"ฟ้าหลังฝน" ของผู้ไม่เคยสิ้นหวัง “บี้ ธรรศภาคย์” จากแชมป์ KPN สู่ซุปตาร์แดนมังกร และเส้นทางสู่ Next Idol Academy

Club Inspired Day Recap

"ฟ้าหลังฝน" ของผู้ไม่เคยสิ้นหวัง “บี้ ธรรศภาคย์” จากแชมป์ KPN สู่ซุปตาร์แดนมังกร และเส้นทางสู่ Next Idol Academy

23 ก.ค. 2025

ที่ Club Inspired Day ทุก Story มีความหมาย ได้ Inspired ทุก Moment กับสองดีเจสุดเท่ “ดีเจเป้” และ “ดีเจแคน” ที่เปิดไมค์ต้อนรับ “บี้ ธรรศภาคย์” หรือที่รู้จักในชื่อ “บี้ KPN” ได้กลับมาปรากฏตัวในสื่อไทยอีกครั้งหลังจากห่างหายไปนานเกือบ 5 ปี หลังจากมุ่งมั่นทำงานที่ประเทศจีน การกลับมาครั้งนี้พร้อมกับโปรเจกต์อัลบั้มเพลงไทยที่เขาแต่งเองทั้งหมดเป็นครั้งแรก และการเปิดโรงเรียนไอดอล สะท้อนให้เห็นถึงเส้นทางชีวิตที่เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนและความมุ่งมั่นที่ไม่เคยลดละ

 

 

ย้อนจุดเริ่มต้นเส้นทางศิลปิน ที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

บี้มีพื้นเพเป็นลูกครึ่งไทย-จีน โดยเกิดที่ไต้หวัน และย้ายมาอยู่หาดใหญ่เมื่ออายุ 14 ปี เขามีความชื่นชอบการร้องเพลงมาตั้งแต่เด็ก แต่ก่อนจะมาประกวด KPN เขาเคยเผชิญความยากลำบากในการเดินทางไปแข่งขันรายการอื่น ๆ เช่น ต้องนั่งรถทัวร์ถึง 13 ชั่วโมงจากหาดใหญ่มาประกวดที่กรุงเทพฯ ในช่วงนั้น บี้ผอมมากจนได้รับคำวิจารณ์จากผู้ใหญ่ในวงการว่า ถ้าผอมขนาดนี้ไม่มีทางเป็นนักร้องได้ ผอมเหมือนไม้แขวนเสื้อ คำพูดนี้กลายเป็นแรงบันดาลใจ ด้วยความที่ตอนนั้นเขาชื่นชอบและมี เรน (นักร้องและศิลปินชาวเกาหลีใต้) เป็นไอดอล ทำให้เขาเริ่มฟิตร่างกายอย่างหนัก โดยการกินไก่และนมเป็นประจำจนกล้ามเนื้อแน่น

 

 

ก้าวสู่ KPN และบทพิสูจน์ตัวเองบนเส้นทางศิลปิน

ความมุ่งมั่นของบี้นำพาเขามาสู่เวที KPN ซึ่งเขาได้เข้าร่วมประกวดในปีเดียวกับแคน (ที่เคยเจอกันมาตั้งแต่สมัยประกวด KPN และเข้าค่ายที่หัวหินด้วยกัน) บี้สามารถผ่านเข้าสู่รอบ 10 คนสุดท้ายและก้าวขึ้นเป็นแชมป์ KPN ครั้งที่ 20 อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งแชมป์ของเขากลับมาพร้อมกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ว่าเขาไม่เหมาะสมกับตำแหน่งแชมป์ เพราะมีผู้เข้าแข่งขันคนอื่นที่มีเสียงดีกว่ามาก บี้ยอมรับว่าเขาเสียใจและร้องไห้หนักในคืนวันประกาศผล แต่ด้วยนิสัยที่ลืมง่ายและยึดหลักความมุ่งมั่น เขาบอกตัวเองว่าจะต้องทำให้ทุกคนเห็นว่า เขาทำ

 

 

ประสบการณ์ต่างแดน บอยแบนด์วง Victor ที่เกาหลี

หลังจาก KPN บี้ได้รับโอกาสครั้งสำคัญเมื่อมีผู้บริหารชาวเกาหลีชวนเขาเข้าร่วมบอยแบนด์ชื่อ Victor เขาตัดสินใจไปเกาหลีเพื่อฝึกฝนอย่างหนัก ตื่นตั้งแต่ 8 โมงเช้าฝึกซ้อมถึง 2 ทุ่มทุกวัน เพื่อเรียนภาษาเกาหลี, ภาษาอังกฤษ, การร้องเพลง, และการเต้นหลากหลายรูปแบบ เช่น ฮิปฮอป, สตรีทแจ๊ส, K-Pop วง Victor ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง เคยไปโปรโมทที่อังกฤษ ยุโรป ออลแลนด์ และจีน และเพลงเคยติดชาร์ต Billboard แฟนคลับให้การต้อนรับอย่างล้นหลาม แต่โชคร้ายที่บริษัทปิดตัวลง ทำให้วงต้องยุบไปในที่สุด

 

 

กลับสู่ไทย การเริ่มต้นใหม่และจุดเปลี่ยนด้านความรัก

การกลับมาจากเกาหลีทำให้บี้ต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ไม่มีงานเลย และเงียบหายไปจากวงการบันเทิงไทยกว่าหนึ่งปี เขาจมดิ่งกับความรู้สึกท้อแท้ จนคุณแม่เสนอให้กลับไปอยู่ภาคใต้ แต่บี้ขอโอกาสต่อสู้บนเส้นทางความฝันอีก 3 เดือน ในกรุงเทพ เพื่อลองดูว่าจะมีโอกาสใด ๆ เข้ามาบ้าง ในที่สุดโอกาสก็มาถึง เมื่อพี่ฉอดและพี่เอส ชวนเขามาเล่นซีรีส์วายเรื่อง Club Friday The Series ซึ่งเป็นการแสดงคู่กับ พิช วิชญ์วิสิฐ ซีรีส์เรื่องนี้ทำให้บี้กลับมาโด่งดังอีกครั้ง

ในช่วงเวลาเดียวกันนี้เองที่บี้ได้พบกับ กุ๊บกิ๊บ ในรายการที่กุ๊บกิ๊บเป็นพิธีกร การพบกันครั้งนั้นคือจุดเริ่มต้นความรักและเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิต แม้ว่าการทำงานของบี้ในต่างประเทศจะทำให้ต้องห่างกับครอบครัว แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขายังคงแข็งแกร่ง ไม่มีปัญหาการทะเลาะกันเรื่องความห่างไกล เพราะต่างฝ่ายต่างเข้าใจและให้การสนับสนุนซึ่งกันและกันอย่างเต็มที่ บี้มองว่าเขาและกุ๊บกิ๊บเป็นเหมือนเพื่อน ที่คอยดูแลและให้กำลังใจกัน

 

 

ความสำเร็จในจีน และบทบาท "เลียม" ต้นแบบผู้ชาย Green Flag

หลังจากกลับมามีชื่อเสียงในไทยไม่นาน บี้ก็ได้รับโอกาสครั้งใหญ่อีกครั้งเมื่อมีผู้ใหญ่ในวงการชาวจีนบินมาหาเขาโดยเฉพาะ เพื่อชวนเขาไปเล่นละครที่จีน เพราะเขาสามารถพูดภาษาจีนได้ บี้เซ็นสัญญากับบริษัทของเขาและทำงานในจีนมายาวนานถึง 8 ปี การทำงานในจีนมีความเคร่งครัดเรื่องเวลามาก และมีการถ่ายทำที่โหดกว่าไทย แต่ก็เป็นระบบ ทำให้เขาสามารถบริหารจัดการชีวิตส่วนตัวได้ดีขึ้น

การกลับมายังวงการบันเทิงไทยครั้งล่าสุดของบี้ คือการร่วมแสดงในซีรีส์ สงครามส่งด่วน การตัดสินใจรับบทนี้ง่ายมากสำหรับบี้ เพราะเขาอยากทำงานกับ GMMTV และ Netflix มานานแล้ว และบทที่ได้รับเป็นภาษาจีนซึ่งเขาถนัด ตัวละคร เลียม ที่เขาแสดงได้รับความนิยมอย่างมาก กลายเป็น ผู้ชาย Green Flag ที่สาว ๆ ใฝ่ฝันอยากจะมี เลียมเป็นตัวละครที่มีความลึกซึ้ง เข้าใจนางเอก ซัพพอร์ตทุกอย่าง และยอมเสียสละแม้กระทั่งความรักเพื่อให้อีกฝ่ายได้ทำตามความฝัน บทบาทนี้ทำให้บี้เข้าใจ และอินกับตัวละครมากจนรู้สึกใจสั่นเมื่อย้อนนึกถึงฉากสำคัญ

 

 

อัลบั้มใหม่ After the Rain และ Next Idol Academy

ปัจจุบัน บี้กำลังทุ่มเทให้กับ อัลบั้มที่เขาแต่งเนื้อร้อง ทำนอง และเป็น Co-Director ใน MV ทุกเพลงเอง ชื่ออัลบั้มว่า After the Rain ซึ่งหมายถึง ฟ้าหลังฝน อัลบั้มนี้จะเล่าเรื่องราวความมุ่งมั่น และความยากลำบากที่เขาเผชิญตลอด 16 ปีในวงการบันเทิง โดยซิงเกิลแรกคือเพลง DEL (Delete) ที่สื่อถึงการลบสิ่งไม่ดีออกจากชีวิต

นอกจากงานเพลงแล้ว บี้ยังเตรียมเปิด Next Idol Academy ในเดือนพฤศจิกายน 2568 นี้ ที่จามจุรีสแควร์ ชั้น 3 โรงเรียนนี้มีเป้าหมายเพื่อ สร้างไอดอลที่มีคุณภาพ ผลักดันเด็กไทยให้มีทักษะครบวงจร ทั้งการร้อง การเต้น การแสดง และภาษา โดยเขามีความตั้งใจจะลงไปดูแลนักเรียนด้วยตัวเองทั้งหมด แนวคิดนี้เกิดจากประสบการณ์ส่วนตัวที่เขาไม่เคยมีโอกาสได้เรียนโรงเรียนปั้นไอดอลที่ครบวงจรตอนเด็ก และต้องการให้เด็กไทยมีโอกาสที่ดีที่สุดในการก้าวสู่ระดับโลก

 

 

บทเรียนชีวิต และแรงบันดาลใจ จาก บี้ ธรรศภาคย์

บี้เป็นคนที่ไม่เก็บเรื่องราวที่ไม่ดีมาใส่ใจนานนัก เขาเป็นคนลืมง่ายและมีนิสัยหัวรั้น ที่เชื่อมั่นในตัวเองสูง เขามองว่าช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดคือตอนที่กลับจากเกาหลีแล้วไม่มีงาน แต่เขาก็ยังคง ภาวนาและพยายามฝึกฝนตัวเองอยู่เสมอ บี้เชื่อว่า โอกาสมันอาจจะคนอื่นยื่นเข้ามาก็จริง แต่มันต้องลองดูว่าตัวเราพร้อมหรือเปล่า เขาเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา ไม่สิ้นหวัง และรักตัวเองให้มาก ๆ ซึ่งจะช่วยให้เราก้าวผ่านอุปสรรคไปได้

ความสุขของบี้ในวันนี้คือการที่เขาตื่นมาแล้วรู้ว่าอยากทำอะไร และได้ทำอะไร รวมถึงครอบครัวก็เป็นความสุขของเขา ชีวิตตลอด 16 ปีในวงการบันเทิงเป็นเหมือน ภาพวาดที่ซับซ้อนและงดงาม ที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างพรสวรรค์ โอกาส และเหนือสิ่งอื่นใด คือ ความมุ่งมั่น ที่ไม่เคยยอมแพ้

 

 

ชีวิตของบี้ ธรรศภาคย์ เปรียบเสมือนเรือที่ออกทะเล

เส้นทางอาชีพของ บี้ ธรรศภาคย์ นั้นเปรียบเสมือน เรือที่ออกเดินทางในทะเลกว้างใหญ่ บางช่วงเจอคลื่นลมแรงและมรสุมโหมกระหน่ำจนเกือบอับปาง (เช่น การถูกวิจารณ์อย่างหนักหลัง KPN หรือช่วงเวลาไม่มีงานหลังกลับจากเกาหลี) แต่ด้วย หางเสือที่มั่นคง (ความมุ่งมั่น) และ เข็มทิศที่นำทาง (ความเชื่อมั่นในตัวเองและโอกาส) เขาไม่เคยปล่อยให้เรือล่ม เขายังคงเตรียมความพร้อมของใบเรือ (ฝึกฝนทักษะ) และ ซ่อมแซมตัวเรือ (ฟิตร่างกายและพัฒนาตนเอง) อยู่เสมอ แม้จะมีบางครั้งที่ต้องวนกลับเข้าฝั่งเพื่อหาเสบียง (กลับไทยมาเริ่มต้นใหม่) แต่ในที่สุดเขาก็สามารถแล่นเรือไปสู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ (ความสำเร็จในต่างประเทศและโครงการใหม่ ๆ) และสิ่งสำคัญที่สุดคือมี ลูกเรือที่รักและเข้าใจ (ครอบครัว) คอยเป็นกำลังใจให้เขาไม่รู้สึกเดียวดายในการเดินทางนี้ ทำให้การเดินทางของเขาเต็มไปด้วยความหมาย และความสุข

 

 

เปิดรับแรงบันดาลใจได้ใน Club Inspired Day คลับที่เต็มไปด้วยข้อคิดแรงบันดาลใจ และมีคลังความรู้ที่พร้อมแชร์ ไปกับ Iconic และสองดีเจสุดเท่ “ดีเจเป้” และ “ดีเจแคน”  ได้ในทุกสัปดาห์

 

ดูรายการย้อนหลัง

album

0
0.8
1