เราเป็นทอม เคยเลิกกับแฟนคนนี้ไปครั้งนึง พอกลับมาคบกันอีกรอบ อยู่ๆ แฟนเราเปิดตัว แฟนผู้ชายอีกคนกับครอบครัวของเขา เราก็เลยอยู่แบบหลบๆซ่อนๆ เวลาผู้ชายมานอนที่ห้องแฟน เราก็จะหลบออกไปอยู่ข้างนอก เราอยากทดสอบว่าผู้ชายคนใหม่ของแฟนจะดีจริงไหม?

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

เราเป็นทอม เคยเลิกกับแฟนคนนี้ไปครั้งนึง พอกลับมาคบกันอีกรอบ อยู่ๆ แฟนเราเปิดตัว แฟนผู้ชายอีกคนกับครอบครัวของเขา เราก็เลยอยู่แบบหลบๆซ่อนๆ เวลาผู้ชายมานอนที่ห้องแฟน เราก็จะหลบออกไปอยู่ข้างนอก เราอยากทดสอบว่าผู้ชายคนใหม่ของแฟนจะดีจริงไหม?

23 ก.ย. 2025

เราเป็นทอม เคยเลิกกับแฟนคนนี้ไปครั้งนึง พอกลับมาคบกันอีกรอบ อยู่ๆ แฟนเราเปิดตัว

แฟนผู้ชายอีกคนกับครอบครัวของเขา เราก็เลยอยู่แบบหลบๆซ่อนๆ เวลาผู้ชายมานอนที่ห้องแฟน

เราก็จะหลบออกไปอยู่ข้างนอก เราอยากทดสอบว่าผู้ชายคนใหม่ของแฟนจะดีจริงไหม?

เลยสร้างแอคหลุมเป็นผู้หญิงสวยๆ ไปฟอลผู้ชายคนนั้น ปรากฎว่าผู้ชายคนใหม่ของแฟนเรา

 ทักแอคหลุมเรามา คุยกันมาเรื่อยๆ จนผู้ชายขอคอลด้วย เราก็จะต้องดัดเสียงเป็นผู้หญิงคุยกับเขา

จนผู้ชายคนนั้นจริงจังกับแอคหลุมที่เราสร้างขึ้นมา พอเราเอาแชทนี้ไปให้แฟนดู แฟนก็เสียใจมาก

กับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่แฟนเราก็เลือกที่จะ “ไม่ตัดใครเลย คบทั้งเราและผู้ชายคนนั้น”

            “คุณบี (นามสมมติ)” อายุ 29 ปี เป็นสายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [17 ก.ย. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาเรื่องที่แฟนไปคบกับผู้ชายคนอื่นโดยที่ยังไม่เลิกกับเรา และยังพาไปเปิดตัวกับที่บ้านอีกด้วย

            โดย “คุณบี (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘แฟนเราที่เป็นผู้หญิงพาผู้ชายไปเปิดตัวกับที่บ้านโดยที่เราก็ยังอยู่ด้วยกัน คือก่อนหน้านี้เราอยู่กันแล้วก็ห่างกันไปเพราะว่าเราไปทำงานต่างจังหวัด ในตอนนั้นคิดว่าเราเลิกกันแล้ว แต่สุดท้ายก็กลับมาคบกันเพราะเขานั้นอยากขอคืนดี ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งสองแล้วที่กลับมาคบกัน เรากับแฟนคบกันตอนมัธยมได้ 2 ปี และห่างกันไปสักพักจนได้กลับมาคบกันอีกเป็นระยะเวลาอีก 6 ปี เขาบอกว่าเราเป็นรักแรก ความสัมพันธ์เริ่มระหองระแหงในตอนที่สถานะทางการเงินของเราเปลี่ยนไป ก่อนหน้าที่ฐานะเราดีกว่านี้ แต่ด้วยเพราะช่วงโควิด ธุรกิจที่ทำก็เริ่มมีปัญหาก็เลยจำเป็นต้องเปลี่ยนสายงาน ทำงานออนไลน์มากขึ้น รายได้ก็ไม่ได้ดีมากเท่าเมื่อก่อน แต่ตอนนี้กลับมาคบกับแฟน ฐานะการเงินเขาก็มั่นคงแล้วจากแต่ก่อนที่เขาก็ไม่ได้ทำงาน เขามีเงิน มีรถให้เราใช้ขับไปทำงาน แต่นั่นก็อาจจะเป็นสาเหตุของปัญหาในความสัมพันธ์เราเพราะเหมือนคุณพ่อของเขาจะไม่ค่อยโอเค มีการเรียกเขาเข้าไปต่อว่าบ้างเป็นบางครั้งเรื่องที่อยากให้เขานั้นแต่งงาน ในขณะที่คุณแม่กับน้องเขาก็ยังโอเคกับเรา แต่เราก็จับได้ว่าเขามีคนอื่น ตอนนั้นเราทำงานขายของอยู่ต่างจังหวัดทุกวัน ก็จะไม่ค่อยมีเวลาให้ มีอยู่วันหนึ่งเขาอยากไปงานหนังสือในกรุงเทพฯ ตอนแรกเขาจะให้เราไปส่ง แต่เราไม่อยากไปเพราะตอนนั้นการค้าขายกำลังอยู่ในช่วงพีค ใจเราเลยไม่ค่อยอยากไป ซึ่งในตอนที่เขาไป เขาก็ไม่ได้ถ่ายรูปส่งมาบอกว่าไปกับใคร พอกลับมาจากงานหนังสือ เขาก็บอกกับเราว่าเพื่อนประสบอุบัติเหตุจึงต้องรีบออกไปดูกลางดึก เราก็ขับผ่านจุดที่รถชนกัน ก็เลยเห็นว่าเขาดูทรอม่ามากทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครเกี่ยวข้องกับเราเลย พอไปดูรูปข่าวอุบัติเหตุวันนั้นก็เห็นเขายืนอยู่เจ้าของรถที่ขับรถชนแต่ไม่ได้มีเพื่อนของเขาอยู่ ตอนนั้นเราก็เริ่มเอะใจแล้ว

            ต่อมา เขาบอกว่าจะกลับบ้านต่างจังหวัดวันเดียวแต่กลายเป็นเขาไปสามวัน และกลับมาถึงบ้านเร็วเกินไปจนทำให้รู้สึกแปลก ๆ แล้วอยู่ดี ๆ เขาก็หายไปทั้งวัน จนท้ายที่สุดเขาก็โป๊ะว่าเขากลับบ้านวันเดียวทั้งที่เขาบอกกับเราว่าไปสามวัน อาทิตย์ถัดมา เราติดต่อเขาไม่ได้ เขาบอกว่าจะพาวิทยากรไปกินข้าวแต่การแต่งกายด้วยชุดไปรเวทที่เรารู้สึกว่ามันค่อนข้างจะไปรเวทเกินไปหน่อย เราก็เริ่มสงสัยแต่ก็เก็บเรื่องนั้นไว้ในใจจนมาถึงตอนเย็น เขาก็ไม่ได้กลับบ้าน บอกว่าจะนอนบ้านเพื่อน เราก็เลยโทรไป เขารับสายแต่ก็พูดคุยแค่แปปเดียวและพยายามจะตัดสาย เราก็เริ่มแปลกใจ สุดท้ายจึงตัดสินใจถามไปว่า “เธอมีคนอื่นใช่ไหม?” เขาเลยยอมรับว่าคุยกับคนอื่นอยู่คบกันแล้ว พอเรารู้ความจริงจากสถานะที่เป็นกัน แฟนเรากลับกลายเป็นคนอื่นไปเลย ผู้ชายคนนี้เคยคุยกับแฟนของเราเมื่อตอนที่เราห่างกันไป แต่ในตอนนั้นเขาบอกว่าไม่ได้ประทับใจในตัวผู้ชายคนนี้มากเท่าไหร่ ก็เลยห่างกันไป แต่อยู่ดี ๆ ผู้ชายคนนั้นก็กลับมาติดต่อกันอีก ความรู้สึกในตอนนั้นก็เหมือนการมีแฟนซ้อน เรากับเขาก็กลับมาทำทุกอย่างกันตามปกติ ส่วนแฟนกับผู้ชายก็ไม่ได้ห่างกัน คุยกันทุกคืนเหมือนเดิมแต่ฝั่งผู้ชายไม่ทราบเรื่องที่แฟนคบกับเรา กลายเป็นเหมือนว่าตอนนี้เราเป็นชู้เขา เสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาเขากลับบ้านและพาผู้ชายคนนั้นไปด้วย เราก็ถามว่าเป็นยังไงบ้าง แฟนเราก็บอกว่าพ่อแม่ของเขาเนี่ยโอเคกับผู้ชายคนนี้ แต่ตัวเขาไม่ค่อยแน่ใจเพราะทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก เขากับผู้ชายเจอกันได้ 5 สัปดาห์ ผู้ชายคนนั้นก็ขอเขาเป็นแฟน และประมาณ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ชายก็พูดถึงเรื่องหมั้นจนกระทั่งในตอนนี้ก็บอกว่าจะให้พ่อแม่ไปวางสินสอดฝ่ายหญิงขอแต่งงาน ซึ่งมันเร็วมาก ตัวเราก็อยากรู้ว่าผู้ชายคนนั้นมันรักแฟนเราจริงไหม เราก็เลยเอาแอคหลุมที่เป็นรูปผู้หญิงไปส่องว่าเขาจะหวานกันแค่ไหน สรุปพอเราแอดไป ฝ่ายชายก็ทักมาจีบแอคหลุมของเรา มีวันหนึ่งเขากลับมาจากบ้าน อยู่ดี ๆ แฟนเราก็ทักมาบอกว่าผู้ชายคนนั้นอาจจะต้องมานอนที่ห้อง แปลว่าเราจะต้องไปนอนห้องเพื่อน หนูก็เลยเอาแอคหลุมไปบอกกับฝ่ายชายว่า “ตอนนี้หนูอยู่ในเมืองนะ” หลังจากส่งไปประมาณ 40 นาที แฟนเราก็ทักมาบอกว่าพี่เขาไม่ได้นอนแล้วนะ เพราะเขาอยากเจอเรามาก ไปรอหน้าโรงแรมที่เราบอกอีก

            จนเมื่อวันพุธที่ผ่านมาเราเลยเอาแชทนั้นให้เขาดูแล้วบอกว่า “เธอจะพาคนแบบนี้เข้าบ้านจริงหรอ” เขาก็เสียใจแต่ก็ไม่ได้เอาไปพูดเพราะเขาสงสารพ่อกับแม่ที่เตรียมทุกอย่างไว้แล้ว เขาไม่อยากให้พ่อแม่เสียใจ แต่เขาก็บอกกับเราว่าอย่ามาแทรกแซง อย่ามาคุยคนใหม่เขาได้ไหมซึ่งเราก็รับปากไป หลังจากนั้นแฟนเราก็เลยไปพูดเกริ่น ๆ กับผู้ชาย ว่าการแอบคุยกันก็เหมือนการนอกใจจนสุดท้ายผู้ชายคนนั้นก็สารภาพกับแฟนเราว่ามีผู้หญิงแอดไอจีและก็ทักเขามา แต่เขาแค่คุยเหมือนน้อง ซึ่งก็คือเขาโกหก ถ้าในตอนนี้จริง ๆ ก็ยังรักเขาอยู่และเขาก็บอกว่ายังมีเยื่อใยให้เราอยู่ แต่กับฝั่งนู้นเขาก็จะดองกันแล้ว เราก็บอกไปว่า “เธอไม่ต้องเลือกเราก็ได้ แต่เธอจะแต่งกับคนแบบนี้จริง ๆ หรอ”  เขาก็บอกว่า “ถ้าเขาไม่รักเรา เขาจะหาสินสอดเกือบล้านมาหมั้นเราทำไม” เลยอยากจะปรึกษาว่าเราควรทำยังไงดีคะ? ในเมื่อตอนนี้เรายังรักเขาอยู่’

            ซึ่ง “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ก่อนอื่นผมอยากให้ทุกคนนึกสถานการณ์ตามด้วยว่าเขาเป็นแฟนกันตั้งแต่มัธยม สิ่งที่เกิดขึ้นมาจะยากต่อการตัดสินใจแค่ไหน เราต้องเอาตัวเองไปมองในแว่นเขาก่อน นี่คือคนที่เป็นห่วงเป็นใยมาครึ่งชีวิต ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมา ใครก็แล้วแต่พอแฟนเก่าเรากำลังจะไปอยู่ในบ้านเดียวกันกับคนที่เราก็รู้ ๆ อยู่ว่าไม่ได้ดีอะไร เราก็มีสิทธิที่จะแสดงความห่วงใยและบอกให้เขารู้นะ พี่ว่าถ้าพี่เป็นบี พี่จะบอกทุกอย่างที่รู้และนี่คือครั้งสุดท้าย แอคหลุมนั้นพี่ก็จะปิดแล้วก็จะไป ถือว่าที่เรารู้จักกันมา บีทำเต็มที่แล้วที่จะให้เขาเจอคนที่ดีกว่าเรา แต่ในเมื่อเขาปิดหูปิดตา และไม่ยอมที่จะเปิดรับความจริงที่เรารู้มาก็เป็นชีวิตของเขา เป็นพี่ พี่จะไปเพราะว่าการที่เราคบกันแบบนี้แล้วที่ทางบ้านไม่สนับสนุนบี มันไม่จบหรอกเรื่องนี้ อยู่ที่ว่ามันจะไปแยกกันช้าหรือเร็ว ณ ตอนนี้ 29-30 ปี เป็นวัยที่เขาต้องการใครสักคนมาเพื่อทำให้พ่อแม่สบายใจ มันเป็นอีก Stage หนึ่งของการตัดสินใจในชีวิตแล้ว บีแค่ต้องเจอคนที่เขาเข้าใจทั้งตัวเขาและครอบครัวเขา แค่นั้นเอง’

            ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาเพิ่มเติมว่า ‘อยากให้บีรักตัวเองด้วย เข้าใจแหละว่าตอนนี้บีรักเขามาก จนยอมที่จะมองข้ามที่สิ่งที่เขาทำ มันก็อาจจะจริงที่เขายังรักบีอยู่ไม่มันไม่พอ เขาไม่ได้รักบีเท่ากับที่บีรักเขาเพราะว่ามันก็ชัดนะว่าเขามีคนอื่น และการมีคนอืนที่อยู่ ๆ เราก็เทิร์นไปเป็นน้อยเขาไปเฉยเลย ทั้งที่เราก็เป็นตัวจริงของเขามาตั้งแต่แรก พี่ว่าสิ่งที่เขาทำมันไม่เหมือนกับที่บีรักเขาเลย สำหรับพี่การที่พ่อไม่ยอมยังไม่เท่ากับการที่เขาเป็นแบบนี้ พี่ว่าพฤติกรรมเขามันเสียดายความรักที่บีมีให้เขานะสำหรับพี่ เขามักง่ายไปหน่อย เขาไม่ดูแลความรู้สึกเราไปหน่อย เขาเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง พี่รู้สึกว่าพี่ฟังแล้วปวดหัว ยิ่งฟังก็ยิ่งปวดหัว แล้วบีตอนนี้นอนหลับไหม? กินข้าวลงไหม? ทำไมต้องให้ความรักทำร้ายตัวเองขนาดนี้ด้วย บางทีเวรกรรมหรือคนมันเลือกทางเดินชีวิต เราทำดีที่สุดแล้วเราก็ต้องปล่อยไปแบบนี้ เพราะไม่อย่างนั้นบีก็อาจจะต้องอยู่ในวังวนนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่ไม่รู้ ก็ถ้าวันนี้บีบอกว่าบียังรักเขาอยู่ พี่ก็อยากให้บีรักตัวเองด้วย’

            และสุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้คำปรึกษาปิดท้ายว่า ‘ที่เขาพูดว่าเขารักบีไม่งั้นเขาไม่อยู่จนถึงตอนนี้หรอก พี่จะบอกว่า เขาไม่ได้รักบีขนาดนั้น เพราะถ้าเขารักบี เขาจะไม่ทำร้ายจิตใจบีโดยการบอกให้บีไปนอนที่อื่น ข้อดีของบีคือ บีทำให้เตียงนี้มันไม่ได้เหงาแค่นั้นแหละ เพราะถ้าผู้ชายคนนั้นมา เขายินดีจะใช้เตียงนั้นกับผู้ชายคนนั้นมากกว่าบี ก็อย่างที่ดีเจเติ้ลบอก มันไม่มีอะไรนอกจากคำว่ารักตัวเองจริง ๆ เขาพูดเองว่าอย่าแทรกแซงเขา ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าผู้ชายคนนี้เลวขนาดไหนก็ตาม มันมีหลายคนที่สมัครใจเดินไปลงนรก บีควบคุมชีวิตใครไม่ได้และเขาเลือกแล้ว แต่พี่ก็เห็นด้วยกับดีเจเผือกนะ ความหวังดีสุดท้ายที่บีจะให้เขาได้คือการบอกความจริงทั้งหมด นี่คือสิ่งสุดท้ายที่ดีที่สุดที่ฉันจะทำให้เธอ ส่วนเธอจะเดินหรือลุกขึ้นมาได้รึเปล่าขึ้นอยู่กับสติปัญญาของเธอ

            หลายคนเขารู้อยู่แล้วแต่เขาเต็มใจ นั่นคือชีวิตเขาไม่เกี่ยวกับเราแล้วบี เดินออกมาสวย ๆ เห็นคุณค่าในตัวเอง แม้ว่ามันจะยากแต่บีไม่มีทางเลือก เลือกได้แค่สองทางคือหนึ่ง เราออกไป กับสอง เราจะอยู่เป็นน้อยเขาจนกระทั่งวันหนึ่งเขาเขี่ยเราออกมาเอง อย่าให้ถึงวันนั้นเลย แล้วบีจะรู้เลยว่าทางเลือกที่สวยที่สุด คือการจำเป็นต้องเดินออกมาแม้ว่ามันจะต้องเจ็บปวดก็ตาม’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 20.00 – 23.00 น. ทางรายกาวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ตอนนี้อายุ 35 มีเพื่อนสนิทคนนึงที่เคยไปเที่ยวด้วยกัน ไปไหนด้วยกัน ทริปลุยแค่ไหน เราก็เคยผ่านมาแล้ว แต่พอมาเดี๋ยวนี้ เวลาไปทริปกัน 2 คน เพื่อนไม่ทำอะไรเลย บอกว่า จะนอน นอนอย่างเดียว แล้วก็นอนจริงๆความรู้สึกหนูมันเหมือนเขาเปลี่ยนที่นอนเฉยๆ

15 ก.ย. 2025

ตอนนี้อายุ 35 มีเพื่อนสนิทคนนึงที่เคยไปเที่ยวด้วยกัน ไปไหนด้วยกัน ทริปลุยแค่ไหน เราก็เคยผ่านมาแล้ว แต่พอมาเดี๋ยวนี้ เวลาไปทริปกัน 2 คน เพื่อนไม่ทำอะไรเลย บอกว่า จะนอน นอนอย่างเดียว แล้วก็นอนจริงๆความรู้สึกหนูมันเหมือนเขาเปลี่ยนที่นอนเฉยๆ

ตอนนี้อายุ 35 มีเพื่อนสนิทคนนึงที่เคยไปเที่ยวด้วยกัน ไปไหนด้วยกัน ทริปลุยแค่ไหนเราก็เคยผ่านมาแล้ว แต่พอมาเดี๋ยวนี้ เวลาไปทริปกัน 2 คน เพื่อนไม่ทำอะไรเลยบอกว่า จะนอน นอนอย่างเดียว แล้วก็นอนจริงๆ ความรู้สึกหนูมันเหมือนเขาเปลี่ยนที่นอนเฉยๆไม่ได้ออกไปทำอะไรเลย เวลาขอให้เพื่อนถ่ายรูปให้ เพื่อนก็กดถ่ายแบบส่งๆ ไม่เหมือนเมื่อก่อนทริปหน้ากำลังจะไปด้วยกันอีก จะทำยังไงให้เขาลุกออกจากเตียงไปเที่ยวบ้าง?และไม่อยากให้เขาเที่ยวไปบ่นไป “คุณวี (นามสมมติ)” อายุ 35 สายที่ 2 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร ในคืนวันพุธที่ผ่านมา [10 ก.ย.68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาที่เพื่อนสนิทแปลกไป ทั้งที่ปกติเราทั้งคู่เป็นสายลุยเวลาเที่ยว โดย “คุณวี (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘เมื่อก่อนหนูกับเพื่อนชอบไปเที่ยวด้วยกันทุกที่ พวกเราเป็นสายลุย ไปไหนไปกัน จนครั้งล่าสุดซึ่งเป็นทริปที่จบไปเมื่อกลางเดือนที่แล้ว วิธีการเดินทางไปสถานที่นี้จะค่อนข้างลำบาก ไม่ได้ลงเครื่องแล้วถึงเลย ค่อนข้างจะต่อหลายต่อ ในความรู้สึกการที่เราไปเที่ยว คืออยากจะไปพักผ่อน ไปชาร์จแบตจากการทำงาน พอไปถึงสถานที่เที่ยวจริงๆ เราก็อยากไปตามจุดนู้นจุดนี้ แต่เพื่อนที่ปกติไม่เคยปฏิเสธ ก็บอกว่าไม่ไปจะอยู่ห้อง ขี้เกียจ ตลอดทริป เขาจะไม่อยากเดิน ไม่อยากถ่ายรูป อยากอยู่โรงแรม หนูเลยรู้สึกว่า ทำไมอยู่ดีๆ ถึงเปลี่ยนไป ความใส่ใจเพื่อนก็เปลี่ยนไป ปกติ ในจุดชมวิวที่สวยมากๆ หนูก็จะขอให้เขาถ่ายให้ โดยที่เราไม่เช็ครูป เพราะว่าก็ไว้ใจ กลายเป็นพอเมื่อกลับมาดู รูปภาพนั้นก็ใช้ไม่ได้เลย เราเลยบ่นๆเขาออกไป ว่าทำไมไม่ดูรูปให้ เพื่อนก็พูดทีเล่นทีจริงนะว่า “บางที บางอย่าง มันก็ไม่ต้องมีตัวเราตรงนั้นก็ได้” เขา Toxic มากขึ้น เริ่มบ่น พูดจาไม่น่าฟัง ตั้งแต่ก่อนที่จะมาทริป แต่หนูก็ไม่คิดว่ามันจะส่งผลมาถึงตอนที่เรามาใช้เวลาร่วมกัน มันกลายเป็นว่า เราไม่อยากไปไหนกับเขาแล้ว ทั้งที่ในอนาคตก็มีทริปที่วางแพลนกันไว้แล้ว หลังทริปจบ พวกเราก็ติดต่อกันเหมือนเดิม แต่หัวข้อการคุย ถ้าเรื่องไหนที่จริงจัง หนูก็จะไม่ยกขึ้นมาพูด เพราะเพื่อนจะชอบตอบว่า ไม่รู้ว่ะ ขี้เกียจคิด ทั้งที่เมื่อก่อน เป็นคนให้คำปรึกษาดีมากๆ บวกเรื่องนี้ที่หนูก็ไม่กล้าพูดออกไป เพราะว่ากลัวเขาเสียใจที่เราไปว่า หรือเขาก็อาจจะพูดกับมาว่าตัวเราเองก็เปลี่ยนไป เพราะแต่ก่อนการเที่ยวมันไม่ได้ต้องเป็นไปตามแผนขนาดนี้ ตอนนี้คือ เวลานี้จะต้องออก จะต้องไปที่นี้ ทั้งที่มันเคยยืดหยุ่นได้ ซึ่งทริปนี้คนที่มาชวนก็คือตัวเพื่อนเอง จริงๆหนูมีทริปที่จะไปคนเดียวอยู่ก่อนแล้ว แต่เราก็เลือกที่จะไปกับเขาแทน เพราะมองว่าปีนี้ยังไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันเลย หนูเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า เราเองที่เปลี่ยนไป หรือเขาที่เปลี่ยนไป เพราะก่อนหน้านี้ พวกเราก็ต่างคนต่างไปเที่ยวในแบบของตนเองมาแล้ว อย่างหนูก็ไปเที่ยวคนเดียว มันสบายมาก ไม่ต้องรอใคร สามารถใช้เวลาเท่าที่เราอยากจะใช้ แต่กลายเป็นว่าพอกลับมาเที่ยวด้วยกัน หนูอาจจะชินกับการเที่ยวคนเดียวหรือเปล่า บวกกับการที่เพื่อนเป็นแบบนี้ด้วยเลยยิ่งแย่ไปกันใหญ่ หนูอยากจะปรึกษาพี่ๆดีเจว่า ควรคุยกับเขาตรงๆมั้ย? หรือเลือกที่จะตัดปัญหาไม่ต้องชวนไปไหนแล้ว’ เริ่มที่ “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าให้คิดเร็วๆ ผมอาจจะเลือกวิธีการที่ ไม่คุย แล้วถ้าการที่เราแยกไปเที่ยวคนเดียว มันไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขา และเราเสียหาย ยังคงสามารถนัดเจอกัน กินข้าวได้ปกติ การที่เราจะไม่พูดมันก็สิทธิ์ของเรา ถ้าเขามีอะไร คงจะบอกเราแล้ว อาจจะเป็นช่วงที่เขามีปัญหาอะไรหรือเปล่า ถ้าเราห่วงเราถามได้นะ ให้เขารู้ว่าบอกเราได้ บางทีการที่เราโตขึ้น นิสัยมันก็เปลี่ยนไปตามวัย ความคิดมันเปลี่ยนไปได้เรื่อยๆ ถ้าเขาบอกว่าไม่เป็นไร เราก็อาจจะปรับความสัมพันธ์เราใหม่’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เรื่องเที่ยว ทริปหน้าคงได้คำตอบแล้วว่า จะไปเที่ยวคนเดียวหรือว่าจะไปด้วยกันต่อ ถ้าเขายังเป็นเหมือนเดิม เราก็ไม่ต้องไปลากเขามาให้ไม่สบายใจ และถ้าเขาถาม คุณวีค่อยตอบว่า ฉันรู้สึกว่า ถ้าฉันพาแกไป แกคงไม่สนุก ซึ่งถ้ามันไม่มีอะไรจริงๆ เขาก็จะเข้าใจ เราจะคุยกันได้ ว่าไลฟ์สไตล์การเที่ยวมันเปลี่ยนไป และในเรื่องที่เขาไม่เหมือนเดิม คุณวีไม่มีทางรู้เลย ถ้าเราไม่ถาม ลองถามเขาดู ค่อยๆพยายามทำความเข้าใจ ลองฟังเขาก่อน อะไรปรับได้ก็ปรับ’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาเสริมว่า ‘ให้คุยหลังจากไปเที่ยว ประเมินดูว่าทริปนี้มันกลับไปเป็นเหมือนเดิม หรือว่าไม่เหมือนเดิมแล้ว ถ้าอยากเคลียร์ก็คือถาม ลองหาจังหวะดู คอยบอกเขาบ้างแต่ถ้าไม่อยากเคลียร์ก็เอาตัวออกมา’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 20.00 – 23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

อาที่เป็นญาติผู้ใหญ่ที่เราเคารพ ทักเราว่า “ทำไมอ้วนจัง?” จังหวะนั้นเราหงุดหงิดพอดี เพราะเจอคำถามนี้บ่อยมาก เลยพูดกลับอาไปว่า “ปกติหนูก็จะไม่กล้าทักใครแบบนี้นะคะ มันดูเป็นคนไม่มีมารยาท” อีกวันอาไลน์มาต่อว่าหนู

14 ต.ค. 2024

อาที่เป็นญาติผู้ใหญ่ที่เราเคารพ ทักเราว่า “ทำไมอ้วนจัง?” จังหวะนั้นเราหงุดหงิดพอดี เพราะเจอคำถามนี้บ่อยมาก เลยพูดกลับอาไปว่า “ปกติหนูก็จะไม่กล้าทักใครแบบนี้นะคะ มันดูเป็นคนไม่มีมารยาท” อีกวันอาไลน์มาต่อว่าหนู

อาที่เป็นญาติผู้ใหญ่ที่เราเคารพ ทักเราว่า “ทำไมอ้วนจัง?” จังหวะนั้นเราหงุดหงิดพอดีเพราะเจอคำถามนี้บ่อยมาก เลยพูดกลับอาไปว่า “ปกติหนูก็จะไม่กล้าทักใครแบบนี้นะคะมันดูเป็นคนไม่มีมารยาท” อีกวันอาไลน์มาต่อว่าหนู หนูก็เลยขอโทษเขาไปหนูจะดูเป็นเด็กที่ไม่ดีในสายตาอาไหมคะ? “คุณแกลม (นามสมมติ)” อายุ 18 ปี สายสุดท้ายในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [8 ต.ค.67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาญาติทักว่าอ้วน เราเลยสวนกลับไป แต่เราก็รู้สึกแย่ที่พูดแรงไป โดย “คุณแกลม (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูเพิ่งโดนญาติผู้ใหญ่ไลน์มาด่า เพราะว่าอาทิตย์ที่แล้วเขามาว่าหนูอ้วน หนูเลยสวนกลับเขาไป เขาเป็นคุณอา (น้องชายของพ่อ) หนูสนิทกับเขามากเลย คุยเล่นกันได้ ตั้งแต่เด็กจนโตเลย คือตอนหนูเกิดหนูพูดชื่อเขาได้คนแรก มีช่วงที่หนูไปอยู่คนละจังหวัดกับเขา แต่เวลากลับมาเจอกันเราจะคุยกัน สนิทกันได้ปกติเลย ตอนนี้คุณอาเขาทะเลาะกับพ่อหนู เขาตัดครอบครัวหนูออกจากชีวิตเขา เขาไม่เอาเลย แต่เขายังรักหนูอยู่ ยังคุยกับหนูคนเดียว แต่ตอนนี้เขากำลังจะตัดหนูออกด้วย เราอยู่กันคนละบ้าน แต่คุณอาจะแวะเวียนมาที่บ้าน มาดูแลคุณปู่ คุณย่า เรื่องที่เกิดคือ เขามาทักต่อหน้าหนูว่า ทำไมอ้วนขึ้น? เขาทักหนูหลายรอบมาก หนูก็เสียใจ แล้วก็นอยเพราะหนูอ้วนขึ้น เพราะเอฟเฟกต์จากยาที่กินด้วย หนูเลยพูดออกไปโดยไม่ทันคิดว่า ปกติหนูจะไม่ทักคนอื่นแบบนี้ เพราะมันดูไม่มีมารยาท แล้วเขาก็ยิ้มแห้งเลย หลังจากนั้นหนูก็รู้สึกแย่ที่พูดแบบนั้นกับเขาไป ซึ่งช่วงนี้หนูต้องคุยกับเขาเพราะจะกดเงินดิจิทัลวอลเล็ตให้คุณปู่ คุณย่า หนูก็เลยคุยเรื่องเอกสารกันนิดหน่อย แล้วเขาก็พิมพ์กลับมาว่า โตแล้วหนิ เดี๋ยวนี้แรงใช้ได้เลยนะ ไม่ต้องเลี้ยงดูละ หนูก็เลยขอโทษเขาไป แต่เขาไม่ได้ตอบอะไรหนูมาเลย จริงๆหนูรู้สึกเสียใจมากที่ตัดกับอาคนนี้ หนูไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก หนูอยากเป็นเด็กที่น่ารักกับผู้ใหญ่ หนูควรทำยังไงดี?เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

แฟนหนูมาสารภาพว่า... “ไปส่งแฟนเก่ากินข้าวมา เพราะว่าแฟนเก่าหิว ไม่มีรถเลย” แฟนเก่าให้เหตุผลว่า พอดีมาจังหวัดนี้แล้วไม่รู้จักใครเลย อยากให้พาไปกินข้าวหน่อย แต่แฟนเราก็แอบไปส่ง หนูสังเกตเห็นว่า GPS รถ ขับรถวนไปๆมาๆ หลายกิโลแปลกๆ

23 ก.ย. 2025

แฟนหนูมาสารภาพว่า... “ไปส่งแฟนเก่ากินข้าวมา เพราะว่าแฟนเก่าหิว ไม่มีรถเลย” แฟนเก่าให้เหตุผลว่า พอดีมาจังหวัดนี้แล้วไม่รู้จักใครเลย อยากให้พาไปกินข้าวหน่อย แต่แฟนเราก็แอบไปส่ง หนูสังเกตเห็นว่า GPS รถ ขับรถวนไปๆมาๆ หลายกิโลแปลกๆ

แฟนหนูมาสารภาพว่า... “ไปส่งแฟนเก่ากินข้าวมา เพราะว่าแฟนเก่าหิว ไม่มีรถเลย”แฟนเก่าให้เหตุผลว่า พอดีมาจังหวัดนี้แล้วไม่รู้จักใครเลย อยากให้พาไปกินข้าวหน่อยแต่แฟนเราก็แอบไปส่ง หนูสังเกตเห็นว่า GPS รถ ขับรถวนไปๆมาๆ หลายกิโลแปลกๆแต่แฟนมาสารภาพเรื่องนี้ก่อนที่หนูจะถามเขาเรื่องนี้ ตอนนี้ความไว้ใจที่หนูมีให้กับเขามันหายไปเยอะมาก เจอแบบนี้หนูจะยังไว้ใจแฟนเหมือนเดิมได้อยู่ไหม?ถ้าเป็นทุกคนจะทำยังไงคะ ถ้าเจอแฟนมาสารภาพแบบนี้ “คุณฟ้า (นามสมมติ)” อายุ 23 สายที่ 2 ในรายการพุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [17 ก.ย.68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาแฟนไปรับไปส่งแฟนเก่ากินข้าว เพราะเขาอ้างว่าไม่มีรถ โดย “คุณฟ้า (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘มีอยู่วันนึง ที่แฟนบอกว่า จะไปทำบุญ แล้วไปกินข้าวกับเพื่อนที่ห้องเพื่อนต่อ ห่างจากที่พักของเขาประมาณสิบกว่าโล เราก็ไม่ได้อะไร พอประมาณสักสามทุ่ม แฟนเราก็ทักมาบอกอีกว่า เดี๋ยวจะพาเพื่อนไปซื้อของนะ หนูเลยถามเขาว่า ไปซื้อที่ไหน ซึ่งเขากลับไปซื้อของตรงที่บ้านพักเขา มันต้องย้อนกลับมาถึงสิบโล เพื่อที่จะพาเพื่อนมาซื้อ เราก็รู้สึกว่า ทำไมมันต้องย้อนกลับมาขนาดนั้น ของแถวนั้นก็น่าจะมี พอเปิดดูจีพีเอส รถของแฟนก็ขับวนๆไม่ไปไหน ไม่จอด ไม่ถึงสักที หนูก็เลยโทรไปหา แต่ก็ไม่รับโทรศัพท์ เลยกดโทรอีก สักพักเขาก็รับสาย บอกว่า ‘กำลังซื้อของอยู่ เดี๋ยวจะกลับห้องเพื่อนแล้ว’ พอแฟนถึงห้องเพื่อน ก็รีบโทรกลับมาหาเรา หนูก็ถามเขาว่า ‘ไปทำอะไรมา ทำไมถึงได้ขับรถวนๆ’ ต้องยอมรับว่าจริงๆตอนนั้นก็เริ่มที่จะสงสัยแล้ว ยิ่งได้ยินเหตุผลที่เขาสารภาพออกมาว่า เขาไปรับแฟนเก่ามากินข้าว เราก็ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินเหตุผลแบบนี้ แฟนก็เลยเล่าให้ฟังว่า เมื่อวานเพื่อนของแฟนเก่าทักมาบอกว่า แฟนเก่าเขาจะมาทำธุระที่นี่ ช่วยติดต่อเบอร์รถที่จะกลับกรุงเทพให้หน่อยได้มั้ย เขาก็เลยให้เบอร์รถไป แต่แชททั้งหมดเป็นกลุ่มที่มีเพื่อนของแฟนเก่าเขาอยู่ในนั้นด้วย แล้วเหมือนแฟนเก่า ก็ชวนแฟนเราให้ออกไปกินข้าว เพราะเขาไม่มีรถที่จะออกไป แฟนเราก็ไป แต่บอกหนูว่า พาเพื่อนไปซื้อของ สุดท้ายก็สารภาพออกมาหมด เพราะไม่อยากโกหก เขาก็ขอโทษ ผิดพลาดไปแล้ว หลังจากนั้นก็รีบจัดการบล็อกแฟนเก่า แล้วก็ลบกลุ่มนั้นออกไปตามที่เราบอก และคำพูดที่แฟนเราพูด คือ เขาไม่ได้นอกใจ แค่สงสารผู้หญิงคนนั้น ที่ไม่มีรถ ตอนนี้ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว หนูให้อภัยเขา แต่ก็ยังระแวงอยู่ดี หนูเลยอยากปรึกษาพี่ๆดีเจว่า คนเราสามารถผิดพลาดเรื่องนี้ได้ใช่มั้ย? หนูควรจัดการความรู้สึกตนเองยังไงดี’ เริ่มที่ “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถามว่าทำผิดได้มั้ย ก็ได้แหละ แต่ลักษณะเป็นเหมือนการกึ่งยิงกึ่งผ่าน คนที่มันใจเตลิดไปแว้บนึง แล้วก็ลองๆดูว่ามันจะเป็นยังไง แฟนเราดูเป็นคนที่ทำผิดแล้วล่ก กับสิ่งที่ตนเองทำ สุดท้ายก็กลับมามอบตัว เขาจะทำผิดอีกมั้ย ตอบไม่ได้หรอก เพราะเราไม่รู้อนาคต การคบกันมีความเสี่ยงอยู่ทุกวันอยู่แล้ว ฟ้าแค่คุยกับตัวเองพอว่า ยังอยากจะให้โอกาสเขา และตัวเอง กับคนๆนี้อยู่มั้ย เรื่องแผลในใจมันมีอยู่แล้วแหละ มันก็จะติดไปตลอด แต่พอเวลาผ่านไปมันจะพิสูจน์ด้วยตัวมันเอง ไม่อะไรตอบเราได้เลย นอกจากให้โอกาส’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘แฟนฟ้าตั้งใจโกหก เขามีความสุขเล็กๆที่อยู่ในใจในการที่จะได้เจอแฟนเก่า เพราะฉะนั้น ไม่เชื่อใจได้เลย เต็มที่มันไม่ผิดอะไร อย่าไว้ใจ 100% ขนาดนั้น ลองให้โอกาสได้ แต่อย่าให้มีอีกครั้ง’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้คำปรึกษาเสริมว่า ‘การวนรถเราก็รู้ดีอยู่แล้ว ว่าวนเพราะอะไร มันคือการอยากอยู่ด้วยกันนานๆ มันคือเจตนาไม่มีบริสุทธิ์ใจ เป็นการทำผิดที่ไม่เชี่ยวชาญ เขาไม่ได้มอบตัวก่อน แต่เพราะเรามีหลักฐาน เขาเลยสารภาพ ให้อภัยได้ เพราะเป็นความผิดครั้งแรก แต่จำไว้เลยว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เราต้องบอกให้เขาชัดเจน ถึงความผิดของเขา อย่าเอาความระแวงไปทะเลาะกัน เพราะฟ้าให้โอกาสเขาแล้ว ถ้าจับได้อีกครั้งก็คือเลิก’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 20.00 – 23.00 น. ทางรายกาวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1