“ความเชื่อ…เหมือน GPS ที่จะพาเราไปในทิศทางไหน และระหว่างทางก็ย่อมมีอุปสรรค แต่ถ้าเรามีทิศทางที่ชัดเจนแล้ว เราก็ต้อง คิดบวกอย่างถูกต้อง เพื่อให้ก้าวต่อไปถึงเป้าหมายนั้น”

ที่ Club Inspired Day ทุก Story มีความหมาย ได้ Inspired ทุก Moment กับสองดีเจสุดเท่ “ดีเจเป้” และ “ดีเจแคน” ที่เปิดไมค์ต้อนรับ “รสสุคนธ์ กองเกตุ” หรือ “ครูเงาะ” ที่ได้มาพูดคุยและแชร์เรื่องราวของ พลังแห่งความเชื่อ และ การรับรู้ตนเอง การสนทนายังครอบคลุมถึง วิธีที่จะรับรู้ถึงความเชื่อที่จำกัด รวมถึงความแตกต่างระหว่างการคิดบวกกับการมโน และเน้นย้ำถึง ความสำคัญของการมีเป้าหมายชีวิตที่ชัดเจน และ การแสวงหาความรู้คู่กับความเพียร ในการก้าวสู่ความสำเร็จ นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึง การเป็นครูและการสื่อสารอย่างเข้าใจบริบท รวมถึง การจัดการอารมณ์ด้วยหลักธรรมะ เพื่อการพัฒนาตนเองและความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น บทเรียนชีวิต พร้อมข้อคิดดี ๆ ได้ถูกแชร์เอาไว้แล้วในรายการ

บิดความเชื่อ เปลี่ยนชีวิต ปลดล็อกโซ่ตรวนที่มองไม่เห็น
ครูเงาะเริ่มต้นด้วยการชี้ให้เห็นความแตกต่างระหว่าง "ความจริง" กับ "ความเชื่อ" โดยความเชื่อคือสิ่งที่ก่อตัวขึ้นจากการเห็นซ้ำ ได้ยินซ้ำ หรือประสบการณ์ฝังใจในวัยเด็ก จนกลายเป็นสิ่งที่ชี้นำการกระทำของเราในระดับจิตใต้สำนึก ความเชื่อเหล่านี้มีทั้งแบบที่สนับสนุนให้เราก้าวไปข้างหน้า และแบบที่ล็อกเราไว้ไม่ให้ไปไหน โดยครูเงาะได้ยกตัวอย่างความเชื่อที่เคยล็อกชีวิตตัวเองไว้อย่างหนักหน่วง เช่น
ความเชื่อเรื่องการเงิน ครอบครัวของครูเงาะเคยเชื่อว่า "บ้านเราไม่มีหัวด้านการค้า" เพราะมีหลักฐานคือคุณพ่อเคยนำเงินไปลงทุนกับแชร์แม่ชม้อยแล้วเจ๊งหมดตัว ความเชื่อนี้ทำให้ทั้งครอบครัวไม่กล้าลงทุนทำธุรกิจ แต่ครูเงาะสามารถปลดล็อกตัวเองได้เมื่อเข้าใจว่านั่นเป็นชุดความเชื่อของพ่อแม่ ไม่ใช่ของเรา
ความเชื่อเรื่องความรัก ครูเงาะเคยเชื่ออย่างสุดใจว่า ผู้ชายไทยดี ๆ ไม่มีจริง ซึ่งเกิดจากการเห็นคุณพ่อดื่มเหล้าทุกวันจนเสียชีวิตด้วยโรคตับแข็ง และการเสพสื่อละครที่เห็นแต่เรื่องเมียน้อยเมียหลวงซ้ำ ๆ ทำให้จิตใต้สำนึกมองว่าผู้ชายขี้เมาและเจ้าชู้คือเรื่องปกติ เมื่อมีความรักจึงดึงดูดแต่คนลักษณะนี้เข้ามาในชีวิต
จุดเปลี่ยนสำคัญคือตอนที่ครูเงาะได้เรียนด้านจิตบำบัดและค้นพบปมในวัย 5 ขวบ ที่เคยขอให้พ่อเลิกเหล้าแต่พ่อเงียบ ซึ่งจิตใต้สำนึกของเด็กตีความว่า "พ่อไม่ได้รักเรามากพอ" และทำให้รู้สึกว่าตัวเอง "ไม่ดีพอและไม่คู่ควรกับคนดี ๆ" เมื่อเข้าใจและปลดล็อกปมนี้ได้ ครูเงาะจึงเปลี่ยนความเชื่อใหม่ หันมารักตัวเอง และเชื่อว่าผู้ชายดี ๆ มีอยู่จริงและเราคู่ควรกับคนเหล่านั้น จนได้พบกับความรักที่ดีในปัจจุบัน
หากอยากรู้ว่าเรามีความเชื่อที่ฉุดรั้งเราอยู่หรือไม่ ให้ลองถามตัวเองในเรื่องต่าง ๆ เช่น การเงิน หรือความรัก ว่าเรา "เชื่อ" อย่างสุดหัวใจไหมว่าเราคู่ควรกับสิ่งดี ๆ หากมีเสียงเล็ก ๆ ที่คัดค้าน นั่นอาจเป็นสัญญาณของความเชื่อที่จำกัดเราอยู่

การเป็นตัวของตัวเอง คือการเลือกทางที่ "ฉลาด" ไม่ใช่ทำตามอารมณ์
หลายคนมักสับสนกับคำว่า "การเป็นตัวของตัวเอง" และใช้เป็นข้ออ้างในการทำตามอารมณ์ เช่น "ฉันเป็นคนตรง ๆ เลยจะพูดจาทำร้ายจิตใจใครก็ได้" แต่ครูเงาะให้คำนิยามที่ลึกซึ้งกว่านั้นว่า การรู้จักตัวเองที่แท้จริงคือการตอบให้ได้ว่าเป้าหมายสูงสุดในชีวิตคืออะไร หรือชีวิตแบบไหนที่จะทำให้เรา "ตายตาหลับ"
เมื่อเรารู้เป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว เราจะเลือกทำในสิ่งที่ฉลาด (กุศล) เพื่อพาตัวเองไปสู่จุดนั้น แทนที่จะทำตามอารมณ์หรือสัญชาตญาณซึ่งเป็นความโง่ (อกุศล) ที่จะขวางทางตัวเอง คนที่เอาแต่ทำตามใจโดยไม่สนเป้าหมาย คือ ทาสของอารมณ์ ไม่ใช่คนที่เป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง
ครูเงาะยกตัวอย่าง ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ ตอนมาออดิชั่นหนังเรื่อง "เพื่อนสนิท" ที่กล้าเล่นนอกบทเพื่อทำตามเป้าหมายของตัวละคร คือ "ทำยังไงก็ได้ให้ดากานดาตื่น" โดยไม่สนใจว่าคนอื่นจะมองอย่างไร นี่คือตัวอย่างของคนที่เป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง เพราะมีเป้าหมายที่ชัดเจนและไม่ถูกความกลัวครอบงำ

สูตรสำเร็จ 3 ขั้นตอน และนิยามของ "ความโชคดี"
สำหรับคนรุ่นใหม่ที่อยากประสบความสำเร็จ ครูเงาะได้ย่อเส้นทางไว้เป็น 3 ขั้นตอนสำคัญ คือ
1.เชื่อในตัวเองให้ได้ก่อน เชื่อว่าคนอย่างเราสามารถประสบความสำเร็จได้
2.ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน ต้องรู้ว่าเราจะสำเร็จไปเพื่ออะไร เพราะความหมายของเป้าหมายจะเป็นพลังให้เราไม่ยอมแพ้เมื่อเจออุปสรรค
3.หาความรู้คู่ความเพียร หาความรู้ให้มากที่สุดเพื่อสนับสนุนเป้าหมาย และลงมือทำอย่างไม่หยุดยั้ง
นอกจากนี้ ครูเงาะยังให้มุมมองเกี่ยวกับ โอกาส และ โชคดี ว่าไม่ใช่เรื่องของดวง แต่ความโชคดี คือวันที่ความพร้อมและความพยายามของเรา มาเจอกับโอกาสพอดี ดังนั้นเราจึงไม่สามารถรอโอกาสเพียงอย่างเดียว แต่ต้องสร้างความพร้อมและมีวินัยในตัวเองอยู่เสมอ ขณะเดียวกันก็ต้องวิ่งหาโอกาสด้วย เหมือนที่ครูเงาะเคยวิ่งไปเสนอตัวเป็น Acting Coach กับผู้กำกับดังๆ ทั้งที่อาชีพนี้ยังไม่เป็นที่รู้จักในไทย จนในที่สุดโอกาสก็มาถึงในหนังเรื่อง แฟนฉัน

บทเรียนจากอีโก้ วันที่ "ครูเงาะ" โยนแฟ้มบทละครทิ้ง
ครูเงาะได้เล่าถึงประสบการณ์ที่สอนตัวเองได้อย่างเจ็บปวด คือครั้งหนึ่งเคยโกรธนักแสดงที่ไม่ทำการบ้านมา จนถึงขั้นโยนแฟ้มบทละครลงพื้นและไล่ให้กลับบ้าน แม้ภายนอกจะดูเหมือนครูที่ทุ่มเท แต่เมื่อกลับมาทบทวนตัวเองอย่างซื่อสัตย์ ครูเงาะพบว่าลึก ๆ แล้วมันคือ อีโก้ ของตัวเองล้วน ๆ ความโกรธนั้นเกิดจากความคิดที่ซ่อนอยู่ว่า "ถ้าเธอไม่เก่ง ก็แปลว่าฉันไม่เก่ง" การยึดติดกับความสำเร็จของนักเรียนมาเป็นเครื่องพิสูจน์ความเก่งของตัวเอง ทำให้ครูเงาะเข้าใจว่าคำว่า ครู ซึ่งมาจากคำว่า ครุ ที่แปลว่า หนัก นั้น คือการแบกรับความรับผิดชอบที่หนักอึ้ง ไม่ใช่การยกตนให้สูงกว่าคนอื่น ประสบการณ์ครั้งนั้นจึงเป็นบทเรียนสำคัญที่ทำให้ครูเงาะตระหนักถึงอีโก้ของตัวเองและเติบโตขึ้นในฐานะครูคนหนึ่ง

สื่อสารให้ชนะใจ ฟังให้ได้ยินสิ่งที่ไม่ได้พูด
ปัญหาการสื่อสารส่วนใหญ่ โดยเฉพาะในความสัมพันธ์ เกิดจากการที่เราฟังแค่เนื้อหา (Content) แต่ไม่ได้ฟังบริบท (Context) หรือความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ใต้คำพูดนั้น
ครูเงาะยกตัวอย่างคู่รักที่ทะเลาะกันเรื่องกางเกงในที่ไม่ได้ทิ้งลงถัง ฝ่ายชายได้ยินแค่เนื้อหาว่า "เธอตำหนิเรื่องกางเกงใน" แต่ไม่ได้ยินบริบทที่แท้จริงว่า "ฉันเสียใจที่เธอไม่ใส่ใจในสิ่งที่ฉันพูดซ้ำ ๆ มันทำให้ฉันรู้สึกไม่สำคัญ" หากฝ่ายชายสามารถตอบสนองต่อความรู้สึกที่ซ่อนอยู่นี้ได้ เช่น กล่าวขอโทษและขอบคุณที่พยายามดูแลบ้านเพื่อพวกเขา สถานการณ์ก็จะเปลี่ยนไปในทันที
สุดท้ายครูเงาะทิ้งท้ายว่า เครื่องมือสื่อสารที่ดีแค่ไหนก็อาจใช้ไม่ได้ผลหากอารมณ์ครอบงำ
แต่หลักธรรมะ โดยเฉพาะ อริยสัจ 4 คือสิ่งที่สามารถช่วยให้มนุษย์จัดการกับความทุกข์ได้อย่างเบ็ดเสร็จและยั่งยืน
ท้ายที่สุดแล้ว เรื่องราวจากครูเงาะไม่ได้เป็นเพียงแค่แนวคิดที่น่าฟัง แต่เป็นเหมือน "คู่มือ" ที่ชวนให้เรากลับมาสำรวจชีวิตของตัวเอง เราทุกคนต่างมี "ความเชื่อ" ที่คอยกำกับชีวิตเราอยู่เบื้องหลัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงิน ความรัก หรือความสำเร็จ คำถามสำคัญจึงไม่ใช่ว่าเราจะเจออุปสรรคอะไรบ้าง แต่คือเรากล้าพอที่จะตั้งคำถามกับความเชื่อที่ฉุดรั้งเราไว้ด้วยคำว่า "จริงเหรอ?" หรือไม่
เพราะก้าวแรกของการเปลี่ยนแปลงไม่ได้อยู่ที่การลงแรงทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ แต่อยู่ที่การ "บิดความเชื่อ" เพียงเล็กน้อยในใจ เมื่อเราปลดล็อคตัวเองจากโซ่ตรวนทางความคิดที่มองไม่เห็นได้แล้ว เราก็จะพบว่า เราไม่ได้มีแค่พลังที่จะเดินตามความฝัน แต่เรามีพลังที่จะสร้าง "ความจริง" ในแบบที่เราต้องการได้ด้วยตัวเอง

เปิดรับแรงบันดาลใจได้ใน Club Inspired Day คลับที่เต็มไปด้วยข้อคิดแรงบันดาลใจ และมีคลังความรู้ที่พร้อมแชร์ ไปกับ Iconic และสองดีเจสุดเท่ “ดีเจเป้” และ “ดีเจแคน” ได้ในทุกสัปดาห์
ดูรายการย้อนหลัง
