"ยิ่งแก่ยิ่งเผ็ด ยิ่งรสชาติจัดจ้าน” เปิดบทเรียนชีวิตจาก "ดวงดาว จารุจินดา" ดาว TikTok วัย 73 กับมุมมองที่ไม่เคยยอมแพ้!

ที่ Club Inspired Day ทุก Story มีความหมาย ได้ Inspired ทุก Moment กับสองดีเจสุดเท่ “ดีเจเป้” และ “ดีเจแคน” ที่เปิดไมค์ต้อนรับ “ดวงดาว จารุจินดา” นักแสดงมากความสามารถ กับเรื่องราวชีวิต ที่ถ่ายทอดบทพิสูจน์ที่แท้จริงของคำว่า "ดาวค้างฟ้าที่ไม่เคยหยุดเปล่งประกาย" เธอคือบุคคลที่ทำมาแล้วทุกอย่างในวงการบันเทิง และยังคงไม่หยุดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้กับชีวิต และแสดงให้เห็นว่า วัยเป็นเพียงตัวเลข และ ความรักในการทำงาน คือพลังขับเคลื่อนที่ไม่มีวันหมด พลังใจเปี่ยมล้น พร้อมข้อคิดดี ๆ ได้ถูกแชร์เอาไว้แล้วในรายการ

จุดเริ่มต้นบนเส้นทางสายบันเทิงที่ไม่เคยหยุดนิ่ง

คุณอาดวงดาว เริ่มต้นชีวิตบนเส้นทางสายบันเทิงตั้งแต่อายุเพียง 5 ขวบ เธอเติบโตมาในครอบครัวที่อยู่ในวงการบันเทิง โดยคุณพ่อของเธอทำงานที่ ช่อง 4 บางขุนพรหม เป็นทั้งหัวหน้าแผนกพัสดุฉาก เป็นพระเอกละคร เป็นนักพากย์หนัง และนักอ่านข่าว เธอได้เริ่มแสดงละครเรื่องแรกในบทบาทลูกของตัวร้ายในเรื่อง "อาชญากรผู้บริสุทธิ์" การทำงานตั้งแต่เด็กนี้เองที่ทำให้เธอหลงรักการแสดง และรู้ว่านี่คือสิ่งที่เธอชอบ แม้จะจำบทละครได้แม่นยำ แต่กลับไม่ถนัดการท่องหนังสือ ด้วยการสนับสนุนจากคุณพ่อ เธอได้ก้าวขึ้นมาเป็นนางเอกเต็มตัวตั้งแต่อายุ 15 ปีในละครจีน การแสดงในยุคนั้นคือการเล่นแบบสด ๆ ซึ่งต้องมีการซ้อมบทอย่างหนัก และมีคนคอยบอกบทกระซิบอยู่ข้าง ๆ เพื่อป้องกันความผิดพลาด

พลังแห่งความรักในการทำงานและการปรับตัวสู่ยุคดิจิทัล

ในวัย 73 ปี แทนที่จะพักผ่อนอย่างสบาย คุณดวงดาวกลับเลือกที่จะเป็นดาว TikTok เธอเผยว่าเธอเป็นคน รักการทำงานมากที่สุด และรู้สึกว่าหากไม่ได้ทำงาน เธอจะต้องเฉาหรือหมดกำลังใจอย่างแน่นอน ลูกชายของเธอซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์อาหารเสริมเป็นคนที่ทำให้เธอได้ก้าวสู่วงการ TikTok หลังจากที่เธอตัดสินใจขอไปไลฟ์สดขายของด้วยตัวเอง แม้คนรอบข้างจะกลัวเธอเหนื่อย แต่เธอยืนยันว่าเธอไม่เหนื่อยและอยากทำงาน

การเริ่มต้นบน TikTok ไม่ใช่เรื่องง่าย เธอต้องเผชิญกับกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดของการไลฟ์สด เช่น การห้ามพูดถึงน้ำหนักหรือจำนวนเงินโดยตรง เธอได้เรียนรู้จากเด็ก ๆ ที่เข้ามาสอนเธอ และในที่สุดก็สามารถติดตะกร้าสินค้าได้หลังจากส่งบัตรเครดิตเพื่อยืนยันตัวตน

รายได้เล็กน้อยจากค่าคอมมิชชันที่ลูกค้ากดสั่งซื้อนั้นมีความหมายมหาศาล และเติมเต็มชีวิตเธออย่างมาก เธอแบ่งปันความสุขนี้ด้วยการโอนเงินที่ได้จาก TikTok ไปทำบุญทุกวันพุธ และอธิษฐานให้ลูกค้าทุกคนมีความสุขและปลอดภัย เธอขอบคุณแฟนๆ ที่ติดตามเธอทาง TikTok เพราะนั่นคือ พลัง กำลังใจ และทุกสิ่งทุกอย่าง ที่มาเติมเต็มผู้หญิงวัย 73 ปีคนนี้ เธอฝากข้อคิดถึงทุกคนว่า "อย่ากลัวที่จะออกไปลองทำ" เพราะ "ไม่มีอะไรยากเกินไปสำหรับเราวัยนี้"

บทบาทที่หลากหลาย และความมุ่งมั่นในทุกสายงาน

นอกจากการแสดงแล้ว คุณดวงดาวยังเป็นนักพากย์มากฝีมือที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง เธอรักการแสดงมากที่สุดและพร้อมเสมอสำหรับการรับบทบาทใหม่ ๆ เธอเคยได้รับบทบาทที่ตราตรึงใจมากมาย เช่น หม่อมชุลี ใน ริษยา และแม่ใน คู่กรรม ซึ่งทำให้เธอได้รับรางวัลจากการแสดงด้วย

คุณดวงดาวเผยว่า สิ่งเดียวที่เธอทำไม่ได้คือการร้องเพลง เธอเริ่มต้นอาชีพนักพากย์ตั้งแต่อายุ 17 ปี โดยพากย์หนังสดออกอากาศในช่อง 4 ซึ่งเป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่ท้าทาย และกลายเป็นนักพากย์เต็มตัวเมื่ออายุ 35 ปี การพากย์หนังต่างประเทศ เช่น จีน เกาหลี หรือฝรั่งเศส ถือเป็นงานที่ยากที่สุดสำหรับเธอ เพราะต้องปรับเสียงให้เข้ากับตัวละคร และหน้าตาของนักแสดงต่างชาติ เธอยังเคยได้รับเลือกจากดิสนีย์ให้พากย์เสียงตัวละคร ดิวอี ซึ่งเป็นหลานของ โดนัลด์ ดั๊ก อีกด้วย

คุณดวงดาวเป็นคน เป๊ะ ในการทำงานอย่างมาก เธอคิดทุกรายละเอียดของการแสดง แม้กระทั่งว่าเดินไปตรงนั้นเพื่ออะไร หรือทำไมถึงหันกลับมาพูดประโยคนั้น การทำงานหนักโดยไม่ได้พักผ่อนเพียงพอส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเธอ จนถึงขั้นล้มป่วยและไม่สามารถแสดงละครเรื่อง "สาวน้อยในตะเกียงแก้ว" ได้ชั่วคราว แต่ด้วยความมุ่งมั่น เธอได้รักษาตัวและกลับมาแสดงอีกครั้ง เธอเรียนรู้บทเรียนชีวิตที่สำคัญจากการทำงานหนัก และจากการที่เธอเคยตำหนิทีมงานผิดไปเรื่องชุด แต่สุดท้ายกลับพบว่าเป็นความผิดพลาดของตนเองที่น้ำหนักขึ้น สิ่งนี้สอนให้เธอคิดไตร่ตรองให้ดีก่อนพูด

ปรัชญาชีวิต ความสุข และครอบครัวคือหัวใจสำคัญ

"ทำอะไรก็ได้ที่ตัวเองมีความสุข" คือปรัชญาการใช้ชีวิตของคุณดวงดาว เธอออกกำลังกาย และดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายและสมองแข็งแรง พร้อมสำหรับการทำงานที่เธอรัก เธอแนะนำให้เริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ จากสิ่งง่าย ๆ เมื่อต้องเผชิญกับความเศร้าจากการสูญเสียสัตว์เลี้ยงที่รัก เธอเลือกที่จะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงใหม่ เพื่อเติมเต็มความสุขในชีวิต

แม้จะทำงานหนักจนไม่มีเวลาเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง แต่เธอก็ได้มอบความรักให้กับหลานที่เกิดก่อนกำหนด เธอได้สัมผัสความสุขจากการดูแลหลานในสิ่งที่เธอไม่เคยมีโอกาสทำกับลูก เช่น การล้างก้น เธอปรารถนาให้หลานเติบโตมาเป็นเด็กที่ "เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก" มีจิตใจอ่อนโยน ไม่เห็นแก่ตัว และกล้าที่จะเปิดใจพูดคุยกับครอบครัวทุกเรื่อง เธอปลูกฝังความกล้าหาญให้หลาน โดยไม่ตำหนิเมื่อหลานทำของหาย แต่กลับชื่นชมที่หลานกล้าบอกความจริง และเมื่อหลานทำโทรศัพท์พัง เธอก็สนับสนุนให้หลานนำเงินเก็บมาใช้หนี้ค่าซ่อมโทรศัพท์ด้วยตัวเอง

คุณดวงดาวเชื่อว่า มนุษย์ทุกคนต้องมีทุกข์ แต่สิ่งสำคัญคือ "อย่าหมดกำลังใจ อย่าท้อ" เธอเป็นกำลังใจให้ลูกเสมอ โดยบอกว่า หากแม่วัย 73 ปีล้มแล้วยังลุกขึ้นมาได้ ลูกก็ต้องแข็งแกร่งเช่นกัน เธอได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องราวของเด็ก ๆ ที่ต้องดูแลตัวเอง และครอบครัวในวัยเยาว์ ซึ่งทำให้เธอตระหนักว่า เธอยังมีแรงที่จะทำสิ่งต่าง ๆ "มันมีหนทางเสมอสำหรับคนสู้" และ "ไม่ว่าเราจะอยู่ในวัยไหน เราคือวัยมหัศจรรย์ ยิ่งแก่ยิ่งเผ็ด ยิ่งรสชาติจัดจ้าน" เธอย้ำว่าครอบครัวคือสิ่งสำคัญที่สุด ที่พร้อมจะโอบกอดและช่วยพยุงเมื่อเราล้ม

มิตรภาพอันงดงาม และแรงบันดาลใจในการสู้ชีวิต

คุณดวงดาวให้ความสำคัญกับมิตรภาพอันงดงามที่ยาวนานกว่า 50 ปีกับเพื่อนรักทั้งสองคน อาอี๊ด ดวงใจ และ อาโย ทัศน์วรรณ เธอเล่าว่าความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน และละเอียดอ่อนนี้ ทำให้พวกเธอต้องเรียนรู้วิธีสื่อสาร และเตือนกันและกันอย่างเข้าใจ มิตรภาพนี้คือ "สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต" ที่เธอรู้สึกดีมากที่ได้มีกัลยาณมิตร

เรื่องราวชีวิตของคุณดวงดาว จารุจินดา จึงเป็นแรงบันดาลใจอย่างแท้จริง เธอแสดงให้เห็นว่า การรักในสิ่งที่ทำ การเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง และการไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค คือกุญแจสำคัญสู่ชีวิตที่มีความสุขและเติมเต็ม ไม่ว่าคุณจะอยู่ในวัยใดก็ตาม

เปิดรับแรงบันดาลใจได้ใน Club Inspired Day คลับที่เต็มไปด้วยข้อคิดแรงบันดาลใจ และมีคลังความรู้ที่พร้อมแชร์ ไปกับ Iconic และสองดีเจสุดเท่ “ดีเจเป้” และ “ดีเจแคน”  ได้ในทุกสัปดาห์

ดูรายการย้อนหลัง