“ณ วันนี้จูนมองว่า เราไม่สามารถรอให้ลูกค้าเดินมาหาเราได้แล้ว เราต้องออกไปเร่ ต้องออกไปบอก ต้องออกไปเล่า อย่างเรามีสื่อเราก็ต้องเล่าทุกวัน มีโปรโมชั่นตลอด เราจะอยู่นิ่ง ๆ ไม่ได้ ถ้าอยู่นิ่งเราก็ไม่ได้เงิน” – จูน กษมา
“สำหรับคนที่ทำมาค้าขาย เปิ้ลว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ คุณภาพของสินค้า เพราะไม่ว่าจะโปรโมทดีแค่ไหน แต่งร้านดีแค่ไหน แต่สินค้าไม่ดีไม่มีคุณภาพ มันก็ขายไม่ได้อยู่ดี ดังนั้นคุณภาพสินค้าสำคัญมาก” - เปิ้ล นาคร

ที่ Club Inspired Day ทุก Story มีความหมาย ได้ Inspired ทุก Moment กับสองดีเจสุดเท่
“ดีเจเป้” และ “ดีเจแคน” ที่เปิดไมค์ต้อนรับ “จูน กษมา” และ “เปิ้ล นาคร” ที่ได้มาแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับ ธุรกิจแกงไก่ออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง ภายใต้ชื่อแบรนด์ "หม้อแม่จูน" บทสนทนาครอบคลุมถึงแรงบันดาลใจในการเริ่มธุรกิจ ซึ่งรวมถึงประสบการณ์ส่วนตัวของคุณจูนเกี่ยวกับการทำบุญและการสื่อสารกับสิ่งที่มองไม่เห็น การสนทนายังกล่าวถึง กลยุทธ์ทางธุรกิจ ที่เน้นคุณภาพของสินค้า และการตลาดแบบปากต่อปาก นอกจากนี้ยังมีการพูดคุยอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับ ชีวิตครอบครัวและการเลี้ยงลูกทั้งสี่คน ในแบบที่ไม่ยึดติดกับธรรมเนียมปฏิบัติและเน้นความเข้าใจกันระหว่างคู่รักและลูก ๆ เรื่องราวชีวิต พร้อมข้อคิดแรงบันดาลใจ ถูกแชร์ไว้แล้วในรายการ

ธุรกิจจากแรงบันดาลใจ เมื่อเสียงเพรียกจาก "บุญ" นำไปสู่ "หม้อแม่จูน"
จูน กษมา เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในหลายด้าน โดยเฉพาะธุรกิจล่าสุดที่กลายเป็นกระแสโด่งดังในโซเชียลมีเดียในระดับประเทศ นั่นคือ "หม้อแม่จูน"
โดยชื่อ "หม้อแม่จูน" นี้มาจากแนวคิดเริ่มต้นที่ต้องการใช้ชื่อ "ครัวแม่จูน" แต่เมื่อผู้ออกแบบส่งโลโก้ที่เป็นรูปหม้อมาให้ เปิ้ล นาคร ก็เกิดความคิดและเสนอให้เปลี่ยนเป็น "หม้อแม่จูน" โดยเขามองว่ามันหมายถึง "หม้อเมียเรา" ซึ่งฟังแล้วเป็นคำที่สวยงามและน่าสนใจมาก
จุดกำเนิดเมนูแกงไก่ สาเหตุที่จูนเลือกทำเมนูแกงไก่ขายนั้น มีที่มาจากการทำบุญอย่างหนัก จูนมักจะทำบุญเกี่ยวกับ ศพไร้ญาติและศพยากไร้ อยู่เสมอ และทุกครั้งที่เธอทำอาหารเลี้ยง หรือทำบุญใหญ่ เธอมักจะทำ แกงไก่สูตรของเธอ ด้วยมือของตัวเองไปให้พวกเขาได้กิน
จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นหลังจากการทำบุญใหญ่ในวันที่ 9 ที่มีการวางอาหารเป็นพัน ๆ ชุด ในวันรุ่งขึ้น (วันที่ 10) จูนก็มี "แวบ" หรือรู้สึกว่าต้องทำแกงไก่ขาย แม้ว่าเปิ้ล นาคร จะไม่เชื่อในตอนแรก และตั้งคำถามเพราะจูนทำธุรกิจอื่นอยู่แล้ว จูนยืนยันว่ามีความเชื่อในสิ่งที่มาบอก
เคล็ดลับความอร่อยและสูตรจากบ้านเกิด แกงไก่ที่ทำขายนั้นไม่ใช่ "สูตรผีบอก" แต่เป็น สูตรที่คุณแม่ทำมาตั้งแต่จูนยังเด็ก เมื่อตัดสินใจทำธุรกิจนี้ จูนจึงเรียกคุณแม่จากจังหวัดตราดขึ้นมาพร้อมกับพริกแกง เพื่อให้รสชาติเป็นสูตรดั้งเดิม
จาก 50 สู่หลักพัน การเริ่มต้นธุรกิจนั้นเริ่มจากการทดลองทำ 50 ชุดแรกเพื่อแจกเพื่อน วันที่สองต้องทำ 100 หม้อ เพราะมีคนสั่งซื้อ และเพียง 4 เดือน ธุรกิจก็ขยายตัวอย่างรวดเร็วจนปัจจุบันผลิตได้ในหลักพันชุดต่อวัน

ปรัชญาธุรกิจ คุณภาพคือหัวใจ และความใจถึงคือการตลาด
จูน กษมา และ เปิ้ล นาคร มีพื้นฐานการทำธุรกิจอาหารอยู่แล้วจากการเคยเปิดร้านอาหารขนาดใหญ่มาก่อน แต่สำหรับ "หม้อแม่จูน" พวกเขามีหลักคิดที่เน้นสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ประกอบการว่า
1. คุณภาพสินค้าต้องมาก่อน (The Product is King) จูนเน้นย้ำว่าสิ่งแรกที่นำไปสู่ความสำเร็จในการค้าขายคือ คุณภาพของสินค้า (Product Quality) ไม่ว่าการตลาดจะดี โลเคชั่นจะสวยงาม หรือโปรโมทหนักขนาดไหน หากสินค้าไม่ดีหรือไม่อร่อย สุดท้ายก็จะดับไป ดังนั้น ต้องควบคุมคุณภาพสุดเข้มข้น ธุรกิจนี้ยังคง ทำมือ โดยใช้คนทำ เครื่องแกงต้องโขลกเองตามสูตร และที่สำคัญคือใช้น้ำ กะทิสด ไม่ใช่กะทิกล่อง คุณภาพถูกควบคุมอย่างเข้มงวดโดยคุณแม่ ซึ่งพร้อมจะทิ้งกะทิหรือวัตถุดิบทั้งหมด หากมีกลิ่นไหม้ของกะลาเล็กน้อย หรือไก่มีขนาดเล็กเกินไป เพื่อรักษามาตรฐาน
2. การสื่อสารและกลยุทธ์ออนไลน์ จูนทำธุรกิจแบบ ออร์แกนิคล้วน ๆ และเน้นการ เล่นกับสื่อวันต่อวัน พวกเขาต้องสื่อสารและเล่าเรื่องอยู่ตลอดเวลา และไม่สามารถ "อยู่ นิ่ง ๆ" ได้ ต้องมีการเปลี่ยนโปรโมชั่นหรือกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง
3. ความคุ้มค่าและใจถึงกับลูกค้า คอนเซ็ปต์แรกเริ่มของจูนคือ "ใส่ไปเยอะ ๆ ให้เขาไปเยอะ ๆ" หม้อแม่จูนหนึ่งถุงมีน้ำหนักถึง 2 กิโลกรัม จูนนำค่าใช้จ่ายที่ไม่ต้องเสียไปกับการเช่าหน้าร้าน มาเพิ่มเป็นปริมาณไก่และวัตถุดิบให้ลูกค้าแทน ซึ่งทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าคุ้มค่ามาก
4. รับฟังแต่คงเอกลักษณ์ จูนตระหนักดีว่าอาหารเป็นเรื่องยาก เพราะร้อยคนก็ร้อยลิ้น แม้จะพร้อมปรับตัวตามคำติชม (เช่น เผ็ดไป หรือเค็มไป) แต่สุดท้ายแล้ว รสชาติหลักจะต้องเป็น "รสจูน" หรือรสชาติของแกงไก่แบบคนจังหวัดตราด ซึ่งเป็นรสชาติตะวันออกที่เธอต้องการให้ทุกคนได้ลอง
5. เรื่องเล่าที่สร้างความประทับใจ จูนถือว่าลูกค้าเป็นหลัก และรู้สึกดีมากเมื่อได้ดูแลลูกค้า มีเรื่องราวความประทับใจที่ จูนและเปิ้ลต้องไปส่งแกงไก่ให้คุณป้าที่เป็น มะเร็งระยะสุดท้าย กำลังจะไปให้คีโม คุณป้ากลัวจะตายก่อนที่จะได้กินแกงที่สั่งไป เมื่อได้รับแกงไก่ คุณป้าถึงกับร้องไห้และบอกว่า "ถ้าตายไปในตอนนี้ ป้าก็ตายตาหลับแล้ว"

ชีวิตครอบครัวและการเลี้ยงดู ปลูกฝังความเป็นพ่อแม่ด้วย "วิถีออร์แกนิค"
จูนและเปิ้ลมีลูกด้วยกัน 4 คน โดยลูก ๆ แบ่งเป็นสองคู่คือ คู่โต (14-15 ปี) และคู่เล็ก (9-10 ปี) การมีลูก 4 คนไม่ได้เป็นไปตามแผน แต่ส่วนหนึ่งมาจากการอยากให้มีตัวกลางไกล่เกลี่ยความทะเลาะกันของลูกสองคนแรก และความหวังที่จะได้ลูกสาวสวย ๆ เหมือนแม่
วัยเด็กที่ขาด "วัฒนธรรมครอบครัว" ทั้งจูนและเปิ้ลต่างเติบโตมาแบบดูแลตัวเองตั้งแต่เด็ก ทำให้พวกเขาทั้งคู่ขาด "วัฒนธรรมของครอบครัว" ที่สืบทอดกันมา เนื่องจากพวกเขาไม่มีแบบแผน การเลี้ยงดูจึงเป็นไปตามความรู้สึก (ออร์แกนิค/ธรรมชาติ) แต่สิ่งสำคัญที่เปิ้ลเน้นย้ำคือ การทำให้ลูกมีพ่อมีแม่ อยู่ด้วยจนโต พวกเขาต้องการรักษาความอบอุ่นและความเป็นครอบครัวไว้ให้ได้นานที่สุด และพยายาม นอนด้วยกันตลอดเวลา เพื่อรักษาความใกล้ชิด แม้ลูกจะโตแล้ว (ยกเว้นลูกคนโตสุดที่แยกห้อง) ครอบครัวยังคงนอนด้วยกันบนฟูก 4 อันที่วางติดกันบนพื้น เพื่อให้ได้เล่นกันและอยู่ด้วยกันก่อนนอน
กฎพื้นฐานและหลักการใช้ชีวิต จูนมีกฎที่บ้าน เช่น ผู้ชายห้ามทำร้ายผู้หญิง แต่หลักการทำโทษคือทุกคนเท่าเทียมกัน ไม่มีการใช้คำว่า "พี่ต้องเสียสละให้น้อง" เพราะการที่เกิดก่อนหลังไม่ควรทำให้สิทธิไม่เท่ากัน ส่วนเปิ้ลสอนลูกชายว่า ห้ามทำร้ายคนที่อ่อนแอกว่า ถ้าจะต่อยใคร ต้องต่อยกับคนที่แข็งแรงเท่ากัน หรือแข็งแรงกว่าเท่านั้น และหากชนะจะยิ่งภูมิใจ
การสื่อสารและกิจกรรมร่วม จูนสื่อสารพูดคุยกับลูก ทุกเรื่อง ตลอดเวลา ซึ่งทำให้ลูกรู้สึกใกล้ชิด และกล้าเล่าเรื่องส่วนตัว (เช่น เรื่องผู้หญิง) ให้พ่อแม่ฟัง นอกจากนี้ กิจกรรมที่ลูก ๆ ชอบทำ (การแสดง, กีฬา, ศิลปะ, TikTok) ยังเป็นสิ่งที่พ่อแม่ก็ชอบด้วย ทำให้พวกเขามีเรื่องที่คุยกันรู้เรื่องและใช้เวลาร่วมกันเสมอ

วิถีคู่รักที่ไม่เหมือนใคร ความไว้ใจไร้ขีดจำกัด และพลังจากการ "ทำบุญ"
การบริหารเวลาแบบไม่เหนื่อย จูนรับผิดชอบธุรกิจถึง 5 อย่าง แต่เธอบอกว่าเธอไม่รู้สึกเหนื่อย เพราะเธอนอนเพียงวันละ 5-6 ชั่วโมง ทำให้มีเวลาเหลือเยอะ เธอสามารถบริหารงานได้ทั้งหมดผ่านมือถือ และสั่งงานจากโทรศัพท์ โดย ใช้สามีเข้าประชุม ในการติดตามงานแทนเธอ ในขณะที่เปิ้ลนอนวันละ 8-10 ชั่วโมง
เคล็ดลับความสัมพันธ์ที่ยาวนาน คือ ความไว้ใจ เปิ้ล นาคร เผยว่าสิ่งที่ทำให้ความสัมพันธ์ยืนยาวคือ เขาไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของจูนเลยสักอย่าง เขามีความไว้ใจสูงมาก มีอยู่ครั้งหนึ่ง จูนลุกขึ้นมาแต่งตัวสวยตอน 23:30 น. เพื่อออกไปเรียนคอร์สหรือพบเพื่อน แต่เปิ้ลไม่ถามอะไรเลย เพียงแค่หันมามองแล้วนอนต่อ เปิ้ลให้เหตุผลว่า จูนเป็นคนที่มีชื่อเสียง มีลูก 4 คน และคบหากับนักธุรกิจที่เป็นผู้ใหญ่ ทำให้เขาเชื่อว่าจูนไม่ได้ไปทำเรื่องเสียหาย ความไว้ใจนี้ทำให้ชีวิตคู่ไม่มีการระแวงกัน ซึ่งเป็นการรักษา "สุขภาพจิต" ของทั้งคู่

พลังของ "บุญ" ที่นำพาความสำเร็จ
เปิ้ลเชื่อว่าความสำเร็จในชีวิตของจูนนั้น ไม่ได้มาจากแค่การกระทำเท่านั้น แต่มาจาก "บุญ" ที่จูนทำไว้เยอะมาก โดยเฉพาะการทำบุญหนักเรื่องการบริจาคโรงศพ ซึ่งจูนทำเป็นพัน ๆ โรงแล้ว เปิ้ลมองว่าบุญนั้นเข้ามาช่วยพวกเขา และพวกเขาต้องตอบแทนบุญคุณของบุญนั้น
เปิดรับแรงบันดาลใจได้ใน Club Inspired Day คลับที่เต็มไปด้วยข้อคิดแรงบันดาลใจ และมีคลังความรู้ที่พร้อมแชร์ ไปกับ Iconic และสองดีเจสุดเท่ “ดีเจเป้” และ “ดีเจแคน” ได้ในทุกสัปดาห์
ดูรายการย้อนหลัง
