ที่ Club Inspired Day ทุก Story มีความหมาย ได้ Inspired ทุก Moment กับสองดีเจสุดเท่ “ดีเจเป้” และ “ดีเจแคน” ที่เปิดไมค์ต้อนรับ “ซีเค เจิง” ผู้ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะเจ้าของแพลตฟอร์มที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจที่ดีมาก ๆ เขาถูกมองว่าเป็นคนเก่งที่มีพลังงานบวก ที่ได้มาแชร์เรื่องราวเบื้องหลังชีวิต ที่มา ความคิดในการทำธุรกิจ Fastwork มุมมองต่อประเทศไทย การพัฒนาตนเอง ไปจนถึงเรื่องราวส่วนตัว และความชอบต่าง ๆ ไว้แล้วในรายการ

CK Cheong ที่มาของชื่อ และเหตุผลที่ต้องเปลี่ยน
ซีเค ยืนยันว่า CK เป็นชื่อเล่น ไม่ใช่ชื่อจริง ชื่อจริงของเขาเป็นภาษาจีนคือ Chikit Cheong โดยการที่เขาเปลี่ยนมาใช้ชื่อเล่นนี้ มีเหตุผลมาจากประสบการณ์ที่ อเมริกา ที่ชาวต่างชาติออกเสียงชื่อจริงของเขาได้ยาก สะกดผิด พูดผิด จำไม่ได้ จนบางครั้งอาจเรียกผิดเป็น "Chicken" และต้องอธิบายความหมายของชื่อซ้ำ ๆ ทำให้เขารู้สึกเหนื่อยมาก ดังนั้นการเปลี่ยนชื่อเป็น CK ทำให้ง่ายต่อการเรียกและจดจำ โดย CK ย่อมาจาก "Cool Kid" ซึ่งทำให้คนไม่ต้องถามความหมาย เขาตัดสินใจเปลี่ยนชื่อทันทีในวันแรกที่ไปอเมริกา หลังจากถูกถามชื่อหลายครั้ง และรู้สึกเหนื่อยกับการอธิบาย

วิสัยทัศน์ที่ขับเคลื่อน ทำไมต้องทำ Fastwork?
เหตุผลสำคัญที่ ซีเค อยากทำ Fastwork คือ เขาต้องการให้ประเทศไทยเจริญ ไม่ใช่แค่กรุงเทพ แต่เจริญทั้งประเทศ เขาเชื่อว่านี่คือปัญหาเร่งด่วนที่ควรได้รับการแก้ไข แทนที่จะโทษการเมืองหรือปัจจัยภายนอกด้วยการ ชี้นิ้ว แต่เขาเชื่อในการ ใช้หัวแม่โป้ง คิดว่า "เราทำอะไรได้บ้าง" ในฐานะปัจเจกบุคคลเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศ เขาเห็นว่าสิ่งที่เปลี่ยนแปลงโลก และชีวิตประจำวันส่วนใหญ่มาจากภาคเอกชน ไม่ใช่รัฐบาล ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเชื่อว่าภาคเอกชนมีศักยภาพในการพัฒนาประเทศ
หนึ่งในปัญหาที่ ซีเค มองเห็นคือความเจริญที่กระจุกตัวอยู่ที่กรุงเทพ ซึ่งต่างจากประเทศพัฒนาแล้วอย่างอเมริกา ที่เมืองต่าง ๆ มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมที่แตกต่างกัน การใช้คำว่า "ต่างจังหวัด" หรือ "บ้านนอก" ยังเป็นการสะท้อนถึงการดูถูกตัวเองและผู้อื่น และแสดงถึงการกระจุกตัวของโอกาสในเมืองหลวง Headquarter ของธุรกิจชั้นนำในไทยเกือบทั้งหมดอยู่ในกรุงเทพ ซึ่งเป็นภาพที่ต่างจากบริษัทระดับโลกที่กระจายตัวไปตามเมืองสำคัญต่าง ๆ

การสร้างความเปลี่ยนแปลง Fastwork กับเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่ากำไร
เป้าหมายในการทำ Fastwork ของ ซีเค คือ การส่งเสริมให้คนเก่งกลับไปทำงาน ใช้ชีวิต และใช้เงินในบ้านเกิดของตนเอง เพื่อกระจายความเจริญและกระตุ้นเศรษฐกิจในต่างจังหวัด การทำให้ SME ทั่วประเทศสามารถเข้าถึงและจ้างคนเก่ง ที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจในยุคปัจจุบันได้ง่ายขึ้นผ่านแพลตฟอร์มเดียว
แม้ Fastwork จะยังคงขาดทุนอยู่ แต่ ซีเค ก็ยังคงเดินหน้าต่อไปเพราะเขาเชื่อว่า เขาสามารถเปลี่ยนแปลงประเทศได้ เขาให้แนวคิดว่าการจะเปลี่ยนแปลงประเทศได้ ต้องมีองค์ประกอบดังนี้ เสียงที่ประชาชนเชื่อ และ สิ่งที่ประเทศขาดไม่ได้ โดยFastwork กำลังพยายามสร้างทั้งสองสิ่งนี้ ซีเค ไม่ได้มองกำไรเป็นอันดับแรก แต่ เป้าหมายคือการ "เปลี่ยนโลก" เขาเปรียบเทียบ Fastwork กับบริษัทระดับโลกมากมายที่เริ่มต้นด้วยการขาดทุนเป็นเวลาหลายปี แต่สุดท้ายก็สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ เขาบอกว่าการดำเนินงานของเขาคือการวัดกันว่าเขาจะสามารถเปลี่ยนแปลงประเทศไทยได้ก่อน หรือจะเจ๊งไปก่อน นั่นเอง

ความเป็นผู้นำ และปรัชญาการคัดเลือกคน "คำถาม" คือหัวใจ
ซีเค นิยามตัวเองว่าเป็น "Missionary" ซึ่งหมายถึง คนที่ทำเพื่อเป้าหมายที่ใหญ่กว่าตัวเอง เช่น สังคมหรือประเทศ มากกว่า "Mercenary" ที่ทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว เขาบอกว่าการทำกำไรเป็นเรื่องง่าย แต่การเปลี่ยนแปลงประเทศนั้นสำคัญกว่า อุดมการณ์ของเขาในการทำให้ประเทศไทยดีขึ้นคือแรงขับเคลื่อนหลัก
ในการบริหาร เขาไม่มีแผน B เพราะแผน B ของเขาคือการทำให้แผน A สำเร็จ เมื่อคัดเลือกพนักงาน เขาจะให้โจทย์แก่ผู้สมัครและดูว่าผู้สมัครจะมาพร้อมกับอะไรในสัปดาห์ถัดไป โจทย์ที่ให้จะเป็นสิ่งที่ผู้สมัครไม่สามารถหาคำตอบได้หากไม่ถามคำถาม เขาจะไม่เข้าประชุมหากผู้สมัครมาพร้อมคำตอบ หรือ PowerPoint โดยที่ไม่ได้ถามคำถามใด ๆ เลย เพราะ ซีเค เชื่อว่า "คนเก่งวัดกันที่คำถาม ไม่ใช่คำตอบ" เพราะการจะได้คำตอบที่ถูกต้อง ต้องเริ่มจากการถามคำถามที่ถูกต้องก่อน เขาไม่ชอบคนที่กลัวดูไม่เก่งและมีแต่คำตอบ แต่ต้องการคนที่กล้าถามคำถามที่ฉลาด

การพัฒนาตนเอง สร้างความมั่นใจ แพสชัน และมูลค่า
สำหรับผู้ที่รู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองเพราะคิดว่า "ไม่เก่ง" ซีเค ให้คำแนะนำที่ตรงประเด็นว่า "ก็เก่งให้ได้สิ" การนั่งบ่นหรือเสียใจไม่ได้ช่วยให้เก่งขึ้น แต่ต้องลงมือทำ พัฒนาตัวเอง หาความรู้ และทำให้ตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญ "คิดน้อยลง ทำมากขึ้น" คือแนวคิดที่เขาแนะนำ หากเชื่อว่าตัวเองไม่เก่ง ก็จะไม่เก่งจริง ๆ แต่ถ้าตั้งใจว่าจะเก่ง ก็จะมีแรงขับเคลื่อนให้ทำ สำหรับผู้ที่เก่งแล้วแต่ยังไม่มั่นใจ ซีเค บอกว่า ให้กลับมาถามตัวเองว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นเป็น "ความดี" หรือเปล่า ความมั่นใจของเขาไม่ได้มาจากการแคร์สายตาคนอื่นในสังคม แต่มาจากการที่เขามั่นใจว่าสิ่งที่เขากำลังทำอยู่นั้นเป็นสิ่งที่ดี ความเชื่อมั่นว่าสิ่งที่ทำเป็นสิ่งดีต่อประเทศคือแหล่งที่มาของความมั่นใจของเขา
ในมุมมองของ ซีเค "แพชชั่น" ที่แท้จริงไม่ได้มาจากแค่สิ่งที่ชอบ แต่มาจากเมื่อสิ่งที่เราทำนั้น "ช่วยคน" หรือ "เพิ่มคุณค่า" ให้กับผู้อื่นหรือสังคม เขาเองไม่ได้มีแพชชั่นกับการเป็นฟรีแลนซ์โดยตรง แต่มีแพชชั่นกับ Fastwork เพราะเขารู้ว่าสิ่งที่ทำนั้นสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีให้กับคนไทยจำนวนมาก
สำหรับคนรุ่นใหม่ที่กังวลเรื่องเงินเดือนเริ่มต้นที่ต่ำกว่าที่คาดหวัง ซีเค แนะให้ "กลับหัวคิดใหม่" เงินเดือนที่ต่ำอาจสะท้อนว่าบริษัทมองว่าผู้สมัครยังไม่ได้มี "มูลค่า" เพียงพอที่จะได้รับเงินเดือนที่สูงกว่า ดังนั้น สิ่งที่ควรทำคือการ "พัฒนาคุณค่า" ของตัวเองให้สูงขึ้น เพื่อให้กลายเป็น "สินค้าที่คู่ควร" กับราคาที่สูงขึ้น เขาเปรียบเทียบการเพิ่มมูลค่าตนเองกับการนำสิ่งธรรมดาไปวางในสถานที่ที่เหมาะสมเพื่อเพิ่มมูลค่า เช่น การวางของในหอศิลป์ เป็นต้น

ความเสี่ยง Work-Life Balance และทางเลือกชีวิต
ซีเค มองว่า ความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตคือ "การไม่ยอมเสี่ยงเลย" ความมั่นคงที่หลายคนยึดติด เช่น งานราชการ อาจไม่มั่นคงอีกต่อไปในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความมั่นคงที่แท้จริงคือการที่เราสามารถปรับตัว และพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นอยู่เสมอ การไม่ปรับตัวอาจนำไปสู่การตกงาน และสังคมอาจไม่สงสารแต่กลับเยาะเย้ย เขาเน้นย้ำว่า ควรสงสารตัวเองตั้งแต่วันนี้ และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ
เรื่อง Work-life balance ซีเค ชี้ว่า มันขึ้นอยู่กับ "เป้าหมายในชีวิต" ของแต่ละบุคคล มันไม่มีสูตรสำเร็จที่ตายตัว เขาเปรียบเทียบชีวิตสองแบบ แบบที่หนึ่งให้เวลากับครอบครัวมาก ได้ความสัมพันธ์ที่ดี แต่การงานอาจไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร แบบที่สองทำงานหนักมาก อาจสร้างธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ได้ แต่ความสัมพันธ์ในครอบครัวอาจได้รับผลกระทบ โลกยุติธรรม มันอยู่ที่ว่าคุณเลือกอะไร หากฝันใหญ่ และต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ อาจต้องแลกกับ Work-life balance คนที่น่าเศร้าที่สุดคือคนที่ฝันใหญ่ แต่ขาดวินัยในการลงมือทำ

เป้าหมายสูงสุด ประเทศไทยที่ก้าวไปข้างหน้า หากมีโอกาส "ดีดนิ้ว"
เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศ ซีเค อยาก ทำให้ชีวิตของเกษตรกรดีขึ้น เขาเห็นว่าเกษตรกรเป็นกลุ่มที่ยากลำบากและน่าสงสารที่สุดในไทย หลายคนในกรุงเทพ มีพื้นฐานมาจากครอบครัวเกษตรกรที่ต้องหนีหนี้มาหางานในเมือง เกษตรกรหลายคนยังคงทำนาทั้งที่ขาดทุน เขาเปรียบเทียบกับเกษตรกรในต่างประเทศที่ร่ำรวย ปัญหาสำคัญที่ส่งผลต่อเกษตรกรคือการจัดการ "น้ำ" ประเทศไทยมีทั้งแสงแดด และน้ำซึ่งเป็นทรัพยากรล้ำค่าที่เงินซื้อไม่ได้ การบริหารจัดการน้ำที่ดีจะช่วยแก้ปัญหาทั้งน้ำแล้ง และน้ำท่วม และทำให้เกษตรกรสามารถปลูกพืชได้หลายรอบต่อปี น้ำคือปัจจัยหลักของสังคมและชีวิตของเกษตรกร
ชีวิตส่วนตัว ความรักชาติ ความสัมพันธ์ และความสุขที่แท้จริง
ซีเค เปิดเผยว่า ความรักแรกและรักแท้ของเขาคือ "ประเทศไทย" และทุกอย่างต้องรองจากประเทศไทย เขาอธิบายว่าแม้จะเกิดที่มาเก๊า และไปเรียนที่อเมริกา แต่เมื่อไม่มีบ้านให้กลับในช่วงปิดเทอมที่อเมริกา เขากลับมาอยู่ไทย และได้รับการดูแลจากคนไทยรอบข้าง ทำให้เขารู้สึกเหมือนมี "บ้าน" และมีความผูกพันกับประเทศไทยอย่างลึกซึ้ง เขาบอกว่ารู้สึกเป็นหนี้บุญคุณประเทศไทยทั้งชีวิต
เกี่ยวกับความรักแบบคู่ครอง ซีเค ไม่ได้ปิดกั้นและอยากมีลูก แต่เชื่อว่า การมีความรักที่ดีต้องไม่มาจากความเหงา แต่ต้องมาจากคนที่ใช่จริง ๆ การเลือกคู่ครองเป็นการตัดสินใจที่สำคัญ เขาเชื่อว่าความสัมพันธ์ที่ดีควรทำให้ชีวิตดีขึ้นโดย ทั้งสองฝ่ายไม่ต้อง "เสียสละ" ในสิ่งสำคัญของตัวเอง นอกจากนี้เขามองว่าความรักที่ดีควรเป็นความรักที่ "ไม่คาดหวัง" เช่น ความรักของแม่ที่มีต่อลูก ซึ่งให้โดยไม่หวังผลตอบแทน ซีเค ยอมรับว่า เขา "ไม่เก่ง" เรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัว เขาเป็นเพื่อนที่แย่เพราะมุ่งมั่นกับเป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงประเทศมาก จนตัดสิ่งอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับเป้าหมายทิ้งไป รวมถึงการติดต่อกับเพื่อนเก่า เขายอมเสียสละทุกอย่างในชีวิตเพื่อเป้าหมายหลักนี้
สำหรับเรื่องงานแต่งงาน ซีเค มองว่าเป็นเรื่องของคู่บ่าวสาว และไม่เห็นด้วยกับขนบธรรมเนียมที่ทำให้คู่บ่าวสาวต้องทำตามความคาดหวังของคนอื่น หรือต้องลำบาก เขาเชื่อว่างานแต่งงานควรเกี่ยวกับความสุขของเจ้าของงาน

มุมสบาย ๆ และความชอบส่วนตัว
ซีเค ชอบฟังเพลงและเคยทำคอนเทนต์ร้องเพลง แต่ยอมรับว่าตัวเองร้องเพลงไม่เก่งและจำเนื้อไม่ได้ เมื่อถูกขอให้ร้องเพลง เขารู้สึกเขินมาก
ความชอบอีกอย่างคือ อาหารไทย ซึ่งเขาชอบมากถึงขั้นบอกว่าไม่มีอาหารไทย ยอมตายดีกว่า เขาเคยปั่นจักรยานฝ่าหิมะเพื่อไปกินผัดกะเพราไข่ดาวที่อเมริกา เขาชื่นชมศิลปะการกินอาหารไทยด้วยช้อน เมนูโปรดที่สุดคือผัดกะเพรา แต่ขอให้ไข่ดาวไม่สุก เพราะถ้าไข่ดาวสุกจะทำให้วันนั้นแย่ไปเลย เขาเคยลองอาหารอีสานบ้าง แต่ซอยจุ๊ยังเป็นอาหารที่หนักไปสำหรับเขา เขาชอบ ตลกไทย มาก ๆ โดยเฉพาะ น้าค่อม ชวนชื่น เพราะรู้สึกว่าบทพูดหรือวิธีด่าของน้าค่อมมีความเป็นเอกลักษณ์และสร้างสรรค์ โดยท้ายรายการ ซีเค ยังได้โชว์การร้องเพลง "คนไม่เข้าตา" เอาไว้ด้วย

เปิดรับแรงบันดาลใจได้ใน Club Inspired Day คลับที่เต็มไปด้วยข้อคิดแรงบันดาลใจ และมีคลังความรู้ที่พร้อมแชร์ ไปกับ Iconic และสองดีเจสุดเท่ “ดีเจเป้” และ “ดีเจแคน” ได้ในทุกสัปดาห์
ดูรายการย้อนหลัง
