ถอดบทเรียนจาก “อ.ดร.ตฤณห์ โพธิ์รักษา” นักอาชญาวิทยา ผู้สังเกตและอ่านใจคนจากภาษากาย

Club Inspired Day Recap

ถอดบทเรียนจาก “อ.ดร.ตฤณห์ โพธิ์รักษา” นักอาชญาวิทยา ผู้สังเกตและอ่านใจคนจากภาษากาย

22 ก.ย. 2025

“ภาษากายเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และร่างกายมักจะตอบสนองต่ออารมณ์โดยอัตโนมัติก่อนที่เราจะรับรู้ด้วยซ้ำ เช่นเดียวกับการกอดเข่า ที่เกิดขึ้นจากสัญชาตญาณเมื่อเราอยู่ในสภาวะที่เปราะบางทางอารมณ์”

 

 

ที่ Club Inspired Day ทุก Story มีความหมาย ได้ Inspired ทุก Moment กับสองดีเจสุดเท่ “ดีเจเป้” และ “ดีเจแคน” ที่เปิดไมค์ต้อนรับ “อาจารย์ ดร. ตฤณห์ โพธิ์รักษา” ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชญาวิทยา และภาษากาย โดยเน้นไปที่การอธิบายหลักการพื้นฐานและระดับความละเอียดอ่อนของ ภาษากาย ที่แสดงออกถึงอารมณ์ต่าง ๆ เช่น ความกลัวและความโกรธ นอกจากนี้ ยังมีการพูดคุยอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับ ความแตกต่างระหว่างเจเนอเรชัน (Gen X, Y, Z) ในสภาพแวดล้อมการทำงาน รวมถึงการทำความเข้าใจกับ เหยื่อวิทยา และวิธีการที่มิจฉาชีพใช้ประโยชน์จากสภาวะทางอารมณ์ที่อ่อนแอของเหยื่อเพื่อทำการหลอกลวง เรื่องราวชีวิต พร้อมข้อคิดแรงบันดาลใจ ถูกแชร์ไว้แล้วในรายการ

 

 

ศิลปะและวิทยาศาสตร์แห่งการอ่านคน

อาจารย์ตฤณห์ โพธิ์รักษา เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้เชี่ยวชาญที่อยู่เบื้องหลังการวิเคราะห์เหตุการณ์ต่าง ๆ ทั้งในโลกออนไลน์และโทรทัศน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้าน "ภาษากาย" แต่ท่านเน้นย้ำว่า อาชญาวิทยาและการวิเคราะห์ภาษา กายนั้นเป็นคนละส่วนกัน

ซึ่งภาษากายมีความละเอียดอ่อนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Micro Expression ซึ่งเป็นการแสดงออกเพียงเสี้ยววินาที หากถ้าพลาดไปแล้วก็จะไม่สามารถย้อนกลับไปดูได้ การแสดงออกเหล่านี้มักเกิดจากระบบประสาทอัตโนมัติ ซึ่งเจ้าของร่างกายไม่สามารถควบคุมได้

ตัวอย่างกลไกของอารมณ์

  • ความกลัว เมื่อรู้สึกกลัว สมองจะสั่งการให้หัวใจสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อที่ใหญ่ที่สุดคือกล้ามเนื้อสะโพก เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการหนี ทำให้ หน้าซีด ปากซีด และมือเย็น เพราะเลือดไปเลี้ยงที่อื่นหมด
  • ความโกรธ เมื่อโกรธ ร่างกายต้องการปะทะและต่อสู้ สมองจะส่งสัญญาณให้หัวใจเต้นเร็วขึ้นและสูบฉีดเลือดไปหล่อเลี้ยงร่างกายส่วนบน (Upper body) ซึ่งเป็นส่วนที่มีอาวุธ (มือและฟัน) ทำให้ หน้าแดง
  • ความสะเทือนใจ/สะเทือนอารมณ์ อารมณ์ในแง่ลบ เช่น กลัว โกรธ เกลียด หรืออาย จะกระตุ้นสมองส่วนที่เรียกว่า อมิกดาลา (Amigdala) ซึ่งอยู่ใกล้กับฮิปโปแคมปัส (ศูนย์ความจำ) นี่คือเหตุผลที่ว่า เรามักจะจดจำคำพูดในแง่ลบได้แม่นยำและยาวนานกว่าคำชม

การรู้จักตนเองและผู้อื่นเริ่มต้นจากการสังเกตที่ละเอียดยิ่งกว่าที่ตาเห็น ร่างกายของเราเป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์ หากเราเข้าใจกลไกอัตโนมัติเหล่านี้ เราจะสามารถรับรู้ถึงอารมณ์ที่แท้จริงได้ แม้ว่าบุคคลนั้นจะพยายามปิดซ่อนไว้ก็ตาม

 

 

เคล็ดลับการวิเคราะห์ที่นักอ่านภาษากายมืออาชีพใช้

การอ่านภาษากาย ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ใบหน้า ใบหน้าเป็นเพียง 5% ของพื้นที่ทั้งหมด นักอ่านภาษากายมืออาชีพทั่วโลกมักเริ่มต้นจากเท้าก่อน อาจารย์ตฤณห์ยังทำงานร่วมกับ คุณแครอล เรตัน นักอ่านภาษากายอันดับ 8 ของโลก ซึ่งให้ความสำคัญกับการ "Keep your feet on the ground" เพื่อแสดงความมั่นคง และความมั่นใจ

เทคนิคการสร้างความน่าเชื่อถือ

  • การยืน หากยืนขยับขาไปมา ความน่าเชื่อถือจะลดลง ผู้พูดที่หนักแน่นควรยืนขา 2 ข้าง ถ่ายน้ำหนักเท่ากัน ยืนตัวตรง
  • การปกป้องลำตัว (Torso) มนุษย์มักใช้มือปกป้องลำตัว (บริเวณคอถึงสะโพก) เมื่อรู้สึกไม่ปลอดภัย เช่น การกอดอก หรือ การกอดเข่า เมื่ออกหักหรือเสียใจมาก ๆ ซึ่งเป็นการเลียนแบบท่าทางตอนอยู่ในครรภ์มารดา เพื่อเรียกร้องความรักและความอบอุ่น

เทคนิคการจับโกหก (การสร้างตารางเบสไลน์) ในการวิเคราะห์ที่แม่นยำ ต้องสร้าง ตารางเบสไลน์ (Baseline) ของคน ๆ นั้นขึ้นมาใหม่ทุกครั้ง

  • อัตราการกะพริบตา (Blink Rate) เก็บค่าเฉลี่ยตอนที่เขาอยู่ในอารมณ์ปกติ (คนทั่วไป 15-20 ครั้ง/นาที)
  • อัตราการหายใจ เพื่อทราบถึงชีพจร
  • พฤติกรรมเฉพาะตัว ท่าทางการนั่ง การใช้มือ (ดีดนิ้ว หมุนปากกา เขย่าขา) หรือการกอดอกในสถานการณ์ที่ผิดปกติ (เช่น กอดอกในห้องที่ร้อน)
  • จุดที่อารมณ์รั่ว (Emotional Leak) ส่วนที่อารมณ์รั่วออกมามากที่สุดคือ ตาและหน้าผาก (กล้ามเนื้อรอบคิ้ว)

ความมั่นใจเริ่มต้นจากความมั่นคงทางกาย หากคุณต้องการสร้างความน่าเชื่อถือ จงเริ่มต้นจากการมีฐานที่มั่นคง และเมื่อวิเคราะห์ผู้อื่น ต้องมีความละเอียดรอบคอบด้วยการเก็บ "ค่ามาตรฐาน" ของบุคคลนั้นก่อนยิงคำถามที่ซีเรียส

 

 

เกราะป้องกันในสังคม และที่ทำงาน

อาจารย์ตฤณห์ให้มุมมองเกี่ยวกับความท้าทายในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแยกแยะระหว่างมิตรแท้และคนที่เป็นอันตราย

1. การทำความเข้าใจเพื่อนร่วมงาน (Generation Gap)

  • Gen X และ Baby Boomer ให้คุณค่ากับการทำงานอย่างจริงจัง ถวายชีวิตให้งาน และมักจะลืมบทบาทอื่น ๆ ในชีวิต (เช่น พ่อ แม่ พี่ น้อง)
  • Gen Z ให้คุณค่ากับ Work Life Balance, รู้สิทธิของตนเอง และจะตั้งคำถามหากถูกเอาเปรียบหรือใช้เกิน Job Description
  • Gen Y (Generation กลาง) เป็นเจนที่อยู่เป็นที่สุด เข้าใจทั้ง X และ Z และรู้วิธีจัดการความขัดแย้ง (เช่น บอกให้ชมมนุษย์ป้า หรือพา Gen Z ไปกินสุกี้เพื่อดึงมาเป็นพวก)

2. การรับมือกับ "เพื่อนที่ทำงาน" เราไม่ควรรู้สึกว่าใครเป็นพวกเดียวกับเรา 100% เพราะเราไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง หรือภูมิหลังของเพื่อนร่วมงานเลย การพูดดีกับเราไม่ได้แปลว่าเขาชอบเรา เราจำเป็นต้องใช้ Social Skill ในการเข้าสังคม ซึ่งบางครั้งก็คือการสวมหน้ากากและเสแสร้ง

3. เหยื่อวิทยา (Victimology) และการหลีกเลี่ยง Scammer อาชญากรและมิจฉาชีพจะใช้ช่วงเวลาที่เหยื่อ "เปราะบางทางด้านจิตใจ" เช่น เพิ่งอกหัก ล้มละลาย ป่วย หรือสูญเสีย เพราะเมื่อมีอารมณ์ เช่น กลัว หลง หรือโลภ สมองส่วนหน้า (ด้านเหตุผล) จะลดการทำงานลง ทำให้มีสติน้อยลง และถูกแทรกแซงได้ง่าย

ต้องระมัดระวังการสร้างความสัมพันธ์แบบกระโจนใส่ (Jump into relationship) เพราะช่วงแรกทุกคนมักเปิดเผยแต่ข้อดี (Love Bombing) ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ สติ คือเกราะป้องกันที่ดีที่สุด สติไม่ได้ต้องมีแค่ตอนโดนหลอก แต่ต้องมีตลอดเวลา กฎ 45-60 นาที เมื่อได้รับข้อมูลที่น่ากลัวจากมิจฉาชีพ จง "วางสายแล้วหยุดคิด 45-60 นาที" และหาข้อมูลจากแหล่งอื่น หรือปรึกษาคนใกล้ตัว มิจฉาชีพมักจะพยายามแยกเหยื่อออกจากกลุ่ม เพื่อไม่ให้มีใครช่วยฉุดคิด

 

 

การตั้งคำถามต่อความเชื่อ

อาจารย์ตฤณห์เล่าถึงประสบการณ์ส่วนตัวที่เคยไปดูดวงกับเพื่อน ในฐานะคนที่ชอบท้าทายและตั้งคำถาม ท่านได้สังเกตวิธีการทำงานของหมอดู ซึ่งมักจะใช้การคาดเดาและอ่านปฏิกิริยาของลูกค้า

ยกตัวอย่างเหตุการณ์ เมื่อหมอดูพูดไม่ถูกต้องเลยสักเรื่อง (เช่น ทักว่าสนิทกับพ่อมากกว่าแม่ ทั้งที่จริงไม่สนิท หรือทักว่าเป็นลูกคนเดียว ทั้งที่เขามีน้องอีก 2 คน) อาจารย์ตฤณห์ได้เออออห่อหมก ทำให้หมอดูต่อเรื่องไปเรื่อย ๆ เมื่อหมอดูขอค่าครู 500 บาทสำหรับเรื่องที่ไม่แม่นยำ อาจารย์ตฤณห์ทักท้วง หมอดูจึงอ้างว่าคนที่กวนใจคือกุมารที่ติดตามตัวมา และเค้าจะหาเรื่องมาพูดเรื่อย ๆ จนมันต้องมีสักเรื่องที่ตรงกับเรา

ดังนั้นจงเป็นผู้ที่ชอบตั้งคำถาม หากเราสามารถรู้เท่าทันวิธีการทำงานของการทำนายหรือการหลอกลวง เราจะไม่ตกเป็นเหยื่อได้ง่าย ส่วนใหญ่แล้วคนเราจะไปดูดวงเมื่อไม่สบายใจ หรือมีเรื่องที่ไม่แน่ใจ การมีสติและใช้เหตุผลจึงสำคัญกว่าความเชื่อที่ไร้รากฐาน

 

 

แรงบันดาลใจในการค้นหาเส้นทางชีวิต

อาจารย์ตฤณห์ได้ฝากแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ที่กำลังสับสนกับเส้นทางชีวิต ท่านกล่าวว่าเด็ก ๆ ส่วนใหญ่รู้จักแต่เฉพาะอาชีพที่พ่อแม่หรือสังคมให้คุณค่า (เช่น หมอ พยาบาล ครู) แต่ยังมีอาชีพอีกมากมายที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก และได้แนะนำว่า

  • การค้นหาตัวเองคือ "การลอง" จงรู้จักศึกษาและคว้าโอกาสทุกโอกาสที่เข้ามาในชีวิต
  • ออกนอกกรอบแต่เคารพกฎ ให้พยายามออกไปท่องเที่ยวและเรียนรู้ให้ได้มากที่สุด แต่อย่าทำลายกฎระเบียบ ให้เรียนรู้จากมัน

ตัวอย่างอาชีพทางเลือก มีอาชีพอีกมากมายที่น่าสนใจ เช่น นักอาชญาวิทยา, เวชศาสตร์จราจร, หรือ นักซีโรวิทยา ซึ่งในฐานะครูและนักวิชาการ อาจารย์ตฤณห์ให้ข้อคิดว่า ชีวิตมีเส้นทางอีกหลากหลายที่เรายังไม่รู้ ดังนั้นจงใช้ชีวิตด้วยการ "ลอง" เพื่อค้นพบตัวเองและโอกาสใหม่ ๆ ในโลกกว้าง

 

 

เปิดรับแรงบันดาลใจได้ใน Club Inspired Day คลับที่เต็มไปด้วยข้อคิดแรงบันดาลใจ และมีคลังความรู้ที่พร้อมแชร์ ไปกับ Iconic และสองดีเจสุดเท่ “ดีเจเป้” และ “ดีเจแคน”  ได้ในทุกสัปดาห์

 

ดูรายการย้อนหลัง

album

0
0.8
1