“บางทีถ้าเราไม่มีพรสวรรค์ แต่เราตั้งใจทำ มันจะเป็นพรแสวง ซึ่งมันดีกว่าอีก”
นางเอก 2,000 ล้าน จุดเริ่มต้นที่ไม่คาดฝัน
อาม่าแต๋ว หรือ อุษา เสมคำ คือตัวอย่างของผู้ที่ค้นพบเส้นทางใหม่ในชีวิตในวัยที่หลายคนคิดว่าสายเกินไป ก่อนหน้าที่จะเป็นนักแสดงโด่งดัง อาม่าใช้ชีวิตเรียบง่ายในฐานะแม่บ้านที่เลี้ยงลูกจนโต และต่อมาก็เลี้ยงหลาน เธอไม่ได้มีอาชีพส่วนตัวมากนัก จนกระทั่งลูกหลานโตขึ้นและอยู่บ้านเฉย ๆ จึงตัดสินใจไปเรียนรำไทยที่ศูนย์ของเขตสะพานสูง ซึ่งเป็นที่ที่เธอเคยมีพื้นฐานการรำไทยมาตั้งแต่เด็ก
จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญมาถึงเมื่อ แมวมองได้เห็นอาม่าขณะที่เธอไปเรียนรำไทย และชักชวนให้ไปเล่น อาม่าคาเฟ่ ซึ่งเป็นการแสดงตลก หลังจากนั้น เธอได้รับโอกาสไปแคสติ้งงานโฆษณากับคุณหมาก ปริญ ซึ่งกลายเป็น ผลงานการแสดงครั้งแรกของเธอ
การก้าวเข้าสู่ภาพยนตร์เรื่องหลานม่า ของ GDH เป็นเรื่องที่อาม่าเองก็ไม่คาดคิดมาก่อน แม้ทาง GDH จะหาคนมาแคสบทอาม่ากว่า 100-200 คนแล้ว แต่ก็ยังไม่ถูกใจผู้กำกับ จนกระทั่งเพื่อนของผู้กำกับเห็นอาม่าจาก MV ชราภาพ และแนะนำให้ลองเรียกตัวมา ในตอนแรก อาม่าได้ปฏิเสธไปเพราะกังวลว่าจะจำบทไม่ได้ และจะทำให้คนอื่นเสียเวลา แต่หลังจากถูกตื้ออยู่เกือบ 2 อาทิตย์ เธอก็ตัดสินใจไปแคส การแคสติ้งที่ให้เล่นบทที่ยากที่สุด ซึ่งเป็นฉากที่อาม่าถูกเข็นไปทิ้งที่โรงพยาบาล กลับเป็นสิ่งที่เธอทำได้ดีเยี่ยม เธอสามารถถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของการถูกทอดทิ้งออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติจนร้องไห้ และทำให้ผู้กำกับตัดสินใจเลือกเธอในที่สุด

ก้าวข้ามความกังวล เคล็ดลับจากอาม่า
ความกังวลเรื่องการจำบทในตอนแรกนั้นเป็นเรื่องใหญ่สำหรับอาม่า ในช่วงเวิร์คช็อป เธอพยายามท่องบทตามที่ครูสอนแต่ก็ยังไม่สำเร็จ อาม่าจึงได้ค้นพบวิธีเฉพาะตัวในการจำบท นั่นคือการ "จดบท" ด้วยลายมือของตัวเอง เธอจะจดหัวข้อบท และเขียนต่อจากบทพูดของนักแสดงคนอื่น เพื่อให้รู้ว่าตนเองต้องพูดอะไรต่อ เธอยังฝึกท่องบทในชีวิตประจำวัน เช่น รดน้ำต้นไม้ หรือแม้กระทั่งพูดคุยกับสุนัขที่บ้าน วิธีนี้ทำให้อาม่าสามารถจำบทได้หมดทั้งเล่ม
อาม่าเผยว่าบทที่ยากที่สุดสำหรับเธอไม่ได้เป็นบทดราม่า แต่กลับเป็นบทที่ดูเรียบง่ายที่สุด นั่นคือฉากเดินที่ตลาดพลูใกล้ทางรถไฟ เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่ควบคุมไม่ได้ เช่น แดดจัด และรถไฟที่วิ่งผ่าน ทำให้ต้องถ่ายซ้ำกว่า 10 เทค สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าอุปสรรคบางครั้งอาจไม่ได้มาจากความสามารถโดยตรง แต่มาจากปัจจัยภายนอกที่ต้องใช้สมาธิ และการปรับตัว แม้จะมีความกังวลในตอนแรก แต่เมื่อตกลงรับเล่นแล้วอาม่าก็มุ่งมั่นที่จะทำให้ดีที่สุด

ชีวิตนอกจอ มุมมองความสุขและความเหงา
หลังภาพยนตร์ออกฉาย และประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลายทั้งในและต่างประเทศ ฉายา นางเอก 2,000 ล้าน ได้เปลี่ยนชีวิตอาม่าในแง่ของการเป็นที่รู้จัก เธอเล่าว่าไปไหนมาไหนก็มีคนเข้ามาขอถ่ายรูป แม้กระทั่งตอนจะเข้าห้องน้ำหรือกำลังจะกินข้าว แต่เธอก็ไม่เคยปฏิเสธใคร พร้อมให้โอกาสทุกคนได้เข้ามาทักทาย ไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็ก ๆ หรือแม้กระทั่งผู้ชายที่ไม่เคยร้องไห้ก็มาร้องไห้เพราะการแสดงของเธอ
อาม่าไม่ได้มองว่าความสำเร็จนี้เป็นพรสวรรค์ที่ซ่อนอยู่ แต่เชื่อในพรแสวง เธอมองว่าคนรุ่นใหม่หลายคนประสบความสำเร็จได้เพราะพ่อแม่คอยสนับสนุนและส่งเสริมให้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ อาม่ายังเชื่อว่า ไม่มีคำว่าสายเกินไป ตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่ ไม่ว่าอายุเท่าไหร่ก็สามารถลุกขึ้นมาทำอะไรใหม่ๆ ได้เสมอ
ในชีวิตจริง อาม่าเป็นคนที่น่ารัก และเข้ากับลูกหลานได้ดี เธอมีความสุขเมื่อได้อยู่กับครอบครัว สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเธอในวัยนี้คือความใส่ใจจากลูกหลาน ไม่ต้องเป็นของขวัญแพง ๆ แค่คำถามง่าย ๆ อย่าง แม่กินข้าวหรือยัง หรือการแสดงความรักด้วยการกอดและหอม ก็ทำให้เธอมีความสุขได้มาก อาม่าเปรียบความรักที่แสดงออกนี้เหมือนผงชูรส ที่ทำให้อาหารมีรสชาติ
ความเหงาเป็นสิ่งที่อาม่าเคยเจอ เธอเล่าว่าตอนเด็กและตอนเลี้ยงลูกจะไม่เหงา แต่จะรู้สึกเหงาเมื่อลูกแต่งงานออกไป อย่างไรก็ตาม เมื่อลูกมีหลานความเหงาก็หายไป เพราะได้อยู่กับหลาน ๆ เธอเปรียบความรู้สึกน้อยใจที่ลูกหลานอาจพูดกระทบใจเหมือนน้ำในตุ่มที่อาจลดลง แต่จะสดชื่นขึ้นเมื่อมีคนมาเติมเต็มด้วยความใส่ใจ อาม่ายังให้ข้อคิดว่าการเก็บความรู้สึกไม่สบายใจไว้จะทำให้เราทุกข์เอง จึงควรถ่ายทอดและให้อภัย สำหรับคนรุ่นใหม่ เธอฝากบอกให้หาเวลาให้ผู้สูงอายุในบ้านบ้าง แม้จะเป็นการโทรศัพท์หรือวิดีโอคอลเพียง 1-2 นาที ก็สามารถเติมเต็มความสุขให้กับท่านได้แล้ว

สัจธรรมชีวิต การเผชิญหน้ากับการจากลาและความตาย
ปัจจุบันอาม่าแต๋วอายุ 79 ปี ความสุขของเธอในวัยนี้คือการได้อยู่กับลูกหลาน เพื่อน และคนรอบข้าง การได้มาทำงานในวงการบันเทิงทำให้ชีวิตของเธอกระปรี้กระเปร่าและได้พบปะผู้คนใหม่ๆ มากขึ้น นอกจากนี้ เธอยังตื่นเต้นกับการได้เดินทางไปท่องเที่ยวในหลายประเทศที่ไม่เคยคิดฝันว่าจะได้ไป
ในเรื่องของการเกษียณ อาม่ามองว่าการเกษียณจากการทำงานนั้นเป็นเรื่องปกติเมื่อถึงอายุ แต่การเกษียณจากชีวิตนั้นไม่มี ตราบใดที่มีแรงและสมอง เธอก็จะยังคงทำสิ่งต่าง ๆ ต่อไป เพราะการหยุดนิ่งคือการนอนติดเตียง
อาม่ามีมุมมองที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับการอยู่บ้านพักคนชรา เธอเข้าใจว่าสำหรับบางคนที่มีฐานะ การอยู่บ้านพักคนชราที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันอาจจะสบายกว่าอยู่บ้านคนเดียว แต่โดยส่วนตัวแล้ว อาม่าอยากจะอยู่กับลูกหลานมากกว่า เพราะให้ความรู้สึกอบอุ่น เธอฝากเตือนลูกหลานว่าอย่าทอดทิ้งพ่อแม่ยามแก่ชรา เพราะพ่อแม่ได้ดูแลเลี้ยงดูเรามาอย่างดีตั้งแต่ยังเด็ก
อาม่าเคยเผชิญหน้ากับการสูญเสียคนที่รักมากที่สุด นั่นคือสามีของเธอที่ป่วยเป็นไตวายและต้องฟอกไตถึง 10 ปี เธอได้ตัดสินใจบอกหมอให้อย่ายื้อชีวิตของสามีเมื่ออาการทรุดหนัก เพราะไม่อยากให้เขาต้องทนทรมาน เธอสอนลูกให้ยอมรับและกราบขอขมาพ่อเพื่อจะได้ไม่มีเวรกรรมต่อกัน
การสูญเสียคนในครอบครัวเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต อาม่าเชื่อว่าความตายเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนต้องเจอ เธอเตรียมใจไว้เสมอ และได้บริจาคร่างกายให้กับโรงพยาบาลจุฬา ไว้ตั้งแต่ลูกยังเล็ก การเสียชีวิตของน้องชายเป็นครั้งแรกที่อาม่าได้เผชิญหน้ากับการสูญเสียอย่างใกล้ชิด และนั่นทำให้เธอปลง และไม่กลัวคนตายอีกต่อไป เธอไม่กลัวความตาย เพราะเชื่อว่าถึงวันหนึ่งทุกคนก็ต้องจากไป อาม่ามองว่าชีวิตนั้นสั้นและผ่านไปอย่างรวดเร็ว โดยที่เราแก่ตัวลงโดยไม่รู้ตัว แม้ร่างกายจะเปลี่ยนแปลงไปตามวัย เช่น ผิวหนังเหี่ยว และลายพิมพ์นิ้วมือจางหายไป แต่เธอก็ยอมรับและไม่กลัวความแก่
อาม่าสอนให้เราคิดว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็น "สัจธรรม" ที่กำหนดไว้แล้ว เธอไม่กังวลกับความเชื่อเรื่องก้าวข้ามอายุ 79 ไป 80 เพราะเชื่อว่าถึงเวลาแล้วก็ต้องไป และในวัย 80 เธอก็ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่านี้แล้ว เมนูโปรดของเธอก็คืออะไรก็ได้ที่กินแล้วอิ่มและมีความสุข เช่น ไข่ต้ม

ชีวิตของ อาม่าแต๋ว เปรียบเสมือน ต้นไม้ใหญ่ที่ยืนต้นแกร่ง
ชีวิตของอาม่าแต๋วเปรียบเสมือน ต้นไม้ใหญ่ที่ยืนต้นแกร่ง แม้จะผ่านร้อนผ่านหนาวและเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงในทุกฤดูกาล แต่ก็ยังคงเติบโตอย่างสง่างาม ให้ร่มเงาแห่งปัญญา และผลิดอกออกผลเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่นเสมอ เธอแสดงให้เห็นว่าชีวิตไม่ได้มีจุดจบที่การเกษียณ แต่เป็นโอกาสในการเรียนรู้ เติบโต และส่งต่อความสุขให้กับคนรอบข้างตราบเท่าที่เรายังคงมีลมหายใจ

เปิดรับแรงบันดาลใจได้ใน Club Inspired Day คลับที่เต็มไปด้วยข้อคิดแรงบันดาลใจ และมีคลังความรู้ที่พร้อมแชร์ ไปกับ Iconic และสองดีเจสุดเท่ “ดีเจเป้” และ “ดีเจแคน” ได้ในทุกสัปดาห์
ดูรายการย้อนหลัง
