ที่ Club Inspired Day ทุก Story มีความหมาย ได้ Inspired ทุก Moment กับสองดีเจสุดเท่ “ดีเจเป้” และ “ดีเจแคน” ที่เปิดไมค์ต้อนรับ “โซแบม ปณิชดา” กับเรื่องราวชีวิตที่เต็มไปด้วยอุปสรรคตั้งแต่เด็ก เริ่มต้นจากการประสบอุบัติเหตุ ของแม่ที่ทำให้ครอบครัวเผชิญกับความยากลำบากทางการเงิน และความไม่สมบูรณ์ของครอบครัว โซแบมเล่าถึงความมุ่งมั่น ที่จะประสบความสำเร็จและสร้างรายได้เพื่อช่วยเหลือแม่ โดยมี ความฝันที่จะเป็นนักแสดงและนางงาม เธอได้เปิดใจเกี่ยวกับการแข่งขันในวงการนางงาม โดยเฉพาะ Miss Grand Thailand ซึ่งเป็นเวทีที่ต้องใช้ความอดทนและทุ่มเทอย่างสูง นอกจากนี้เธอยังแบ่งปัน ข้อคิดและแรงบันดาลใจ ในการเผชิญหน้ากับคำวิพากษ์วิจารณ์ และการใช้ชีวิตตามความฝัน โดยมีแม่เป็นเสาหลัก และแรงผลักดันสำคัญในการต่อสู้กับทุกความท้าทาย พลังใจเปี่ยมล้น พร้อมข้อคิดดี ๆ ได้ถูกแชร์เอาไว้แล้วในรายการ

จาก "แบม" สู่ "โซแบม" กำเนิดชื่อที่ไม่เหมือนใคร และแรงบันดาลใจจากติ่งเกาหลี
โซแบม ปณิชดา เริ่มต้นเล่าถึงที่มาของชื่อ "โซแบม" ซึ่งหลายคนอาจเข้าใจผิดคิดว่าเป็นลูกครึ่ง แต่ความจริงแล้ว เธอเป็นคนเหนือแท้ ๆ โดยมีคุณพ่อคุณแม่เป็นคนเหนือทั้งคู่ ชื่อ "โซแบม" เกิดขึ้นในช่วงที่เธอยังเป็นติ่งเกาหลี และรู้สึกว่าชื่อ แบม เพียงอย่างเดียวดูไม่เก๋ จึงได้เพิ่มคำว่า โซ เข้าไป เพราะคิดว่าน่ารัก และทำให้ชื่อดูแตกต่างไม่เหมือนใคร หลังจากนั้นผู้คนก็เริ่มจดจำและเรียกเธอว่า "โซแบม" ซึ่งเป็นชื่อที่ยังคงมีเพียงคนเดียวในปัจจุบัน ชื่อนี้อยู่กับเธอมานานกว่าสิบปีแล้ว ตั้งแต่สมัยมัธยมศึกษาปีที่ 3

ชีวิตวัย 3 ขวบที่พลิกผัน โศกนาฏกรรมอุบัติเหตุและหนี้สินที่กัดกิน
ชีวิตของโซแบม เผชิญกับบททดสอบครั้งใหญ่ตั้งแต่เด็ก โดยครอบครัวของเธออยู่ในฐานะปานกลาง คุณพ่อเป็นข้าราชการ และคุณแม่เป็นช่างเย็บผ้าที่มีรายได้ดีในเวลานั้น แต่เมื่อโซแบมอายุเพียง 3 ขวบ เธอและคุณแม่ประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ โดยถูกรถจักรยานยนต์อีกคันที่เมาแล้วตัดเลนเข้ามาชน คุณแม่ตัดสินใจปล่อยรถและอุ้มโซแบมไว้เพื่อปกป้อง
เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้คุณแม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส กระจกหน้ารถแทงเข้าที่บริเวณจมูกและตา ทำให้คุณแม่เสียดวงตาไปข้างหนึ่ง ส่วนโซแบม โชคดีที่เธอกลิ้งตกลงไปในท่อระบายน้ำที่ไม่มีน้ำเสีย จึงรอดชีวิตมาได้ ส่วนคู่กรณีเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
หลังอุบัติเหตุ ชีวิตครอบครัวก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง คุณแม่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลนานถึง 3-4 เดือน พูดไม่ได้เพราะต้องเจาะคอเพื่อให้อาหารและหายใจ ใบหน้าของคุณแม่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จนโซแบมในวัย 3 ขวบ จำคุณแม่ไม่ได้และไม่ยอมรับว่าคนตรงหน้าคือแม่ของเธอ เธอจดจำใบหน้าคุณแม่ในปัจจุบันได้เท่านั้น
นอกจากนี้ คุณแม่ไม่สามารถกลับไปเป็นช่างเย็บผ้าได้เนื่องจากดวงตาที่บาดเจ็บ จึงต้องเปลี่ยนอาชีพไปขายของทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นลูกชิ้นทอด หรือขนมจีนน้ำเงี้ยว แต่ชีวิตก็ยังคงเผชิญกับปัญหาหนี้สินจำนวนมาก โดยเฉพาะหนี้นอกระบบ ที่คุณแม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยไปเรื่อย ๆ ทำให้ครอบครัวอยู่ในวังวนของความยากลำบากอย่างต่อเนื่อง ถึงขั้นที่ไม่มีเงินติดบ้านแม้แต่ 5 บาท โซแบมเล่าถึงเหตุการณ์ที่เธออยากกินซาลาเปา แต่คุณแม่ไม่มีเงินต้องรีบอุ้มเธอเข้าบ้านเพื่อไม่ให้เห็นรถซาลาเปา
มรสุมครอบครัว และจุดเปลี่ยนเพื่ออิสรภาพ
ความยากลำบากไม่ได้หยุดอยู่แค่เรื่องเงินทอง คุณพ่อซึ่งเป็นทหาร มักไม่อยู่บ้าน มีพฤติกรรมดื่มและเล่นการพนัน ทำให้เกิดปัญหาทะเลาะวิวาทกับคุณแม่บ่อยครั้ง โซแบมรู้สึกว่าครอบครัวของเธอไม่สมบูรณ์ สถานการณ์นี้ดำเนินต่อเนื่องไปจนกระทั่งเธออายุ 20 ปี
ถึงแม้ว่าคุณพ่อคุณแม่จะเคยแยกทางกัน แต่ก็กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง เพราะคุณแม่กังวลว่าโซแบมจะขาดพ่อ เนื่องจากคุณแม่เองก็ไม่มีพ่อ คุณแม่พยายามอดทนเพื่อให้โซแบมมีครอบครัวที่สมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อโซแบมเติบโตขึ้นและเข้ามหาวิทยาลัย เธอได้พูดกับคุณแม่ว่า “ถ้าอยู่แล้วไม่มีความสุข ก็ออกมาเลย เดี๋ยวแบมเลี้ยงแม่เอง” ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้คุณแม่ตัดสินใจเลือกความสุขของตัวเอง

จากเด็กผู้หญิงสู้ชีวิต สู่ความฝันบนเส้นทางบันเทิงและนางงาม
การเติบโตในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยวิกฤต ทำให้โซแบมมีวิธีคิดที่จะทำยังไงก็ได้ให้ตัวเองประสบความสำเร็จ มีเงิน และออกมาจากจุดนั้นให้ได้ เธอตัดสินใจสอบเข้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แม้ไม่มีเงินส่งค่าเล่าเรียน แต่เธอมั่นใจว่าต้องมีหนทาง คุณแม่ช่วยสนับสนุนค่าเทอมก้อนแรก และโซแบมก็ได้พิสูจน์ตัวเองด้วยการประกวดดาวคณะในปีแรก ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผู้ใหญ่ในวงการบันเทิงเห็นแวว
ความฝันของเธอคือการได้อยู่ในวงการบันเทิง เป็นศิลปินที่สามารถแสดงละคร ร้องเพลง และเต้นได้อยากให้หน้าตัวเองอยู่ในทีวีให้คนได้เห็น สิ่งนี้สอดคล้องกับความฝันในปัจจุบัน
จุดเริ่มต้นบนเส้นทางนางงามของโซแบม คือการประกวด Miss Grand Chiang Rai ทันทีที่เรียนจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 และได้รับตำแหน่งรองอันดับ 1 แม้ในตอนแรกเธอไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นนางงาม เพราะไม่ชอบยิ้มและรู้สึกว่ายิ้มไม่สวย แต่เธอเห็นว่านี่คือช่องทางที่จะนำพาเธอเข้าสู่วงการบันเทิง
หลังจากนั้น 6 ปี เธอกลับมาประกวดอีกครั้งในเวที Miss Grand Lamphun โดยไม่ได้กลับไปประกวดที่เชียงราย เนื่องจาก Miss Grand เปิดโอกาสให้ผู้หญิงทั่วประเทศสามารถประกวดจังหวัดใดก็ได้ เธอเลือกจังหวัดลำพูนเพราะมองว่า PD มีคอนเนกชันที่ตอบโจทย์และมีสไตล์ที่ซาบซ่า ทันสมัย

เบื้องหลังมงกุฎ ความอดทน แรงกดดัน และชัยชนะเหนือคำดูถูก
การประกวด Miss Grand นั้นไม่ง่ายเลย โซแบมบอกว่ามันเป็นเวทีที่แกร่งมาก ต้องมีทั้งความสวย หุ่นดี ตอบคำถามดี คอนเทนต์เลิศ และขายของเก่ง การแข่งขันสูงมาก ก่อนการประกวดครั้งล่าสุด เธออยู่ในช่วงเรียนปี 4 และฝึกงาน ทำให้รู้สึกวุ่นวายและลังเล เธอถึงกับร้องไห้ไปอาทิตย์หนึ่งเพราะคิดว่ามันจะต้องเหนื่อยและกดดันมาก
แต่เมื่อได้ลองทำจริง ๆ เธอพบว่ามันสนุกมาก และได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ มากมาย รวมถึงได้เพื่อนสนิทอีกด้วย อย่างไรก็ตาม เธอยังต้องเผชิญกับความท้าทายอื่น ๆ เช่น การขาดฐานแฟนคลับในช่วงแรก และ การโดนดูถูกบูลลี่ โดยเฉพาะเรื่องรูปร่าง เธอเคยเก็บคำพูดเหล่านั้นมาคิดมาก แต่สุดท้ายก็เรียนรู้ที่จะปล่อยวาง และหันมาโฟกัสที่ตัวเอง
การเป็นนางงามต้องใช้ความอดทนสูงมาก ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะต้องยืนบนรองเท้าส้นสูงนานเป็นชั่วโมง ยิ้มตลอดเวลาแม้จะหนาวจนปากสั่นหรือเหงือกแห้ง เธอต้องฝึกยิ้มหน้ากระจกเพื่อไม่ให้ปากคว่ำ และฝึกเดินบนส้นสูงทุกวัน เพื่อให้ท่าทางการเดินดูมั่นคงและมีลูกเล่น โซแบมซึ่งเคยเป็นคนห้าว ๆ โก๊ะ ๆ ต้องฝึกฝนอย่างหนักเพื่อปรับบุคลิกภาพ นอกจากนี้ยังต้องฝึกทักษะการตอบคำถาม ซึ่งเคยเป็นจุดด้อยของเธอ เธอเรียนรู้ที่จะตอบคำถามให้กระชับและเป็นธรรมชาติมากขึ้น
เธอเชื่อว่าความทรมานจากการฝึกฝนเหล่านี้คุ้มค่ามาก เพราะทำให้เธอได้ทักษะชีวิตที่ดีและพัฒนาบุคลิกภาพ

ความสำเร็จที่มาพร้อมการให้ ตอบแทนพระคุณแม่และเป็นแรงบันดาลใจ
หลังจากประสบความสำเร็จในการประกวด Miss Grand ชีวิตของโซแบมก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เธอเป็นที่รู้จักมากขึ้น มีงานและมีรายได้เพิ่มขึ้น และสิ่งสำคัญที่สุดคือ เธอสามารถปลดหนี้ให้กับคุณแม่ได้สำเร็จ ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอภาคภูมิใจอย่างมาก นอกจากนี้ เธอยังพาคุณแม่ไปเที่ยวต่างประเทศ ขึ้นเครื่องบิน และไปเห็นทะเลตามที่ท่านใฝ่ฝัน
โซแบมเผยว่า แรงผลักดันที่สำคัญที่สุดในการต่อสู้คือ ความรักที่มีต่อคุณแม่ เธอรู้ว่าหากเธอพลาด คนที่เจ็บที่สุดคือคุณแม่ที่คอยสนับสนุนเธอมาตลอด คุณแม่ซึ่งเคยมีแววตาที่เหนื่อยล้าและความกังวลอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้มีความสุขมากทุกครั้งที่เห็นโซแบมอยู่ในทีวีหรือประกวดนางงาม
คำพูดที่คุณแม่พูดกับเธออยู่เสมอว่า “แม่มีแค่แบม” และ “แบมเต็มที่เลยนะ แม่รักแบมมาก” เป็นพลังสำคัญที่ทำให้โซแบมก้าวผ่านความยากลำบากมาได้ คำพูดเหล่านี้ทำให้เธอรู้ว่าคุณแม่เข้าใจความรู้สึกของเธอและเป็นกำลังใจให้เสมอ
สำหรับโซแบม นางงาม ไม่ได้หมายถึงแค่ความสวยภายนอก แต่คือความสวยจากภายใน ที่สามารถเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อื่น ช่วยเหลือสังคม และเป็นแบบอย่างให้กับเด็ก ๆ ที่มีความฝันแต่ไม่กล้า

เส้นทางใหม่ที่รออยู่ ความฝันการเป็นนักแสดงและศิลปิน
ในอนาคต โซแบมอยากเป็นนักแสดงที่ทุกคนชื่นชมในผลงานการแสดง เพราะเธอรักการแสดงมากตั้งแต่ได้แสดงเรื่องแรกในซิทคอม เป็นต่อ เมื่ออายุ 18 ปี เธอยังมีความฝันอยากเป็นศิลปิน มีคอนเสิร์ตของตัวเอง สามารถร้องเพลงและเต้นได้ทุกแนว รวมถึงเพลงลูกทุ่ง เธอเชื่อว่าทุกอย่างสามารถทำได้ เพียงแค่ลองทำ
พลังใจจากโซแบม อย่าให้คำคนอื่นมาตัดสินชีวิต
โซแบมฝากข้อคิดถึงทุกคนที่กำลังเผชิญปัญหาว่า แบมเชื่อว่าหลายคนก็เจอปัญหาที่แตกต่างกันไป อาจจะเบาหรืออาจจะหนักนะคะ แต่ว่าสุดท้ายมา แบมอยากให้เอาตัวเองยึดถือความรู้สึกแล้วก็หัวใจตัวเอง ถ้าเรารู้สึกว่าเราไม่ชอบอยู่จุดนั้นจริง ๆ ลองหาใครสักคนหนึ่งที่พาเราไปถึงเป้าหมายได้ และที่สำคัญที่สุดคือ ไม่ยอมแพ้
เธอยังย้ำว่า ใครที่อยากเป็นนางงาม “ทำเลยค่ะ ทำเลย ไม่ต้องมานั่งเอาคำพูดของคนอื่นมาตัดสินตัวเอง หากอยากทำอะไรก็จงทำ อย่าให้คำพูดของคนรอบข้างมาบั่นทอนความมั่นใจ ให้ใช้สิ่งเหล่านั้นเป็นแรงผลักดันแทน หากมีจุดหมายที่ชัดเจน มันจะเป็นแรงฮึดให้เราพัฒนาตัวเองไปสู่ความสำเร็จได้”
ท้ายที่สุด โซแบมได้กล่าวความในใจถึงคุณแม่เป็นภาษาเมืองว่า “ฮักแม่ขนาดเน้อ แล้วก็อยากให้แม่ฮักตั๋วเก่านัก ๆ ฮักนะเจ้า” (รักแม่มาก ๆ เลย และอยากให้แม่รักตัวเองมาก ๆ นะ รักนะ) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงสายสัมพันธ์และความรักอันยิ่งใหญ่ที่เป็นแรงผลักดันให้เธอต่อสู้มาจนถึงทุกวันนี้

เปิดรับแรงบันดาลใจได้ใน Club Inspired Day คลับที่เต็มไปด้วยข้อคิดแรงบันดาลใจ และมีคลังความรู้ที่พร้อมแชร์ ไปกับ Iconic และสองดีเจสุดเท่ “ดีเจเป้” และ “ดีเจแคน” ได้ในทุกสัปดาห์
ดูรายการย้อนหลัง
