คบแฟนมา 11 ปี ผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะ จนตอนนี้เช่าบ้านด้วยกัน
ภาระค่าใช้จ่ายแบ่งเป็นส่วนๆ แฟนรับผิดชอบค่าเช่าบ้าน หนูเพิ่งมารู้ความจริงว่า
สลิปที่เค้าจ่ายค่าบ้านทุกเดือน แชทไลน์ที่คุยกับแม่เรื่องเงิน เค้าปลอมขึ้นมาทั้งหมด
เจ้าของบ้านบอกจ่ายไม่เคยตรงมา 3 ปี ตั้งแต่ย้ายเข้า
“คุณบุ้งกี๋ (นามสมมติ)” อายุ 28 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (31 ก.ค. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจต้นหอม - ดีเจก็อตจิ – ดีเจอั๋น’ เกี่ยวกับปัญหาที่เพิ่งรู้ความจริงถูกแฟนหลอกเรื่องเงินมาตลอด 3 ปี
โดย “คุณบุ้งกี๋ (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘เราคบกับแฟนมา 11 ปี อายุเท่ากัน เราไม่ได้มีบ้านเป็นหลักเป็นแหล่ง เราเช่าบ้านอยู่ แต่เราจะส่งค่าเช่าบ้านให้แฟน เพื่อให้แฟนส่งต่อเจ้าของบ้าน เพราะเป็น Connection ของแฟน แฟนเคยทำงานกับเจ้าของบ้าน แล้วเราไม่เคยติดต่อกับเจ้าของบ้านโดยตรง ไม่มีเบอร์ ไม่เคยเห็นหน้า แต่เราตกลงกับแฟนว่าให้แฟนผ่อนค่ารถ ส่วนเราผ่อนค่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเตอร์เน็ต เพราะมีพ่อกับน้องอยู่ด้วย โดยเรากับแฟนจะมีพื้นที่ให้กัน เรามีห้องของเรา แฟนมีห้องของแฟน เราย้ายมาเช่าบ้านนี้ได้ประมาณ 3 ปี
วันนั้นเราทะเลาะกัน แฟนเราโดนที่บ้านเรากดดันว่า “ทำไมหาเงินไม่ได้เท่าบุ้งกี๋ เป็นผู้ชายทำไมถึงให้ผู้หญิงนำตลอด” เงินเดือนของเขาประมาณ 18,000 - 20,000 บาท ซึ่งเราเองไม่ได้มองตรงนี้ บุ้งกี๋มีพี่น้อง 5 คน แต่ 2 คนแรกตัดขาดกันไปแล้ว ไม่ได้ติดต่อกันแล้ว ตอนนี้เหลือพี่สาว บุ้งกี๋ และน้องชาย พี่สาวจะกดดันตลอดว่า “ไม่อยากให้คบคนนี้ ไม่มีอนาคต อยากเลี้ยงผู้ชายไปเรื่อยๆหรอ” แต่เราไม่ได้เลี้ยงผู้ชายนะ ก็อยู่กันแบบถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน ด้วยความที่เขามีเรื่องโดนคดีละเมิดลิขสิทธิ์ เมื่อ 3 ปีก่อนเขามีหนี้ก้อนหนึ่งประมาณ 250,000 บาท เขายืมเพื่อนเราไป 100,000 ยืมเรา 50,000 ที่เหลือเขาออกเอง 100,000 บาท
มันพังมาเรื่อยๆ ที่ทะเลาะกันเพราะเราไปกระตุ้นเขาว่า “ทำไมไม่คืนเงินเพื่อนสักที บอกว่าจะยืมแค่ 1 เดือน แต่นี่มันผ่านมา 1 ปี กับอีก 2 เดือนแล้ว ไม่กระตือรือร้นเลย ทำไมไม่คิดจะคืน” แล้วเขาก็ขับรถออกไป ทีนี้เราไม่รู้เป็นอะไร เราไม่เคยเช็คไลน์ หรือข้อความอะไรของเขาเลย แต่วันนั้นมีคอมพิวเตอร์ของเขาอยู่ข้างๆ เราเลยลองเช็คไลน์เขาดู ปรากฎว่าเราเห็นไลน์ของคุณแม่ของแฟน 2 ไลน์ พอเปิดดูกลายเป็นว่า 1 ในนั้นเป็นไลน์ของคุณแม่ที่เป็นของปลอม เอาไว้แคปหน้าจอมาให้เราดูว่า “แม่กำลังจะขายบ้านนะลูก เดี๋ยวเอาเงินไปคืนเขานะ กำลังจะได้เงินนะลูก” มันคือไลน์ที่เขาคุยกับตัวเอง แล้วแคปหน้าจอมาให้เรา เราตกใจมาก แล้วเราก็เลื่อนแชทไปเรื่อยๆ จนไปเจอแชทหนึ่ง เป็นผู้หญิง ซึ่งเขาเป็นเจ้าของบ้าน ส่งมาบอกว่า “จะไม่ให้อยู่แล้วนะ จะเอาบ้านคืนแล้วนะ” เราตกใจมาก เพราะเราส่งเงินในส่วนของค่าเช่าบ้านไปให้แฟนตลอดทุกวันที่ 29 - 30 ของทุกเดือนกลัวจะลืม ก็เลยโทรหาเขาเลยทั้งที่ทะเลาะกันอยู่ “เกิดอะไรขึ้น ทำไมมันเป็นแบบนี้ ทำไมเขาถึงบอกว่าจะไล่ออกจาบ้าน” เขาก็โกหกว่า “มันไม่เกี่ยวกัน มันเป็นเงินที่กู้มาจากเจ้าของบ้าน แล้วเขาเอาเงินมารวมกัน” เราเสียใจมากเพราะมันเป็นครั้งที่ 2 แล้ว
พอวันรุ่งขึ้นก็ขอไลน์ ขอเบอร์เจ้าของบ้านมาจากเขา ตอนเช้ายังไม่ส่ง พอตกเย็นถึงจะส่งมาให้ เราก็โทรหาเจ้าของบ้านปรากฎว่าเรื่องมันเลวร้ายกว่านั้น เจ้าของบ้านบอกว่า “ไม่เคยปล่อยเงินให้นะ นี่คือค่าเช่าบ้าน จริงๆแล้วเขาไม่ได้ส่งเงินมาเลยตั้งแต่เดือนแรกที่เช่าบ้าน” คือค่าเช่าบ้านเดือนละ 6,000 บาท เขาส่งค่าเช่าบ้านแค่ 1,000 - 2,000 บาท เขาทำมาตลอดระยะเวลา 3 ปี เรารู้สึกว่าโลกทั้งใบพังทั้งหมด เพราะไว้ใจเขามาก เขาคือคนที่อยู่ข้างๆ เรารับภาระทุกอย่าง เลี้ยงพ่อ เลี้ยงน้อง แล้วก่อนหน้านี้บ้านเราเคยล้มละลายต้องสร้างใหม่เองทั้งหมด สู้มาตลอดตั้งแต่มหาลัย เราผ่านอะไรมาด้วยกันเยอะ หลังจากจับได้เราก็ถามเขาว่า “ทำไมถึงโกหก นี่มันค่าเช่าบ้านไม่ใช่ยอดเงินกู้” เขาบอกว่าทำมาแค่ 4 เดือน คราวนี้เราเลยติดต่อไปหาคุณแม่ของเจ้าของบ้าน เขาบอกว่า “ทักมาเลื่อนค่าเช่าบ่อยมากนะ ไม่เคยส่งเลย เคยค้างมากสุด 6 เดือน ถ้าเป็นคนอื่นลาออกไปแล้ว แต่คนนี้เคยทำงานด้วยกัน เป็นคนทำมาหากินเลยยังให้อยู่” แล้วแฟนเราก็ยังไปโกหก เจ้าของบ้านว่าจะทำก๋วยเตี๋ยวขายหน้าบ้าน จะทำของขาย ซึ่งจริงๆแล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
แล้วเราก็ถามแฟนว่าทำไมถึงโกหก เขาเล่าว่า “เขาจำเป็นจริงๆ เพราะป้าเขาป่วยกำลังจะเสียชีวิต แล้วป้าก็บีบบังคับเขาว่าให้ส่งเงิน” เราก็เปิดแชทดูแล้วว่าเขาโดนป้ากดดัน แม่ก็ส่งมาว่าให้ส่งเงินให้แม่ ให้น้อง ซึ่งเราก็เข้าใจในเหตุผลเขา แต่มันก็ยังเยือกเย็นเกินไป เพราะตลอดระยะเวลา 3 ปี บุ้งกี๋ให้เขาส่งสลิปมาหลังจากที่โอนค่าเช่าบ้านทุกเดือน เขาก็ส่งมา ตอนนี้เราเลยถามเขาว่า “สลิปที่ส่งมาคืออะไร?” เขาบอกว่าเขาตัดต่อ เราก็เลยถามเขาว่า “เรารักกันแบบไหนหรอ ตลอด 3 ปีที่นั่งตัดต่อมันไม่รู้สึกผิดอะไรเลยหรอ” เขาก็ร้องไห้ ขอโทษ ตอนนั้นเขาคิดไม่ได้ เขาไม่มีทางเลือก
ทุกวันนี้เรายังหาทางออกไม่เจอ เพราะที่ผ่านมาเขาเป็นคนดีมาก ดูแลเราทุกอย่าง ไม่เที่ยวกลางคืน ไม่ดื่ม ไม่สูบบุหรี่ ไม่นอกใจ ตอนที่คุณแม่ของเรามีชีวิตอยู่ เขาก็ดูแล เหมือนเป็นสมาชิกคนหนึ่ง แต่มาติดตรงที่เรื่องละเมิดลิขสิทธิ์ แล้วมาทำรอบ 2 อีก ทำไมถึงคิดไม่ได้ แล้วพี่ก็เคยบอกว่าไม่อยากให้คบกับคนนี้ แต่พ่อก็พูดอีกแบบว่า “ถ้าพ่อต้องตายไป อย่างน้อยพ่อก็สบายใจถ้าบุ้งกี๋อยู่กับผู้ชายคนนี้” ซึ่งคนในครอบครัวจะรู้เรื่องทุกอย่าง แล้วอีกอย่างบ้านเขามีปัญหาครอบครัว แม่ของเขามักจะพูดเสมอว่า “ฉันไม่ได้อยากเลี้ยงแกนะ ที่แกเกิดมาเนี่ย ฉันพลาด” แล้วแม่ก็ไม่เลี้ยง ให้ไปอยู่กับป้าตั้งแต่คลอดเสร็จ แล้วก็เอากลับมาอยู่กับแม่เพื่อใช้งาน เรารู้จักกับเขาตอน ม.6 คุณแม่ของเรารู้สึกว่าเขาเป็นเด็กดี ก็เลยเลี้ยงดู จ่ายค่าใช้จ่ายให้ แล้วแม่ก็บอกว่าถ้าเกิดว่า “ถ้าอยู่บ้านนั้นแล้วเขาไม่รักเราเหมือนลูก งั้นมาอยู่บ้านแม่มั้ย” นั่นคือจุดเริ่มต้นที่เราโตด้วยกันมา ในตอนที่แม่เราอยู่
ตอนนี้ปรึกษาคนในบ้านแล้วแต่เสียงก็แตกออกเป็น 2 ฝั่ง เลยอยากถามว่า “ผู้ชายแบบนี้เขาคือดีมั้ย?” แล้วเรามีความกลัวเพราะเขาคนนี้คือแฟนคนแรก ตอนนี้เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน เขากลับไปอยู่บ้านคุณแม่ แต่คุณแม่เขาก็ไล่เพราะคุณแม่มีสามีใหม่ แล้วถ้าถามว่าตอนนี้เราตัดเขาได้มั้ย เราตัดได้ แต่ก็ลังเลกับที่พ่อพูด และลังเลว่าเขาจะใช้ชีวิตยังไงเหมือนเราไปตัดเขาออกไปเลย’
ซึ่งทางด้าน “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่เคยเจอผู้ชายไม่เอาไหน ที่ที่บ้านเขาไม่เอา โดยประสบการณ์พี่ตัดทันที เพราะพี่คิดว่าชีวของเราเรามีสิทธิ์ออกแบบเหมือนกัน โดยส่วนตัวพี่รู้สึกว่า คนที่มาอยู่ในชีวิตพี่ จะมาเป็นภาระพี่ไม่ได้ การที่เขาจะลำบากยากแค้นขนาดไหน มันเป็นชีวิตของเขา เป็นเรื่องของเขา และต้องเป็นตัวเขาที่ต้องดิ้นรน ถ้าสงสารเขา อาจจะช่วยเหลือได้ในบางเรื่อง แต่สำหรับพี่ พี่ไม่เอาภาระเข้ามาในชีวิต แล้วอย่างที่คุณพ่อบอกว่า คนนี้หาไม่ได้อีกแล้ว พี่ไม่ได้รู้สึกว่าคนนี้ดีเลิศประเสริฐศรีจนหาไม่ได้ เพราะถ้าบุ้งกี๋จับไม่ได้ วันนึงเจ้าของบ้านก็ต้องมาไล่เราอยู่ดี เขาคงไม่ได้ห่วงเราเท่าไหร่ การที่เลือกว่าจะอยู่หรือไป มันเป็นการตัดสินใจของคุณบุ้งกี๋ พี่จะแนะนำให้ 2 แนวทาง
1. ตัดออกไปเลย ชีวิตไม่มีภาระ แต่ความสุขหายไป ความเหงาเข้ามาแทน เพราะความผูกพันธ์มันหายไป
2. เอาเขาที่เป็นภาระเข้ามา ให้โอกาสเขา เผื่อเชาจะดีขึ้น แล้วก็สุ่มเสี่ยงไปด้วยกัน มันตอบไม่ได้ว่าเขาจะดีขึ้น หรือแย่ลง
ก็เสี่ยงกับเขาไปอีกรอบนึง ในกรณีที่เลือกไม่ได้ อันนี้คือให้เลือกชีวิตของตัวเอง ชีวิตที่ไม่มีเขา เหงาแน่ๆ แต่ความสะดวกสบาย ความสบายใจจะมาในอนาคต ยันนึงมีโอกาสเจอผู้ชายที่ดี หรือไม่ดีก็ได้ อย่ายคดติดกับคนๆนึงว่า ชีวิตฉันจะหาผู้ชายที่ดีแบบนี้ไม่ได้แล้ว ถ้าหาไม่ได้ ให้เอาอีกตัวเลือกนคงขึ้นมา คืออยู่คนเดียว มาเป็นอีก 1 ตัวเลือก ไม่งั้นเราจะไม่กล้าเดินออกมา ไม่กล้าเริ่มใหม่ เพราะต่อให้ไม่มีเขาเราก็ยังอยู่คนเดียวได้’
ต่อมา “ดีเจก็อตจิ” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เวลาคนเราหลอกกัน หรือโกหก ควาทเชื่อใจจะหายไปเลย คุณบุ้งกี๋ลองคิดูนะ ถ้าให้โอกาสเขากลับมา ความเชื่อใจจะให้ได้ 100% ไหม ถ้าไม่มันจะอยู่ด้วยความกลัวว่าเขาจะหลอกยังไง เมื่อไหร่ แล้วคิดว่าจะมีความสุขไหมถ้าอยู่กับคนนี้ไปตลอดชีวิต แล้วเรื่องคำแนะนำของคนรอบตัว คุณพ่อพูดเองด้วยนะว่าถ้าวันหนึ่งคุณพ่อไม่อยู่แล้วหนูจะอยู่ยังไง แสดงว่าความคิดเห็นเหล้านั้นเป็นความคิดเห็นที่คุณพ่อเสนอมา แต่การตัดสินใจคือต้องเป็นตัวหนูเอง หนูลองตัดข้อเสนอทิ้งไปก่อน แล้วลองชั่งใจเองว่าหนูจะอยู่กับเขาได้มั้ย ชีวิตเราไม่ค้องไปแบกรับเรื่องของใคร เราสามารถมีความสุขของเราได้ ชีวิตคู่ต้องมีความสุขไปด้วยกัน แต่ถ้าเราต้องแบกรับเขาขนาดนี้พี่ว่ามันไม่ใช่นะ
คนเราถ้าจะอยู่ด้วยกันมันปรึกษากันได้ จริงๆแล้วเขาไม่จำเป็นต้องทำสลิปปลอม ไม่ต้องหลอกหนู แค่เขาพูดตามตรงเลยว่า ”ฉันไม่ไหวแล้วนะ เราหมุนเงินไม่ทัน ฉันหาเงินมาคืนไม่ทัน“ เราต้องคุยกันตรงๆเพราะเราต้องอยู่ด้วยกันไปตลอด แต่เขาเลือกที่จะหลอกเรา อันนี้น่ากลัวนะ ทั้งการทำสลิปปลอม การปลอมไลน์เป็นแม่แล้วแคปหน้าจอมาให้หนูดู ครั้งนี้จับได่ แปลว่าครั้งหย้าเขาจะทำให้มันแนบเนียนมากกว่านี้อีกนะ แล้วหนูบอกว่าคบคนนี้คนเเรก แล้วหนูจะรู้ได้ไงว่าอีก 500 ล้านกว่าคนบนโลกจะไม่มีใครดีเลย ไม่ต้องกลัวคงามผิดพลาดจากการเริ่มต้นกับคนอื่น คนเราผิดพลาดได้ หนูผิดพลาดที่คนนี้มาหลอกหนู ก็แค่จำไว้เป็นบทเรียน แล้วหนูก็ไแหาบทเรียนอันใหม่ มันอาจจะผิดพลาดอีก หรือหนูอาจจะโชคดีที่เจออีกคนที่จะมาอยู่เป็นคู่ชีววิตเราก็ได้ มันก็จะเป็นบทเรียนสินชีวิตเราว่าในอนาคตเราต้องระวังคนแบบไหน เอาง่ายๆหนูตัดความคิดเห็นคนอื่นให้หมด แล้วถามตัวเองว่าหนูยอมรับได้ไหมที่ต้องระแวงเขาไปตลอดชีวิต ถ้าได้หนูก็อยู่เลย แต่ถ้าอยู่ไม่ได้ แค่ออกมา’
และสุดท้าย “ดีเจอั๋น” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘มันง่ายๆเลยพี่ว่าถ้าเอาเขาออกจากชีวิต ชีวิตเราจะสบายขึ้นทันทีเลย แต่ปัญหาตอนนี้คือพวกเรา 3 คนจะพูดได้ง่าย เพราะพวกเราไม่มีความผูกพันธ์ หรือความรัก อีกด้านหนึ่งคือ พอมาอยู่ด้วยกันมานาน มันจะมีความ อิน เหมือนว่าเขาเป็นครอบครัว เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ว่าถ้าตัดเขาไปเขาจะอยู่ยังไง แต่ถ้าสมมุติว่า บุ้งกี๋ไม่ซีเรียสเรื่องเงิน สามารถปิดหนี้ให้เขาได้ เเล้วเรามั่นใจว่าคนคนนี้เป็นคนดี แต่เรื่องการเงินเขาวนไม่ออก ก็อาจจะเลือกทางนั้นได้คืออยู่ต่อ แต่ถ้าฉันเองก็ต้องแบกรับครอบครัว แล้วถ้ามาใช้หนี้ให้อีก ฉันเองก็จะไปไม่รอด อันนี้พี่แนะนำให้บุ้งกี๋เมตตาตัวเองและครอบครัวตัวเองก่อน ถ้ารักเขา ให้เขาไปแก้ปัญหาชีวิตเขา แล้วค่อยกลับมาคุยกันใหม่ คือจริงๆแล้วการที่รายได้น้อย หรือเป็นหนี้ มันยังพอให้อภัยได้ แต่การที่เขาโกหก ปลอมแปลงสลิป คือมันล้ำลึกจนน่ากลัวเกินไปแล้ว’
เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง
ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION
รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin