ที่ Club Inspired Day ทุก Story มีความหมาย ได้ Inspired ทุก Moment กับสองดีเจสุดเท่ “ดีเจเป้” และ “ดีเจแคน” ที่เปิดไมค์ต้อนรับ “เชฟเตย สหรัฐ” แชมป์รายการ MasterChef The Professional Thailand กับเส้นทางการทำอาหารที่น่าประทับใจของเขา ที่ให้ความสำคัญในเรื่องความอดทน การตั้งเป้าหมาย และการไม่ยอมแพ้ เพื่อความสำเร็จในอาชีพเชฟ บทเรียนชีวิต พร้อมข้อคิดดี ๆ ได้ถูกแชร์เอาไว้แล้วในรายการ

เปิดฉากแชมป์ชนแชมป์ ก้าวแรกบนเวทีสุดกดดัน
เชฟเตย สหรัฐ ก้าวเข้าสู่การแข่งขัน MasterChef The Professional Thailand ในฐานะเชฟที่ผ่านประสบการณ์จากรายการ The Next Iron Chef มาแล้ว เขาถูกเชิญให้มาร่วมรีแมตช์การแข่งขันในรายการนี้ และตัดสินใจเข้าร่วมโดยไม่คิดเยอะ เพราะมองว่าเป็นความสนุก
อย่างไรก็ตาม บรรยากาศในการแข่งขันนั้นเต็มไปด้วยความกดดันอย่างมหาศาล เพราะผู้เข้าแข่งขันคนอื่นล้วนแต่เป็นเชฟระดับแชมป์และตัวเต็งทั้งสิ้น เชฟเตยยอมรับว่าตอนแรกเขาไม่คิดว่าจะชนะเลย และหากแพ้เป็นคนแรกก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก

จุดเปลี่ยนสำคัญ เกือบตกรอบแรกสู่การทุ่มเทเต็มที่
ในช่วงแรกของการแข่งขัน ไม่มีใครที่ใส่สุด หรือทุ่มเททุกอย่างตั้งแต่แรก เพราะต่างคิดว่าตัวเองคงไม่ตกรอบแรกๆ แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เชฟเตยเกือบตกรอบเป็นคนแรกของสัปดาห์แรก โดยเป็นหนึ่งในสามคนที่เกือบถูกคัดออก และรอดมาได้อย่างหวุดหวิด ประสบการณ์ครั้งนั้นทำให้เขาตระหนักได้ว่า ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ล้วนเก่งกาจและไม่ธรรมดา หากไม่ทุ่มเทเต็มที่ก็จะต้องแพ้อย่างแน่นอน นับตั้งแต่นั้นมา เชฟเตยจึงทุ่มเทและใส่เต็มที่กับการแข่งขันในทุก ๆ เทป

บทพิสูจน์ความอดทน ด่านหินที่เกือบทำให้ยอมแพ้
การเดินทางสู่แชมป์นั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เชฟเตยเผยว่ามีด่านที่ยากและเกือบทำให้เขาตาย อยู่ 2 ด่านด้วยกัน คือ ภารกิจรถเข็นขายไก่ทอด ในภารกิจนี้เชฟเตยต้องแข่งขันเพียงคนเดียว ในขณะที่เชฟคนอื่นมีคู่ เขาได้รับรถเข็นเก่าที่เต็มไปด้วยสนิม และเข็นยากในสภาพอากาศที่ร้อนจัด ทำให้รู้สึกเหมือนจะเป็นลมตลอดเวลา ภารกิจคือการขายไก่ทอดให้กับเด็กนักเรียนที่โรงเรียน โดยเคล็ดลับความสำเร็จครั้งนี้ เชฟเตยเน้นการสื่อสารกับเด็ก ๆ เพื่อสร้างความคุ้นเคยและเป็นกันเองก่อน เขายังตั้งชื่อเมนูว่า ไก่ทอดเด็กดี ซึ่งสั้นและเข้าใจง่ายสำหรับเด็กประถม นอกจากนี้ยังเพิ่มเมนูคุ้นเคยอย่างข้าวโพดอบเนยเพื่อดึงดูดใจเด็ก ๆ แม้จะเป็นเมนูที่ต้องทำคนเดียวและง่ายที่สุด แต่กลับเป็นเมนูที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในวันนั้น
อีหนึ่งรอบคือ รอบไฟนอลมาราธอน การแข่งขันรอบสุดท้ายยาวนานถึง 4 ครั้งต่อเนื่องกัน ซึ่งปกติจะแข่งขันกันไม่เกิน 2 ครั้ง การถ่ายทำจริงกินเวลานานกว่า 8 ชั่วโมง นี่คือบททดสอบทั้ง พลังกายและพลังใจ เพราะหากแรงหมดหรือกำลังใจหมดก็หมายถึงความพ่ายแพ้

จานประวัติศาสตร์ เค้กทรัฟเฟิลจากสัญชาตญาณ
ในรอบชิงชนะเลิศ เชฟเตยเลือกทำ เค้กทรัฟเฟิล เป็นจานปิดท้าย ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาทำตามสัญชาตญาณในขณะที่สติเหลือน้อยเพราะความเหนื่อยล้า สิ่งที่น่าทึ่งคือ เขาไม่เคยทำเค้กทรัฟเฟิลมาก่อน และไม่เคยชิมเค้กทรัฟเฟิลด้วยซ้ำ เขาสารภาพว่าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไปทำไมในตอนนั้น เพราะวัตถุดิบก็หยิบมาโดยที่ยังไม่รู้ว่าจะทำขนมอะไร อย่างไรก็ตาม จานนี้กลับโดดเด่นและกลายเป็นจานที่ส่งให้เขาคว้าแชมป์มาสเตอร์เชฟ

ช่วงเวลาประกาศชัยชนะ ความตื้นตันที่เก็บไม่ไหว
เมื่อถึงช่วงเวลาประกาศผล ผู้เข้าแข่งขันที่เหลืออยู่ 2 คนคือ เชฟเตย และ เชฟเทียน เชฟเตยเผยว่าเขาไม่ได้คาดหวังว่าต้องเป็นตัวเองที่ชนะ แต่แค่รู้สึกสนุกกับการแข่งขันครั้งสุดท้ายนี้ อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการประกาศชื่อของเขา น้ำตาแห่งความตื้นตันก็เอ่อล้นออกมา มันคือการรวบรวมความรู้สึกทั้งหมดจากการแข่งขันที่ยาวนานถึง 4 เดือน ทั้งความเหนื่อยล้า ความพยายาม และการสนับสนุนจากเพื่อนร่วมแข่งขัน เป็นน้ำตาแห่งความสำเร็จและความภาคภูมิใจ เขายอมรับว่าในตอนแรกหลังชนะ เขายังคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง เหมือนฝันไป เพราะมันเป็นเส้นทางที่ยากลำบากมาก
เส้นทางของเชฟ จากคนล้างจานสู่เชฟใหญ่ใน 7 ปี
แรงบันดาลใจในการทำอาหารของเชฟเตยมาจากครอบครัว โดยเฉพาะ คุณตา ที่เป็นคนชอบทำอาหาร และมักพาเขาไปลองชิมอาหารอร่อยๆ ตามร้านดังทั่วประเทศด้วยรถไฟ พร้อมทั้งให้เขาช่วยจดสูตรอาหาร
เชฟเตยตัดสินใจเรียนทำอาหารในระดับมหาวิทยาลัย เพราะไม่ติดคณะอื่น และเห็นว่าอาชีพเชฟเป็นยุคทอง ที่มีโอกาสไปทำงานต่างประเทศ เขาเริ่มทำงานตั้งแต่ยังเรียนอยู่ โดยเริ่มต้นจากตำแหน่งที่ต่ำที่สุดในครัวคือ คนล้างจาน และ ผู้ช่วย เขาเชื่อว่าการเริ่มต้นจากจุดนี้ทำให้ได้เรียนรู้การรักและดูแลรักษาอุปกรณ์
จากคนล้างจาน เชฟเตยก้าวขึ้นมาเป็น Executive Chef ของเครือโรงแรมเมื่ออายุเพียง 27 ปี ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 30 ปี เขาเน้นย้ำว่า การเป็นเชฟที่ประสบความสำเร็จไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่การทำอาหารอร่อย แต่ต้องมีทักษะหลากหลายด้าน เช่น ความรู้เรื่องอาหาร โภชนาการ การจัดการคน และการวางตำแหน่งคนที่เหมาะสมกับงาน

เคล็ดลับสู่ความสำเร็จ "ความอดทน" และ "เป้าหมายที่ชัดเจน"
เชฟเตยเชื่อว่าสิ่งที่พาเขามาสู่ตำแหน่งแชมป์ได้คือ ความอดทน และ การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน รวมถึงการไม่ยอมแพ้ต่อเป้าหมายที่ตั้งไว้ เขาทำงานหนักมาก บางครั้งแทบไม่ได้นอนเลยเป็นเวลา 3-4 เดือน เพราะต้องทำงานต่างจังหวัดและบินมาแข่งขัน เขาไม่เคยบอกใครว่าอดนอนหรือเสียเปรียบ เพราะเลือกที่จะมาแข่งขันเอง
สำหรับคำแนะนำสำหรับผู้ที่อยากเป็นเชฟ เขาเน้นย้ำว่าต้องฝึกฝนพื้นฐาน ทำงานที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด พัฒนาฝีมืออยู่เสมอ และอย่าขี้เกียจ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ต้องตั้งเป้าหมายในชีวิตให้ชัดเจน เช่น 2 ปีข้างหน้าจะเป็นอะไร 5 ปีข้างหน้าจะเป็นอะไร แล้วเดินตรงไปข้างหน้าโดยไม่มีทางลัด
Vicenzo ร้านอาหารที่เต็มไปด้วยความรักและ ทรัฟเฟิล
ปัจจุบัน เชฟเตยมีร้านอาหารชื่อ Vicenzo (วิเชนโซ่) ซึ่งเขาเปิดมาตั้งแต่ก่อนเข้าร่วม MasterChef ชื่อร้านมาจากภาษาอิตาลีที่หมายถึง ประสาทสัมผัสทั้ง 5 เพราะเขาอยากให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์หลากหลายรูปแบบ
Vicenzo ให้บริการอาหารอิตาเลียนแบบดั้งเดิม ในบรรยากาศที่เหมาะกับการทานแบบครอบครัวในย่านชานเมือง เมนูที่โด่งดังที่สุดและลูกค้าถามหามากที่สุดในตอนนี้คือ เค้กทรัฟเฟิล ซึ่งเป็นจานที่ทำให้เขาชนะ MasterChef
ความพิเศษของเค้กทรัฟเฟิล คือ เชฟเตยใช้ทรัฟเฟิลถึง 6 ชนิดในการทำเค้กก้อนนี้ ทั้งทรัฟเฟิลเพสต์, เกลือทรัฟเฟิล, น้ำมันทรัฟเฟิลดำ, น้ำมันทรัฟเฟิลขาว, ผงทรัฟเฟิล และที่สำคัญคือ ทรัฟเฟิลสดจากอิตาลี เขาสไลด์ทรัฟเฟิลสดใส่ลงไปในปริมาณมาก ซึ่งทำให้จานนี้ขาดทุน แต่เขาต้องการให้ลูกค้าได้ชิมวัตถุดิบคุณภาพดีจากแหล่งดั้งเดิม และทำความรู้จักทรัฟเฟิลมากขึ้น เขาหลงใหลในทรัฟเฟิลมากจนถึงขั้นมีบริษัททรัฟเฟิลเป็นของตัวเอง

บทเรียนชีวิตจากผู้ประกอบการ ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจ
เชฟเตยให้คำแนะนำสำหรับผู้ที่อยากเปิดร้านอาหารว่า ต้องมี Business Plan ที่ชัดเจน รู้ว่าขายอะไร ต้นทุนเท่าไหร่ และที่สำคัญที่สุดคือ ต้องรักและถนัดในสิ่งที่ทำ สำหรับคนรุ่นใหม่ที่ล้มแล้วไม่เจ็บมาก เขาแนะนำให้ลงมือทำทันที เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์
เชฟเตยมองว่าสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจร้านอาหารนั้น หนักกว่าช่วงโควิด-19 เสียอีก เพราะในยุคโควิดยังสามารถปรับตัวไปทำเดลิเวอรี่ได้ แต่ตอนนี้มองไม่เห็นอนาคต ทำให้ธุรกิจจำนวนมากต้องปิดตัวลง โดยเฉพาะร้านที่พึ่งพานักท่องเที่ยวต่างชาติ และร้านที่ไม่มีลูกค้าประจำชาวไทย เพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้ บริษัทของเขาจึงต้อง กระจายรายได้ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับช่องทางอื่น นอกจากการขายหน้าร้านเพียงอย่างเดียว

ปรัชญาชีวิต "ผัดขี้เมา" เผ็ดร้อนเพื่อภูมิคุ้มกันที่ดี
เมื่อถูกถามว่าหากชีวิตคือเมนู 1 จาน เชฟเตยอยากให้คนกินแล้วได้รสชาติพลังใจแบบไหน เขาตอบอย่างน่าสนใจว่าคือ ผัดขี้เมา เพราะเป็นเมนูที่มีเครื่องเทศเยอะ รสชาติแซ่บซ่า เผ็ดร้อน มีสีสัน และเต็มไปด้วยสมุนไพร เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและความแข็งแกร่ง ทำให้สามารถรับมือกับปัญหาต่าง ๆ ได้ ก่อนที่จะก้าวไปสู่จานที่สบายขึ้นในอนาคต
เชฟเอียน ไอดอลผู้จุดประกาย
นอกเหนือจากคุณตาแล้ว เชฟเอียน คือไอดอลของเชฟเตย เขาประทับใจเชฟเอียนมาตั้งแต่เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว เพราะเชฟเอียนสามารถทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน ทั้งการเป็นเชฟโรงแรม ที่ปรึกษา และการทำรายการทีวี แต่ยังคงรักษามาตรฐานและคุณภาพของงานหลักไว้ได้อย่างดีเยี่ยม เชฟเตยมองว่าเชฟเอียนมีทัศนคติที่ดีต่อการเป็นเชฟ และไม่เคยหลงทางไปกับชื่อเสียงหรือเงินทอง เชฟเตยยอมรับว่าเขารู้สึกเกร็งมากที่สุดเวลาได้คุยกับเชฟเอียน เพราะความนับถือ เขาไม่เคยบอกเชฟเอียนโดยตรงว่าเป็นไอดอล แม้กระทั่งตอนที่เคยแข่งขันแบบตัวต่อตัวในรายการ Iron Chef ซึ่งเป็นผลเสมอ

เรื่องราวของเชฟเตย สหรัฐ เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า ความมุ่งมั่น อดทน การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน และการเรียนรู้จากประสบการณ์ ไม่ว่าจุดเริ่มต้นจะต่ำต้อยเพียงใด ก็สามารถพาเราไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่และเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่นได้เสมอ

เปิดรับแรงบันดาลใจได้ใน Club Inspired Day คลับที่เต็มไปด้วยข้อคิดแรงบันดาลใจ และมีคลังความรู้ที่พร้อมแชร์ ไปกับ Iconic และสองดีเจสุดเท่ “ดีเจเป้” และ “ดีเจแคน” ได้ในทุกสัปดาห์
ดูรายการย้อนหลัง
