เปิดรับแรงบันดาลใจ จาก “ไอซ์ ศรัณยู” จากเด็กบ้าน ๆ สู่ศิลปิน Prince of Smile ผู้ไม่ยอมแพ้ต่อความฝัน

Club Inspired Day Recap

เปิดรับแรงบันดาลใจ จาก “ไอซ์ ศรัณยู” จากเด็กบ้าน ๆ สู่ศิลปิน Prince of Smile ผู้ไม่ยอมแพ้ต่อความฝัน

11 ก.ย. 2025

“ไอซ์ยังอยากอยู่ในวงการ อยากร้องเพลงไปเรื่อย ๆ เพราะความสุขที่สุดของไอซ์ คือการได้จับไมค์ร้องเพลง และเราเป็นคนที่โชคดีมาก ที่ได้ดำรงชีพจากอาชีพที่เราทำแล้วมีความสุข

ในชีวิตของคนเรา ความพยายามและความตั้งใจมันไม่สูญเปล่า มันมีรางวัลกลับมาให้เราเสมอ แม้บางครั้งผลลัพธ์อาจจะไม่สำเร็จดั่งหวัง แต่อย่างน้อยรางวัลของความพยายามก็คือ มันทำให้เราได้พัฒนาศักยภาพของตัวเราเอง”

 

 

ที่ Club Inspired Day ทุก Story มีความหมาย ได้ Inspired ทุก Moment กับสองดีเจสุดเท่ “ดีเจเป้” และ “ดีเจแคน” ที่เปิดไมค์ต้อนรับ “ไอซ์ ศรัณยู” ที่ได้มาพูดคุยและแชร์เรื่องราวการเดินทางในวงการบันเทิงของไอซ์ทั้งในฐานะ พิธีกรและนักร้อง รวมถึง ประสบการณ์ชีวิตส่วนตัว และ แนวคิดในการทำงาน เขาเล่าถึงความสำเร็จในอาชีพ อุปสรรคที่ต้องเผชิญ และ วิธีรับมือกับความคาดหวังและคำวิจารณ์ นอกจากนี้ยังมีการพูดถึง ชีวิตส่วนตัว ความรัก และ การท่องเที่ยว ซึ่งสะท้อนถึงมุมมองความคิดที่เป็นผู้ใหญ่และความซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตนเอง การสนทนาปิดท้ายด้วยคำถามเชิงปรัชญาเกี่ยวกับ ชีวิตปัจจุบัน ความฝัน และ สิ่งที่อยากบอกตัวเอง เรื่องราวชีวิต พร้อมข้อคิดแรงบันดาลใจ ถูกแชร์ไว้แล้วในรายการ

 

 

จุดเริ่มต้นความฝัน... "อยากเป็นนักร้องเหมือนพี่เจ เจตริน!

ไอซ์ ศรัณยู เผยว่าความฝันในการเป็นนักร้องนั้นเริ่มต้นตั้งแต่เขายังเด็ก โดยมี พี่เจ เจตริน เป็นแรงบันดาลใจที่อยากจะขึ้นไปยืนบนเวทีและควบคุมพลังงานของผู้คนได้ แม้คุณพ่อคุณแม่ซึ่งเป็นครูทั้งคู่จะไม่ได้สนับสนุนเต็มร้อยในตอนแรก เพราะมองว่าอาชีพในวงการบันเทิงอาจไม่มั่นคงในระยะยาว แต่พวกท่านก็ไม่เคยปิดกั้น ครอบครัวของคุณไอซ์ส่วนใหญ่เป็นสายวิชาการ พี่ชายทำงานกระทรวงการคลัง น้องสาวทำงานด้านการเงิน ทำให้การเลือกเรียนศิลปกรรมศาสตร์ของไอซ์ เป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาอธิบายให้ครอบครัวเข้าใจ และจงกล้าที่จะทำตามฝัน แม้เส้นทางอาจแตกต่างจากความคาดหวังของคนรอบข้าง แต่หากเป็นสิ่งที่เราหลงใหล ก็จงมุ่งมั่นที่จะเดินไป

ณ วันที่ต้องเลือกเส้นทาง ไอซ์เลือกที่จะบอกคุณพ่อตรง ๆ ว่าแม้จะสอบเข้าคณะวิศวกรรมศาสตร์ได้ แต่ใจไม่ชอบ และมีความเสี่ยงสูงที่จะไม่มีความสุขในการเรียน การพูดความจริงทำให้พ่อแม่เปิดใจ และยอมรับในที่สุด

 

 

ทุ่มสุดตัวล่าฝัน... "เวทีหน้าเสาธงคือของหวาน

ไอซ์เป็นเด็กกิจกรรมมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยรู้สึกอาย และเป็นคนกล้าแสดงออกอย่างมาก ตั้งแต่การร้องเพลงชาติหน้าเสาธง อ่านทำนองเสนาะ หรือพูดสุนทรพจน์ เขาก็พร้อมเสมอ ไอซ์เริ่มเข้าวงการตั้งแต่ ม.6 เทอม 2 ด้วยการถ่ายแบบโฆษณาเล็ก ๆ ก่อนจะเข้าโครงการ MC Search ของแกรมมี่และเป็นพิธีกรภาคสนาม แต่ความฝันที่แท้จริงคือการเป็นนักร้อง ไอซ์วิ่งเข้าหาโอกาสทุกเวทีที่เปิดรับออดิชั่น การไม่รู้จักคำว่า "อาย" และกล้าแสดงออก ทำให้ไอซ์คว้าโอกาสมากมายในชีวิต ถึงแม้จะมุ่งมั่นในวงการบันเทิง แต่ไอซ์ย้ำเสมอว่าการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ที่สามารถต่อยอดได้ในอนาคตไม่ว่าจะทำงานตรงสายหรือไม่ก็ตาม

 

 

เริ่มเส้นทางนักร้อง... จากเพลงแรกที่ดังสู่เวทีระดับโลก

หลังจากการประกวดร้องเพลงในโครงการ MC Search และทำหน้าที่พิธีกรอยู่ราวหนึ่งปี ไอซ์ก็ได้รับโอกาสเป็นนักร้อง เพลง "คนมันรัก" กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขากลายเป็นศิลปินและเป็นที่รู้จัก ตามมาด้วยเพลง "คนใจง่าย" ที่พลิกชีวิตของเขาอย่างมาก ทำให้มีโอกาสทำงานในต่างประเทศ ทั้งออกซิงเกิลที่ญี่ปุ่น และเป็นตัวแทนไปเทศกาลดนตรีในหลายประเทศทั่วเอเชีย เขาเคยไปยืนร้องเพลง "จั๊ด-จาดาดา" กลางสี่แยกชิบูย่า และบนเวที Asia Song Festival ที่เกาหลี สร้างความภาคภูมิใจอย่างยิ่งจากเด็กต่างจังหวัดที่เคยถูกเพื่อนหัวเราะเมื่อบอกว่าอยากเป็นนักร้อง ด้วยรอยยิ้มตลอดเวลาขณะทำงานที่ญี่ปุ่น ทำให้เขาได้รับฉายา "Prince of Smile" แม้ในตอนแรกจะรู้สึกเคว้งคว้าง แต่การทำงานอย่างต่อเนื่องก็นำไปสู่ความสำเร็จที่ไม่คาดคิด โดยการยิ้ม และเปิดใจรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ แม้จะมีความต่างทางภาษา ทำให้เขากลายเป็นที่รักและได้รับฉายาที่เป็นเอกลักษณ์

 

 

เมื่อความคาดหวังคือดาบสองคม... "ทำไมเราทำไม่ได้วะ?"

เมื่อประสบความสำเร็จสูงจากเพลง "คนใจง่าย" ความคาดหวังในเพลงต่อ ๆ มาก็ยิ่งสูงขึ้น ไอซ์ยอมรับว่าเขามีความกดดันและนอยด์เมื่อเพลงไม่ฮิตเท่าที่คาดหวัง โดยมักจะโทษตัวเองว่า "ทำไม่พอ" หรือ "เอนเตอร์เทนไม่ดี" หากผู้ชมไม่อิน ไอซ์เป็นคนอ่อนไหวและซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกตัวเองมาก เขากล้าที่จะแสดงออกถึงอารมณ์ความรู้สึก ไม่ว่าจะเสียใจก็ร้องไห้ ไม่แฮปปี้ก็พูดตรง ๆ แต่ก็มีเยื่อบาง ๆ ที่ห่อหุ้มตัวเองไว้ คอยบอกตัวเองเสมอว่า "ไม่เป็นไรหรอก" และทุกอย่างจะโอเค ไอซกล่าวว่า เขาเป็นคนที่ “ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึก” การได้ระบายความรู้สึกออกมา ไม่เก็บกดไว้ข้างใน เป็นวิธีที่ดีในการจัดการกับอารมณ์และปัญหา และไอซ์เลือกที่จะมองความผิดพลาดที่ตัวเองและปรับปรุง มากกว่าที่จะโทษคนรอบข้าง

 

 

การเดินทางของ "รถไฟเหาะ"... จากช่วงเวลา "จางหาย" สู่การกลับมาอีกครั้ง

หลังจากจุดพีคของ "คนใจง่าย" ไอซ์ยอมรับว่ามีช่วงที่รู้สึกว่าตัวเองจางหายไป เขาตัดสินใจไม่ต่อสัญญานักร้องกับแกรมมี่ แต่ยังคงให้ดูแลงานภายใต้ "สัญญาใจ" และหันไปรับงานละครเวทีและละครโทรทัศน์มากขึ้น การได้ร้องเพลงประกอบละคร ทำให้เขารู้สึกไม่เจ็บตัวเท่ากับการทำเพลงของตัวเองที่ต้องแบกรับความคาดหวัง เพลงประกอบละคร "บุพเพสันนิวาส" กลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เขากลับมาเดินสายรับรางวัลอีกครั้ง และทำให้เขาตระหนักว่า ชีวิตมันก็คือรถไฟเหาะ มีขึ้นมีลงเสมอ และการเข้าใจว่าชีวิตมีขึ้นมีลงเป็นเรื่องปกติ จะช่วยให้เราเข้มแข็งและพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์

 

 

นักร้องงานเลี้ยงเบอร์ 1... ความสุขที่ยั่งยืนและการต่อยอดอาชีพ

ในช่วงที่ห่างหายจากหน้าสื่อ ไอซ์ค้นพบความสุขและความมั่นคงในบทบาท "นักร้องงานจัดเลี้ยง" เขามีงานร้องเพลงเฉลี่ย 3-4 วันต่อสัปดาห์ เพราะประเทศไทยมีการจัดเลี้ยงตลอดทั้งปี รายได้จากงานจ้างทำให้เขากลายเป็น 1 ใน 5 ของนักร้องแกรมมี่ที่มีงานจ้างสูงสุด ผู้ใหญ่ในแกรมมี่จึงชวนให้เขากลับมาทำเพลงอีกครั้ง เพื่อ "ต่อยอดอายุ" ของการทำงาน แม้จะกังวลว่าเพลงอาจจะไม่ดังเท่าเดิม แต่ก็ได้ข้อคิดว่าแม้แต่นักร้องดังระดับโลกก็ไม่ได้มีเพลงฮิตทุกเพลง โดยการค้นพบงานที่เหมาะสมกับตัวเองและสร้างความสุข ทำให้เขามีรายได้และอาชีพที่มั่นคง การกลับมาทำเพลงตามคำแนะนำของผู้ใหญ่ เป็นการสร้าง "คลังสมบัติเพลง" และต่อยอดอาชีพในระยะยาว และไอซ์อยากให้เพลง "ยกมาทั้งสวน" ประสบความสำเร็จ เพื่อเป็นรางวัลตอบแทนความทุ่มเทของทีมงานกว่าร้อยชีวิต

 

 

ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึก... และ "แค่เป็นห่วงเธอ" เพลงจากหัวใจ

ไอซ์กลับมาพร้อมกับแนวเพลงใหม่ที่มีความ "ป๊อปผสมไทย" ในค่าย GMM Grammy Gold สำหรับเพลงล่าสุด "แค่เป็นห่วงเธอ" นั้น ไอซ์ถึงกับปรึกษา "นักจิตบำบัด" (โปรดิวเซอร์ชื่อ เทอร์โบ) เพื่อค้นหาความรู้สึกภายในเกี่ยวกับเพลง เทอร์โบถามคำถามเชิงปรัชญา 4 ข้อ เช่น เพลงนี้เป็นสีอะไร อยากมอบข้อความอะไรให้ตัวเองในอดีตและอนาคต ไอซ์ตอบว่าเห็นเพลงเป็น "สีครามของน้ำทะเล" ที่ใสแต่ลึก และมีแสงแดดส่องถึง ซึ่งสื่อถึงความอบอุ่น ความดาร์กที่ไม่หม่นหมอง และอยากบอกตัวเองว่า "ภูมิใจในตัวเองนะที่เดินมาได้จนถึงทุกวันนี้ พลาดบ้าง ถูกบ้าง แต่เก่งแล้วนะ การเชื่อมโยงกับความรู้สึกภายในอย่างลึกซึ้ง ทำให้เพลง "แค่เป็นห่วงเธอ" เป็นบทเพลงที่สะท้อนตัวตนและส่งต่อข้อความแห่งความห่วงใยอย่างแท้จริง การมองย้อนกลับไปและภูมิใจในเส้นทางที่ผ่านมา เป็นการเติมพลังให้ก้าวต่อไป

 

บทเรียนชีวิต... "ความพยายามไม่เคยสูญเปล่าหรอก

ไอซ์เชื่อมั่นว่าความตั้งใจและความพยายามไม่เคยสูญเปล่า แม้ผลลัพธ์จะไม่เป็นไปตามที่คาดหวังเสมอไป แต่ทุกความพยายามย่อมพัฒนาศักยภาพของเรา และให้บทเรียนบางอย่างเสมอ เขายังให้ความสำคัญกับครอบครัวมาก พยายามเจอคุณพ่อคุณแม่ทุก 2 อาทิตย์ และอยากให้ท่านผ่อนคลายและมีความสุขกับชีวิตมากขึ้น ในด้านความรัก ไอซ์ใช้ชีวิตปกติ ไม่ได้ปิดบังแต่ก็ไม่ประกาศออกสื่อ เพราะคู่ของเขาไม่ชอบออกสื่อ ไอซ์มองว่าความรักในวัยนี้คือการดูแลและซัพพอร์ตความรู้สึกซึ่งกันและกัน ยินดีรับฟัง และกล้าที่จะไม่เห็นด้วยเพื่อหาจุดตรงกลาง

 

ข้อคิดแรงบันดาลใจ จาก ไอซ์ ศรัณยู

คุณค่าของความพยายาม ความพยายามทุกครั้งจะให้ "รางวัล" ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาตนเอง หรือข้อคิดในการดำเนินชีวิต

ครอบครัวคือหัวใจ ให้เวลากับครอบครัว และตอบแทนความรักความห่วงใยที่ได้รับมา

ความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน คือการดูแลความรู้สึกซึ่งกันและกัน การเป็นผู้ฟังที่ดี และการสื่อสารอย่างตรงไปตรงมา

พรข้อสุดท้ายที่สมจริง ไอซ์ขอพรให้ตัวเองสามารถอยู่ร่วมกับปัญหาได้โดยไม่เครียดมากเกินไป หาความสุขในปัญหาเจอ และให้ปัญหาผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ซึ่งสะท้อนถึงการยอมรับความจริงของชีวิตว่าปัญหาเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทาง แต่เราเลือกที่จะรับมือกับมันได้อย่างไร

 

 

เปิดรับแรงบันดาลใจได้ใน Club Inspired Day คลับที่เต็มไปด้วยข้อคิดแรงบันดาลใจ และมีคลังความรู้ที่พร้อมแชร์ ไปกับ Iconic และสองดีเจสุดเท่ “ดีเจเป้” และ “ดีเจแคน”  ได้ในทุกสัปดาห์

 

ดูรายการย้อนหลัง

album

0
0.8
1