“สิ่งที่หล่อเลี้ยงผมมาจนถึงทุกวันนี้ คือความสุขของการได้ทำในสิ่งที่รัก โดยไม่สนใจว่ามันจะล้มเหลว หรือจะไม่ได้รับความสนใจ แค่ได้ทำในสิ่งที่รักในแต่ละวัน มันก็มีความสุขแล้ว”

ที่ Club Inspired Day ทุก Story มีความหมาย ได้ Inspired ทุก Moment กับสองดีเจสุดเท่ “ดีเจเป้” และ “ดีเจแคน” ที่เปิดไมค์ต้อนรับ “โอ แว่นใหญ่” หรือที่รู้จักในนาม WANYAi ศิลปินผู้สร้างสรรค์บทเพลงที่เข้าถึงจิตใจผู้คน โดยเริ่มจากการเล่าถึงความฝันในวัยเด็ก ที่อยากเป็นนักบินอวกาศ แต่ถูกขัดขวางด้วยการตาบอดสี ซึ่งนำไปสู่การเลือกเรียนจิตวิทยา เพื่อทำความเข้าใจตนเองและผู้อื่น เขายังได้อธิบายถึงปรัชญาการใช้ชีวิต ที่มองเห็นความงามแม้ในความเศร้า และการเดินทางในวงการดนตรีที่ไม่เคยหยุดหย่อน ทั้งการเป็น Room 39 และการเป็น ศิลปินเดี่ยว ที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งทั้งหมดนี้หล่อหลอมให้เขากลายเป็นผู้ที่เข้าใจและถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกผ่านบทเพลงได้อย่างลึกซึ้ง พลังใจเปี่ยมล้น พร้อมข้อคิดดี ๆ ได้ถูกแชร์เอาไว้แล้วในรายการ

จุดเริ่มต้นจากความไม่มั่นใจ สู่ฉายา "แว่นใหญ่" ที่เป็นเอกลักษณ์
โอเล่าว่าฉายา "แว่นใหญ่" ไม่ได้เกิดจากคนอื่นเรียก แต่มาจากความตั้งใจที่จะไม่เปิดเผยตัวตนในคลิป YouTube ช่วงแรก ๆ เพราะเขารู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง และคิดว่าตัวเองเล่นดนตรีไม่เก่ง เมื่อเห็นแว่นสโนว์บอร์ดขนาดใหญ่วางอยู่ ก็เลยหยิบมาใส่เพื่อปกปิดใบหน้า และคนดูเริ่มเรียกเขาว่า "พี่แว่นใหญ่" ซึ่งเขามองว่า "คำนี้ดี" และใช้เป็นฉายาไปเลย ซึ่งบางครั้งสิ่งที่เราปกปิดหรือไม่มั่นใจ อาจกลายเป็นจุดเด่นหรือเอกลักษณ์ที่ทำให้คนจดจำได้ การยอมรับและปรับตัวกับสิ่งที่ไม่คาดฝัน สามารถนำไปสู่สิ่งที่ดีและน่าจดจำได้ในที่สุด

เจ้าพ่อเพลงเศร้าที่มองความสุขด้วยสายตาแห่งความเข้าใจชีวิต
โอได้รับการยกย่องว่าเป็น "เจ้าพ่อเพลงเศร้า" แต่เขาเผยว่าไม่ได้ตั้งใจให้เพลงเศร้าทั้งหมด เพียงแต่เวลาเขียนเพลง สิ่งที่เขารู้สึกส่วนใหญ่มักเป็นความเศร้า เขามีมุมมองที่น่าสนใจคือ แม้ในเวลาที่มีความสุขมาก เขาก็ยังรู้สึกเศร้าทันที เพราะรู้สึกว่าช่วงเวลาดี ๆ นั้นจะผ่านไป และอาจไม่มีวันได้เห็นหรือรู้สึกแบบนั้นอีก ด้วยพื้นฐานการเรียนจิตวิทยา ทำให้เขามองว่าชีวิตมนุษย์นั้นน่าเศร้าตรงที่ "เกิดมาพบกันก็เพื่อจากกัน" แต่เขาย้ำว่าสิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ต้องทำสิ่งดี ๆ ต่อกัน กลับกัน มันยิ่งทำให้ทุกช่วงเวลาที่ได้เจอ ได้คุย ได้อยู่ด้วยกัน มีคุณค่าและมีความหมายมาก ซึ่งการยอมรับความจริงว่าทุกสิ่งไม่จีรัง เป็นเรื่องธรรมชาติ การเข้าใจและโอบรับทุกอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือความเศร้า จะทำให้เรามองโลกกว้างขึ้น และเห็นคุณค่าของปัจจุบันมากขึ้น การรับรู้ถึงความไม่เที่ยงแท้ของชีวิต อาจทำให้เราใช้ชีวิตอย่างมีสติและมีความหมายมากขึ้น

จากนักบินอวกาศสู่ศิลปิน เมื่อความฝันต้องเปลี่ยนทิศทาง
ในวัยเด็ก คุณโอมีความฝัน 2 อย่างคือ อยากเป็นนักบินอวกาศ และเป็นศิลปิน เขาจริงจังกับการเป็นนักบินอวกาศถึงขั้นตั้งเป้าจะเรียนสายวิทย์ เพื่อสอบเข้าเตรียมทหาร แต่ความฝันนี้ต้องจบลงเมื่อเขาค้นพบว่าตนเองตาบอดสี ตอนที่ไปตรวจร่างกายเพื่อเตรียมสอบ แม้จะผิดหวัง แต่เขาก็ไม่ได้เสียใจหรือฟูมฟาย เขาเชื่อว่ามันเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาไม่ต้องไปทางนั้น และมองว่าสิ่งที่ทำอยู่ในปัจจุบัน การเป็นศิลปิน ก็เป็นความฝันที่ดูไม่น่าจะเป็นจริงไม่แพ้กัน โดยชีวิตอาจมีแผนที่ต่างไปจากที่เราวางไว้ ความผิดหวังหรืออุปสรรคไม่ใช่จุดจบ แต่อาจเป็นประตูที่เปิดไปสู่โอกาสใหม่ๆ การยอมรับสถานการณ์และปรับเปลี่ยนเส้นทาง ไม่ได้แปลว่าล้มเหลว แต่เป็นการเติบโตและค้นพบสิ่งที่ใช่สำหรับตัวเอง

เผชิญหน้าความกลัว บทเรียนจากจิตวิทยาที่เปลี่ยนชีวิต
เมื่อความฝันในการเป็นนักบินอวกาศจบลง โอหันมาเรียนจิตวิทยาเพราะต้องการเข้าใจตนเองและผู้อื่น ซึ่งจะนำไปสู่ความเข้าใจโลก เขาเปิดเผยว่าตนเองมีปัญหาเรื่องความกังวลและกลัวการพูดคุยกับคนแปลกหน้า โดยเฉพาะเพศตรงข้าม ถึงขั้นต้องหนี ซึ่งเขาวิเคราะห์ว่าเกิดจากการถูกปฏิเสธซ้ำๆ จากพี่สาวและเพื่อนของพี่สาวในวัยเด็ก การเรียนจิตวิทยาทำให้เขารู้ว่าต้องเผชิญหน้ากับความกลัวและทำความเข้าใจที่มาของมัน เขายังยกตัวอย่างการเผชิญหน้าความกลัวด้วยการเดินเข้าไปคุยกับผู้หญิงคนหนึ่งในมหาวิทยาลัย ซึ่งแม้จะดูประหลาดในตอนนั้น แต่ก็ช่วยให้เขาปลดล็อคความกลัวได้ โดยการทำความเข้าใจรากเหง้าของความกลัวและปัญหาในชีวิตเป็นสิ่งสำคัญ การเผชิญหน้ากับมัน ไม่ว่าจะเล็กน้อยเพียงใด คือก้าวแรกของการเอาชนะ ทุกประสบการณ์ในวัยเด็กหล่อหลอมเราในวันนี้ การสำรวจและเข้าใจตัวเอง จะช่วยให้เราเปลี่ยนแปลงและเติบโตได้

ความสุขที่เกิดจากการทำ "สิ่งที่ไม่คาดหวัง" (Room39 และเส้นทางศิลปินเดี่ยว)
แม้ดนตรีจะอยู่กับคุณโอมาตลอดตั้งแต่เด็ก เล่นกับเพื่อน ทำวง ประกวด ส่งเดโม่ แต่เขากลับบอกว่า "เล่นไปไม่เคยได้อะไรเลย" และ "เล่นไปมีแต่เสียเงิน" แต่สิ่งที่ขับเคลื่อนเขาคือความสุขที่ได้ทำในสิ่งที่รัก โดยไม่สนใจว่าต้องชนะ ต้องได้เงิน หรือมีคนสนใจ จุดเปลี่ยนสำคัญคือการได้ไปเล่นดนตรีที่ร้านอาหารในต่างประเทศ และรวมตัวกับเพื่อนทำคลิป YouTube โดยมีเป้าหมายแรกแค่ส่งให้ออดิชั่น ไม่ได้ตั้งใจให้คนทั่วไปดู แต่คลิปเหล่านั้นกลับได้รับกระแสตอบรับที่ดี และนำไปสู่การก่อตั้งวง Room39
เมื่อถึงจุดที่ต้องแยกวง คุณโอเล่าว่าไม่ได้รู้สึกว่ายากหรืออยู่ในช่วงจิตตกนาน เพราะไม่มีเวลา เขาเพียงแค่ต้องอยู่กับสิ่งที่ต้องทำ และมองว่าตัวเองคือศิลปินหน้าใหม่ที่ต้องเริ่มต้นใหม่ เขาเชื่อว่า อะไรที่เกิดขึ้นแล้ว มันก็คงจะดีแล้ว การกลับมาเป็นศิลปินเดี่ยวกับเพลง เจ็บจนพอ ที่เขาเขียนเอง ก็ได้รับความนิยมอย่างมาก โอเผยว่า จงทำในสิ่งที่รักด้วยใจรัก โดยไม่คาดหวังผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ ความสุขที่แท้จริงคือระหว่างทางที่ได้ลงมือทำ ทุกการเปลี่ยนแปลงคือการเริ่มต้นใหม่ การยอมรับและปรับตัว ทำให้เราก้าวผ่านอุปสรรคไปได้ ความพยายามและความตั้งใจเป็นสิ่งสำคัญ แม้จะรู้สึกว่าตนเองไม่ได้มีพรสวรรค์

เพลงคือชีวิต การถ่ายทอดมุมมองสู่ความเข้าใจผู้อื่น
เพลง "บอกตัวเอง" เกิดจากคำปลอบใจของแม่ในช่วงที่เขาผิดหวังในความรัก ที่บอกว่าต้องอยู่ให้ได้นะ ต้องใช้ชีวิตต่อไปให้ได้ แม้จะต้องนึกถึงคนนั้นตลอดไป ส่วนเพลง "ขอบคุณ" เกิดจากประสบการณ์ที่ได้พบผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ซึ่งสอนให้เขาเห็นคุณค่าของการมีชีวิตและสิ่งดีๆ ที่มีอยู่ในทุกวัน เขามองว่าเพลงเศร้าของเขาไม่ได้มาเพื่อปลอบโยน แต่เป็นการยอมรับความจริงและบอกว่า "ใช่ มันเป็นอย่างนี้แหละ" ซึ่งทำให้ผู้ฟังรู้สึกว่ามีคนเข้าใจความรู้สึกของพวกเขา โดยประสบการณ์ชีวิตทั้งดีและร้าย สามารถนำมาสร้างสรรค์เป็นผลงานที่มีความหมายได้ การแบ่งปันมุมมองและความรู้สึกที่แท้จริง จะช่วยสร้างความเชื่อมโยงและเยียวยาจิตใจผู้อื่นได้ การเห็นคุณค่าของสิ่งที่เรามีอยู่และใช้ชีวิตให้เต็มที่คือสิ่งสำคัญ

ทำตามฝัน...แม้ไม่เคยเจออะไรที่ง่ายๆ
โอให้คำแนะนำกับผู้ที่กำลังไล่ตามความฝันว่า "ให้ทำแล้วก็อย่าหยุด" เพราะไม่มีใครรู้ว่าจะถึงเมื่อไหร่ และถ้าความฝันทำให้เรามีความสุขระหว่างทางที่ได้เดินไป ก็จะไม่มีใครอยากหยุดทำมัน เขาตระหนักว่าชีวิตเขามักจะไม่เจออะไรง่ายๆ ทุกอย่างที่ได้มาต้องแลกมาด้วยความลำบากและความเหนื่อย แต่สิ่งเหล่านี้กลับทำให้เขารู้สึกยินดีและมีความสุขกับสิ่งที่ยังได้ทำอยู่ มากกว่าที่จะมองว่าสูญเสียอะไรไป ความสุขของความฝันคือระหว่างทางที่ได้ลงมือทำ อย่าหยุดทำในสิ่งที่รัก และจงเตรียมพร้อมที่จะเผชิญกับความท้าทาย เพราะความยากลำบากเหล่านั้นคือส่วนหนึ่งที่ทำให้เราเติบโตและเห็นคุณค่าของสิ่งที่ได้รับมา

เรื่องราวชีวิตของ WANYAi ทำให้เราได้เรียนรู้บทเรียนที่ว่า การค้นพบความสุขในกระบวนการ ไม่ใช่แค่ปลายทาง เขามองว่าความสุขเป็นสิ่งที่ไม่จีรัง และความเศร้าคือความจริงที่สวยงาม เขาไม่เคยหยุดทำสิ่งที่รักอย่างดนตรี แม้จะไม่มีรายได้หรือต้องเผชิญความล้มเหลวในการประกวด เขาเพียงแค่มีความสุขกับการได้ทำ และนี่คือสิ่งที่หล่อเลี้ยงให้เขายังคงอยู่ในเส้นทางนี้ สอนให้เรารู้ว่า คุณค่าของความฝันอยู่ที่ความสุขที่ได้ทำมันในแต่ละวัน
เปิดรับแรงบันดาลใจได้ใน Club Inspired Day คลับที่เต็มไปด้วยข้อคิดแรงบันดาลใจ และมีคลังความรู้ที่พร้อมแชร์ ไปกับ Iconic และสองดีเจสุดเท่ “ดีเจเป้” และ “ดีเจแคน” ได้ในทุกสัปดาห์
ดูรายการย้อนหลัง
