เจ็บแล้วเจ็บอีก… สาวโทรปรึกษาในรายการ แฟนคนนี้เป็นรักแรก คบกันมา 15 นิสัยดีทุกอย่าง ยกเว้นข้อเดียว แฟนเจ้าชู้มาก นอกใจแล้ว 16 ครั้ง ล่าสุดหนูยอมให้เขาติดต่อกับผู้หญิงอีกคน แต่เขา ก็มาโทษหนูว่าที่เป็นคนแบบนี้ เพราะนิสัยหนูเองทั้งนั้น

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

เจ็บแล้วเจ็บอีก… สาวโทรปรึกษาในรายการ แฟนคนนี้เป็นรักแรก คบกันมา 15 นิสัยดีทุกอย่าง ยกเว้นข้อเดียว แฟนเจ้าชู้มาก นอกใจแล้ว 16 ครั้ง ล่าสุดหนูยอมให้เขาติดต่อกับผู้หญิงอีกคน แต่เขา ก็มาโทษหนูว่าที่เป็นคนแบบนี้ เพราะนิสัยหนูเองทั้งนั้น

30 ต.ค. 2023

                “คุณจิ๊บ(นามสมมุติ)” อายุ 29 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (18 ต.ค. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจพี่อ้อย’ เกี่ยวกับปัญหาคบกับแฟนมา 15 ปี ตอนนี้จับได้ว่ากำลังนอกใจครั้งที่ 16 แล้วมาโทษเราว่าคือสาเหตุ

                โดย “คุณจิ๊บ(นามสมมุติ)” ได้เริ่มเล่าว่า ‘หนูคบกับแฟนคนแรกมาทั้งหมด 15 ปี แต่งงานจดทะเบียนกันแล้ว 4 ปี แต่ยังไม่มีลูกด้วยกัน ช่วงเวลาที่ผ่านมาเค้าดีทุกอย่าง ดูแลหนูดีมาก แต่เสียอยู่อย่างเดียว ตลอดเวลาที่คบกันมาเค้าเป็นคนที่ค่อนข้างเจ้าชู้มาก ด้วยความที่เค้าเป็นคนเฟรนลี่ ชอบคุยกับคนอื่นไปเรื่อย ทำให้เรามีปัญหาเรื่องมือที่สาม แล้วตลอดเวลาที่คบกันมา ก็จับได้ว่าเค้ามีมือที่สามมาแล้ว 15 ครั้ง แล้วทุกครั้งที่จับได้ เค้าจะขอให้อภัยเค้าอยู่เสมอ แล้วหนูก็ให้อภัยเค้าตลอด แต่ว่าการที่หนูให้อภัยอยู่แบบนี้ มันเลยทำให้หนูกลายเป็นคนขี้ระแวง โมโหใส่ทุกอย่างที่เค้าทำผิดไปจากเดิมที่เคยพูดไว้ เช่น เวลาจะไปทำงาน แล้วบอกว่าจะกลับหกโมงเย็น พอถึงเวลาเลยหกโมงเย็นไปหน่อยสักครึ่งชั่วโมง หรือชั่วโมงนึง เค้ายังไม่กลับ หนูก็จะเริ่มมีอารมณ์โมโห อาละวาดออกมาแบบ ‘ทำไมถึงกลับมาไม่ตรงเวลา’

                ยิ่งให้อภัยเค้า หนูก็ยิ่งระแวงมากถึงขั้นติด GPS ในโทรศัพท์เค้า คอยควบคุมทุกอย่างในชีวิตเค้า ต้องโทรรายงานตลอดเวลา แล้วกลายเป็นว่ามันต้องอยู่แบบนี้กันไปเรื่อย ๆ จนครั้งที่ 16 ที่เพิ่งจับได้ล่าสุดเมื่อหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เค้ามาบอกกับหนูว่าเพราะสิ่งที่หนูทำ คอยเจ้ากี้เจ้าการเค้ามากจนเกินไป ทำให้เค้าพูดกับหนูไม่ได้ เลยต้องไปหาพื้นที่สบายใจที่อื่น เค้าแบบหมดใจกับหนู ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าเค้าโทษหนู เพราะว่าหนูเป็นแบบนี้ จากที่ผ่านมาทั้งหมดมันเลยทำให้รู้สึกผิดมาก ที่หนูเอาแต่ใจ ระแวงเค้ามากขนาดนี้ และคิดว่านี่หนูกลายเป็นคนผิดใช่ไหม

                เหตุการณ์ล่าสุดทำให้หนูบอกกับเค้าไปว่า ‘ให้เค้าคุยได้ แต่หนูแค่อยากรักษาครอบครัวเราเอาไว้’ ตอนนี้กลายเป็นว่าเค้าทำเย็นชาใส่ ไม่สนใจหนูอีกแล้ว ตอนนี้ก็ยังอยู่ด้วยกัน ดูแลเหมือนเดิมอย่างพาไปกินข้าว แต่ไม่ค่อยคุยกัน ไม่เล่นกันเหมือนก่อน และแสดงอาการให้รู้ว่ากำลังคุยกับมือที่สามขณะที่อยู่ด้วยกัน

                วันนี้หนูอยากมาปรึกษาพี่ ๆ ว่าหนูผิดใช่ไหมที่หนูเป็นแบบนี้ เค้าถึงได้มีมือที่สาม หนูแค่อยากรักษาครอบครัวไว้ มันพอจะมีวิธีไหมแล้วถ้าหนูขอโทษเค้า หนูควรจะขอโทษเค้าแบบไหน’

                “ดีเจพี่อ้อย” เริ่มให้คำปรึกษาว่า ‘คือจิ๊บ 15 ปีที่ผ่านมาหนูบอกว่าเค้าดูแลหนูดีมาโดยตลอด แต่พอหนูบอกว่าเค้านอกใจ 15 ครั้ง 16 ครั้งเนี่ย อย่างที่บอกข้อดีทั้งหลายเค้าถูกเปลี่ยนไปหมดเลย แล้วการที่หนูกลายเป็นคนระแวงก็ไม่ได้แปลว่าว่าง ๆแล้วหนูระแวงแต่บังเอิญว่าหนูถูกทำลายความไว้วางใจมาก่อนไง มันถึงเกิดความระแวง ก่อนหน้านี้ถ้าเค้าไม่ทำตัวให้คิดมาก เราจะคิดมากได้ยังไง และอันนึงพี่ไม่มั่นใจจริง ๆว่าเราให้อภัยเค้าตั้งแต่เค้ายังไม่รู้สึกผิดหรือเปล่า เพราะหนูดูให้อภัยเค้าบ่อยมาก จนเค้ารู้สึกเลยว่าเหมือนมันเป็นทรง เวียน ว่าย ตาย เกิด ประมาณว่าเมื่อไหร่ก็ตามจับได้ว่านอกใจ ‘เอ้า! ขอโทษ ขอโทษ เราจะไม่ทำอีกนะ’ ‘ให้โอกาส ให้โอกาส ให้โอกาส’ แล้วก็กลับมานอกใจซ้ำ ๆ

                เค้านอกใจหนูมา 15 ครั้งแล้ว พี่ถามหน่อยว่าเค้าจำเป็นต้องมาซื่อสัตย์ต่อน้องครั้งที่ 16 17 18 หรอ คนเรารักเค้า เราก็ไม่อยากทำให้เค้าเสียใจ เพราะรักเค้าเราไม่เห็นมีใคร เค้ารักเราน้อยไปถึงได้นอกใจบ่อยขนาดนี้ ต่อให้น้องบอกว่าเราจะต้องมารักษาครอบครัว พี่กำลังรู้สึกว่าตั้งแต่เค้ามีคนอื่น คนแรก เราเสียคนในครอบครัวไปแล้ว คนเราเวลารักกัน ความซื่อสัตย์ให้กันยากตรงไหน แล้วพี่รู้สึกว่าหนูอยู่ในความสัมพันธ์แบบนี้ หนูมีความสุขหรอ อยู่ในบ้านเป็นแฟนเรา ก้าวเท้าออกจากบ้านเรา เป็นแฟนคนอื่นเต็มไปหมดเลย

                ต่อให้น้องติด GPS ขนาดไหนก็ตามแล้วยังไง เพราะเมื่อจับได้ว่าเค้ามีคนอื่น ก็ให้อภัยอยู่ดี แล้วจะจับทำไม เพราะฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ ถ้าถามว่าผิดไหม พี่แค่งงว่า ทำไมหนูถึงรู้สึกว่าหนูต้องผิด เข้าใจว่าเราหันมามองตัวเองได้ว่าฉันทำอะไรให้เค้าไม่โอเคหรือเปล่า เค้าถึงต้องไปมีความสุขนอกบ้านตลอดเวลา แต่ถ้าหนูรู้สึกว่าหนูผิดต้องไปขอโทษ พี่แค่ถามว่าหนูไปขอโทษในฐานะอะไร ขอโทษเธอนะที่ต้องทำให้เธอนอกใจขนาดนี้ ใช่หรือ? ลองค่อย ๆคิดดู แต่อันนึงพี่ยังอยากให้เรารักตัวเองเยอะ ๆบางที่เราก็ให้อภัย ให้ความอดทนกับคนไม่ควรค่าเท่าไหร่ การจะรักษาครอบครัว ต้องช่วยกันทั้งสองฝ่าย พยายามแต่เพียงผู้เดียวไม่รอดหรอก แล้วถ้าจะถามว่าหนูผิดไหม พี่ไม่ได้รู้สึกว่าหนูผิดอะไร ถ้าจะผิดคือ ให้อภัยง่ายไป และหนูให้อภัยแต่เค้า จนปิดโอกาสตัวเราที่จะมีความสุข พี่ขอพูดอีกครั้งนึง คนไม่ใช่กระเบื้อง อย่าให้เค้าเลือกเพราะเราอดทน’

                ต่อมาที่ “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘15 ครั้ง ทำไมถึงยังให้อภัยคนคนนึงถึง 15 ครั้ง ย้อนไปที่ประโยคแรก ‘เค้าเป็นคนที่ดีกับหนูทุกอย่างเสียอย่างเดียว เจ้าชู้’ แล้วหลังจากนั้น 15 เคสมาเป็นพรวน เวลาที่คนเราคบกัน หนูตั้งโจทย์ใหม่นะลูก การผัวเดียวเมียเดียว การซื่อสัตย์ต่อกันและกัน คือพื้นฐานทั้งหมดเลยของการคบกัน ไม่ใช่ว่าพี่ชอบปลูกต้นไม้ ทำอาหารให้หนู พี่เก็บที่นอน พี่อาบน้ำทุกวัน พี่ตัดเล็บให้ แล้วพี่จะสามารถ ไปมีผู้หญิงคนไหนก็ได้ 15 คนตลอด 15 ปี มันไม่ใช่อะเนาะ พี่ไม่อยากจะใช้บรรทัดฐานของพี่ไปตัดสินว่าจิ๊บไม่ควรมองแบบนี้ แต่ว่าการมองแบบนี้มันทำให้จิ๊บทนทุกข์ทรมานอยู่กับคนคนนึงที่มันไม่เคยซื่อสัตย์ต่อเราเลย 15 ปีโดยที่คิดว่ามันเป็นคนดี แล้ว 1-15 คนที่ผ่านมาเนี่ย จิ๊บคือสาเหตุหรอ แล้วไปคิดนะว่าทำไม 15 ปีที่ผ่านมาฉันถึงไม่ได้มีความรักดีดีเหมือนคนอื่นเค้า

                แฟนคนแรกไม่ใช่แฟนที่ดีที่สุดเนอะ คำว่าแฟนคนแรก ไม่ได้เกี่ยวอะไรเลยกับคำว่าความรักที่แท้จริง หรือคู่ชีวิตและการที่เคยมีแฟนมาคนเดียว บางครั้งอยู่คนเดียวไม่มีใครยังดีกว่า อย่าไปคิดว่าฉันมีแฟนคนนี้คนแรกฉันต้องรักษาทุกอย่างมันไว้ บางครั้งไม่มี ชีวิตเราอาจจะดีกว่าเยอะเลยนะ เพราะฉะนั้นนี่คือคำตอบของพี่แล้วมั้งว่า มันใช่ความผิดของจิ๊บมั๊ย ต่อให้จิ๊บถามครึ่งชั่วโมงโวย หนึ่งชั่วโมงโวย คือถ้าเค้าทำตัวแบบเนี่ยเค้าสายแค่ 3 นาทีจิ๊บก็มีสิทธิ์โวย ความไว้ใจที่มันเสียไป ไม่มีทางแล้วที่จะกลับมาได้เพราะฉะนั้นเราต้องทำทุกสิ่งทุกอย่างให้มันชดเชยกับความไว้ใจที่มันแตกร้าวไปแล้ว นี่คือปกติมนุษย์ที่ควรทำ’

                ปิดจบกันที่ “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘ตอนนี้เหมือนสมองส่วนเหตุผลของจิ๊บ พี่ว่าฟังก์ชันมันกำลังผิดพลาดอยู่ ไม่รู้ว่าเพราะว่าหนูโดนมาแบบนี้จนมันชินชา ร่างกายมันสร้างข้อมูลอะไรมาหลอกตัวเองหรืออะไรอยู่หรือเปล่า หรือว่าจิ๊บยังคิดไม่ได้จริง ๆแต่วันนี้พวกพี่สามคนพยายามจะทำให้จิ๊บคิดให้ได้ว่า ตอนนี้สิ่งที่จิ๊บคิดอยู่มันผิด อย่างอันแรกที่จิ๊บถามตัวเองว่าจิ๊บทำผิดกับเค้าหรือเปล่า พี่ก็จะบอกว่าจิ๊บไม่ได้ทำผิดอะไรเลย และถึงแม้ว่าจิ๊บจะระแวงเค้า มันก็สมเหตุสมผลมากที่จิ๊บจะทำแบบนั้น

                พี่ยกตัวอย่างง่าย ๆเหมือนพี่โดนหมาตัวนึงกัดมา 16 ครั้ง พี่จะไปอยู่ข้าง ๆมันโดยที่แบบสบายใจกับมัน ว่ามันจะไม่กัดพี่อีกแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ ว่ามึงกัดกูมา 16 ทีอะ พี่ก็ต้องอยู่แบบเมื่อไหร่มึงจะมากัดกูอีก ซึ่งจิ๊บก็เป็นแบบนั้น เพราะว่าจิ๊บเจอสิ่งเหล่านั้นมาเรื่อย ๆตลอด 16 ปี มันหนักหนามากนะสำหรับผู้หญิงคนนึง ซึ่งจิ๊บไม่ผิดที่รู้สึกแบบนั้น แล้วตอนนี้พี่รู้สึกว่าเค้ากำลังปั่นหัว ใช้ความไม่รู้ของจิ๊บในการจะโยงทุกอย่างมาให้จิ๊บเป็นคนผิด เพราะเค้าเป็นคนเห็นแก่ตัว เค้าเป็นคนไม่ดี เค้าเป็นคนรักที่เลวอะ ซึ่งถ้าจิ๊บไปคิดแบบนั้นอีก ยิ่งลงล็อกไปอีก คือจิ๊บไม่มีค่าอยู่แล้วในสายตาเค้าตอนนี้ที่พี่รู้สึกนะ ถ้าจิ๊บเป็นแบบนี้อีกจิ๊บจะยิ่งไม่มีค่า เพราะว่าจิ๊บยอมให้เค้ามาขนาดนี้แล้ว คือตอนนี้พี่อยากให้จิ๊บแบบมองเห็นว่าสิ่งที่จิ๊บทำผิดอยู่เรื่องเดียวที่พี่จะมองออกตอนนี้นะคือ จิ๊บให้อภัยคนผิด ให้อภัยคนที่ไม่สมควรได้รับ แล้วจิ๊บไม่ได้รักตัวเองเลย จิ๊บไปให้อภัยเค้า แต่จิ๊บกำลังทอดทิ้งตัวเอง ยอมให้เห็นตัวเองแบบโดนผู้ชายนอกใจมาแบบทุกปี ๆ บางปีมากกว่าหนึ่งครั้ง อันนี้มันคือนรกเลยนะ และมันมากพอแล้วที่ผู้หญิงคนนึงจะเจอ จิ๊บควรจะเดิoออกมาจากนรกขุมนั้นได้แล้ว และไม่มีอะไรที่ควรขอโทษ เค้าต่างหากที่ควรขอโทษจิ๊บ’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

เธอจะมีใจรึเปล่า... 8 ปีที่แล้ว ผมสนิทกับเพื่อนคนนึงมากๆ มาวันนี้ผมเปิดตัวว่าเป็น LGBTQ+ หน้าเค้าแวบมาในหัวผมตลอด จะกลับไปบอกความรู้สึกเพื่อนดีไหมว่า "เราชอบเขา"

03 พ.ย. 2023

เธอจะมีใจรึเปล่า... 8 ปีที่แล้ว ผมสนิทกับเพื่อนคนนึงมากๆ มาวันนี้ผมเปิดตัวว่าเป็น LGBTQ+ หน้าเค้าแวบมาในหัวผมตลอด จะกลับไปบอกความรู้สึกเพื่อนดีไหมว่า "เราชอบเขา"

“คุณเอ็ม (นามสมมุติ)” อายุ 28 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (1 พ.ย. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก -ดีเจเติ้ล - ดีเจพี่อ้อยเกี่ยวกับปัญหาเคยมีเพื่อนสนิทชาย แต่พอโตมาเราก็เปิดตัวเป็น LGBTQ+ ตอนนี้ลังเลใจว่าจะบอกเขาดีมั้ยว่าเมื่อก่อนเราเคยรู้สึกดีกับเขา โดย “คุณเอ็ม (นามสมมุติ)” ได้เริ่มเล่าว่า ‘จริง ๆแล้วขอเท้าความไปตอนสมัยมัธยม ตอนนั้นมีเพื่อนคนนึง ที่อยู่คนละกลุ่ม แต่เราก็สนิทกันพอสมควร ไปเรียนพิเศษด้วยกัน หรือไปไหนมาไหนด้วยกัน ในช่วงเวลานั้นมันก็เกิดบางโมเมนต์ที่ทำให้รู้สึกว่า เค้าแหย่เรา เล่นกับเรา แต่ในตอนนั้นด้วยบริบทของสังคมด้วย เราเลยไม่ยอมรับกับตัวเองว่าเป็น LGBTQ+ หลังจากจบมัธยมไปเราก็แยกย้ายกัน จะมีช่วงปีหนึ่งที่เรายังพอได้ติดต่อกันบ้าง พอเวลาผ่านไปประมาณปี3 - ปี4 เราก็ขาดการติดต่อกันไป ทีนี้พอหลังจากเรียนจบได้สักระยะนึง เราเองก็เริ่มยอมรับตัวเองแล้วว่าเราเป็น LGBTQ+ แล้วมันก็เกิดความรู้สึกค่อนข้างที่จะคิดถึงเพื่อนคนนี้ จริง ๆที่ผ่านมาเราไม่ได้เจอกันประมาณ 8 ปีและไม่ค่อยได้ติดต่อกันเลย เพิ่งมีช่วงหลัง ๆเห็นเค้าอัปเดตโซเชียล ก็เลยมีทักไปคุยเล่นบ้าง ทีนี้พอเรามาตกตะกอนความคิดตัวเองดูแล้ว มันรู้สึกว่าตอนนั้นที่เรารู้สึกสนิทกับเค้า รู้สึกดีกับเค้า หรือจริง ๆแล้วมันเป็นเพราะว่าเราชอบเค้าในวันนั้น แต่ก็ไม่ได้บอกอะไรเค้าไป เราเลือกที่จะเก็บเรื่องนี้เอาไว้ ซึ่งสถานะเขาที่เรารู้ตลอดช่วงที่รู้จักกันมาค่อนข้างมั่นใจว่าเค้าไม่ใช่ LGBTQ+ แต่ในตอนนี้เราก็ไม่รู้ว่าเป็นยังไง แต่ตอนนี้เรื่องที่เก็บเอาไว้มันทำให้รู้สึกคาใจ ติดอยู่ในใจอยู่ตลอด เลยคิดอยู่หลายครั้งว่าหรือเราจะบอกเค้าไปดีว่า ณ วันนั้นเรารู้สึกดีกับเค้า ในตอนนี้เราก็ไม่ได้มีใครที่จะศึกษาด้วย ถ้าเค้ารู้สึกโอเคกับเรา เราก็โอเคเหมือนกันที่จะลองคุย แต่ถ้าเกิดไม่โอเค เราเองก็ไม่ได้อะไร มันเหมือนเป็นความรู้สึกดีมาโดยตลอด ทีนี้เมื่อสักกลางเดือนตุลาที่ได้คุยเล่นกัน เราก็มีแพลนว่าจะนัดไปทานข้าวด้วยกันสักมื้อนึง จริง ๆก็ได้พูดคุยกับเพื่อนมาบ้างแล้วว่าควรพูดหรือไม่พูดดี ซึ่งเราเองก็มีคำตอบในใจคิดไว้ว่าจะไม่พูด เพราะเหมือนตามตรรกะแล้วมันดูเหมือนไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพูดไป วันนี้เลยอยากปรึกษาว่า อยากรู้ว่าในวันที่เรากลับมาคิดถึงเรื่องนี้อีกครั้งนึง มันคาใจอยู่ มันจะมีวิธีไหนไหมที่ทำให้เราไม่คาใจ และกลับมาตั้งคำถามว่าเราจะไปบอกเค้าดีไหม มันก็มีความแอบหวังนิดนึง แต่เราก็ไม่รู้ว่าจริง ๆตอนนี้เค้ารู้สึกหรือเป็นยังไงบ้าง’ “ดีเจเติ้ล” เริ่มให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้ามันรู้สึกคาใจขนาดนั้นพี่ว่าเอ็มพูดก็ได้นะ แต่เอ็มต้องพูดโดยที่เอ็มไม่คาดหวังว่าเค้าจะมารู้สึกดีกับเอ็ม และต้องยอมรับให้ได้ว่าถ้าพูดแล้ว แล้วเค้ามีปฏิกิริยาที่เปลี่ยนไปเลย หรือมึนใส่ หรืออะไรไม่รู้ ที่ไม่ใช่ทางที่ดี เอ็มต้องยอมรับอันนี้ให้ได้ว่าเอ็มจะไม่เสียใจ ถ้าพูดออกไปเพราะว่าความรู้สึกของเอ็มที่ความทรงจำอันนั้นมันนานมาก พี่ก็เคยเป็นเหมือนเอ็ม เหมือนมีเพื่อนมัธยมบางคนที่เรารู้สึกว่า เค้าคิดอะไรกับเราหรือเปล่า หรืออะไรอย่างเนี่ย แต่พอมันโตมาจนถึงตอนนี้ถึงรู้ว่า มันเป็นแบบนี้ นิสัยผู้ชาย หมายถึงว่า ณ ตอนนั้นเค้าอาจจะมาอยู่ใกล้ชิดกับเรา เพราะสังคมชาย ความวัยรุ่น ความฮอร์โมน ที่พอโตมาแล้วจะรู้ว่ามันไม่ได้คิดอะไรหรอก แค่ตอนนั้น พอโตขึ้นมันก็ไปมีเมียมีลูกอะไรของมัน ไม่ได้เหมือนเราที่พอค้นพบทางแล้วเราก็เดินตรงสายนี้อย่างแน่วแน่มมั่นคงเลย พี่ก็เลยแค่ความทรงจำของเอ็มตอนนั้นมันนานจนว่าเราไม่สามารถไปมั่นใจได้ว่าในตอนนั้นที่เค้ารู้สึก ซึ่งเรายังรู้สึกมาถึงทุกวันนี้ แล้วถ้าตอนนั้นเค้ารู้สึก เค้าจะยังรู้สึกมาจนถึงทุกวันนี้หรือเปล่า หรือจริง ๆตอนนั้นเค้าไม่ได้รู้สึกแต่เราเข้าใจไปเองว่าเค้ารู้สึก มันเป็นไปได้หลายทางมาก แต่ถ้าคุณเอ็มรู้สึกมันคาใจจริง ๆ สมมุติถ้าเป็นพี่นะพี่ก็คงไม่ใช่กินข้าวกันก็มาบอกแบบ ‘เออเรามีไรจะบอกอะ เราชอบเธอนะแต่ตอนนั้นเรารับตัวเองไม่ได้’ พี่ว่าอย่างนี้อีกฝ่านนึงถ้าตามละครก็อาจจะ ‘เอ็มเราก็ชอบเธอเหมือนกัน’ หรือ ‘เดี๋ยวมานะไปห้องน้ำก่อนนะ’ สถานการณ์มันจะเปลี่ยนไปเลย เพราะฉะนั้นพี่จะทำให้มันผ่อนคลาย ดูจังหวะดีดี ไม่เอาเรื่องนี้เป็นวัตถุประสงค์หลักในการเจอเค้า พี่จะแบบคุยไปเรื่อย คุยเรื่องขำ ๆตลก ๆ นั่นนู้นนี่แล้วมันจะมีจังหวะเหมือนคุณเอ็มต้องดูจังหวะดีดี ‘แบบตอนนั้นกูชอบมึง คือตลกตัวเองมากขำมาก’ ให้มันดูว่าเราไม่ได้คาดหวังจากประโยชน์ที่พูดออกไป แต่ว่าแค่ทำให้เค้ารู้ว่าเรื่องในอดีต มันตลกนะ แล้วหลังจากนั้นมันจะเกิดอะไรขึ้น มันก็จะมีมาเองขึ้นอยู่ที่ปฏิกิริยาของเค้า’ ต่อมาที่ “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘ตอนแรกคือประเมินความเสี่ยงก่อน สถานการณ์ที่ดีที่สุดที่จะเกิดขึ้นได้ กับสถานการณ์ที่แย่ที่สุดที่จะเกิดขึ้นได้ ถ้าเราบอก ดีที่สุดก็คือทุกอย่างเหมือนเดิม ความสัมพันธ์เหมือนเดิม ผมไม่มองว่าดีที่สุดคือการได้คบกันด้วยนะ ดีที่สุดคือบอกออกไปแล้วไม่มีอะไรเสียหาย เรายังคงความสัมพันธ์แบบนี้ต่อไปได้จะมากขึ้นหรืออะไรแล้วแต่ แย่ที่สุดคือความสัมพันธ์นี้เปลี่ยน ที่เรามีกันอยู่ 8 ปีครั้งเนี่ยหาย อันนี้คือสิ่งที่เอ็มต้องประเมิน บอกแล้วเหมือนเดิม หรือบอกแล้วทุกอย่างเปลี่ยนไปอะนี้ประเมินก่อนอย่างแรก แต่เห็นด้วยกับเติ้ลด้วยว่า วิธีการบอกมีผลสำคัญมากต่อผลลัพธ์ เราสามารถประโยคเดียวกัน แต่ด้วยวิธีการพูดด้วยอารมณ์ที่แตกต่างกัน ผลลัพธ์อาจจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเลย แบบที่เติ้ลพยายามแสดงให้ดูคือถูกต้องมาก ๆถ้าเราไปมองต้าเค้า หรืออะไรก็แล้วแต่มันจะให้ผลแบบนึง ถ้าเราพูดในเชิงตลกติดตลกก็อาจจะให้ผลอีกแบบนึง แต่ว่าเท่าที่ฟังดูเอ็มดูไม่ได้เป็นคนมีมุกเฮฮา ดูนิ่ง ๆเพราะฉะนั้นถ้าเราจะเช็คลมฟ้าอากาศว่าบอกเราได้ไหม สถานการณ์เป็นยังไง ก็ทำทุกอย่างให้มันปกติแล้วพี่ว่า Point แรกที่เราอาจจะอยากลองเช็คดูก่อนก็คือการบอกเค้าอย่างเป็นทางการว่าเราเป็น LGBTQ+ อันนี้คือขั้นแรกแล้วเราจะดูท่าทางว่าเค้าว่ารู้แล้ว แล้วยังไงต่อ เราควรจะไปสเต็ปสองไหมว่า เมื่อเราเป็นแล้ว‘แล้วรู้มั๊ย อีกอย่างนึงนะสมัยมัธยมกูคิดย้อนไปกูชอบมึงแน่เลยวะ’ อะนี่จะตามมาถ้าจากคำชี้แจงแรก แล้วเค้าแบบ ‘รู้แล่ว รู้ตั้งแต่ตอนนู้นแล้วทุกอย่างจะคลี่คลาย’ หรือถ้าเค้าแบบ ‘เอ่าหรอ หรืออะไรเราค่อยเตรียมแผนกันอีกที มันอาจจะเริ่มต้นจากการ ‘ทุกวันนี้เป็นยังไง มีลูกมีเต้าหรือยัง’ เช็คก่อนตามมารยาทเค้าก็อาจจะถามกลับ เราก็มีสิทธิ์ที่จะบอกของเรา ‘โอ้ย ของเราไม่มีหรอก’ มันอาจจะเป็นช่องให้เราได้บอกก่อนอย่างแรก ถ้า Point เคลียร์ได้ค่อยคิดสเต็ปสอง ทีนี้ถ้าไม่บอกเลยได้มั๊ย พี่ว่ามันก็ได้นะ หมายถึงว่าคนเรามันจะมีร้อยแปดพันเรื่อง สิ่งที่ไม่เคยบอกแล้วมันก็คงไม่มีวันบอกออกไปเยอะแยะมากมาย แล้วมันก็จะเป็นความทรงจำอีกแบบนึงที่จะอยู่กับเราไป บางคนก็เลือกที่จะให้มันเป็นตอนจบที่ไม่มีตอนจบแบบนี้แหละ เพราะว่าอย่างที่บอก worst cases หรือ best case scenario ที่มันจะเกิดขึ้นเราไม่รู้หนิ บางคนเค้าก็ไม่อยากเสี่ยง เค้าก็ปล่อยให้มันเป็นหนังอินดี้ที่ไม่มีตอนจบไปเรื่อย ปลายเปิดดีกว่า เค้าสุขใจกว่าในแบบนั้น มันก็ได้’ ปิดจบกันที่ “ดีเจพี่อ้อย” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่อ้อยว่าก่อนจะคุยกับเค้า เอ็มคุยกับตัวเองก่อน เอ็มคิดถึงเค้าเมื่อตอน 8ปีก่อนนะ เอ็มคิดถึงภาพที่ตอนนั้นเราอยู่ใกล้ ๆกันใช้เวลาด้วยกัน แต่วันนี้เราห่างหายกันไปตั้งกี่ปีแล้ว เพราะฉะนั้นเรายังติดภาพเค้าในอดีตอยู่เลย แต่ภาพในปัจจุบันเหมือนเราไม่เคยรู้จักกันเลย เอ็มไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้สถานะภาพเขาเป็นยังไง มีแฟนหรือเปล่านะ เอ๊ะ ตอนนั้นก็เป็นชายแท้ ตอนนี้หรือตอนนั้นเค้ายังไม่เปิดตัวเรายังไม่รู้อะไรเลย เพราะฉะนั้นพี่ยังไม่ค่อยได้ไปที่การคาดหวังว่าการไปเจอกันครั้งนี้จะบอกหรือไม่บอก เพราะการเจอกันครั้งนี้ มันอาจจะเป็นแค่การตัดริบบิ้นว่าความสัมพันธ์ที่หายไปตั้งนาน กลับมาเจออีกครั้งนึงภาพเก่า ๆกลับมาทั้งคู่ พี่ว่ามันไปที่ละขั้นก่อนนะน้อง ฝันให้ใกล้แล้วไปให้ได้ก่อน เพราะรับรู้มันไม่ได้แปลว่ารับรักนะ แล้วถ้าเกิดบังเอิญเค้าแค่อยากมากินข้าวกับเพื่อน แบบคิดถึงจังเลยวะ แล้วอยู่ ๆเข้าสู่โหมดแห่งการสารภาพรัก พี่รู้สึกว่ามันมีความตกใจ อย่าลืมนะว่าความรู้สึกของเรานั้นไม่เท่ากันอยู่ และอันนึงนะเอ็มถ้าเกิดคนสองคนดันมีความรู้สึกเดียวกันจริง ๆเค้าจะไม่ทุลนทุลายอยากบอกเราบ้างหรอ ทำไม่ถึงเรารู้ว่าสึกว่าเป็นเราฝ่ายเดียวต้องมีหน้าที่บอกรัก หรือไม่บอกรัก ถ้าบังเอิญความสัมพันธ์ที่มันเกิดขึ้นนะตอนนี้ แล้วเป็นความสัมพันธ์ที่เราถูกใจกันทั้งคู่ คนรักมาก ๆอยากบอกทั้งนั้นแหละ เราชอบเรายังอยากบอกเลย เพียงแค่พี่รู้สึกว่า ณ วันเวลานี้เรารู้จักกันน้อยจังเลย’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ทริปแสนปวดใจ !! สาวโทรปรึกษา 3 ดีเจ ไปทริปกับแฟน แต่แฟนพาแฟนเก่าไปด้วยกับเพื่อนๆ คืนแรก แฟนเก่าแฟนคนนั้นเมา ร้องไห้ เพื่อนออกไปปลอบ “ร้องทำไม ยังไงเขาก็ไม่กลับไปหาแล้ว” วันที่สอง ไปกินข้าวเขาสั่งอาหาร เมนูที่แฟนเราชอบ เครื่องดื่มที่แฟนชอบ

27 ต.ค. 2023

ทริปแสนปวดใจ !! สาวโทรปรึกษา 3 ดีเจ ไปทริปกับแฟน แต่แฟนพาแฟนเก่าไปด้วยกับเพื่อนๆ คืนแรก แฟนเก่าแฟนคนนั้นเมา ร้องไห้ เพื่อนออกไปปลอบ “ร้องทำไม ยังไงเขาก็ไม่กลับไปหาแล้ว” วันที่สอง ไปกินข้าวเขาสั่งอาหาร เมนูที่แฟนเราชอบ เครื่องดื่มที่แฟนชอบ

ทริปแสนปวดใจ !! สาวโทรปรึกษา 3 ดีเจ ไปทริปกับแฟนแต่แฟนพาแฟนเก่าไปด้วยกับเพื่อนๆ คืนแรก แฟนเก่าแฟนคนนั้นเมาร้องไห้ เพื่อนออกไปปลอบ “ร้องทำไม ยังไงเขาก็ไม่กลับไปหาแล้ว”วันที่สอง ไปกินข้าวเขาสั่งอาหาร เมนูที่แฟนเราชอบ เครื่องดื่มที่แฟนชอบคุยแต่เรื่องอดีตต่อหน้าเรา เราไม่โอเคมากๆ ถ้ามีทริปหน้าอีกจะทำไง? “คุณบี (นามสมมติ)” อายุ 22 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (18 ต.ค. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจพี่อ้อย’ กับปัญหาที่ไปเที่ยวแล้วทริปนี้แฟนเก่าของแฟนเราไปด้วย โดย “คุณบี (นามสมมติ)” เริ่มเล่าว่า ‘ได้มีโอกาสไปทริปกับแฟน เราไปกันหลายคน แต่แฟนเราได้ชวนแฟนเก่าไปด้วย เราก็โอเค จะได้มีเพื่อนไปเยอะๆ ต้องบอกก่อนว่า แฟนกับแฟนเก่าเลิกกันมาประมาณ 1 ปีแล้ว เขาจบกันไม่ค่อยดี โดยแฟนเก่าเขาทำไม่ดีต่อแฟนเรา ตอนนี้ฝ่ายหญิงก็มีแฟนใหม่แล้วด้วย แต่ในช่วง 1 ปี ที่ผ่านมาเขาสองคนก็ยังติดต่อกันอยู่ เขาคบกันมานานแล้ว ประมาณ 5 - 6 ปี แล้วพอแฟนมาคบกับเรา แฟนเก่าก็ชอบโทรมาแซะ มาแขวะ แฟนเราตลอด ว่า ‘ขอให้รักกันนานๆ นะ สมกันเหลือเกิน’ แล้วก็พอเราไปเที่ยวในที่ๆเขาไม่เคยไป หรือไปที่อาจจะแพงหน่อย เค้าก็จะส่งข้อความมาว่า ‘พากันกินหรูอยู่สบายจังเลยนะ’ แฟนเราก็มาบอกว่าเขาส่งข้อความมา แต่เขาก็ไม่ได้บอกว่าคุยอะไร แต่เราไปเห็นเอง ก่อนหน้านี้เขาเคลียกันแล้วว่าเขาไม่ได้อะไรกับเรา ไม่ได้อะไรกับแฟนเราแล้วนะ เราก็เลยเออๆ ไปเที่ยวด้วยกัน พอไปเที่ยวด้วยกัน มันจะมีวันแรกเลยที่เราดื่มแอลกอฮอล์เฮฮาปาร์ตี้กัน แล้วแฟนเก่าเขาก็เมา แล้วร้องไห้ แต่เขาไม่ได้ร้องไห้ให้เราเห็น เขาไปร้องไห้ที่หน้าร้าน แล้วเพื่อนของแฟนเราก็เดินไปพูดว่า ‘ร้องไห้ทำไม เขาไม่กลับมาหาแล้ว’ แต่ตอนนั้นเราก็เมา แล้วแฟนมาเล่าให้ฟัง เราก็เริ่มไม่โอเค แล้วฝั่งนู้นเขาก็ไม่โอเค เขาจะกลับก่อน บรรยากาศก็เริ่มตึงๆ เช้ามาแฟนเก่าเขาไม่ยอมออกจากห้อง แล้วเขาโทรมาหาแฟนเราว่า ‘จะกลับก่อน ไม่อยู่ทริปต่อแล้ว’ เพื่อนของแฟนเราเขาก็ไปคุย ไปปลอบกัน สรุปก็คือไม่กลับแล้ว อยู่ต่อ แต่บรรยากาศมันก็กร่อยไปแล้ว เราก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่แล้ว ไม่ได้ไม่มีอะไร เหมือนที่เขาพูดแล้ว เราก็อึดอัดมาก ต่อมา เราไปร้านอาหารกัน แฟนเก่าเขาก็สั่งข้าวให้แฟนเราเลย เขารู้ว่าแฟนเราชอบกินอะไร แล้วก็จะมีอีกอย่างคือ เขาสั่งน้ำที่แฟนเราชอบมา หนูคิดแล้วว่า มันต้องสั่งมาเพราะแฟนเรามันจะขอชิมอะไรสักอย่างนี่แหละ สรุปก็ขอชิมจริงๆ เราก็ไม่ได้อะไร แต่เราก็มองทั้งคู่แสดงออกว่าเราไม่ชอบ พอกินข้าวเสร็จเราก็ไปเที่ยวกันต่อ มันก็เป็นบรรยากาศที่อึมครึมทั้งทริป จนวันสุดท้าย ก็เป็นอีก สั่งกับข้าวให้แฟนเราอีก แล้วเขาก็บอกว่า ‘สั่งเลยนะ จะกินอะไร’ เพราะเขาสั่งให้แฟนเราแล้ว วันนั้นเราก็เมากันอีก ก็พากันไปกินต่อที่ห้อง เราก็คุยกันว่า ‘สิ้นเดือนนี้เราจะมีทริปไปเที่ยวกันอีก’ แต่หนูก็ไม่ได้พูดว่าหนูจะไม่เอาเขาไปด้วยแน่ๆ แล้วที่เราจะไปเที่ยวกันทริปหน้าเนี่ย เขาอยากให้แฟนเก่าของแฟนเราเขาไปด้วย เพราะเราจะไปพักที่รีสอร์ทของเพื่อน หรือ ของญาติแฟนเรา เขาสนิทกับแฟนเก่าของแฟนเราเหมือนเป็นน้องรักกันเลย เขาเจาะจงเลยว่าอยากให้พามาด้วย แต่แฟนเขาก็มาถามหนูด้วยว่า ‘รอบหน้าจะยังให้ไปด้วยไหม’ หนูก็บอกว่า ‘ไม่ ไม่ให้ไป’ ไม่พูดเยอะด้วยเพราะว่า เดี๋ยวหนูจะดูเป็นคนไม่ดี หนูไม่เอา ไม่เอาแล้ว มันไม่สนุก อยากถามพี่ๆว่า ถ้าเขายังถามหนูอีก หนูควรจะตอบเขาว่ายังไงดี ทริปหน้าจะให้เขาไปด้วยไหม?’ ซึ่ง “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำตอบว่า ‘พี่จะตอบว่าสั้นๆ มึงยังจะต้องถามอีกหรอ!!! แค่เนี้ย มึงไม่มีสมองคิดหรอ แค่นี้เลยบี ไม่ต้องถามอะไรเลย ถามแค่นี้ แล้วไม่ต้องตอบด้วยนะ แล้วดูซิว่าจะมีสมองคิดมั้ยว่า ไม่ให้ไป ต้องไม่ให้ไปอะ เพราว่าตอนนี้มันไม่ไหวแล้ว ไม่ได้แล้วเปล่าอะ คือ ไม่มีเหตุผลที่ต้องติดต่อกันอีกแล้ว เอาจริงๆ แค่ไม่ไปร่วมทริปยังน้อยไป ถ้าเป็นพี่นะ ยังจะต้องติดต่อกันอีกหรอ ถ้าเขาชัดเจนขนาดนี้แล้วว่าเขาอยากได้แฟนหนูกลับคืนอะ แล้วฝั่งนั้นก็ยังมีแฟนอยู่แล้วด้วย ยัยผู้หญิงคนนี้เป็นอะไร ฮีสหรอหรือยังไง แล้วพี่ว่าต้องตัดเลยบี ไม่งั้นบีจะวุ่นวายกับชีวิตมาก ต้องให้เขาเลิกติดต่อ ต้องบอกเลยว่า ‘อันนี้ไม่ได้แล้ว ชัดเจนเหลือเกินว่าเขายังอะไรกับเธออยู่ การยิ่งติดต่อมันคือหมายถึงอะไร แสดงว่าเธอโอเคใช่ไหมกับการที่เขากำลังมีใจอยู่แบบนี้ ซึ่งสำหรับฉันมันไม่ ไม่ใช่แค่ไม่ไปทริป ต้องเลิกติดต่อกับเขา เพราะไม่งั้น กูนี่แหละจะเป็นฝ่ายเลิก’ ต้องอย่างนี้นะ ไม่งั้นบีก็จะต้องเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆนะ เพราะดูทรงแล้ว หนึ่งแฟนบีโอเค คนรอบข้างโอเคหมด ยัยผู้หญิงคนนั้นไม่รู้สึกอะไรเลยนะ จริงๆ เพราะบีก็ไม่ชัดเจน ไม่เข้มแข็ง ไม่ยันเขาว่าแบบ ทำแบบนี้มันผิดนะ แต่พี่ก็เข้าแหละว่าโมเม้นต์ตอนนั้นไม่อยากทำให้บรรยากาศมันเสีย แต่หลังจากนี้เราทำได้ ปิดทุกประตู ทริปที่จะไปก็ปล่อยให้ไปเอง ไปเที่ยวกับเพื่อน คิดอย่างนั้นก็ไม่เกี่ยวกับเรา ถ้าจะไปกับแฟนหนูไปทริปอื่น สำหรับพี่แค่นี้เลย” ต่อมาเป็นของ “ดีเจอ้อย” ได้ให้คำตอบว่า ‘พี่ยังรู้สึกอยู่ดีว่า คนกลางสำคัญ และแปลกมากที่ยังมีโอกาสมาถามอีกนะว่า ‘พาว่าไปด้วยอีกได้ไหมอะ’ คือพี่มีความรู้สึกว่า แฟนดีๆ อะแล้วเราเป็นแฟนใหม่ ถ้ามีคนเก่าอยู่ในใจดึงคนใหม่มานั่งเจ็บอยู่ตรงนี้ทำไม ทริปนี้ควรเป็นทริปที่เราสองคนควรมีความสุขไม่ใช่หรือ ยังมีหน้ามาถามอีกว่าเอาแฟนเก่าไปด้วยได้ไหม โดยมารยาทแล้วไม่มีใครเขาถามกันแบบนี้นะคะ หรือถ้าสมมุติหนูรู้สึกว่า ถ้าเขามาถามอีกจะทำยังไง หนูบอกไปเลยว่า ‘เอางี้ ก็เอาแฟนเก่าของเธอไปด้วยแล้วพาแฟนใหม่ของเขาไปด้วย ถ้าเธออยากจะมาเป็นมวลหมู่ ได้ค่ะ พร้อม 2 คู่เลยไหมล่ะ’ แล้วก็บอกกับเขาด้วยนะว่า ‘เธออย่าทำตัวน่าเกลียดนะ ผู้ชายที่เป็นแฟนใหม่ผู้หญิงคนนั้นจะรู้สึกยังไง เราไปดึงแฟนเขามาไปเที่ยวด้วยกันอยู่บ่อยๆ’ และไม่ได้อะไรมากนะ พาร์ทนี้มันต้องแบ่งเป็นสองส่วนนะ ส่วนนึงคือ เธอไม่แคร์ความรู้สึกฉันเลยแม้แต่นิดเดียว วันนั้นที่หนูกร่อยแทบตายมีใครสนใจหนูไหมล่ะ หนูเซ็งเอง เบื่อเอง เศร้าเอง น้อยใจเอง แล้วทริปก็จบไปอย่างเงียบๆ พี่ถึงได้บอกว่าคนอื่นดูรื่นเริงกันหมดกับทริปนั้น มีแต่หนูคนเดียว และดูเหมือนว่า อารมณ์ของหนูไม่ได้มีผลต่อใครๆ ในทริป ไม่เห็นมีใครเขาต้องมานั่งคอยดูแลหัวใจหนูหรอ ทั้งๆ ที่หนูเองคือแฟนที่ถูกต้องตอนนี้อยู่ แล้วยังมีหน้ามาถามอีก ว่าครั้งหน้าไปอีกได้ไหม เจ้าของรีสอร์ทเขาสนิทกัน ได้ ถ้าอยากไปด้วยกัน ไปกันให้หมดเลย บอกผู้หญิงคนนั้นเลย ‘พาแฟนเขาไปด้วย ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นว่า ฉันกำลังพยายามชัดเจนแล้วนะว่า ตกลงที่สุดแล้วแฟนของฉันกำลังรอแฟนเก่ากลับมาใช่ไหม เอาชัดๆ เอาตรงๆ ไม่ต้องเอาทริปมาบังหน้า เพราะถ้าไปแบบนี้แล้ว ไม่ได้มีใครมีความสุขเลยโดยเฉพาะฉัน’ การไปเที่ยวเสียเวลานะ ไปแล้วต้องมีความสุข ถ้าหนูต้องไปแล้วไปนั่งทำยังไงดี มันกร่อยไปหมดแล้วพี่ แล้วเมา ในช่วงเวลาไหนก็ตามพี่คิดว่า ช่วงเวลานั้นน้องต้องมีสติด้วยซ้ำ น้องจะได้เห็นทุกอย่างสักทีว่าตกลงแล้ว เรากำลังเป็นแฟนคนนึงที่เขาคบเพื่อรอคนเก่าหรือเปล่า มันไม่ใช่แค่ทริปเที่ยว แต่มันเป็นวิธีคิดของคนที่เป็นแฟนเราว่าเขาคิดอะไรอยู่ ทำไมถึงคิดว่ามันเป็นความสามัคคีชุมนุม แฟนใหม่ก็มี แฟนเก่าก็มาแฮปปี้กันได้ เดี๋ยวก่อน ได้ถามใจคนอื่นไหม อย่าทำมาเป็นขออนุญาต เพราะเรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นขออนุญาตแล้ว เธอเองต้องคิดได้เองแล้วตั้งแต่ต้น เพราะฉะนั้นวันนี้ ได้ ถ้าอยากจะลองมาเล่นแบบนี้กันดูนะพากันมาให้หมดเลย ผู้หญิงคนนั้นก็ต้องพาแฟนใหม่ของเขามาด้วยนะ จะไปกันเองได้ยังไง ไม่อย่างนั้นมันก็กลายเป็นว่า ในที่สุดแล้วเธอสองคนมีใจอยู่ใช่ไหม แล้วคนใหม่รอบๆตัว เอาลงมาเจ็บด้วยทำไมกัน มาวุ่นวายกลายเป็นแบบสามัคคีชุมนุม แล้วมีใครมีความสุข เอาจริงๆ ต้องพูดคำว่า ทุกคนมีความสุขยกเว้นเราคนเดียว หนูลองดูนะว่าในทริปนั้น ไม่ว่าเป็นจำนวนกี่วัน หนูทุกข์ทรมานไหมล่ะ เพราะเขาก็แสดงออกเต็มที่มาก ‘อ๋อเธอชอบกินอันนี้ เดี๋ยวเราสั่งให้’ แล้วแทนที่แฟนเราจะมีความรู้สึกว่า ‘เฮ้ย แบบนี้ไม่ได้ เพราะแฟนใหม่อยู่ตรงนี้เนี่ย เราก็ควรจะดูแลหัวใจเขา’ แต่ ‘ไหนขอลองชิมหน่อยสิ’ จ้ะ เพราะฉะนั้นเหตุการณ์แบบนี้ ไม่ควรจะเกิดขึ้นซ้ำๆ ‘ถ้าเธอคิดไม่ได้เองว่า อะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ ฉันคิดให้’ บางทีเราก็ต้องแสดงออกในพื้นที่โซนความสุขของเราเช่นเดียวกัน พี่ไม่อยากให้หนูต้องไปเป็นนางเอกที่แสนดี ทั้งที่ข้างในทนทุกข์ทรมาณแทบตาย ไม่เอาค่ะ ฉันต้องมีความสุข สุดท้าย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำตอบว่า ‘สำหรับผมถ้ามาถามนะว่า ‘อีกครั้งนึง ให้เขาไปด้วยได้ไหม’ ‘ได้ ไปเลย มึงไปเลย บีไม่ไป แล้วก็ไปเลย เลิกกัน ไป เชิญ ขอให้สนุกกับทริป’ พี่ว่ามันเลยเส้นแล้ว ถ้ากลับมาอีกรอบนึงนี่ สำหรับพี่ไม่ได้คบกันแล้ว พี่เลิกเลย กูพอแล้วกับวังวนอะไรแบบนี้ มันน่าประหลาดไปหมด เพื่อนร่วมทริปเอย ไอ้ประโยคที่ว่า ‘มึงจะร้องทำไมเขาไม่กลับมาหามึงแล้ว’ อ้าว นั่นแปลว่ามึงวางแผนจะกลับมากันอยู่หรอ แล้วบรรยากาศทั้งหมด เจ้าของรีสอร์ทที่อยากจะชวนไป พี่พยายามจะคิดว่าเขาอาจจะเป็นกลุ่มก้อนกันอยู่ แล้วหนูเข้ามาเป็นสะใภ้กลุ่มนี้ทีหลัง ทำไมมันดูเหมือนไม่มีใครแคร์บี ซึ่งเป็นแฟนปัจจุบันอยู่ มันไม่แคร์บีกันสักนิด แม้กระทั่งตัวแฟนบีเอง ไอ้การขอชิมน้ำแก้วนั้นเนี่ย โทษนะมึงทำได้ยังไงวะ พี่ว่าคนปกติ ที่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนั้นมันตึงขนาดไหน นั่งยังห่างเลยหัวโต๊ะท้ายโต๊ะ มึงขอน้ำชิม ถ้ามึงอยากกินมาก ‘โทษนะครับเดี๋ยวขอแบบนี้อีกแก้วนึง’ จบ ตอนนี้ผมกำลังแบ่งแยก ไอ้มิสเตอร์ คนพวกนี้นะ หนึ่งนะ ก็คือมิสเตอร์ดีแสนดี มิสเตอร์งี่เง้า มิสเตอร์สมองทึบ ที่แบบ ไม่ได้คิดอะไรเลย ทุกคนก็คือเพื่อนกันหมด จะแฟนเก่าไรก็เพื่อนกัน แล้วก็ทำอะไรที่ทะเล่อทะล่า ไอ้นี่ก็จะมีพวกนี้ กับแบบที่สอง มิสเตอร์เลวแสนเลว มิสเตอร์หวังเลย อันนี้ก็คือจะรีเทิร์นไหม จะรออยู่ไหม หรือจะแค่กินกันขำๆ คือไปดูเอาเองว่าแฟนบีเป็นแบบไหน แต่พี่บอกเลยว่าน่ารำคาญทั้งคู่ พี่จะไม่อยู่ในความสัมพันธ์แบบนี้ทั้งคู่ ไอ้ดีแสนดีนี่ก็น่ารำคาญ แล้วถ้ากลับมาถามอีกที พี่เลิกเลย ไม่ต้องมีคำตอบแล้วว่าจะไปไม่ไปทริป มึงไปเลยค่ะ แล้วเราจบกันตั้งแต่วันนี้แหละเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

อยากรู้ว่าทุกวันนี้จะเจอ "รักแท้" ในแอปหาคู่ไหมคะ? เราเจอกับสามีแต่งงานกันแล้วชีวิตราบรื่นดี พอไปสัมภาษณ์งาน HR ที่ใหม่ถามว่า "เจอแฟนที่ไหน?" เราตอบไปว่า "แอปหาคู่ค่ะ" จากนั้น HR คนนั้นก็โทรมาถามหัวหน้าเรา...

19 ก.พ. 2024

อยากรู้ว่าทุกวันนี้จะเจอ "รักแท้" ในแอปหาคู่ไหมคะ? เราเจอกับสามีแต่งงานกันแล้วชีวิตราบรื่นดี พอไปสัมภาษณ์งาน HR ที่ใหม่ถามว่า "เจอแฟนที่ไหน?" เราตอบไปว่า "แอปหาคู่ค่ะ" จากนั้น HR คนนั้นก็โทรมาถามหัวหน้าเรา...

อยากรู้ว่าทุกวันนี้จะเจอ "รักแท้" ในแอปหาคู่ไหมคะ? เราเจอกับสามีแต่งงานกันแล้วชีวิตราบรื่นดีพอไปสัมภาษณ์งาน HR ที่ใหม่ถามว่า "เจอแฟนที่ไหน?" เราตอบไปว่า "แอปหาคู่ค่ะ"จากนั้น HR คนนั้นก็โทรมาถามหัวหน้าเรา"น้องเขาเริ่มต้นแบบนี้ จะยืนยาวหรอ ดูไม่มั่นคง จะเลิกกันรึเปล่า?" “คุณหนู (นามสมมติ)” อายุ 34 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [14 ก.พ. 67] ได้โทรมาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจพี่อ้อย เกี่ยวกับจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์กับสามี โดย “คุณหนู (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ความรักจากแอปพลิเคชันหาคู่ มันดูไม่มั่นคงหรือป่าว?’ คือหนูเจอคนรักผ่านแอปพลิเคชัน และคบกันได้ปีกว่า ๆ ก็แต่งงานจดทะเบียนสมรสเรียบร้อยแล้ว หนูต้องย้ายที่ทำงานตามไปกับสามี หนูทำเรื่องเขียนขอย้าย แล้วที่ทำงานใหม่ก็เรียกหนูไปสัมภาษณ์งาน มีการสอบถามว่าย้ายมาเพราะอะไร หนูบอกไปว่า ย้ายมาตามสามี เพราะสามีหนูไม่สามารถย้ายงานได้ แล้วเขาก็ถามว่าเราเจอกับสามีกันได้ยังไง? หนูก็บอกเขาไปตรงๆว่า เราเจอกันผ่าน Tinderตอนที่เขาได้ยินก็แซวขำ ๆ แต่พอหลังจากที่หนูกลับมา เขาได้มีการโทรไปหาหัวหน้าหนู เพราะว่าเขารู้จักกัน เขาก็พูดกับหัวหน้าหนูประมาณว่า ‘น้องเขาเจอกันแปลก ๆ นะ เจอกันผ่านแอป ดูไม่ค่อยมั่นคงเลยนะ เขาจะเลิกกันหรือป่าว’แล้วเขาก็ถามหนูว่ารู้จักใครที่นี่นอกจากสามีเราไหม เพราะว่าหนูจะย้ายจากที่บ้านเกิดหนู มาทำบ้านสามีที่ต่างจังหวัด ซึ่งหนูก็บอกเขาแล้วว่าหนูแต่งงานและจดทะเบียนสมรสแล้ว หนูอยากรู้ว่าในมุมมองของพี่ๆ ดีเจว่า ‘การที่เจอคนรัก คู่ชีวิต ผ่านแอปพลิเคชัน’ พี่ ๆ คิดว่าดูไม่มั่นคงไหมแล้วพี่ๆมีมุมมองแบบไหน’ โดย “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำแนะนำว่า ‘เจอกันที่ไหน มันก็ไม่มั่นคงได้ทั้งนั้นแหละ บางทีพวกพี่โตกันตั้งแต่ประถม สุดท้ายได้ลงเอยแต่งงานกันเลิกกันก็มี หรือคนที่เจอกันไม่กี่เดือนกี่ปีแต่งงานกันมีลูกมีครอบครัวที่มีความสุขก็มี คนที่เจอกันในแอปพลิเคชันมั่นคงก็มี ไม่มั่นคงก็มีอย่าหวั่นไหวดีกว่า ความมั่นคงในใจเรามีให้กันหรือป่าว แต่ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่เราหรอ น่าจะเป็นที่ HR มากกว่า บางทีคนเราแค่เจอสิ่งที่เขาไม่รู้จักเขาก็คงรู้สึกว่าแปลก แต่ว่าทุกที่มั่นคงหรือไม่มั่นคงได้หมดแหละครับ ความรักเป็นเรื่องไม่แน่นอนอยู่แล้ว’ ต่อมา “ดีเจพี่อ้อย” ก็ได้ให้คำแนะนำว่า ‘ในแอปพลิเคชันนั้นมีทุกแบบ มีทั้งความรักที่เกิดขึ้นในแบบรักที่มั่นคงก็ได้ สามารถจะเจอมิจฉาชีพก็ได้ แต่ไม่ว่าจะเจอกันยังไง ก็ต้องมาเรียนรู้กันในโลกความเป็นจริงนี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นปกติ แต่คนอื่นที่เห็นเขาก็มีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์ได้ วันนี้คุณหนูเดินหน้ามาถึงการแต่งงานแล้ว จดทะเบียนสมรสแล้ว ไม่ได้บอกนะว่าการแต่งงานหรือจดทะเบียนสมรสการันตีใด ๆ ในเรื่องความมั่นคงแน่นอน เพียงแต่เราเดินมาจากจุดเริ่มต้นตั้งเยอะแล้ว เราเจอกันผ่านแอปพิเคชันและได้มาเรียนรู้ในชีวิตจริงแล้ว จนได้มาใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน แต่ถ้าเกิดความเป็นห่วงของเขาก็คือ ถ้าเธอจะย้ายจังหวัด มีคนอื่นที่พอจะรู้จักในจังหวัดนี้ไหม? มันก็เป็นสิ่งที่เราเฉลียวใจได้ว่า ถ้ามันเกิดอะไรขึ้น ฉันมีทางเลือก ทางรอดขนาดไหนกับที่นี่ แต่บ้านเราก็คือบ้านเรา ประเทศไทยก็คือประเทศไทย ต่อให้จะเกิดอะไรขึ้น เราก็ยังสามารถอยู่ในประเทศของเราได้อยู่ อย่าหวั่นไหวกับปากของใครเพราะที่สุดแล้ว เราเองคือคนที่รู้จักสามีของเราดีที่สุด ไม่ได้บอกว่าความเป็นห่วงของเขาจะผิดเสมอไป หรือเจอกันผ่านแอปพิเคชันต้องมีความสุขมากและเป็นรักที่จริงจังเสมอไป ไม่มีอะไรในโลกนี้จริงจังเสมอไป ดูใจกันมาตั้งนานสุดท้ายคบกัน 2 เดือนเลิกก็มีให้เห็น มันไม่ได้อยู่ที่ว่าเราเจอกันตรงไหนแต่มันอยู่ที่เรา 2 คน เข้าใจกัน เรียนรู้กันและต่างคนต่างมีความพอดีซึ่งกันและกันมากแค่ไหนมากกว่า’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำแนะนำว่า ‘จริงอยู่ที่ว่าแอปมันจะมีความสุ่มเสี่ยง แต่มันแลกกับการที่ได้เจอกันเร็ว ถ้าคุณคบกันอย่างมีสติ มันก็รอด ซึ่งก็มีให้เห็นเยอะมาก คนที่เจอกันผ่านแอป เพื่อนพี่ก็แต่งงานจนไปอยู่เมืองนอก มีสามีดีไปเลย แต่เช่นเดียวกันก็มีพวกโดนฟันแล้วทิ้งหรืออะไรใด ๆ ก็ตาม มันขึ้นอยู่กับสติเราทั้งนั้น ซึ่งคุณหนูมาขนาดนี้แล้ว พี่ว่าคำถามของ HR คนนี้ไม่อยากจะให้คุณหนูคิดว่าเจอกันผ่านแอปมันไม่ดี เพราะเราก็รู้แล้วว่าคนคนนี้เป็นยังไง? เราผ่านการแต่งงานกับเขามาแล้ว จดทะเบียนกับเขาเรียบร้อยแล้ว เราก็ต้องย้ายไปทำงานกับเขา นี้คืออีกสเต็ปนึงของชีวิตด้วยซ้ำ พี่ว่ามันเป็นไปได้แหละ คนที่ทำงานราชการ เขาอาจจะมีความคิดแบบหัวโบราณ พอเขาได้ยินก็คงแปลกสำหรับเขา แบบนี้มันเป็นเรื่องปกติ แต่ว่ามันจะไม่ทำให้รากฐานความรักของเราที่ดีอยู่แล้วสั่นคลอน เพราะเขาไม่เกี่ยว’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1