่มเลข 3 ให้แก้ด้วยการแปะทองก็มีคนทำแล้วโอเคขึ้นนะ เหมือนกับคู่สามีภรรยาทะเลาะกันมา 20 ปี แปะเลข 3 เค้าบอกว่า คู่เค้าก็หยุดทะเลาะ แต่มันก็แล้วแต่ความเชื่อ บางทีก็อาจจะอยู่ที่สติของคนด้วย ถ้าเกิดว่าแปะทองไปแล้วยังด่ากันอยู่ มันก็เท่านั้น แต่มันอาจจะเป็นกุศโลบาย แปะแล้วคุณอาจจะใจเย็นขึ้น  เพราะอาจจะรู้สึกว่า บ้านฉันแปะทองแล้วนะ ฉันจะไม่ด่ากับเธอแล้ว”

 

 

หิ้งพระ ตั้งอย่างไรดี?

“ต้องมีลำดับชั้นนะคะ พระพุทธ สูงสุดไม่ว่าจะอะไรก็ตาม แล้วถึงจะมาเป็นเทพฮินดู ก็คือพระพิฆเนศ พระแม่ลักษมี อะไรต่าง ๆ แล้วก็ถึงจะมาเป็นเทพจีน ก็คือ เห้งเจีย ฮกลกซิ่ว อะไรต่าง ๆ แล้วก็มาเป็นเทพไทย เช่น ปู่ฤาษี ท้าวเวสสุวรรณ แล้วก็จะมาเป็น กุมาร ซึ่งกุมารควรจะแยกหิ้งไปเลย ควรจะตั้งโต๊ะให้เค้าไว้โต๊ะหนึ่ง ซึ่งอยู่ต่ำกว่าทุกอย่าง

สิ่งสำคัญคือเรื่องของการเปลี่ยนน้ำหน้าพระ น้ำหน้าพระเปลี่ยนทุกวันการเงินก็จะไม่ขัด แล้วเวลาเปลี่ยนน้ำหน้าพระให้เหลือไว้นิดนึง เหลือไว้ให้ท่านช่วยเราบ้าง เพราะถ้าเติมเต็มแล้ว ท่านก็ไม่รู้จะช่วยอะไรแล้ว เพราะมันเต็มทุกอย่างไปแล้ว ดังนั้นเหลือไว้นิดนึง ให้ท่านได้ช่วยเราบ้าง”

 

บ้านเลือกคนอยู่ มีจริงไหม?

“นิ่มเชื่อเรื่องนี้นะ เพราะว่าบ้านหลังปัจจุบัน ก็เลือกคนอยู่ จริง ๆ เมื่อก่อนเราอยู่คอนโดกับแฟน  แล้วพออยู่กันไปก็มีความรู้สึกว่า เราอยากขยับขยาย เราก็เลยนั่งอยู่ที่ระเบียงคอนโดแล้วเห็นว่ามีการสร้างตึกอยู่ ก็เลยถามแฟนว่าไปจองไหม ซึ่งบ้านอยู่ถัดไปอีก 2 ซอย ก็เลยตกลงไปจองกัน เป็นบ้าน 2 ห้องนอน ก็ผ่อนดาวน์ไปเรื่อย ๆ แล้วก็ยื่นกู้ แต่ยื่นยังไงก็ไม่ผ่าน 7 แบงค์ไม่ผ่านเลย เราก็เลยคิดว่าจะทำยังไงดี เราดาวน์ไปขนาดนี้แล้ว เลยตัดสินใจลองก่อน ลองอีกแบงค์ ถ้าไม่ได้ก็ค่อยซื้อสด อยู่ ๆ Facebook ก็เด้งหมู่บ้านนี้ขึ้นมา เราก็บอกแฟนว่าไปดูกันมั้ย ซึ่งมันเป็นหมู่บ้านที่เราผ่านบ่อยมาก ก็เลยพาแฟนขับรถไปดู พอไปเห็นรู้สึกชอบเลย ก็จองเลย จองแบบไม่มีสติแล้ว แต่พอกลับมาบ้าน เราก็บอกแฟนว่าไม่ชอบแล้ว เปลี่ยนหลังเนาะ ขยับมาอีก 1 หลัง จาก 283 เป็น 284 แล้วก็ยื่นกู้ ลองกู้แบงค์เดิมที่ไม่เคยผ่าน สรุปว่ากู้ผ่านค่ะ ผ่านเต็มจำนวนเลย แล้วพอผ่าน ตอนที่เข้ามาตกแต่ง เราฝันว่ามีศาลพระพิฆเนศอยู่ที่บ้าน เป็นศาลสีขาวทอง พระพิฆเนศสีทอง พอตื่นขึ้นมาก็บอกว่า ถ้าเกิดว่ามาอยู่แล้วส่งเสริมกัน แล้วจะทำให้มีชื่อเสียงขึ้น หรือถ้าอยู่แล้วเรามีเงินจ่ายค่าตกแต่ง แล้วก็ได้เงิน 250,000 บาท คืนจากการที่เราไปดาวน์คอนโดไว้ ซึ่งตอนนั้นยากมากเลย แต่ถ้าได้คืนมาง่าย ๆ เดี๋ยวจะตั้งศาลให้ ปรากฎว่าได้ 250,000 บาทคืน ได้คืนทุกบาททุกสตางค์เลย ก็เลยต้องตั้งศาลพระพิฆเนศ แล้วกว่าจะตั้งศาลพระพิฆเนศได้ ต้องรอฤกษ์ 2 ปี

เริ่มจากหาพระพิฆเนศก่อน ตอนแรกเราไม่รู้จะหาจากไหน อยู่ ๆ พ่อของแฟนเค้าบอกว่า ป๊ามีอยู่องค์นึง ป๊าสวดมนต์มา 20 ปี และอยู่ในห้องพระเลย เค้าบอกว่าเค้าให้ แต่เค้าจะเอาไปทำให้ใหม่ก่อนน ะเพราะมันเก่ามากแล้ว เค้าเลยไปติดทองมาให้ใหม่ เสร็จแล้วก็เลยโทรไปหาน้องที่เป็นหมอดูด้วยกันว่า ช่วยดูฤกษ์ให้หน่อย น้องบอกว่าถ้ามันเป็นฤกษ์ที่เหมาะกับพี่เลย ยังไม่มี พี่ต้องรอ 2 ปี เราก็บอกว่าโอเครอได้ ป๊าก็เลยบอกว่าถ้าอย่างนั้นป๊าเอาพระพิฆเนศกลับไปสวดมนต์ต่อให้ก่อน ก็กลายเป็นสวด 22 ปีแล้วนะ พอถึงเวลาตั้งศาล วันที่ศาลมาลงเกิดพระอาทิตย์ทรงกลด 18 กรกฎาคม จำได้เลย พอหลังจากนั้นก็รอฤกษ์อีก 2 เดือน เพื่อติดตั้ง แล้ววันที่ติดตั้งศาลฝนตกหนักมาก ก็เลยบอกว่าคนมาเยอะมากเลย ถ้าตกแบบนี้เราจะทำอะไรไม่ได้เลยนะ สักพักฟ้าค่อย ๆ สว่าง เว้นหยุดตรงหลังคาบ้าน แล้วถัดจากบ้านไปฝนยังตกอยู่ กลายเป็นบ้านเราสว่างอยู่ที่เดียว ก็เลยคิดว่าท่านมาแล้ว กลายเป็นศาลพระพิฆเนศที่คนมาไหว้เยอะมาก โดยเฉพาะผู้จัด และดารามาบ่อยมากเลย”

 

 

บูชาอะไรที่ไหน ต้องอย่าลืมไหว้พระในบ้าน

“เวลาดูดวง หรือคุยกับใคร แล้วเค้าบอกว่าชีวิตหนูไม่ดีเลย หนูไปสวดมนต์ หนูไปไหว้ที่โน่นที่นี่ตามที่คนบอก ก็ยังไม่เห็นดีขึ้นเลย นิ่มก็เลยถามว่า เคยสวดมนต์บ้างไหมคะ เค้าบอกว่าไม่เคยหรอกค่ะ กลับบ้านหนูก็เหนื่อยแล้ว ก็นอนเลย นิ่มเลยบอกว่าแล้วจะเอาพลังจากไหนมา บ้านคุณยังไม่มีพลังเลย แล้วคุณจะออกไปขอพรข้างนอกได้ยังไง แล้วคิดดูนะ ออกไปขอพรข้างนอกวันหนึ่งคนขอพรหลายคนมาก แล้วจะถึงคิวเรากี่โมง แต่ถ้าขอพรพระในบ้าน พระในบ้านเรารู้จักใครแต่เรา เพราะฉะนั้นมันก็จะถึงคิวเราเร็วขึ้นกว่าที่เราออกไปขอข้างนอก

นิ่มจะบอกทุกคนเสมอว่า ไม่ว่าคุณจะไปขอที่ไหนก็ตาม สิ่งสำคัญเลยคุณต้องสวดมนต์ในบ้านคุณก่อน อย่างน้อยอะระหังสัมมาก็ยังดี เอาแบบง่าย ๆ เลยนะโมตัสสะ อะระหังสัมมา แล้วก็นอนได้เลย จะนอนสวดก็ได้ สวดนอกห้องพระก็ได้ หรือสวดในห้องนอนก็ได้ ที่ไหนก็ได้ที่เรารู้สึกว่ามันสบาย การสวดมนต์อย่าบังคับตัวเอง อย่ากดดันว่าวันหนึ่งฉันต้องสวด 10 บท แล้วฉันจะนิพพาน มันไม่ใช่ ยิ่งทรมานตัวเองยิ่งไม่ได้บุญ การนั่งสวดมนต์ก็เหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องนั่งพับเพียบ หรือนั่งคุกเข่าจนขาชาแล้วชาอีก สามารถนั่งขัดสมาธิก็ได้ ถ้ารู้สึกว่ามันไม่ไหว นั่งเก้าอีห้อยขาก็ได้ ทุกอย่างอยู่ที่จิต ให้เราศรัทธา ให้เรารู้สึกว่าเราอยากทำสิ่งนั้น แค่นั้นเลย

และนิ่มให้ความสำคัญกับพระในบ้าน นั่นก็คือ ครอบครัว มาก ๆ อาจจะเป็นเพราะเมื่อก่อนเราเกเรมาก ไม่ฟังใครเลย แล้วที่บ้านค่อนข้างหัวโบราณ อย่างพี่สาวจะไปเข้าค่าย พ่อก็ไม่ให้ไป เค้าหวงลูกสาวมาก แต่เวลาพ่อห้ามออกบ้าน นิ่มจะปีนลงมาจากชั้น 3 แล้วไปขอออกข้างบ้าน

แต่จุดเปลี่ยนที่เราหันมาบูชาพระในบ้านคือ สูญเสียคุณแม่ ซึ่งเป็นการสูญเสียแบบกระทันหันวันนั้นนิ่มไปไหว้เจ้าที่ที่อุบลราชธานี แล้วแม่เป็นคนที่จำตารางงานนิ่มได้หมด เช้าวันนั้นเค้าไลน์มาว่า วันนี้ไปอุบลใช่ไหมลูก เดินทางปลอดภัยนะ เราก็บอกว่าโอเค แต่คืนก่อนแม่จะเสียคืนนั้นนิ่มนอนไม่หลับเลย กินยานอนหลับ 3 เม็ด 4 เม็ดก็นอนไม่หลับ แล้วก็ฝันว่าแม่เสียตลอดทั้งคืนเลย ตอนเช้าก็โพสต์ Facebook ว่า ไม่รู้ว่าวันนี้จะต้องไปเจอกับอะไร แล้วก็บินไปอุบล พอไหว้เจ้าที่เสร็จ ก็ต้องค้าง 1 คืน เพราะต้องรอทีมงานบินตามไปถ่ายคอนเทนต์ ขณะที่กำลังจะไปโรงแรม พี่สาวก็โทรหลายสายมาก เราก็ไม่อยากจะรับ เพราะอยู่กับลูกค้า แต่มันหลายสายมาก ก็เลยกดรับ พี่สาวบอกว่าแม่เป็นลมนะ เราก็ตกใจ สักพักโทรมาอีกสาย บอกว่า นิ่มแม่ตายแล้วนะ เราตกใจมากก็เลยตั้งสติ ไปเปิดกล้องวงจรปิด ตอนเปิดไปก็เห็นแม่กำลังมือตก แล้วก็พับลงไปที่อ้อมกอดของพ่อ ซึ่งตอนนั้นก็ยังหลอกตัวเองนะว่า เดี๋ยวรถพยาบาลมา ก็คงปั๊มหัวใจ ช่วยชีวิตแม่ได้ ก็โทรเรียกรถพยาบาลตลอดเวลาที่อยู่อุบล จน 5 โมงเย็น พ่อโทรมาแล้วพ่อก็พูดกับนิ่มว่า นิ่มหัวใจพ่อไม่อยู่แล้วลูก เท่านั้นแหละ เราทำอะไรไม่ถูกเลย วันนั้นต้องขอบคุณแฟนมากเลย เพราะเค้าต้องจองตั๋วเพื่อที่จะบินจากอุบลวันนั้นเลย แล้วไปลงภูเก็ต แล้วต้องนั่งรถเข้าพังงา ซึ่งเราก็ทำได้แค่ส่งพี่น้องไปก่อน ทุกคนซื้อตั๋วเลยไปดูพ่อก่อน เพราะพ่ออยู่คนเดียว แล้วเราก็บินตามลงไป พี่สาวก็ไปรับหลานที่โรงเรียนแล้วก็ตามไปเจอกัน”

 

 

สูญเสียคุณแม่ จนเกิดภาวะซึมเศร้าฉับพลัน

“จริง ๆ นิ่มเป็นโรคเลือดจางอยู่แล้ว ค่าเลือดก็ไม่ค่อยปกติอยู่แล้ว แล้วพอเสร็จจากงานศพ ก็ไปหาหมอตามนัด ปรากฏว่าค่าเลือดตกเหลือ 6.6 ซึ่งค่าเม็ดเลือดแดงที่คนเราต้องมีคือ 13 ซึ่งหมอเค้าก็เห็นสภาพเรา แล้วเค้าก็รู้ว่าคุณแม่เสีย หมอบอกว่าไปพบจิตแพทย์หน่อยไหม หมอบอกว่าน่าจะเป็นซึมเศร้า แต่เราบอกว่าไม่ใช่นะหมอ เราแค่เสียใจที่สูญเสียคุณแม่ ไม่ได้เป็นบ้า ก็เลยปล่อยทิ้งไว้จน 4 ปีกว่า เข้าปีที่ 5 เริ่มรู้สึกว่าตัวเองเครียดแปลก ๆ ก็คุยกับแฟนว่าขอไปพบจิตแพทย์ได้ไหม แล้วเค้าก็พาไป พอไปถึงครึ่งชั่วโมงแรกร้องไห้อย่างเดียวเลย จนคุณหมอบอกว่าร้องให้เต็มที่เลย อเริ่มมีสติก็คุยแล้วเล่าเรื่องคุณแม่ให้หมอฟัง แล้วหมอก็ถามมาคำหนึ่งว่า ความสุขของคุณคืออะไร เราก็เงียบ เราก็ตอบไม่ได้ หมอบอกว่าความสุขของคุณคือแม่ พอความสุขนั้นมันหายไป มันเหมือนเราสูญเสียโลกทั้งใบ เลยทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตเราไม่มีความสุขอีกเลย

ทุกคนในบ้านก็คาดหวังว่าเราน่าจะต้องสื่อสารกับแม่ได้ น่าจะต้องเจอแม่บ่อย เพราะว่าเวลาไปไหว้เจ้าที่ที่บางบ้าน ถ้าบรรพบุรุษบ้านไหนอยากให้เราสื่อสารเค้าก็มานะ แต่พอกับแม่ตัวเอง เราไม่เคยสัมผัสแม่ได้เลย แม่เสียไป 5 ปี นิ่มฝันถึงแม่ประมาณ 3 ครั้งเอง

ในวันที่ต้องทำใจ นิ่มยืนพูดกับรูปเค้าทุกวัน แล้วตอนที่เป็นซึมเศร้า หมอเค้าให้กินยา 3 วันแรกนิ่มดิ่งมาก ปิดประตูร้องไห้อย่างเดียว อยู่แต่บนห้อง แล้วแฟนก็เปิดประตูมาบอกว่า ถ้าเธอเป็นแบบนี้ เธอจะไหวเหรอ จนคืนนั้น เราลงมายืนหน้ารูปแม่ บอกว่า นิ่มรักแม่มากเลยนะ แล้วการที่แม่จากไป นิ่มไม่เคยทำใจได้หรอก จนถึงวันนี้นิ่มก็ยังทำใจไม่ได้ แต่ถ้านิ่มยังเป็นอยู่แบบนี้มันไม่ได้นะแม่ นิ่มยังต้องดูแลพ่อ ยังต้องดูแลคนอื่น แล้วการทำงานของนิ่มมันคือการใช้จิต ถ้าจิตนิ่มไม่พร้อม นิ่มก็จะทำงานไม่ได้ เอาเป็นว่านิ่มเป็นลูกแม่ แม่เคยพูดเสมอนิ่มเป็นลูกแม่ต้องเข้มแข็ง นิ่มก็จะเข้มแข็ง ทั้งที่ในใจนิ่มอาจจะไม่ไหว แต่ว่าแม่ก็จะอยู่ในใจ นิ่มก็ยังจะทำบุญให้แม่แบบนี้เรื่อย ๆ และนิ่มรู้ว่าทุกนาทีของนิ่มไม่ว่าจะทำอะไร นิ่มมีแม่อยู่ข้าง ๆ แหละ ตั้งแต่วันนั้น ก็ฮึบกลับมา แล้วก็หยุดกินยา คือเป็นด้วยแม่ ก็แก้ด้วยแม่”

 

 

เปิดหัวใจ ส่องความรัก ของ อ.นิ่ม

“ความรักตอนนี้เข้าปีที่ 9 แล้วค่ะ ความรักก็เป็นเรื่องแปลกอีกเหมือนกัน คือเค้าเคยเป็นเพื่อนสมัยเรียนที่เราจำไม่ได้ เป็นความทรงจำของเราที่หายไป แล้วพอนิ่มมาออกรายการ แล้วเพื่อนสมัยเรียนเห็น ก็ทักมาในเพจว่า จำเพื่อนได้ไหม เราเคยเรียนโรงเรียนนี้ ตอนนั้นนิ่มก็จำไม่ได้เลยว่าเราเคยเรียนโรงเรียนนี้ เราก็บอกว่าเราจำไม่ได้หรอก เค้าก็บอกว่าเข้ากลุ่มไลน์ไหม มีเพื่อนหลายคนเลย ตอนแรกก็สองจิตสองใจว่า ถ้าเข้าไปแล้วจำใครไม่ได้เลย ไม่รู้จักใครเลยแล้วจะทำยังไง แต่อีกใจนึงคิดว่ามันอาจจะช่วยอะไรเราได้ ก็เลยลองเข้าไปอยู่ในกลุ่มไลน์ แล้วมีอยู่วันหนึ่งนั่งดูรูปไปเรื่อย ๆ แล้วก็ไปสะดุดที่รูปเค้า เรารู้สึกแปลก ๆ กับคนนี้ ก็เลยถามเพื่อนคนที่ดึงเข้ากลุ่มว่า คนนี้คือใคร ทำไมเรารู้สึกแปลก ๆ เค้าก็บอกว่าเดี๋ยวมางานเลี้ยงรุ่นแล้วเดี๋ยวเค้าจะบอก

พอวันงานเลี้ยงรุ่น เราไปทำงานที่อยุธยา แล้วก็ขากลับมาฝนมันตก ก็คิดว่าไม่ไปดีกว่าขี้เกียจ แต่ก็หยิบโทรศัพท์มาดู GPS หน่อย ซึ่งมันแค่ 10 นาทีเอง งั้นไปก็ได้ ก็เลยขับรถไป แล้วหลงทาง 2 รอบ จนรอบที่ 3 พูดว่า ถ้าหลงอีกก็คือกลับบ้านแล้วนะ ไม่ไปแล้วนะ พอพูดจบ รถหยุดหน้าร้านเลย ก็เลยลงไปเจอเพื่อน ๆ แล้วพอได้เจอเค้า เราก็ชอบเค้าเลย ปรากฏว่า พอมาคุยกัน เค้าบอกว่า ตอนสมัยเรียนเราเคยจีบเค้า แต่เค้าไม่เอา แต่พอได้มาคบกัน เค้าก็เล่าให้ฟังว่า วันที่เค้าเจอเราวันแรกในงานเลี้ยงรุ่น เค้าก็ชอบเราเลยเหมือนกัน ก็เลยอยู่กันมา 9 ปี ตอนคุณแม่เสียจริง ๆ ต้องขอบคุณเค้ามากที่สุด เพราะว่าเค้าเป็นคนที่จัดการให้ทุกอย่าง”

 

ปีนี้แค่เผาหลอก ปีหน้าเผาจริง! ต้องมีสติมาก ๆ

“ก่อนจะหมดปี ต้องบอกว่าปีนี้ยังแค่เผาหลอก ปีหน้าเนี่ยของจริง ปีหน้าคือเผาจริง และมันจะไปดีขึ้นจริง ๆ ปี 2569 ด้วยสภาวะเศรษฐกิจ หรือด้วยอะไรหลาย ๆ อย่าง ซึ่งหากใครรอดปีนี้ได้ คือเป็นยอดมนุษย์ เพราะฉะนั้นเราก็จะไปอยู่ในปีหน้าได้อย่างโอเค คืออยู่ได้อยู่ไหว เพราะเราผ่านปีนี้ที่มันหนัก ๆ ไปแล้ว

การใช้ชีวิตปีหน้า ให้อยู่ในความพอดี อยู่ในความอดทน อยู่ในความไม่ฟุ้งเฟ้อ เก็บเงินกอดเงินไว้ให้มั่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ กอดงานไว้ให้ดีที่สุด ไหว้พระขอพร ก็ขอให้มันเป็นไปได้ ให้มันพอดี ไม่ใช่เงินเดือน 15,000 ไปขอให้มีเงิน 300 ล้านมันเป็นไปไม่ได้”

 

 

สีสันแรงบันดาลใจจาก อ.นิ่ม เทวจิตศิษย์ปู่

“อยากบอกว่า เวลาเราตื่นขึ้นมา ให้พูดสิ่งดี ๆ ก่อนเลยค่ะ วันนี้ฉันเก่ง ฉันสวย ฉันรวยมาก ฉันทำได้ แค่นี้เลย มันเป็นการกระตุ้น แล้วมันก็จะดีไปตามปากเรานั่นแหละ เพราะปากเราศักดิ์สิทธิ์ที่สุด แล้วมันเป็นไปได้จริง ๆ เพราะว่ามันหมายความว่า เราเชื่อมั่นในตัวเองแล้วว่าวันนี้เราทำได้ วันนี้ฉันจะรวย พอเรารู้สึกว่าเราทำได้ มันหมายความว่าตลอดทั้งวัน เราก็จะมีความมั่นใจ ในการทำทุก ๆ อย่าง เพราะเรารู้ว่าเราทำได้” - อ.นิ่ม เทวจิตศิษย์ปู่

 

 

พบเรื่องราวชีวิตหลากสีสันใน Club Pride Day  คลับที่เต็มไปด้วยแบ่งปันข้อคิดแรงบันดาลใจ และมีคลังความรู้ที่พร้อมแชร์ ไปกับแขกรับเชิญพิเศษ และสองดีเจสุดแซ่บ “ดีเจพี่อ้อย” และ “ดีเจก็อตจิ”  ได้ในทุกสัปดาห์

 

ดูรายการย้อนหลัง

album

0
0.8
1