เปิดเส้นทางจากเด็กขี้อายสู่ Diva ทรงพลัง “แก้ม วิชญาณี” กับเคล็ดลับ "สวยจากข้างใน" และชีวิตที่ไม่เคยหยุดนิ่ง

Club Inspired Day Recap

เปิดเส้นทางจากเด็กขี้อายสู่ Diva ทรงพลัง “แก้ม วิชญาณี” กับเคล็ดลับ "สวยจากข้างใน" และชีวิตที่ไม่เคยหยุดนิ่ง

23 มิ.ย. 2025

“หากจะต้องปรับอะไรในตัวเรา มันควรเกิดจากการรักตัวเราเองก่อน อย่าปรับแค่เพราะว่าอยากสวย ถ้าอยากสวย มันแต่งหน้าได้ แต่ถ้าข้างนอกเราสวย แต่ข้างในเราพัง เราจะทำไง? อยากให้โฟกัสที่สุขภาพ และเริ่มจากการรักตัวเองก่อนดีกว่าค่ะ”

 

 

ที่ Club Inspired Day ทุก Story มีความหมาย ได้ Inspired ทุก Moment กับสองดีเจสุดเท่ “ดีเจเป้” และ “ดีเจแคน” ที่เปิดไมค์ต้อนรับ “แก้ม วิชญาณี” กับเรื่องราวเส้นทางกว่าจะเป็นนักร้อง Diva สาวทรงพลัง โดยเริ่มตั้งแต่เด็กที่ขี้อายแต่ก็ชอบร้องเพลง จนกระทั่งเข้าสู่เวที The Star และประสบความสำเร็จอย่างสูงในฐานะนักร้อง นอกจากนี้ เธอยังได้พูดถึง การปรับตัวกับคอมเมนต์ต่าง ๆ ทั้งในด้านภาพลักษณ์ และการร้องเพลง รวมถึง โอกาสต่าง ๆ ที่เข้ามาในชีวิต เช่น การพากย์เสียงเอลซ่าในภาพยนตร์ Frozen และการร่วมงานกับวง 4 โพดำ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถรอบด้าน และ มุมมองเชิงบวกต่อชีวิต พลังใจเปี่ยมล้น พร้อมข้อคิดดี ๆ ได้ถูกแชร์เอาไว้แล้วในรายการ

 

 

จุดเริ่มต้นของเสียงเพลง...จากเด็กขี้อายสู่เวทีแรกในการประกวด

แก้ม วิชญาณี เริ่มต้นการร้องเพลงตั้งแต่อายุเพียง 2 ขวบครึ่ง คุณแม่ของเธอเล่าว่า เธอร้องเพลง "ต้องสู้" ของคุณแม่เจินได้ทั้งเนื้อและเมโลดี้ในงานคาราโอเกะวันเกิดของคุณป้า ซึ่งทำให้ทุกคนตกใจ แม้จะมีความสามารถแต่ในวัยเด็กแก้มเป็นคนขี้อาย ไม่กล้าบอกใครว่าเธอชอบร้องเพลง จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อครูเปิดเพลง "สั่งนาง" ของ พี่มนสิทธิ์ คำสร้อย ในห้องเรียน และบอกว่าใครร้องได้ให้ร้อง ซึ่งแก้มสามารถร้องได้ทั้งเพลง ต่างจากเพื่อนคนอื่นที่ร้องแค่ฮัม ๆ นั่นทำให้เธอได้รับเลือกเป็นตัวแทนห้องไปประกวดร้องเพลงวันเด็ก และชนะการประกวดครั้งแรก และแก้มชนะการประกวดในโรงเรียนติดต่อกันถึง 3 ปี และเรียนรู้ที่จะเอาชนะความขี้อายด้วยการจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ต้องทำ เธอเชื่อว่าเมื่อมีหน้าที่ที่ต้องทำ ก็ต้องทำให้เต็มที่ ความเขินอายนั้นทุกคนมี แต่เธอเลือกที่จะเก็บมันไว้และมีสมาธิกับการแสดงออก

 

 

การค้นพบเส้นทางชีวิต...จากสายวิทย์สู่เส้นทางดนตรี

ในตอนแรก แก้มไม่ได้ตั้งใจจะเป็นนักร้องอาชีพ เธอตั้งใจจะเรียนสายวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ และอาจจะเรียนเภสัชศาสตร์ตามคำแนะนำของคุณแม่ที่เป็นพยาบาล เธอเรียนเก่งในระดับประถม แต่เมื่อเข้ามัธยมปลายและสอบเข้าโรงเรียนประจำจังหวัดได้ เธอพบว่าการเรียนสายวิทย์-คณิตนั้นไม่ง่ายเลย หลังจากนั้น เธอเบนเข็มไปสนใจสายสังคมศึกษา โดยคิดอยากจะเป็นนักการทูต หรือเรียนกฎหมายตามรอยคุณพ่อที่เป็นทนายความ เธอชื่นชอบวิชาภาษาไทยและสังคมศึกษา แต่ก็ยังเจอความท้าทายกับวิชาคณิตศาสตร์เสริม จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เธอค้นพบเส้นทางของตัวเองคือภาพยนตร์เรื่อง "Season Change" ซึ่งทำให้เธอรู้จักคณะดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล และรู้ว่ามีคณะเกี่ยวกับดนตรีอยู่จริง เธอเริ่มมองว่าการร้องเพลงเป็นอาชีพที่เป็นไปได้ และแม้จะไม่ได้เป็นนักร้อง ก็สามารถเป็นครูสอนร้องเพลงได้ เพราะเธอเชื่อว่าหากได้อยู่กับสิ่งที่รัก จะทำให้มีความสุขกับการทำสิ่งนั้น

 

 

ก้าวสู่ The Star และความสำเร็จที่ไม่คาดฝัน

แก้มตัดสินใจไปสมัครประกวด The Star 4 ที่ภูเก็ตทันทีที่ทราบข่าว เธอเป็นแฟนคลับรายการ The Star มาตั้งแต่แรก และเคยไปเชียร์พี่บี้ถึงอิมแพ็คมาแล้ว ในตอนนั้น เธอไปสมัครโดยไม่ได้คาดหวังว่าจะเข้ารอบลึกๆ เพียงแค่ต้องการไปร้องเพลงบนเวทีที่เธอใฝ่ฝันและรับฟังคอมเมนต์ แม้จะโดนคอมเมนต์เรื่องภาพลักษณ์ในห้องโปรดิวเซอร์ (เช่น ใส่ชุดชมพูทั้งตัว ดูโตกว่าวัย อ้วน ดำ) เธอกลับมองว่ามันเป็นคำแนะนำที่ทำให้เธอพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น เมื่อเข้าไปอยู่ในบ้าน The Star เธอทุ่มเทให้กับการแข่งขันอย่างเต็มที่ โดยไม่รับรู้กระแสภายนอก การได้รับตำแหน่ง The Star คนแรกของเมืองไทยในปีนั้น เป็นสิ่งที่เธอไม่คาดคิดมาก่อน เพราะคู่แข่งทุกคนมีความสามารถสูงมาก The Star ได้มอบทุกอย่างให้กับเธอ รวมถึงอาชีพและการค้นพบตัวตนที่แท้จริง

 

 

บททดสอบหลังเวที และการเติบโต

ชีวิตหลังจากการประกวด The Star เต็มไปด้วยความท้าทาย เนื่องจากเธอต้องย้ายมาอยู่กรุงเทพคนเดียวและต้องเผชิญกับโลกการทำงานที่หนักกว่าที่คิด เธอเรียนรู้วินัย การทำงานเป็นทีม และการตัดสินใจด้วยตัวเอง ซึ่งทำให้เธอเติบโตเป็นผู้ใหญ่มากกว่าวัย เธอต้องรับมือกับคอมเมนต์ที่เป็นพิษ (Toxic Comments) ที่ส่วนใหญ่มาจากเว็บไซต์ และเว็บบอร์ดในยุคนั้น แทนที่จะท้อแท้ เธอเลือกที่จะมองเป็นพลังให้ตัวเองพัฒนา และพิสูจน์ตัวเอง โดยเฉพาะในเรื่องการร้องเพลง เธอเรียนรู้ที่จะดูแลสุขภาพและรักตัวเองเป็นอันดับแรก ซึ่งเป็นพื้นฐานของการพัฒนาในด้านอื่น ๆ และเรียนรู้ที่จะรักษาสมดุลระหว่างการปรับตัวตามคำแนะนำของสังคมกับการเป็นตัวของตัวเอง สิ่งไหนที่ปรับแล้วเป็นพิษกับตัวเธอ เธอจะหยุด เธอเปิดใจรับคำแนะนำที่สร้างสรรค์และพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง เช่น การฝึกออกเสียงภาษาอังกฤษให้ชัดเจนขึ้น

 

 

Diva ระดับโลก และบทบาทที่หลากหลาย

โอกาสสำคัญในชีวิตของแก้มคือการได้พากย์เสียงเอลซ่า และร้องเพลง "Let It Go" ในเวอร์ชั่นภาษาไทย ซึ่งทำให้เธอได้รับเกียรติสูงสุดในการไปร้องเพลงบนเวทีออสการ์ร่วมกับอีก 8 ประเทศ การได้ไปยืนบนเวทีระดับโลกนั้น ทำให้เธอรู้สึกภาคภูมิใจอย่างมากที่ได้เป็นตัวแทนของประเทศไทย และได้รับคำชื่นชมจากนักแสดงระดับโลกอย่าง Gerard Butler

นอกจากนี้ การรวมตัวกับ "4 โพดำ" (กัน, โดม, ตั้ม) ก็ทำให้คนเห็นมุมใหม่ ๆ ของเธอในฐานะคนตลก ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอเองก็ไม่เคยรู้มาก่อน เธอได้ลองร้องเพลงในแนวที่แตกต่างออกไป เช่น "แสงและเงา" ซึ่งเป็นเพลงที่ใช้ความรู้สึกและทำให้เธอรู้สึกฟินมากที่สุด เพราะได้ปลดปล่อยพลังอีกด้านหนึ่งของตัวเอง เธอยังคงรักษาความสัมพันธ์อันดีกับเพื่อน ๆ ใน 4 โพดำ และมองว่าทุกคนเป็นทีมเดียวกันที่เติบโตมาด้วยกัน

 

 

ปรัชญาชีวิต และความสุขในแบบของตัวเอง

แก้มมองว่าความสำเร็จในอาชีพนักร้องของเธอเกินกว่าความฝันที่ตั้งไว้มามาก เธอได้ทำสิ่งต่าง ๆ หลากหลายที่ไม่เคยคิดว่าจะทำได้ และค้นพบเส้นทางใหม่ ๆ ในชีวิตอยู่เสมอ เธอเชื่อว่าการเป็นศิลปินคือการได้ปลดปล่อยความเป็นศิลปะในตัวตนอย่างเต็มที่ และกล้าที่จะเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ ไม่ยึดติดกับการร้องเพลงโชว์พลังเพียงอย่างเดียว

แก้มให้ข้อคิดกับน้อง ๆ ที่อยากเป็นนักร้องว่า ทุกคนมีเส้นทางของตัวเอง อย่าเลียนแบบใคร ให้เป็นตัวของตัวเองดีที่สุด ให้ภาคภูมิใจในข้อดีของตัวเอง และพัฒนาในสิ่งที่ทำได้ดีอยู่แล้ว เพราะนั่นจะทำให้สนุกกับการทำสิ่งนั้นไม่มีวันหมด

ปัจจุบัน แก้มยังคงสถานะโสด เธอให้เหตุผลว่าเธอ "Lucky in game" และสนุกกับสิ่งที่ทำ จนไม่ได้มองหาความรัก เธอเชื่อว่าถ้าใช่ก็คือใช่ และไม่คาดหวังเรื่องคู่ชีวิตหรือการสร้างครอบครัว แต่ก็อยากมีหากมีโอกาส เธอให้นิยามผู้ชายในฝันว่าต้อง "รักครอบครัว คุยกันรู้เรื่อง และชัดเจน" เธอรับมือกับคอมเมนต์เรื่องความโสดหรือภาพลักษณ์ "Diva" ที่ทำให้คนไม่กล้าเข้าหา ด้วยการคิดว่าถ้าคนที่เข้ามาแล้วทำให้เป็นทุกข์ ก็ไม่มีดีกว่า เธอไม่ปิดกั้นตัวเอง และยินดีเปิดใจให้โอกาส

และสุดท้ายเธอให้คำแนะนำสำหรับคนโสดว่า "เรามันจึ้ง ไม่โสดหรือสถานะไหนก็ตาม ถ้าเราเป็นคนจึ้ง เราเป็นคนเลิศ มีเงิน มันคือจบ" ซึ่งหมายถึงการทำงานหาเงินเพื่อเลี้ยงดูตัวเองอย่างมีความสุข

แก้ม วิชญาณี คือตัวอย่างที่ชัดเจนของคนที่ค้นพบพลังในตัวเอง พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง และใช้โอกาสในชีวิตสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ จนประสบความสำเร็จอย่างงดงาม และยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนจำนวนมาก

 

 

เปิดรับแรงบันดาลใจได้ใน Club Inspired Day คลับที่เต็มไปด้วยข้อคิดแรงบันดาลใจ และมีคลังความรู้ที่พร้อมแชร์ ไปกับ Iconic และสองดีเจสุดเท่ “ดีเจเป้” และ “ดีเจแคน”  ได้ในทุกสัปดาห์

 

ดูรายการย้อนหลัง

album

0
0.8
1