ถอดบทเรียนจากวิกฤตสไตล์ "โค้ชหนุ่ม The Money Coach" จาก "หนี้ 18 ล้าน" สู่ผู้จุดประกาย "ชีวิตการเงิน" ให้กับผู้ติดตาม

Club Inspired Day Recap

ถอดบทเรียนจากวิกฤตสไตล์ "โค้ชหนุ่ม The Money Coach" จาก "หนี้ 18 ล้าน" สู่ผู้จุดประกาย "ชีวิตการเงิน" ให้กับผู้ติดตาม

08 ก.ค. 2025

ที่ Club Inspired Day ทุก Story มีความหมาย ได้ Inspired ทุก Moment กับสองดีเจสุดเท่ “ดีเจเป้” และ “ดีเจแคน” ที่เปิดไมค์ต้อนรับ “โค้ชหนุ่ม จักรพงษ์ เมษพันธุ์” ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน โดยโค้ชหนุ่มได้แชร์ประสบการณ์ส่วนตัวของโค้ชหนุ่มที่เคยเผชิญกับหนี้จำนวนมากถึง 18 ล้านบาท อันเป็นผลมาจากวิกฤตต้มยำกุ้งในปี 2540 และการจัดการหนี้ที่ไม่ถูกต้องในอดีต นอกจากนี้พวกเขายังได้หารือเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันของประเทศไทย โดยเน้นย้ำถึงความซบเซาและผลกระทบต่อครัวเรือน และข้อแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน เช่น การสะสมทองคำ กองทุนในต่างประเทศ และหุ้นไทยที่ราคาไม่แพง นอกจากนี้ยังมีการพูดคุยถึงวิธีการจัดการการเงินส่วนบุคคล เช่น การวางแผนรายรับ-รายจ่าย การออม และการลงทุน รวมถึงการวางแผนการเงินในอนาคต เพื่อความมั่นคงในชีวิต บทเรียนชีวิต พร้อมข้อคิดดี ๆ ได้ถูกแชร์เอาไว้แล้วในรายการ

 

 

จุดเริ่มต้นของ "โค้ชหนุ่ม" จากวิศวกรสู่โค้ชการเงิน

โค้ชหนุ่มเล่าว่า เขาเริ่มทำงานด้านการเงินตั้งแต่ปี 2548 โดยเริ่มจากการตอบคำถามเรื่องการเงินบนเว็บบอร์ด เขาเลือกใช้คำว่า "โค้ช" แทนคำว่า "ครู" หรือ "อาจารย์" เพราะต้องการเป็นเหมือนโค้ชฟุตบอลที่คอยตะโกนให้กำลังใจและชี้แนะอยู่ข้างสนาม ด้วยสไตล์การคุยแบบง่ายๆ เข้าถึงได้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้จบด้านการเงินมาโดยตรง แต่จบการศึกษาจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำให้เส้นทางนี้แตกต่างจากสิ่งที่เขาเรียนมาโดยสิ้นเชิง

 

 

จุดพลิกผัน หนี้สิน 18 ล้านบาท ท่ามกลางวิกฤตต้มยำกุ้ง

โค้ชหนุ่มจบการศึกษาในช่วงปี 2539-2540 ซึ่งเป็นยุคที่ประเทศไทยประสบกับวิกฤตเศรษฐกิจ "ต้มยำกุ้ง" ในตอนแรกเขาคิดว่าอนาคตจะสดใส แต่หลังจากเรียนจบไม่นาน ครอบครัวของเขาก็ประสบภาวะล้มละลายจากธุรกิจอู่ซ่อมรถและร้านอะไหล่รถยนต์ หนี้สินที่บ้านรวมทั้งสิ้น 18 ล้านบาท เขาตกใจมากในฐานะเด็กที่เพิ่งจบ แต่ก็ยังนึกภาพไม่ออกว่า 18 ล้านบาทนั้นมากมายเพียงใด สิ่งที่ทำให้เขากลัวจริง ๆ คือเมื่อรู้ว่าต้องชำระหนี้ทั้งในระบบและนอกระบบรวมกันเดือนละกว่า 1 แสนบาท ในขณะที่เงินเดือนเริ่มต้นของเขาคือ 14,000 บาท

 

 

เผชิญหน้ากับปัญหา ความกล้าหาญนำทาง

ในขณะนั้นคุณพ่อเริ่มป่วยเป็นโรคหัวใจ และการทวงหนี้แบบไม่น่ารักในสมัยก่อน (เช่น การขี่มอเตอร์ไซค์มาตะโกนหน้าบ้าน) สร้างความเครียดให้คุณพ่ออย่างมาก โค้ชหนุ่มในฐานะลูกชายคนโต จึงตัดสินใจรับสภาพหนี้ทั้งหมดไว้เองและให้คุณพ่อหลบไปอยู่ต่างจังหวัด เขายอมรับว่าในเวลานั้น เขามีเพียงแค่ความกล้าหาญเท่านั้น ไม่มีความรู้เรื่องการจัดการหนี้เลย เขาเริ่มหาทางแก้ปัญหาด้วยการลองทำทุกอย่างที่พอจะทำได้ ไม่ว่าจะเป็นการสอนพิเศษ ค้าขาย หรือเป็นนายหน้าประกัน สิ่งใดที่เปิดประตูให้ได้เงิน เขาก็พร้อมที่จะลอง

 

 

กับดักหนี้สิน จาก 18 ล้านสู่เกือบ 20 ล้านบาท

จุดเปลี่ยนสำคัญมาถึงเมื่อธนาคารติดต่อเสนอวงเงินสินเชื่อส่วนบุคคลให้ถึง 5 เท่าของเงินเดือน ในยุคหลังปี 2540 ที่บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลเพิ่งเข้ามาในประเทศไทยและยังไม่มีเครดิตบูโร (เครดิตบูโรเริ่มในปี 2545) โค้ชหนุ่มจึงได้รับสินเชื่อจากหลายสถาบันการเงินได้ง่ายดาย เขาเล่าว่าเขาไม่ได้ฟังเงื่อนไขดอกเบี้ยสูงถึง 25% เลย เพียงแค่เซ็นตามที่ถูกบอก เงินก้อนแรกที่ได้มา 7-8 หมื่นบาท ถูกนำไปจ่ายหนี้ได้เพียงเดือนเดียว แต่ด้วยความง่ายของการได้มาซึ่งเงิน ทำให้เขากู้เพิ่มจากธนาคารต่าง ๆ  อีกถึง 17 รายการ การแก้ไขหนี้ด้วยวิธีนี้กลับล้มเหลวและทำให้สถานการณ์ "พังพินาศ" ยิ่งกว่าเดิม เพราะหนี้จาก 18 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 20 ล้านบาท

 

 

แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ บทเรียนจากมิตรภาพของนายธนาคาร

เมื่อหนี้เพิ่มพูนจนควบคุมไม่ได้ โค้ชหนุ่มก็เริ่มหลบเลี่ยงการติดต่อจากเจ้าหนี้ แต่แล้ววันหนึ่ง นายธนาคาร (คุณยุทธชัย) ที่เคยให้คำแนะนำเชิงบวกเมื่อครั้งที่โค้ชหนุ่มพยายามซื้อบ้านจากพ่อเพื่อช่วยให้ครอบครัวมีที่อยู่ ก็มาหาเขาที่หน้าบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ นายธนาคารผู้นี้ไม่ได้มาทวงหนี้ด้วยความโกรธ แต่กลับเชื้อเชิญให้ไปคุยกันด้วยรอยยิ้มและบอกว่า ชีวิตเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ

นายธนาคารอธิบายกลไกของหนี้ว่า แม้ดอกเบี้ยจะลดลง แต่ระยะเวลาการผ่อนชำระจะถูกบีบให้สั้นลง ทำให้ยอดผ่อนต่อเดือนสูงขึ้น และที่สำคัญ นายธนาคารยังสอนโค้ชหนุ่มว่า บ้านเป็นกรรมสิทธิ์ของเขาตั้งแต่แรก แม้จะติดจำนองอยู่กับธนาคารก็ยังสามารถขายได้ นายธนาคารช่วยเจรจากับธนาคารเพื่อ ลดดอกเบี้ยส่วนเกินออกไป 2 แสนบาท ทำให้เมื่อขายบ้านได้ 2 ล้านบาท โค้ชหนุ่มมีเงินเหลือ 1 ล้านบาท หลังจากหักหนี้ให้กับธนาคาร นายธนาคารคนนี้ยังให้คำแนะนำที่สำคัญยิ่งกว่าเงินว่า เงิน 1 ล้านบาทที่ได้มานั้น ไม่ควรนำไปใช้หนี้ทั้งหมดในทันทีแต่ควรเก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับ 2 ปี (ค่าเช่าบ้าน, ค่าอาหาร, ค่าน้ำ, ค่าไฟ) เพื่อให้เขามีกำลังใจในการต่อสู้กับหนี้ที่เหลืออยู่ การได้พบกับนายธนาคารท่านนี้ ทำให้โค้ชหนุ่มรู้สึกเหมือนเจอโชคดีและเป็นแรงบันดาลใจให้เขาอยากเป็นคนที่ช่วยให้ผู้อื่นมองเห็นแสงสว่างในการแก้ไขปัญหา

 

 

เส้นทางสู่เสรีภาพ 7 ปีแห่งการต่อสู้และบทเรียนที่ส่งต่อ

จากจุดนั้น โค้ชหนุ่มเปลี่ยนจากการหลบหนีไปเป็นการเดินหน้าคุยกับเจ้าหนี้ เพื่อเจรจาต่อรอง เขาใช้เวลา 7 ปี ในการปลดหนี้ 18 ล้านบาท นอกจากนี้ เขายังใช้กลยุทธ์ในการลงทุน เช่น การซื้อและขายทาวน์เฮาส์เพื่อทำกำไรส่วนต่างมาโปะหนี้ในยุคที่ยังไม่มีเครดิตบูโร แม้จะเหนื่อยและต้องเผชิญกับเจ้าหนี้นอกระบบ เขาก็ยังคงใจสู้และใช้เหตุผลในการเจรจา

ตลอดระยะเวลา 7 ปี เขาไม่เคยร้องไห้เพราะต้องสู้และดูแลคนในครอบครัว แต่ก็เคยนอนไม่หลับด้วยความกังวล จนกระทั่งมีความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัวว่า ป่านนี้เจ้าหนี้เขาหลับกันหมดแล้วมั้ง พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน ความคิดนี้ช่วยให้เขาสามารถพักผ่อนและมีพลังงานสู้ต่อไปได้

 

 

คำแนะนำ และข้อคิดจาก "โค้ชหนุ่ม"

จากประสบการณ์อันเจ็บปวด โค้ชหนุ่มได้เรียนรู้และตกผลึกเป็นคำแนะนำอันทรงคุณค่า เตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่คาดไม่ถึง ชีวิตจะเจอเรื่องไม่คาดฝันได้เสมอ เมื่อมีเงิน ควรเก็บออมไว้สำหรับวันที่แย่ การจัดการหนี้ที่ดีที่สุดคือการคุยกับเจ้าหนี้ ไม่ว่าจะเป็นการลดดอกเบี้ย หรือปรับโครงสร้างหนี้เชิงป้องกันเมื่อเริ่มสะดุดการจ่าย ธนาคารไทยมีมาตรการรองรับและควรเจรจาก่อนที่หนี้จะเสีย นิยาม "ความรวย" ความรวยแต่ละคนไม่เท่ากัน ควรหาจุดที่ทำให้เรารู้สึกปลอดภัยและสบายใจ การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้วางแผนการเงินได้ง่ายขึ้น การจัดการเงินสำคัญกว่าการหาเงินเยอะ คนที่มีรายได้สูงก็อาจไม่รวยได้ หากบริหารจัดการเงินได้ไม่ดี เพราะเงินที่หามาก็เหมือนถังน้ำรั่ว วางแผนการเงินไม่ใช่แค่ทำบัญชี การวางแผนคือการมองเห็นภาพอนาคตและเตรียมการล่วงหน้า เช่น การทำตัวเลขรายรับ-เงินออม-ค่าใช้จ่าย รายจ่ายคือโจทย์ชีวิต อย่าบีบคั้นตัวเองให้ประหยัดจนเกินไป แต่จงคำนวณรายจ่ายที่จำเป็นในชีวิตแล้วพยายามหารายได้ให้เพียงพอต่อโจทย์นั้น “ฟุ่มเฟือย" กับ "เกินตัว" ไม่เหมือนกัน การฟุ่มเฟือยบ้างในบางครั้งเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อเติมเต็มความสุขและพลังในการใช้ชีวิต แต่ถ้าฟุ่มเฟือยจนเงินไม่พอใช้และต้องไปกู้ยืม นั่นคือการใช้ชีวิตเกินตัวไม่แนะนำให้ใช้หนี้เป็นแรงผลักดัน เพราะหนี้คือภาระที่กดดัน และมนุษย์มักจะเพิ่มรายจ่ายตามรายได้ที่มากขึ้น เงินและความสุข เงินสามารถซื้อความสะดวกสบายได้มากมาย และควรมีทั้งเงินและความสุขไปพร้อมกัน โค้ชหนุ่มได้เรียนรู้จากคุณแม่ว่า การมีเงินใช้ มีชีวิตที่ดี และได้ใช้เวลากับครอบครัว นั่นคือความสุขที่แท้จริง

 

 

เรื่องราวของโค้ชหนุ่มเป็นเครื่องยืนยันว่า แม้ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังที่สุด ด้วยความกล้าหาญ การไม่ย่อท้อ การเรียนรู้ และการสื่อสารอย่างตรงไปตรงมากับปัญหา ก็สามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสและสร้างชีวิตใหม่ได้

 

เปิดรับแรงบันดาลใจได้ใน Club Inspired Day คลับที่เต็มไปด้วยข้อคิดแรงบันดาลใจ และมีคลังความรู้ที่พร้อมแชร์ ไปกับ Iconic และสองดีเจสุดเท่ “ดีเจเป้” และ “ดีเจแคน”  ได้ในทุกสัปดาห์

 

 

ดูรายการย้อนหลัง

album

0
0.8
1