“อูนอยากให้ทุกคนมองคนในกระจก แล้วรักตัวเอง อยากให้มองไปแล้วรู้สึกว่าพอแล้ว และภูมิใจในตัวเอง บางครั้งอาจจะมองกระจกแล้วรู้สึกว่าวันนี้ไม่ดีแลย ก็บอกกับตัวเองว่าไม่เป็นไร เอาใหม่พรุ่งนี้ เก่งแล้วที่สู้ และเราต้องซื่อสัตย์กับคนในกระจก ทั้งเวลาเจอความผิดพลาด ความล้มเหลว หรือแม้แต่ความชอบ หรือความภูมิใจ ก็ตาม ขอแค่มองเข้าไปในกระจก แล้วรักตัวเองให้ได้ค่ะ”

ที่ Club Inspired Day ทุก Story มีความหมาย ได้ Inspired ทุก Moment เมื่อ “ดีเจเป้” และ “ดีเจแคน” ได้เปิดไมค์ต้อนรับ “อูน ชนิสรา” ซึ่งมาแบ่งปันเรื่องราวชีวิต การทำธุรกิจ และความหลงใหลในดิสนีย์ที่จุดประกายแรงบันดาลใจ โดยเฉพาะการแยกแยะระหว่างงานที่ทำด้วยความรับผิดชอบและการใช้เงินจากงานไปทำตามความสนใจส่วนตัว นอกจากนี้ คุณอูนยังให้มุมมองที่แตกต่างในการบริหารธุรกิจอย่างมีหลักการที่ชัดเจน รวมถึงการให้ความสำคัญกับความสุขเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันและการพัฒนาความสัมพันธ์ในชีวิตสมรสอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการให้เกียรติและพัฒนาตนเองในฐานะสามีภรรยา เรื่องราวชีวิต พร้อมข้อคิดแรงบันดาลใจ ถูกแชร์ไว้แล้วในรายการ

จากผู้ชมที่ห่างไกล สู่การเรียนรู้ดีเทลที่เปลี่ยนชีวิต
คุณอูนเติบโตมาในยุคเดียวกับที่ภาพยนตร์ Aladdin ออกฉาย ทำให้เธอใกล้ชิดกับคอนเทนต์ของดิสนีย์มาตั้งแต่เด็ก แม้เธอจะรักดิสนีย์ แต่ในวัยเด็กเธอเคยรู้สึกว่า ดิสนีย์เป็นสิ่งที่ไกลตัวและไม่สามารถเข้าถึงได้ จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อเธอได้ไปเที่ยว Disneyland World ที่ฟลอริดาเป็นครั้งแรก ซึ่งเธอไปแบบไม่ได้เตรียมตัวและพลาดความสนุกไป แต่เมื่อเธอได้ไปเยี่ยมชมในครั้งต่อ ๆ ไป เธอเริ่มเห็น รายละเอียดเล็ก ๆ ที่ซ่อนอยู่
ความหลงใหลของเธอไม่ใช่แค่การท่องเที่ยว แต่เป็นการไปเพื่อเรียนรู้ เธอเคยใช้เวลา 50 วัน และทริปล่าสุด 60 วัน อยู่ในดิสนีย์ทั่วโลก ทริปหนึ่งเธอได้เดินทางไปพร้อมกับนักประวัติศาสตร์ (historian) ของดิสนีย์ และทุกคนที่ร่วมทริปต่างตั้งใจจดเลคเชอร์ อย่างจริงจัง
เธอค้นพบว่าบนหน้าต่างบริเวณ Main Street U.S.A. ในดิสนีย์แลนด์ มีการสลักชื่อของคนที่สร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ในปาร์คเพื่อเป็นการให้เครดิต เธอประทับใจที่ดิสนีย์มองเห็นว่าความสุขไม่ได้เกิดจากคนปัจจุบันเท่านั้น
ซึ่งการได้รู้เบื้องหลังของดิสนีย์ทำให้เธอรักอย่างแท้จริง และเห็นว่าหน้าที่ของคนสร้างสรรค์คือ การมอบความสุข สิ่งนี้ได้กลายเป็น แรงบันดาลใจในการทำงานในแต่ละวัน เพื่อให้เธอสามารถตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกชื่นใจ แม้ว่าการทำธุรกิจจะเป็นเรื่องที่หนักและเหนื่อยก็ตาม

งานคือความรับผิดชอบ ไม่ใช่ความสุขส่วนตัว ปรัชญาธุรกิจที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง
คุณอูนเป็นนักธุรกิจที่เชื่อมั่นในการ แยกแพชชั่นออกจากงานอย่างชัดเจน เธอไม่เคยนำความชอบส่วนตัวมาใช้ในการทำธุรกิจเลย แม้กระทั่งงานเพลง (ซึ่งเป็นแพชชั่น) เธอจะไม่รับเงิน หรือหากได้รับเงินก็จะบริจาคทั้งหมด 100% โดยไม่หักค่าใช้จ่าย เพื่อหลีกเลี่ยงความเครียดจากการหาเงิน เธอเชื่อว่าตัวเองไม่สามารถเอาความสุขมาหาเงินได้ เพราะมันจะนำมาซึ่งความเครียด
และในการทำธุรกิจ หากธุรกิจยึดโยงกับความชอบส่วนตัว (เช่น ถ้าทำคอลเลกชันดิสนีย์ตามที่เธอชอบที่สุดคือจัสมิน) เธออาจจะลืมมองความชอบของลูกค้า ธุรกิจคือการนำของไปขายและต้องรับผิดชอบต่อเงินของลูกค้า ซึ่งเธอทำธุรกิจด้วยความเต็มใจ และความรับผิดชอบ ไม่ใช่ด้วยความสนุก
เมื่อดิสนีย์ติดต่อมาเสนอให้ทำคอลเลกชันลิขสิทธิ์ (Licensing) เธอปฏิเสธในตอนแรกถึงแม้จะเป็นความฝันอันยิ่งใหญ่ เพราะเธอยังไม่พร้อมด้านมาตรฐานโรงงานและการสื่อสาร เธอรอจนกว่าจะแน่ใจว่าได้มาตรฐานและมั่นใจว่าลูกค้าจะเข้าใจ และ "ยิ้ม" กับสิ่งที่เธอทำ การตัดสินใจนี้คำนึงถึงผลกระทบต่อพนักงาน 200 คน และลูกค้าทุกคน
คุณอูนไม่มองหางานที่มีความสุข เพราะความสุขและความสบายคือ สิ่งฟุ่มเฟือย (luxury) เธอเชื่อว่า งานคือการแก้ปัญหา และทุกคนทำงานเพื่อเงินในการเลี้ยงชีพ ซึ่งเงินนั้นจะนำไปเสพแพชชั่นของตัวเอง

สร้างองค์กรที่ไม่เป็นบ้า เน้นความจริงใจและการแก้ปัญหา
ในฐานะผู้นำที่ดูแลพนักงานประมาณ 200 คน คุณอูนเน้นการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ชัดเจนและมุ่งเน้นผลลัพธ์ เธอให้ความสำคัญกับการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่ให้ "เป็นบ้า" เธอมีกฎที่ชัดเจน เช่น หากจับได้ว่านินทาที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของผู้อื่น จะไล่ออก
ในการแก้ปัญหา เธอเน้นที่ข้อเท็จจริง (Fact) เธอกล่าวว่าความจริงไม่แคร์ความรู้สึกของเรา และหากเราแก้ปัญหาด้วยความรู้สึก ลูกค้าจะไม่ได้อะไร เธอมีแนวคิดที่จะตำหนิและชื่นชมทำในที่สาธารณะ(หน้าไมค์) เพราะความผิดพลาดควรเป็นบทเรียนที่ทุกคนสามารถเห็นใจและเรียนรู้ร่วมกันได้
เธอเชื่อว่าพนักงานทุกคนควรทำงานในสภาวะ peace of mind ที่เท่ากัน และพนักงานสามารถตักเตือนหรือดุเธอกลับได้หากเธอทำผิดพลาด ในการรับพนักงานใหม่ ทีมงานต้องเข้ากันได้ดี เพราะพนักงานต้องทำงานร่วมกันเอง

ภูมิใจในสิ่งเล็ก ๆ ไปวัน ๆ กุญแจสำคัญสู่การรัก และชื่นชมตัวเอง
คุณอูนเชื่อว่าสิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องการคือ การมองในกระจกแล้วรู้สึกรักตัวเองและภูมิใจ
เส้นทางสู่การรักตัวเอง เธอเคยมีช่วงเวลาที่ไม่ชอบหน้าตัวเอง ไม่มองกระจก และรู้สึกรำคาญความล้นหรือความบุ่มบ่ามของตัวเอง สามี (พี่แพ็ค) เข้ามาช่วยเยียวยา โดยบอกว่า "อยากได้ภรรยาคืน" สามีของเธอเป็นตัวอย่างในการชื่นชมตัวเองอย่างเปิดเผย ทำให้เธอตระหนักว่าทุกคนทำงานหนักเพื่อเป็นคนที่ดีขึ้น และเราควรให้เครดิตตัวเองบ้าง
เธอเริ่มให้กำลังใจตัวเองในทุกสิ่งที่ทำได้ดี แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย เช่น "วันนี้กินข้าวทัน เก่งมาก" ซึ่งเป็นการสั่งให้สมองชื่นชมตัวเองและนำไปสู่การทำได้ดีขึ้นในวันถัดไป โดยในช่วง 3 ปีแรกของการทำแบรนด์ที่ไม่มีลูกค้าเลย ต้องใช้เงินจากการทำงานฟรีแลนซ์ เธอเรียนรู้ว่า "อย่าเพิ่งตัดสินตัวเองด้วยปัญหา" และไม่ควรให้ปัญหาหนึ่ง ๆ มาเป็นทั้งหมดของชีวิต หากเราไม่ไหว ก็แค่กลับไปทำงานประจำก็ได้ ไม่เป็นไร

รักษาความพิเศษเฉพาะ หัวใจของความสัมพันธ์ 17 ปี
คุณอูนและสามีคบกันมายาวนานถึง 17 ปี และเธอมองว่าความสัมพันธ์นี้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เธอรู้สึกภูมิใจที่สามีเป็นสามีที่ดีขึ้นทุกวัน และเธอก็เป็นภรรยาที่ Professional ขึ้นทุกวันเช่นกัน แม้จะรู้สึกเหมือนเพื่อนเหมือนครอบครัวในบางครั้ง แต่ทั้งคู่ ไม่เคยปฏิบัติต่อกันเป็นเพื่อน เพราะการทำเช่นนั้นจะทำให้ลืมดูแลความสัมพันธ์ในฐานะสามีและภรรยา
คุณอูนเน้นย้ำว่า สามีเป็นครอบครัวเดียวที่เราเลือกได้ในชีวิต เมื่อปฏิสัมพันธ์กัน ทั้งคู่ระวังกับคู่ของตนมากกว่าการปฏิสัมพันธ์กับเพื่อน โดยเธอระวังโทนเสียง และจังหวะการใช้ชีวิตของเขาโดยความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนจำเป็นต้องมีการเลือกที่จะรัก การพัฒนาตนเอง และการรักษาความเป็น Exclusive เอาไว้ ไม่ใช่แค่การเป็นเพื่อนที่อยู่ด้วยกันไปวัน ๆ

ชีวิตของคุณอูน ชนิสรา จึงเป็นดั่ง ปราสาทที่สร้างจากอิฐแห่งความจริงและประดับด้วยมนตราแห่งความฝัน เป็นแบบอย่างของผู้ที่เข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า การใช้ชีวิตอย่างมีวินัยในโลกแห่งความจริง คือหนทางเดียวที่จะทำให้โลกแห่งความสุข และความฝันดำรงอยู่ได้โดยไม่ถูกทำลาย

เปิดรับแรงบันดาลใจได้ใน Club Inspired Day คลับที่เต็มไปด้วยข้อคิดแรงบันดาลใจ และมีคลังความรู้ที่พร้อมแชร์ ไปกับ Iconic และสองดีเจสุดเท่ “ดีเจเป้” และ “ดีเจแคน” ได้ในทุกสัปดาห์
ดูรายการย้อนหลัง
