ถ่านไฟเก่ามันร้อน... สาวสุดช้ำ ย้ายไปอยู่ห้องแฟน แต่เพิ่งรู้ว่าห้องตรงข้าม คือห้อง “แฟนเก่า” ของแฟน หลังจากนั้นเขาทั้งสองก็กลับมาคืนดีกัน วันที่หนูย้ายออกจากห้อง เขาก็ขับรถมาส่ง แต่พาแฟนเก่านั่งมาด้วย...

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ถ่านไฟเก่ามันร้อน... สาวสุดช้ำ ย้ายไปอยู่ห้องแฟน แต่เพิ่งรู้ว่าห้องตรงข้าม คือห้อง “แฟนเก่า” ของแฟน หลังจากนั้นเขาทั้งสองก็กลับมาคืนดีกัน วันที่หนูย้ายออกจากห้อง เขาก็ขับรถมาส่ง แต่พาแฟนเก่านั่งมาด้วย...

19 มิ.ย. 2023

            ถ่านไฟเก่ามันร้อน... สาวสุดช้ำ ย้ายไปอยู่ห้องแฟน แต่เพิ่งรู้ว่าห้องตรงข้าม คือห้อง “แฟนเก่า” ของแฟน หลังจากนั้นเขาทั้งสองก็กลับมาคืนดีกัน วันที่หนูย้ายออกจากห้อง เขาก็ขับรถมาส่ง แต่พาแฟนเก่านั่งมาด้วย เลิกกันแล้ว เขาโทรหาหนูทุกวัน พอผู้หญิงคนนั้นไม่อยู่ เขาก็บอกคิดถึงเรา หนูต้องทำยังไงถึงจะตัดแฟนเก่า ไม่ให้มาวุ่นวายกับหนูอีกคะ?

              “คุณนิ (นามสมมติ)” อายุ 20 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [14 มิ.ย. 66] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจอ้อย เกี่ยวกับปัญหาความสัมพันธ์กับแฟน

            “คุณนิ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูคบกับแฟนมาได้สักระยะ จนตัดสินใจไปอยู่ด้วยกันที่จังหวัดหนึ่ง ซึ่งห้องของหนูกับห้องแฟนเก่าของเขาเขาอยู่ตรงข้ามกัน แบบเปิดประตูห้องไปก็เจอเลย ตอนหนูเลือกห้อง หนูก็รู้ว่าห้องตรงข้ามคือห้องแฟนเก่าของแฟน ทุกวันที่แฟนหนูไปทำงาน เขาต้องเข้าไปเอาอุปกรณ์ทำงานที่ห้องแฟนเก่าก่อน เพราะเขาซื้อด้วยกัน แล้วแฟนเก่าเขาไม่ยอมให้เอามาไว้ที่ห้องหนู ซึ่งใจหนูก็คิดไว้อยู่แล้วว่า ถ้าเจอหน้ากันทุกวันขนาดนี้คงไม่ลืมกันแน่ๆ

            จนวันนึงหนูถามเขาว่า ลืมได้ไหม ทำใจได้หรือเปล่า ตอนแรกเขาตอบว่า ลืมได้แล้ว ทำใจได้แล้ว แต่พอหนูเค้นถาม เขา เขาก็ยอมรับว่า ยังลืมแฟนเก่าไม่ได้ ยังคิดถึงอยู่ หนูกับแฟนได้เคลียร์กัน เขาบอกกับหนูว่า ขอกลับไปหาแฟนเก่าได้ไหม หนูก็เลยปล่อยเขาไปแล้วเก็บของกลับมาอยู่บ้านที่ต่างจังหวัด และที่พีคที่สุดคือ วันที่เขามาส่งหนูที่บ้าน เขาพาแฟนเก่าเขามาส่งด้วย มีหนู แฟนหนู แล้วก็แฟนเก่าเขา เราทั้ง 3 คนอยู่ด้วยกันในรถ หนูไม่โอเคแต่หนูทำได้แค่นั่งร้องไห้แบบเงียบๆอยู่ข้างหลัง เขามีจับแขน จับมือกัน แต่หนูทำเป็นไม่เห็น ไม่ได้สนใจอะไร

            หลังจากเลิกกันมา หนูก็กลับมาอยู่บ้าน แฟนเก่าเขาก็ทักมาบอกกับหนูว่า ขอคุยด้วยครั้งสุดท้ายได้ไหม หนูก็เคลียร์กับเขา จนมีวันหนึ่งหนูมีปัญหากับคนแก่แล้วหนูก็โพสต์ระบายลงโซเชียล แต่แฟนเก่าเขาคิดว่าหนูหมายถึงเขา เขาเลยโพสต์ว่าหนูกลับเป็นชุด ประมาณว่า แพ้แล้วพาล แล้วก็แคป IG story หนู เพื่อไปคุยกับเพื่อนเขา หนูอยากบอกเขาว่า ทุกวันนี้แฟนเขายังโทรมาหาหนูทุกวัน โทรมาบอกประมาณว่า ตอนนั้นน่าจะใจเย็นๆ ค่อยๆคุยกัน คิดถึง อยากกลับมาหา ขอเคลียร์อะไรต่างๆให้ลงตัวกว่านี้แล้วจะกลับมาหา แต่หนูไม่เชื่อคำพูดเขา ทุกวันนี้ก็ยังโทร ตอนแฟนเขาไปทำงานเขาก็โทรมา เขายังทำตัวเหมือนตอนที่ยังเป็นแฟนกัน แค่เหมือนห่างกันเฉยๆ’

            “คุณนิ (นามสมมติ)” ก็ได้ถามพี่ๆดีเจว่า หนูอยากรู้ว่าต้องทำยังไงที่จะตัดแฟนเก่าหนูไม่ให้มาวุ่นวายกับหนูอีก?

            ทั้ง 3 ดีเจก็เห็นตรงกันว่า ‘จริงๆแล้วมันไม่ได้มีวิธีการว่าจะต้องทำยังไง ใช้วิธีไหน ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เขาโทรมา แต่อยู่ที่คุณนิรับสาย ทั้งหมดนี้มันขึ้นอยู่กับใจของคุณนิ คุณนิยังแอบรอเขาอยู่ ถ้าใจคุณนิจะจบหรือตัดเขาออกไปจากชีวิตก็คือจบ ไม่เกี่ยวกับเขาเลย ถ้าเขาโทรมาแล้วเรารู้ว่าเป็นเขา แค่กดวางสายแค่นั้น ต่อให้เขาจะสร้างช่องทางการติดต่อใหม่เพื่อติดต่อคุณนิ คุณนิก็สามารถบล็อกเขาได้ทุกช่องทางเช่นกัน ใจของคุณนิสำคัญที่สุดว่าจะเริ่มต้นใหม่หรือให้เรื่องนี้จบ

            “ดีเจอ้อย” ให้คำแนะนำว่า ‘เรื่องนี้มันแปลกตั้งแต่ห้องแฟนเก่ากับแฟนใหม่อยู่ตรงข้ามกันแล้ว แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเจตนาเขาคืออะไร ถึงคุณนิไม่ปล่อยเขาก็ไปอยู่ดี เขาให้ความสำคัญกับแฟนเก่าเขามากกว่า และมันก็ไม่เกี่ยวว่าเขาเคยคบกันมานานแค่ไหน ยังไงเขาก็เลือกแฟนเก่าเขา แค่ตอนนี้คุณนิรักเขามากกว่าที่เขารักคุณนิ คนที่อยากมีความสัมพันธ์แบบอยู่กัน 3 คน อยากเก็บไว้ทั้ง 2 คน คือคนเห็นแก่ตัว เขาทรยศคุณนิ ทำไมเขาถึงได้เลือกทุกอย่าง คุณนิเป็นคนซื่อสัตย์ที่ควรจะได้เลือกเอง คุณนิต้องสงสารตัวเองให้มากๆ เขาทำให้คุณนิเสียใจ เขาไม่แคร์ความรู้สึกของคุณนิเลย แล้ววันหนึ่งคุณนิจะดีใจที่คนแบบนี้ออกไปจากชีวิตสักที’

            ส่วน “ดีเจเผือก” แนะนำอีกว่า ‘คุณนิถือเป็นคนที่โชคร้ายในเรื่องความรัก ยอมทุ่มเททุกอย่างให้เขาแต่ต้องมาเจอแบบนี้ แต่ในโชคร้ายให้มองเป็นโชคดี ถ้าเปรียบว่านี่คือการแข่งขันก็เหมือนแข่งชนะแล้วได้ขี้หมา รางวัลมันไม่คุ้มเลย ก็ดีแล้วที่คุณนิแพ้ไป ผู้ชายแบบนี้ปล่อยเขาไปเถอะ’

            “ดีเจเติ้ล” เสริมว่า ‘ผู้ชายคนนี้ไม่มีอะไรให้ต้องพิจารณาเลยว่าคุณนิควรจะกลับไปไหม ถ้าการที่เขากลับไปหาแฟนเก่าเขา เพราะอาจจะตัดสินใจพลาดหรือลังเลยังพอเข้าใจได้ แต่นี่เขากลับไปแล้วยังจะกลับมาหาคุณนิอีก ผู้ชายคนนี้คือเละเทะไปหมด คุณนิเพิ่งอายุ 20 ปีเอง ยังมีอีกหลายโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในความรัก นี่เพิ่งเป็นการเริ่มต้นที่จะเรียนรู้ว่าความรักเป็นอย่างไร ตอนนี้คุณนิออกมาจากวงจรของเขา 2 คนนั้นแล้ว คุณนิไปเริ่มต้นใหม่ดีกว่า อย่าเสียเวลาเลย’

            ทั้ง 3 ดีเจเอาใจช่วยให้คุณนิมีสติในการตัดสินใจให้ถูกต้องและพบเจอแต่สิ่งดีๆ

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ศัลยกรรมก็เงินเรา แต่ทำไมมีแต่คนหวังดีเกินไป ?? สาวโทรปรึกษา เพิ่งเข้าวงการศัลยกรรม เติมสวยมาเรื่อยๆ แต่โดนคนรอบตัวพูดว่า “ทำไปทำไม หน้าก็เหมือนเดิม” “เก็บเงินไว้กินข้าวดีกว่ามั้ย?” “ถ้าคนมันจะสวย ไม่ต้องทำก็สวย”

16 มิ.ย. 2023

ศัลยกรรมก็เงินเรา แต่ทำไมมีแต่คนหวังดีเกินไป ?? สาวโทรปรึกษา เพิ่งเข้าวงการศัลยกรรม เติมสวยมาเรื่อยๆ แต่โดนคนรอบตัวพูดว่า “ทำไปทำไม หน้าก็เหมือนเดิม” “เก็บเงินไว้กินข้าวดีกว่ามั้ย?” “ถ้าคนมันจะสวย ไม่ต้องทำก็สวย”

ศัลยกรรมก็เงินเรา แต่ทำไมมีแต่คนหวังดีเกินไป ?? สาวโทรปรึกษา เพิ่งเข้าวงการศัลยกรรม เติมสวยมาเรื่อยๆ แต่โดนคนรอบตัวพูดว่า “ทำไปทำไม หน้าก็เหมือนเดิม” “เก็บเงินไว้กินข้าวดีกว่ามั้ย?” “ถ้าคนมันจะสวย ไม่ต้องทำก็สวย” เจอแบบนี้บ่อยๆเข้า รู้สึกว่าไม่ใช่แค่แซวแล้ว มันเหมือนบูลลี่กัน “คุณน้ำตาล (นามสมมติ)” อายุ 35 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [14 มิ.ย. 66] ได้โทรเข้ามาปรึกษาดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจอ้อย นภาพร เกี่ยวกับปัญหาการศัลยกรรม โดย “คุณน้ำตาล (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘เรื่องเกิดมาจากหนูเริ่มเข้าวงการศัลยกรรม แต่ก่อนที่จะเริ่มเข้าวงการนี้ หนูก็ศึกษาหาข้อมูลก่อน ทีนี้มันก็จะมีผู้หวังดีหลายๆคน เห็นว่าหนูหาข้อมูล เขาก็จะเตือนนิดนึงว่าทำไปทำไม? ทำไมก็เสียดายเงิน ทำไปก็เหมือนเดิม เก็บเงินไว้กินข้าวดีกว่า บางคนก็จะพูดประมาณว่า ปกติคนที่ทำต้องเป็นดาราหรือทำเพื่ออาชีพเขาถึงจะทำกัน แต่ถ้าทำมาเฉยๆอย่าทำดีกว่า... ซึ่งผู้ที่หวังดีก็ไม่ใช่แค่คนๆเดียว แต่เป็นทั้งเพื่อนที่ทำงานและคนข้างนอก พวกเพื่อนๆของกลุ่มเพื่อนที่ทำงานที่เขาไม่ชอบการศัลยกรรม ไม่ใช่แก๊งที่สนิทกัน และเพิ่งเคยเจอกันด้วย เหมือนหยอกเล่นกันได้ ตอนแรกเขาคงไม่ได้ตั้งใจจะบูลลี่ แบบแค่แซวๆกัน แต่มันคงเป็นความผิดของหนูเองที่หนูเป็นคนเฉยมากๆ ไม่ตอบโต้อะไรเลย กลายเป็นหนูโดนบูลลี่มากกว่าคำว่าแซว ก่อนที่จะทำหนูก็เคยโดน และพอทำเสร็จแล้วก็โดน เขาจะทักว่าทำแล้วได้แค่นี้เองหรอ? โรงพยาบาลไหนทำให้ เดี๋ยวจะไปเผาไม่ให้ใครไปทำเลย หนูก็คิดว่าเขาคงแซวๆ พูดเล่น ก็เลยไม่ได้ตอบโต้อะไรเขาไป จนเพื่อนพูดกับหนูมาประโยคนึงว่าไม่เป็นไร ถ้าคนมันจะสวย ไม่ต้องทำก็สวย หนูก็รู้ตัวเองว่าเป็นคนไม่สวย ก็เลยต้องเข้าวงการนี้เพื่อมาทำ แล้วหนูก็ทำศัลยกรรมต่อเรื่อยๆ เข้าวงการฉีดหน้าบ้าง จนล่าสุด หนูเพิ่งไปทำมาก็โดนอีก เพราะรอบนี้หน้ามันจะต้องบวม และกว่าจะยุบก็ต้องใช้เวลานิดนึง พอหนูไปทำงานก็โดนว่าเลย ‘ดูสิ ทำมาแล้วเป็นแบบนี้ ไม่เสียดายเงินบ้างหรอ ทำมาแล้วน่าเกียจมากเลย’ ทำให้หนูเสียเซลฟ์ (ความมั่นใจ) และหนูก็ถามเขาเลยว่าอันนี้พูดเล่นใช่มั้ย เพราะรู้สึกว่ามันเยอะเกินไปแล้ว และมีอีกเหตุการณ์ คือ หนูนั่งดูรูปรุ่นพี่คนที่เขาทำศัลยกรรมเหมือนกัน แล้วหนูก็อุทานออกมาเองว่า ‘สวย ขนาดไม่ทำยังสวย ทำมาแล้วยิ่งสวยใหญ่เลย’ เพื่อนก็เลยทักว่านั่นนะสิ สวยจริงๆ สวย! สวยๆๆ พูดขนาดนี้แล้วเธอยังไม่รู้ตัวอีกหรอ? หนูก็สตั้นไป และถามเขาว่าตั้งใจว่าเราโดยเฉพาะใช่มั้ย หรือปกติทำไมต้องพูดว่าคนอื่นด้วย เขาก็บอกว่าปกติไม่ได้ว่าใครหรอก แต่เพราะเธอนั่นแหละก็เลยว่า หนูก็นิ่งไป ทำอะไรไม่ถูก ก็เลยเดินออกไป...’ “คุณน้ำตาล (นามสมมติ)” ก็ได้ถามพี่ๆดีเจว่า ‘หนูอยากรู้วิธีรับมือกับเหตุการณ์แบบนี้ แล้วผิดมากไหมที่หนูทำศัลยกรรม’ ซึ่ง ดีเจเผือก ให้คำแนะนำว่า ‘ถ้าจะต้องรับมือกับคนแบบนี้ การเงียบหรือการแสดงออกไม่ว่าจะเป็นการพูด การใช้สายตา หรือการกระทำที่แสดงให้รู้ว่าไม่ชอบก็สามารถทำได้ แต่สิ่งที่คุณน้ำตาลตอบโต้กลับไปมันถูกแล้ว มันเป็นการแสดงออกว่าเราไม่ชอบที่เขาพูดแบบนี้ใส่เรา เรื่องศัลยกรรมมันเป็นความชอบและความสุขเฉพาะบุคคล คนที่ไม่ได้ทำมักจะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องลงทุน ยอมเจ็บตัว ถ้าเราอยู่ท่ามกลางคนที่มีมารยาทถึงเขาจะไม่เข้าใจ แต่เขาจะไม่เข้ามาก้าวก่ายเรื่องที่เป็นความสุขของเรา ฉะนั้นคุณน้ำตาลต้องเข้าใจด้วยว่าความสุขของเรามักจะไปมีปัญหากับคนอื่นเสมอ ถ้าอยากบอกคนเหล่านั้นก็บอกได้ว่า นี่คือเงินของเรา และเราทำเพื่อความสุขของเรา ‘ไม่ได้ไปเอากระดูกอ่อนของใครมาใช้’ ถึงเวลาที่จะเปลี่ยนวิธีตอบโต้ของเราได้แล้ว ดีเจเติ้ล ให้คำแนะนำเสริมว่า ‘คุณน้ำตาลไม่ต้องตั้งคำถามในการทำศัลยกรรมของตัวเองว่ามันถูกหรือผิด เพราะมันคือสิทธิ์ของคุณน้ำตาล คนที่มีปัญหาแทนนั่นคือคนสาระแนทั้งหมด มันไม่ใช่เรื่องของเขา ถ้ามันไม่ได้ไปเดือดร้อนใคร คุณน้ำตาลไม่จำเป็นที่จะต้องตั้งคำถามกับเรื่องนี้ การทำศัลยกรรมเป็นเรื่องปกติมาก’ ส่วนเรื่องการรับมือ ดีเจเติ้ล ให้คำแนะนำว่า ‘ถ้ายังอยากรักษาความสัมพันธ์กับคนพวกนั้น คุณน้ำตาลต้องชัดเจนที่จะแสดงคำพูด การกระทำให้เขาเห็นว่าเราไม่ชอบ เราจริงจังกับเรื่องนี้ มันไม่ใช่เรื่องสนุก ไม่ว่าเขาจะพูดด้วยความเป็นห่วง หวังดีหรืออะไรก็ตาม แต่เรื่องนี้มันเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณน้ำตาล ซึ่งมีแค่คุณน้ำตาลคนเดียวเท่านั้นที่จะพอใจหรือไม่พอใจ ฉะนั้นคุณน้ำตาลสามารถพูดออกไปตรงๆได้เลย หรือถ้าคุณน้ำตาลไม่อยากตอบโต้ก็ไม่ต้องสนใจคำพูดพวกนี้ปล่อยให้มัน เข้าหูซ้ายทะลุหูขวาไป ไม่ต้องไปให้ค่า’ และ ดีเจอ้อย ให้คำแนะนำว่า ‘ไม่ว่าเขาจะพูดยังไงกับการทำศัลยกรรมของคุณน้ำตาลแต่ถ้าคุณน้ำตาลพึงพอใจกับตัวเองแค่นั้นก็จบแล้ว ตอนนี้คุณน้ำตาลให้ค่ากับปากคนอื่นเยอะเกินไปจนอคติกับตัวเอง คนบนโลกนี้ต่อให้ยืนเฉยๆก็โดนนินทา แต่ถ้าโดนพูดไม่ดีใส่อีก ให้เราพูดชมกลับ บางทีมันดูแดกดันกว่า และอาจจะช่วยให้ไม่เสียบรรยากาศเวลาทำงานด้วยกัน’ ดีเจอ้อยทิ้งท้ายไว้ว่า ‘อย่าใช้ชีวิตไปตามปากคนอื่นและอย่าให้ปากใครสูงค่า จนทำร้ายหัวใจเราได้’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

แทบมุดดินหนี!! สาวเล่าประสบการณ์ออกเดทกับผู้ผ่านแอป นัดเจอกัน เช้าเข้าวัดทำบุญ บ่ายไปกินข้าวร้านอาหาร นั่งๆอยู่ ฝ่ายชายสะกิดบอก “เธอๆ ซิปเธอแตกรึเปล่า?” ก้มดูเท่านั้นแหละ กางเกงในสีส้มดับเพลิง โผล่ออกมา...

03 ก.ค. 2023

แทบมุดดินหนี!! สาวเล่าประสบการณ์ออกเดทกับผู้ผ่านแอป นัดเจอกัน เช้าเข้าวัดทำบุญ บ่ายไปกินข้าวร้านอาหาร นั่งๆอยู่ ฝ่ายชายสะกิดบอก “เธอๆ ซิปเธอแตกรึเปล่า?” ก้มดูเท่านั้นแหละ กางเกงในสีส้มดับเพลิง โผล่ออกมา...

“คุณแป๋ว (นามสมมติ)” อายุ 23 ปี สายสุดท้ายในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [28 มิ.ย. 66] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล - ดีเจอ้อย นภาพร เกี่ยวกับปัญหาการไปออกเดทกับผู้ชายที่ชอบ โดย “คุณแป๋ว (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ตอนนี้หนูกำลังคุยอยู่กับผู้ชายคนนึง เพิ่งคุยกันได้ประมาณ 2 อาทิตย์ เจอกันในแอปหาคู่ ส่วนตัวหนูก็ไม่ค่อยไปเที่ยวกับผู้ชายแบบ 2 ต่อ 2 มาประมาณ 7 ปีได้ เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว หนูก็เลยลองไปดู เพราะโอเคกับเขา หนูก็แต่งตัวสวยเลย ก่อนจะไปหาเขา หนูก็แวะที่ทำงานแปปนึง เพื่อเดินโชว์ให้ทุกคนที่ทำงานชมก่อนว่าหนูสวยมั้ย? แล้วเขาก็นัดเจอหนูที่วัด พอหนูเจอผู้ชาย เขาก็ตรงปกดี ส่วนการแต่งตัวของหนู หนูก็แต่งตัวปกติ ใส่กางเกงพอดีตัวและเสื้อก็พอดีตัว หลังจากที่กลับจากวัดเราก็เดินไปหาอะไรกินกัน แล้วก็มีดื่มกันนิดหน่อยและนั่งเล่นบอร์ดเกมด้วยกัน จังหวะนั้นเหมือนเขานิ่งไปแปปนึง แต่เราก็ไม่ได้ถามอะไรเขา จนเขาเรียกหนูแล้วชี้ไปที่พุงตัวเอง แล้วเขาก็ถามว่าซิปเธอแตกหรือเปล่า? แล้วพุงหนูมันก็ปริ้นทะลุซิปออกมาเลย แต่ที่พีคที่สุดคือ วันนั้นหนูใส่กางเกงในสีส้ม แบบส้มดับเพลิง หนูไม่รู้ว่าที่เขามองมา เขาเห็นแค่พุงหนูหรือเห็นขอบกางเกงในของหนูด้วยหรือเปล่า ซึ่งที่หนูใส่กางเกงในสีส้ม เพราะหนูดูดวงมา... มันเป็นภาพติดตาหนู และไม่รู้จะทำยังไง ในใจก็อาย ทำยังไงดี? แต่หนูก็บอกเขาว่า อ่อ ซิปแตกมั้ง แล้วหนูก็เชิ่ด เล่นเกมต่อ หลังจากนั้นแปปนึง เขาก็บอกว่าเขาเริ่มเมาแล้ว เราแยกย้ายกันกลับมั้ย? หลังจากนั้นเราก็ยังคุยกันต่อ แต่ที่เป็นปัญหาของหนู คือ หนูไม่รู้จะลบภาพนั้นยังไงดี? แล้วหนูก็ไม่รู้ว่าเขาเห็นมั้ย ในหัวเขาก็มองเราเป็นยังไง? เพราะมันเป็นเดทแรก หลังจากที่ไม่ได้เจอมาแบบนี้มา 6-7 ปีแล้ว มันก็เลยกลายเป็นว่าหนูแอบเสียความมั่นใจอยู่ แต่เขาก็ชวนไปเดทวันศุกร์นี้อีก! หนูจะทำยังไงให้ตัวเองลืมภาพที่ตัวเองอายออกไปได้? ให้กลับมามีความมั่นใจอีกรอบ... งานนี้ 3 ดีเจ ก็ได้ให้คำแนะนำว่า ‘มันลบไม่ได้หรอก ถ้าแป๋วลบเหตุการณ์นั้นไปง่ายๆ ครั้งต่อไปเราจะไม่มีอะไรไว้เตือนใจ แต่ถ้ามันลบออกไปไม่ได้ มันก็จะตามเตือนใจการแต่งตัวของเราทุกครั้ง ว่าถ้าเราจำได้ เราจะไม่ทำแบบนั้นอีก เอาไว้สำหรับการเป็นบทเรียน เพราะฉะนั้นถ้าลืมอะไรง่ายๆ มันก็ต้องเจ็บซ้ำๆเรื่องเดิมๆอีก ใดๆก็ตามสิ่งที่แป๋วควรจะดีใจ เพราะเขาเห็นแล้วแต่ยังนัดเดทกับเราอีกรอบ แนะนำให้ลดโทนสีลงมานิดนึง แป๋วยังเป็นตัวของตัวเองได้นะ แต่อาจจะรัดกุมเข้ามาหน่อย แล้วก็เพลินๆไปกับปัจจุบัน อย่าไปขยี้อดีต เพราะมันอาจจะเป็นการตอกย้ำเขาอีกฝั่งนึง และขยี้ตัวเองอีกด้วย...’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ส่งกำลังใจให้ทั้งรายการ... หนุ่มวัย 28 โทรปรึกษาในรายการ ผมเป็นลูกคนเดียว ไม่มีพี่น้อง คุณพ่อเสียไปตั้งแต่ผมอายุ 4 ขวบ อยู่กับคุณแม่แค่สองคน แล้วคุณแม่ก็ป่วยเป็นมะเร็งสมองระยะสุดท้าย หมอบอกอยู่ได้อีกแค่ 1 ปี...

30 มิ.ย. 2023

ส่งกำลังใจให้ทั้งรายการ... หนุ่มวัย 28 โทรปรึกษาในรายการ ผมเป็นลูกคนเดียว ไม่มีพี่น้อง คุณพ่อเสียไปตั้งแต่ผมอายุ 4 ขวบ อยู่กับคุณแม่แค่สองคน แล้วคุณแม่ก็ป่วยเป็นมะเร็งสมองระยะสุดท้าย หมอบอกอยู่ได้อีกแค่ 1 ปี...

ส่งกำลังใจให้ทั้งรายการ... หนุ่มวัย 28 โทรปรึกษาในรายการ ผมเป็นลูกคนเดียว ไม่มีพี่น้อง คุณพ่อเสียไปตั้งแต่ผมอายุ 4 ขวบ อยู่กับคุณแม่แค่สองคน แล้วคุณแม่ก็ป่วยเป็นมะเร็งสมองระยะสุดท้าย หมอบอกอยู่ได้อีกแค่ 1 ปี ตอนนี้คุณแม่ติดเตียงมา 9 เดือนแล้ว ผมกลัวว่าอนาคต ชีวิตของผมจะไม่เหลือใครเลยสักคน... “คุณเจ (นามสมมติ)” อายุ 28 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [28 มิ.ย. 66] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจอ้อย นภาพร เกี่ยวกับปัญหาชีวิตที่กำลังจะไม่เหลือใคร อยากได้กำลังใจในการใช้ชีวิต “คุณเจ (นามสมมติ)” เริ่มเล่าว่า ‘ตอนนี้เหตุการณ์ชีวิตของผมกำลังจะไม่เหลือใคร ขอท้าวความก่อนว่าชีวิตนี้ผมอยู่กับแม่แค่ 2 คน เพราะพ่อเสียชีวิตไปตั้งแต่ผมอายุ 4 ขวบ ผมไม่มีพี่น้อง แล้วก็ไม่ได้สนิทหรือผูกพันกับญาติ แม่เลยเป็นคนที่ดูแลทุกอย่าง ส่งผมเรียนจนจบปริญญาตรีด้วยตัวคนเดียว แม่ทำงานค่อนข้างหนัก ผมอยากให้เขาได้พักผ่อน ผมเริ่มทำงานได้ประมาณ 2-3 ปี เหมือนชีวิตของพวกเรา 2 คนกำลังจะดีขึ้น แต่ช่วงเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว อยู่ดีๆแขนกับขาด้านซ้ายของแม่เริ่มอ่อนแรง ผมพาแม่ไปโรงพยาบาลเพราะคิดว่าคงเป็นเส้นเลือดในสมองตีบ อาจมีโอกาสที่จะแตกได้ แต่พอหมอตรวจ ปรากฏว่าเจอก้อนเนื้อในสมองขนาดประมาณ 3 เซนติเมตร ซึ่งค่อนข้างใหญ่ วันนั้นผมรู้สึกว่าโลกของผมมันพังทลาย ทำอะไรไม่ถูก ตัวชาไปหมด ตอนแรกผมคิดว่าจะไม่บอกแม่ว่าเขาเป็นอะไร แต่ยังไงก็ปิดเขาไม่ได้อยู่ดี หลังจากนั้นผมก็พาแม่ไปรักษา คุณหมอได้ทำการผ่าตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ ผลออกมาว่าเป็นเนื้อร้าย คุณหมอวินิจฉัยว่าแม่ผมเป็นมะเร็งสมองระยะสุดท้าย ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีนวัตกรรมหรือยาที่สามารถรักษามะเร็งชนิดนี้ได้ ทำได้แค่ประคับประคองตามอาการ ต่อให้มีโรงพยาบาลดีๆในต่างประเทศก็ยื้อไว้ได้แค่ 1 ปี จนช่วงวันลอยกระทงที่ผ่านมา คุณแม่ยังสามารถเดินได้ปกติ แต่หลังจากนั้น 2 วัน คุณแม่ก็เดินไม่ได้แล้ว เพราะระยะเวลาการลุกลามของมะเร็งมันเร็วมาก คุณหมอเลยจำเป็นต้องผ่าชิ้นเนื้อออก หลังจากการผ่าตัด แม่ผมทำกายภาพจนกลับมาเดินได้ จนกระทั่งแม่เกิดอาการชัก ทำให้ตอนนี้แม่กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง เนื่องจากเซลล์สมองส่วนดีถูกทำลายจากการฉายแสงขณะรักษา ผมต้องเป็นคนดูแลผู้ป่วยติดเตียง (Caregiver) คอยดูแลคุณแม่ ตอนนี้เข้าเดือนที่ 9 แล้ว ผมเลยอยากปรึกษาพี่ๆดีเจว่า ผมควรจะปรับความคิดตัวเองยังไง ถ้าวันหนึ่งคุณแม่ผมไม่อยู่แล้ว ผมจะอยู่ไปทำไม ผมจะต้องอยู่ยังไง? “ดีเจเผือก” ให้คำแนะนำว่า ‘ถ้ามีเหตุการณ์ที่เรากำลังจะเสียสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตไป แน่นอนอยู่แล้วว่าจะต้องมีความกลัว ไม่รู้ว่าชีวิตในอนาคตจะเป็นอย่างไร ถ้าคิดในเรื่องของสัจธรรม ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว เรื่องแบบนี้ก็ต้องเกิดขึ้น ต่อให้ไม่มีเหตุการณ์การป่วยของคุณแม่ ยังไงสักวันคุณเจก็ต้องอยู่คนเดียว แต่ถ้าคิดในแง่ดี การจากลาแบบนี้ เรายังมีเวลาให้เตรียมใจ ยังมีโอกาสทำในสิ่งที่ยังไม่ได้ทำในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ ในความเลวร้ายยังมีมุมที่พอจะปลอบใจเราได้ คุณเจควรคิดและเผื่อใจไว้บ้างจะได้รับมือกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้’ “ดีเจเติ้ล” เสริมว่า ‘จริงๆแล้วมะเร็งระยะที่ 4 มันไม่มียาที่สามารถรักษาได้ แต่ในบางครั้งมันมักจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นได้เสมอ ถ้าคนไข้มีกำลังใจที่จะสู้ ยังไม่อยากให้คุณเจหมดหวัง แต่คุณเจต้องยอมรับเรื่องกฎของธรรมชาติว่าทุกคนล้วนมีการ เกิด แก่ เจ็บ และตาย ยังไงก็หนีไม่พ้น แต่ชีวิตเราที่เหลืออยู่เราจะต้องใช้ให้มีความสุขที่สุด ให้คุณแม่ของคุณเจที่อยู่บนฟ้ามองลงมาแล้วดีใจ ภูมิใจที่เห็นคุณเจมีความสุขและใช้ชีวิตได้อย่างสวยงาม’ ส่วน “ดีเจอ้อย” แนะนำว่า ‘วินาทีต่อจากนี้คุณเจต้องทำทุกวินาทีให้มีคุณค่ามากที่สุด และรู้ไว้ว่าคุณแม่ของคุณเจจะภูมิใจมากที่ลูกคนนี้ดูแลและได้ส่งคุณแม่จนวินาทีสุดท้าย ในโลกนี้ไม่มีใครไม่พรากจากคนที่เรารัก ยิ่งโตขึ้นคุณเจจะเริ่มเห็นการสูญเสียและการจากลาเพิ่มขึ้น และคนที่เหลืออยู่ทุกชีวิตสามารถใช้ชีวิตต่อได้ ในวันที่คุณแม่จากไป คุณเจต้องทำให้ท่านภูมิใจ เพราะเลือดของคุณแม่จะอยู่ในตัวของคุณเจไปตลอดชีวิต แต่อย่าละเลยวินาทีที่ยังมีคุณแม่อยู่ จงทำในสิ่งที่อยากทำ พูดในสิ่งที่อยากพูด และส่งพลังดีๆให้กันและกัน’ พี่ๆดีเจทุกคนเป็นกำลังใจให้คุณเจที่พบเจอเรื่องแบบนี้ และขอให้ผ่านเรื่องนี้ไปได้ สุดท้ายนี้คุณเจอยากเป็นกำลังใจและแนะนำคนที่เป็นคนดูแลผู้ป่วยติดเตียง (Caregiver) มือใหม่ว่าให้หาเวลาพักผ่อนให้ตัวเองบ้าง อย่าทุ่มให้ผู้ป่วยอย่างเดียว เพราะมันจะทำให้เครียดสะสมได้เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1