
09 ก.ย. 2025
หนูอายุ 27 อาสาลาออกจากงาน มาดูแลคุณปู่ที่ป่วย คุณปู่หนูเส้นเลือดในสมองแตก หนูดูแลสุดความสามารถ แต่หนูไม่รู้ว่าตลอดระยะเวลาเกือบเดือน ที่คุณปู่พูดไม่ได้ แต่เอามือเกาๆแขนตลอด คืออาการแพ้ยาของปู่ จนอาการลุกลาม สุดท้ายคุณปู่หนู จากไปด้วยโรคมะเร็งปอด
หนูอายุ 27 อาสาลาออกจากงาน มาดูแลคุณปู่ที่ป่วย คุณปู่หนูเส้นเลือดในสมองแตกหนูดูแลสุดความสามารถ แต่หนูไม่รู้ว่าตลอดระยะเวลาเกือบเดือน ที่คุณปู่พูดไม่ได้แต่เอามือเกาๆแขนตลอด คืออาการแพ้ยาของปู่ จนอาการลุกลาม สุดท้ายคุณปู่หนูจากไปด้วยโรคมะเร็งปอด ตอนปู่มีชีวิต หนูพูดจาไม่ดีใส่ ดุใส่ปู่ตลอด เพราะไม่เข้าใจพอตอนนี้ปู่จากไปแล้วหนูกลับมาโทษตัวเองตลอดว่าทำได้ไม่ดีพอ ทุกครั้งที่หนูนึกถึงปู่หนูอยากจะมีความสุข หนูไม่อยากจมอยู่กับความรู้สึกผิดแบบนี้ ทำยังไงดีคะ? “คุณพี (นามสมมติ)” อายุ 27 สายที่ 2 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [3 ก.ย. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจต้นหอม – ดีเจเติ้ล – ดีเจเกลือ” เกี่ยวกับปัญหาความรู้สึกผิดในใจที่มีต่อคุณปู่ที่เสียไปแล้ว โดย “คุณพี (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘คุณปู่ของหนูได้เสียไปแล้ว ท่านเป็นเส้นเรื่องในสมองแตก ท่านอายุ 80 ปีแล้ว ที่บ้านเลยเลือกที่จะไม่ผ่า เพราะกลัวท่านจะเจ็บ ทรมาน เลยเลือกที่จะรักษาตามอาการ กลายเป็นว่าท่านกลายเป็นอัมพาตครึ่งซีกที่ข้างขวา พูดไม่ได้ บ้านหนูเลยส่งไปอยู่ศูนย์ที่ไว้สำหรับดูแลผู้ป่วยที่มีลักษณะแบบนี้ อยู่ไปได้ประมาณเดือนนึง น้ำหนักคุณปู่ลงมาถึงสิบโล ทางนั้นเขาก็ไม่ได้แจ้งว่าให้ท่านทานอะไร ก็เลยพากลับมาดูแลที่บ้าน หนูลาออกจากงานมาเป็นคนดูแลหลัก หลังจากนั้น ก็พาท่านไปทำกายภาพ ไปตรวจคลินิก หมอเขาให้ยาทานมา แต่ผ่านไปหนึ่งเดือน คุณปู่แพ้ยานั้น หนูเลยรู้สึกผิดเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก ทั้งๆที่เราเป็นคนดูแลเขา เราดูไม่ออกเลยว่า ท่านแพ้ยา พอท่านเกามากขึ้น ก็คิดว่าผิวท่านบางแก่แล้ว พอมาดูดีๆ มันมีผื่นเยอะเกินไป เลยได้ไปตรวจ คุณปู่กลายเป็นโรคผิวหนังอย่างรุนแรงมากมาตลอดสองปีเต็มๆ ท่านเคยเกาจนเลือดออกทั้งตัว หนูกลายเป็นคนหงุดหงิดง่าย เพราะคุณปู่ดื้อมากๆ ไม่เคยทำตามที่บอกเลย คุณปู่ก็ต้องสวมปลอกมือ เพื่อกันไม่ให้เกาอีก แต่กลายเป็นว่าดื้อหนักขึ้นเพราะพยายามจะแกะออก ที่บ้านก็เริ่มรู้ว่า หนูพูดไม่ดี ทำให้ทำร้ายจิตใจท่าน เขาก็ส่งคุณปู่ไปที่ศูนย์อีกครั้ง แต่ครั้งนั้น ที่นั่นก็ดูแลไม่ดี ทำให้คุณปู่มีแผลกดทับ ไม่เช็ดตัว รักแร้เลยส่งกลิ่นเหม็นออกมา หนูเลยขอโทษที่บ้าน และขอโอกาส เพื่อที่จะดูแลท่านอีกรอบ หนูพูดจากับท่านดีขึ้น ไม่โมโหใส่ รอบนี้ที่ท่านกลับมา มีฝีขึ้นที่รักแร้จนต้องผ่า ขึ้นๆซ้ำถึงสามรอบ มีโรคแทรกซ้อนขึ้นมาเรื่อยๆ เป็นน้ำท่วมปอด หมอเลยดูดออก เอาเลือดไปตรวจ เลยได้รู้ว่าท่านเป็นมะเร็งปอดอีก คุณหมอไม่ได้ให้ทำคีโม เพราะอายุมากแล้ว เลยได้รักษาแบบประคับประคอง จนท้ายที่สุด วันที่ยี่สิบเจ็ด คุณปู่หายใจครืดคราด หัวใจเต้นดังมากๆ พอหนูวัดเครื่องชีพจรของท่านตอนช่วงตีสาม ก็เกินร้อย เลยตื่นเช้ามาวัดอีกรอบ ก็ยังสูงอยู่ จึงให้ที่บ้านพาไปโรงพยาบาล คุณหมอบอกว่า ข้างในไหวแล้ว เลยให้คุณปู่ไปอยู่ในห้องผู้ป่วยระยะสุดท้าย งดน้ำ งดอาหาร จะอยู่ได้ไม่เกินสองถึงสามวัน แต่ท่านสู้มากๆ อยู่ได้ถึงห้าวัน โดยที่ไม่กินข้าวกินน้ำ และวันที่หนึ่งมิถุนา คุณปู่ก็ได้จากไป ที่บ้านเขาไม่ได้ว่าอะไรหนู แต่เรารู้สึกกับตัวเองว่าที่ผ่านมา ทำได้ไม่ดี ทำไมถึงไม่รู้ว่าท่านแพ้อะไร ทำไมหนูถึงอารมณ์เสียใส่ท่าน ทั้งที่คุณปู่ก็ป่วยอยู่ หนูอยากขอโทษเขา เพราะทุกครั้งที่หนูอารมณ์ไม่ดี ท่านก็ยิ้มให้เราตลอด ทั้งที่ก็พูดไม่ได้ ข้างในหนูยังคงรู้สึกผิดต่อท่าน ถึงแม้ว่าคุณปู่จะจากไปแล้วก็ตาม วันที่ยี่สิบเจ็ดตอนตีสาม ที่วัดชีพจรรอบแรก ถ้าหนูพาท่านไปโรงพยาบาลตั้งแต่แรก ท่านจะไม่ตายใช่มั้ย หนูอยากได้กำลังใจจากพวกพี่ อยากเปลี่ยนความคิดเวลาที่คิดถึงคุณปู่ ให้ไม่รู้สึกผิด’ เริ่มที่ “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่จะแชร์ในมุมที่เราพึ่งสูญเสียคนรัก เพราะเมื่อวันศุกร์ทีผ่านมาาพี่พึ่งจะเสียคุณพ่อไป การที่เขาเสียมันดีกว่าการที่เขาจะต้องนอนทรมานอยู่บนเตียง การสูญเสียครั้งนี้สำหรับพี่ พี่คิดว่ามันดีกับเขา เพราะฉะนั้นแม้ว่าเขาจะจากไป มันเป็นเรื่องที่จะต้องเสียใจ แต่เขาไปสบายแล้ว ถ้าเขายังจะต้องอยู่ ความทรมานของตัวเขาเองที่เป็นหลักสำคัญ และการที่เขาจากไปแบบที่เขาเห็นว่าพีเป็นคนดูแลเขาในวาระสุดท้าย ไม่มีอะไรที่พี่จะต้องรู้สึกติดค้าง พียังเป็นคนปกติ เป็นเด็กวัย 27 ปี ที่ต้องมาดูแลคนป่วย การดูแลไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะต้องแข็งแรงทั้งร่างกาย และจิตใจ อย่างน้อยพีก็รู้สึกตัว และพยายามแก้ไขมัน พีอยากนึกถึงเขาแล้วยิ้มออกมา พีก็นึงถึงรอยยิ้มที่เขายิ้มให้พี คุณปู่เขารักหลานคนนี้ ไม่มีอะไรต้องติดค้าง ต้องเสียใจ สิ่งที่พีทำ ดีที่สุดเท่าที่จะทำให้ได้แล้ว’ ต่อมา “ดีเจเกลือ” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เราต้องตระหนักรู้ในตัวเองให้ได้ว่า เราทำเต็มที่ที่สุดแล้ว สำหรับคนที่เรารัก ยังไงใจของเรา ก็จะรู้สึกว่า มันยังคงน้อยไปอยู่ดี แต่สุดท้ายสิ่งที่เราต้องมองให้เห็นคือ เรามีความปรารถนาดีต่อคุณปู่ของเรา การที่คนเราอยู่ด้วยกัน มันไม่มีทางสมบูรณ์หรอก มันมีทั้งความสุข การทะเลาะกัน เมื่อเวลาผ่านไป มันจะกลายเป็นอดีต อยู่ที่ตัวเราจะเลือกสิ่งไหนมาจดจำไว้ เราเลือกได้ อยู่ที่การเปลี่ยนมุมมอง ถ้ามันเกินเดือนนึง ให้ปรึกษา นักจิตวิทยา’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกเสริมว่า ‘ในชีวิตคนเรา เราทั้งทำไม่ดีกับคนอื่น และทำดีกับคนอื่นเสมอ ให้ดูที่เจตนาของเรา ที่อยากจะช่วยเหลือเขา พีทำดีที่สุดแล้ว ขอบคุณที่พีมาแชร์เรื่องนี้ มันทำให้คนอื่นอาจจะหันไปดูแลคนรักมากขึ้น’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางhttps://www.youtube.com/watch?v=5P-zvY_YXRIt=1sใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 20.00 – 23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin


