ทำไมยังเป็นผมคนเดียวที่ Move on จากความรู้สึกแย่ๆนี้ไม่ได้สักที สงกรานต์ปีที่แล้ว แฟนเราไปนัวกับเพื่อนเรา 3 คนพร้อมกันในห้องน้ำ เหตุการณ์วันนั้นรู้เห็นกันเป็น 10 คน แต่ปิดปากเงียบไม่พูดกันเลยสักคน จนเราต้องไล่ถามทีละคนถึงรู้ความจริง

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ทำไมยังเป็นผมคนเดียวที่ Move on จากความรู้สึกแย่ๆนี้ไม่ได้สักที สงกรานต์ปีที่แล้ว แฟนเราไปนัวกับเพื่อนเรา 3 คนพร้อมกันในห้องน้ำ เหตุการณ์วันนั้นรู้เห็นกันเป็น 10 คน แต่ปิดปากเงียบไม่พูดกันเลยสักคน จนเราต้องไล่ถามทีละคนถึงรู้ความจริง

14 มี.ค. 2025

ทำไมยังเป็นผมคนเดียวที่ Move on จากความรู้สึกแย่ๆนี้ไม่ได้สักที

สงกรานต์ปีที่แล้ว จับได้ว่าแฟนเรา ไปนัวกับเพื่อนเรา 3 คนพร้อมกันในห้องน้ำ

แล้วมีเพื่อนอีกคนช่วยดูต้นทาง เหตุการณ์วันนั้นรู้เห็นกันเป็น 10 คน

แต่ปิดปากเงียบไม่พูดกันเลยสักคน จนเราต้องไล่ถามทีละคนถึงรู้ความจริง

“คุณไอ (นามสมมติ)” อายุ 27 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [5 มี.ค. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาแฟนแอบไปมีอะไรกับเพื่อนของเรา

โดย “คุณไอ (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘ผมคบกับแฟนผู้ชายมา 4 ปีแล้วครับ พวกเราเป็นคนต่างจังหวัดที่ย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ ช่วงสองปีแรกทุกอย่างเป็นปกติดี แต่หลังจากนั้น แฟนเริ่มอยากให้มี “คนที่สาม” เข้ามามีอะไรกัน ซึ่งผมไม่โอเคเลย ทำให้เราทะเลาะกันหนัก จนถึงขั้นที่เขาบอกเลิกผม ผมพยายามเจรจาแล้ว แต่ก็ไม่เป็นผลก็เลยยอมตอบตกลง เพราะอยากให้เขามีความสุข จากนั้นมาเราคบกันต่อ และเป็นแบบนั้นอยู่ประมาณ 3 - 4 ครั้ง นอกเหนือจากนี้เขาก็มีเปลี่ยนมู้ดบ้าง ไปเล่นเว็บแคมผู้ใหญ่

จนถึงช่วงสงกรานต์ปีที่แล้ว ผมพาแฟนกลับบ้านเกิดเป็นครั้งแรก และแนะนำให้เขารู้จักกับเพื่อน ๆ สมัยมัธยมที่รวมตัวกัน พวกเราฉลองสงกรานต์กันที่บ้าน ฟีลเหมือนถนนข้าวสาร มีซุ้ม แล้วก็มีการกินเหล้าจนเมา ไม่ได้สติกันทั้งคู่ แล้วก็ภาพตัดไป

ตื่นเช้าวันที่ 2 ผมพบว่าตัวเองอยู่ที่โรงแรมกับแฟน จำอะไรไม่ได้เลย เสื้อผ้าขาดหมด ในขณะที่เรากำลังพักฟื้นอยู่ที่โรงแรม แฟนพูดขึ้นมาว่า “อยากพาเพื่อนของผมมาทำอะไรด้วยกัน” ซึ่งทำให้ผมแปลกใจมาก เพราะแฟนไม่เคยพูดถึงเพื่อนคนนี้มาก่อน ผมเลยถามว่าทำไมถึงอยากชวนเพื่อนคนนี้ เขาบอกว่าเพื่อนคนนั้น (นามสมมุติ “A”) ทักมาหาเขาผ่านแอปพลิเคชัน

ซึ่งในวันที่ 2 ก็ใช้ชีวิตกันตามปกติ กับบ้านแฟน เล่นน้ำกับแฟน และในช่วงเย็นของวันนั้น           ผมได้รับข้อความจากเพื่อนอีกคน (นามสมมุติ “C”) ส่งมาบอกว่า “ดูแลแฟนตัวเองดีๆ นะ” ผมไม่ได้ตอบอะไร เพราะงง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น

จนวันสงกรานต์วันสุดท้าย ผมแยกกับแฟนและกลับมาที่บ้านเกิดคนเดียว ได้กลับมาเจอเพื่อนกลุ่มเดิมที่เล่นน้ำด้วยกันวันแรก และมีโอกาสเจอ A ผมเลยถามว่า “วันนั้นทักไปหาแฟนเราทำไมหรอ?”              A กลับตอบว่า “เราไม่ได้เป็นคนทัก แฟนเธอเป็นคนขอคอนแทคเราเอง แล้วก็ชวนเรากลับห้อง”

A ยังบอกอีกว่า จริงๆ แล้วเขาไม่ได้ทำอะไร แต่เพื่อนอีกคน (นามสมมุติ “B”) เป็นคนลากแฟนผมเข้าไปในห้องน้ำ และ A เป็นคนยืนดูต้นทาง ซึ่งทำให้ผมช็อกหนักมาก

ผมพยายามหาตัว B แล้วเดินไปถามตรงๆ ว่า “วันนั้นเธอทำอะไรกับแฟนเรา?” B ตอบว่า “อุ้ย เราเมามาก จำอะไรไม่ได้ แต่เธออย่าโกรธเรานะ ” ซึ่งทำให้ผมยิ่งงงว่า ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ก็พยายามทำตัวปกติเพื่อที่ให้ทุกคนไม่ช็อตฟีล และเล่นน้ำด้วยกันจนจบเทศกาลเพื่อที่จะเก็บของกลับสู่สภาวะปกติ และไม่ได้เลือกที่จะโทรไปเคลียกับแฟนในวันนั้นเพราะมันดึกแล้ว

หลังจากสงกรานต์จบ ผมยังคงรู้สึกติดใจ จึงติดต่อหา C ที่เคยเตือนผมวันนั้น ผมถามว่า “มันเกิดอะไรขึ้น?” C เล่าให้ฟังว่า คืนที่ผมเมาหลับอยู่ มีเหตุการณ์เกิดขึ้นตรงซุ้มที่เราเล่นน้ำกัน A เดินเข้ามาดึงแฟนผมไปจูบกัน ซึ่ง C แอบถ่ายคลิปไว้

ซึ่งในคลิป B เขาได้เดินเข้ามาเห็น A ทำอะไรกับแฟนเราอยู่ A ก็เลยผลัก B เข้าไปในห้องน้ำ แล้วก็คอยยืนดูต้นทางให้ นอกเหนือจากนั้นมีเพื่อนอีกคน (นามสมมุติ “D”) ตามเข้าไปในห้องน้ำด้วย ซึ่งทั้ง 3 คนหายเข้าไปในห้องน้ำนานมาก

พอทุกคนออกจากห้องน้ำกันหมด C จึงเดินมาปลุกผม พอผมเริ่มรู้สึกตัว แต่แฟนผมหายตัวไป ทุกคนเลยช่วยกันหา จนเจอว่าเขากำลังจะขึ้นรถไปกับ A เพื่อนๆ ต้องรีบดึงตัวเขากลับมา แล้วพาผมกลับโรงแรม

ซึ่งพอได้ฟังถึงตรงนี้ ผมรู้สึกสับสนมาก เลยตัดสินใจโทรหาเพื่อนทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ประมาณ 10 กว่าคนได้ ซึ่งหลาย ๆ คนเขารู้เรื่องนี้กันแต่ไม่มีใครบอกผมเลย แล้วทุกคนเล่าเรื่องนี้ในทิศทางเดียวกันหมดเลยว่าใครทำอะไร ที่ไหน อย่างไรบ้าง

ผมเลยตัดสินใจคุยกับแฟนตามตรงว่า เธอเล่าในมุมเธอบ้างให้ฟังได้ไหม ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขายอมรับว่า “มีสติ 50-50” แต่ไม่กล้าเล่าทั้งหมด เพราะกลัวผมโกรธ หลังจากนั้น ผมรู้สึกเหมือนมองหน้าเขาไม่ติดไปเป็นสัปดาห์ จนแฟนเริ่มอึดอัด และพูดว่า “ถ้าเกิดว่าเราใช้เวลาทำใจนานเกินไป เขาจะรู้สึกรักเราน้อยลงและอยากเลิกกับเรานะ”

และคืนนั้นเขาออกไปเที่ยวกับเพื่อน ปล่อยให้ผมอยู่ห้องคนเดียว ผมเลยนั่งเล่นโซเชียลและเปิดเว็บแคมตามปกติ อยู่  ๆ เขาก็เข้ามาเช็กผ่านเว็บแคม และทักทำนองว่า “หึงหวง”เราอยู่ ถามเราว่า ทำไมยังไปเล่นอะไรแบบนั้นอยู่ ตอนนั้นผมฟิวขาด เลยตอบกลับไปว่า “เธอจะมาหวงอะไร ทั้งๆ ที่ตัวเองทำเรื่องแย่กว่านั้นไปแล้ว”

สุดท้ายเราตัดสินใจเลิกกัน เขากลับมาเก็บของและแยกทางกัน โดยปัจจุบันผมโสด และไม่ได้เจอเขามาเกือบปีแล้ว แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่า เหมือนทุกคนดูเหมือนจะมูฟออนกันหมด ยกเว้นผมที่ยังเดินหน้าถอยหลังอยู่ตรงนี้ มันรู้สึกแย่ที่เรารู้เรื่องนี้เป็นคนสุดท้าย และรู้สึกดาวน์มาก เลยอยากจะปรึกษาพี่ ๆ ว่า จากเรื่องทั้งหมดผมต้องปรับปรุงตัวอะไรบ้างไหมครับ ผมอยากได้วิธีการแก้ไขปัญหา หรือมุมมอง แง่คิด จากพี่ ๆ เพื่อเอามาปรับใช้กับสถานการณ์ที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้’

เริ่มที่ “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ออกไปมีสังคมที่ดีกว่านี้ คบหาคนที่ดีกว่านี้ ทั้งแฟนทั้งเพื่อน แล้วการที่ไอยังอยู่ท่ามกลางคนเหล่านี้ ใครฟังก็ต้องรู้สึกกลัวในสิ่งที่คนกลุ่มนี้ทำ มันรุนแรงถึงขั้นแจ้งความได้เลยนะ แต่ทุกคนดูไม่ได้เดือดร้อนอะไร แม้แต่แฟนของไอเอง แต่กลับเป็นไอที่มานั่งตั้งคำถามว่าเราต้องปรับนิสัยอะไรไหมนะ พี่ว่าเราอยู่สังคมแบบไหนเราคบเพื่อนแบบไหน มันก็จะพาเราไปสู่ชีวิตแบบนั้น เลือกเพื่อนให้ดีครับ’

ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่าสิ่งที่ไอตัดสินใจก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ในการที่จะแยกออกมา พี่ว่าไม่ต้องตั้งคำถามตั้งแต่เขามาละเมิดกฏแล้วหล่ะ การที่เราไม่ได้แฮปปี้ที่จะมีอะไรกัน 3 คน แต่เรารักเขาจนเรายอมปรับในสิ่งที่เราไม่ได้ชอบ นั่นก็คือเราทำเพื่อชีวิตคู่มากแล้ว เพราะฉนั้น พี่ว่านี่มันคือสิ่งที่ถูกต้องแล้วที่เราเลือกสิ่งที่ดีให้กับชีวิต แล้วไอก็แค่มีความสุขกับตัวเอง เพื่อวันนึงได้ไปเจอคนใหม่ที่เขามีคอนต์เซปในการใช้ชีวิตอยู่เหมือนกัน’

 

สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ไอโชคดีแล้ว เพราะแฟนเราและเพื่อนคนนี้ศีลเสมอกัน คือ เลวได้ทั้งกลุ่ม ไม่ได้เหมาะกับเราเลย แล้ววิธีแก้ปัญหาคือ ไปหาสังคมที่ใช่สำหรับเรา พี่เชื่อว่าสังคมดี ๆ มันมีเยอะมาก ไอสามารถมูฟออนได้เลยเพราะเราอยู่ในจุดที่พ้นน้ำแล้ว เราต่ำตมไม่พอที่จะให้เขาได้รับความเป็นเพื่อนหรือเป็นแฟนกันด้วยซ้ำ’

 

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

หนูโดนกาหัวข้อสอบ รอบสัมภาษณ์ ตอนสอบเข้าโรงเรียนเพื่อเตรียมเป็นทหาร “ไม่ผ่านเพราะเป็น LGBTQ+” หลังจากที่เขารู้ว่าหนูเป็น คำถามที่โดนถาม ไม่มีอะไรเกี่ยวกับการเป็นทหารเลย หนูโดนถามว่า “เป็นตุ๊ดหรอ เป็นรุกหรือรับ? มีแฟนเป็นผู้ชายใช่ไหม?”

06 มิ.ย. 2025

หนูโดนกาหัวข้อสอบ รอบสัมภาษณ์ ตอนสอบเข้าโรงเรียนเพื่อเตรียมเป็นทหาร “ไม่ผ่านเพราะเป็น LGBTQ+” หลังจากที่เขารู้ว่าหนูเป็น คำถามที่โดนถาม ไม่มีอะไรเกี่ยวกับการเป็นทหารเลย หนูโดนถามว่า “เป็นตุ๊ดหรอ เป็นรุกหรือรับ? มีแฟนเป็นผู้ชายใช่ไหม?”

หนูโดนกาหัวข้อสอบ รอบสัมภาษณ์ ตอนสอบเข้าโรงเรียนเพื่อเตรียมเป็นทหาร “ไม่ผ่านเพราะเป็น LGBTQ+”หลังจากที่เขารู้ว่าหนูเป็น คำถามที่โดนถาม ไม่มีอะไรเกี่ยวกับการเป็นทหารเลย หนูโดนถามว่า “เป็นตุ๊ดหรอ เป็นรุกหรือรับ?มีแฟนเป็นผู้ชายใช่ไหม?” พอหนูตอบทุกอย่างตามจริง ผลออกมา ไม่ผ่าน ทั้งๆที่ หนูสอบปฏิบัติ ทดสอบร่างกายหนูทำได้ดีทุกอย่าง คะแนน 200 ได้ 170 คะแนน เหมือนความพยายามทั้งหมดที่หนูฝึกฝนมา 7-8 เดือน สูญเปล่าไปเลยแต่เพื่อนผู้ชายแท้ว่ายน้ำไม่ได้ ทำคะแนนไม่ดี กลับสอบติดตัวจริง ปีหน้าคงหมดหวังแล้วเพราะอายุหนูเกิน “คุณเอ (นามสมมติ)” อายุ 23 ปี สายที่ 2 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [4 มิ.ย. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาการสอบทหาร ซึ่งทำได้ดีในทุกรอบ แต่ตกรอบสัมภาษณ์เพราะเป็น LGBTQIA+ โดย “คุณเอ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูอยากเป็นทหาร เลยเตรียมตัวฝึกฝนจนสอบผ่าน แต่มาตกเอารอบสัมภาษณ์ เพราะหนูเป็น LGBTQIA+ หนูเคยผ่านการเป็นทหารเกณฑ์มาก่อน รู้สึกว่าระบบการทำงานมันตอบโจทย์กับหนู ถึงจะเป็นแบบนี้ก็จริง แต่หนูไม่ชอบทำงานนั่งสวย ๆ ในออฟฟิศเท่าไหร่ หนูชอบงานท้าทาย ตอนไปสอบก็พยายามแอ๊บแมน และในวันที่สอบสัมภาษณ์ ปกติแล้วคำถามในการสัมภาษณ์มันควรจะถามเกี่ยวกับองค์กรที่เราจะเข้าไปทำงานใช่ไหม? แต่อันนี้เขาไม่ถามเลย เขาถามแค่ว่า เป็นตุ๊ดใช่ไหม มีแฟนเป็นผู้ชายใช่ไหม เป็นรุกหรือเป็นรับ? เขาถามแค่เรื่องเพศสภาพของหนู เขาไม่ถามเกี่ยวกับทหารเลย หนูคิดว่าเขาคงไม่อคติขนาดนั้น เพราะในส่วนต่าง ๆ หนูทำได้ดีมาก ตอนเทสร่างกายเขาให้ว่ายน้ำ วิ่ง ดันพื้น และดึงข้อ หนูทำได้ดีเกือบทุกสนามจนหนูยังตกใจตัวเอง ขนาดกรรมการยังถามว่า ไปกินอะไรมา แต่คนที่เขาเลือกให้ผ่านเข้าไป กลับเป็นคนที่ได้คะแนนน้อยกว่าหนู ที่หนูรู้สึกว่ามันไม่แฟร์กับหนู คือ เพื่อนที่ไปสอบด้วยกัน เขาเป็นชายแท้ แต่เขาว่ายน้ำไม่ได้ ทำคะแนนได้ไม่ดี ซึ่งคะแนนเต็มทั้งหมด 200 คะแนน หนูทำได้ทั้งหมด 170 คะแนน ตอนนั้นหนูเลยไม่มีความคิดว่าจะไม่ติด เพราะเราเตรียมตัวมาดี ทำให้หนูคิดว่า พอเราเป็นแบบนี้แล้วทำไมไม่ให้โอกาสเราเลย ถ้าคุณบอกว่าการเป็นทหารต้องแข็งแรง หนูก็ทำให้เห็นแล้วว่าหนูทำได้ แล้วทำไมถึงไม่เอาหนูเข้าไป หนูน้อยใจในจุดนี้ หนูใช้เวลาทั้งหมด 8 เดือน ทั้งอ่านหนังสือ ฝึกฝน เตรียมร่างกาย หนูทำไปเพื่ออะไร? หนูออกไปวิ่งทุกเช้าทุกเย็น จริง ๆ หนูเคยไปสอบอีกสนาม หนูก็ไม่ผ่าน ซึ่งสนามนั้นหนูรู้ว่าหนูพลาดอะไร หนูเลยไม่ได้อะไรมาก แล้วในกฏเขาก็ไม่ได้มีเขียนบัญญัติไว้ว่าห้ามรับ LGBTQIA+ แถมตอนสัมภาษณ์หนูยังโดนย้ายไปห้องสอบสัมภาษณ์พิเศษ แต่ก็โดนถามแค่คำถามเดิม ๆ ที่เกี่ยวกับเพศสภาพ หนูแค่สงสัยว่า ทำไมถึงไม่เปิดโอกาสให้หนูตอบคำถามที่หนูควรจะได้ตอบเหมือนคนอื่น ๆ เพื่อที่หนูจะได้โชว์ว่าหนูทำได้ หนูเสียใจเพราะมันเป็นปีสุดท้ายที่หนูจะสมัครได้ เพราะเขารับอายุไม่เกิน 24 ปี แล้วปีนี้หนูกำลังจะครบอายุ 24 ปี เรื่องนี้ผ่านมา 3 เดือนแล้ว แต่หนูไม่สามารถปล่อยวางได้เลย หนูเลยอยากได้คำปลอบใจจากพี่ ๆ ดีเจว่า หนูควรทำยังไงดี?’ ซึ่ง “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ก็เคยเจอแบบหนูเหมือนกัน เคยโดนกีดกันไม่ให้เป็นพิธีกรโรงเรียน แต่พี่ก็ไม่ได้สนใจ พี่แค่อยากจะบอกเอว่ามันก็ไม่แฟร์จริง ๆ แต่เรื่องแบบนี้มันก็สามารถเกิดขึ้นได้แหละในชีวิตจริง เข้าใจแหละว่าเสียใจ แต่ถ้าเราไม่ยอมแพ้ และไม่มองว่าอาชีพนี้เป็นอาชีพสุดท้ายที่เอจะทำได้ ถ้าเอเปิดใจมันยังมีทางอื่นให้เอได้ลองทำอีกนะ ไม่อยากให้เอาสิ่งที่เกิดขึ้นไปตัดสินคุณค่าในตัวเอง’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เข้าใจในสิ่งที่เอเจอนะ ไม่อยากให้เอคิดว่ามันเป็นความผิดของเอ เราไม่รู้หรอกว่าเหตุผลจริง ๆ คืออะไร มันยังมีหลายที่ ๆ เขาโอเคกับความเป็นตัวเรา เราเป็นคนมีความสามารถและความตั้งใจ พี่เชื่อว่ามันจะทำให้เอสามารถไปยังอาชีพอื่น ๆ อีกมากมาย’ ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ได้คำคำปรึกษาว่า ‘เอดีเกินไปที่จะเข้าไปอยู่ในระบบราชการไทย หนูสามารถไปทำอะไรได้เยอะกว่านี้ ถ้าหนูเข้าไปหนูก็อาจจะโดนกลืนกิน เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ และเขาก็ไม่เชื่อว่าหนูจะทำมันได้อยู่แล้ว คนที่มุ่งมั่นขนาดนี้ สามารถสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ได้แน่นอน แค่ที่นั่นไม่ได้เหมาะกับเรา’ และสุดท้าย ดีเจทั้ง 3 คน ได้ให้ความเห็นตรงกันว่า ‘อย่าด้อยค่าตัวเองและอย่าหยุดพยายาม ปล่อยให้ตัวเองไปเจอสิ่งที่ดีกว่าแล้วเราจะใช้ชีวิตแบบมีความสุข’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ผิดปกติไหมคะ? เราไปสมัครงานบริษัทแห่งหนึ่ง เป็นบริษัทใหญ่ของต่างประเทศ เอ๊ะแรก ขอถ่ายบัตรประชาชนหน้า-หลัง เอ๊ะสอง ให้เซ็นรับรองบัตรประชาชนแบบห้ามขีดทับบัตร ทุกคนว่าแปลกไหมคะ

22 ก.ค. 2025

ผิดปกติไหมคะ? เราไปสมัครงานบริษัทแห่งหนึ่ง เป็นบริษัทใหญ่ของต่างประเทศ เอ๊ะแรก ขอถ่ายบัตรประชาชนหน้า-หลัง เอ๊ะสอง ให้เซ็นรับรองบัตรประชาชนแบบห้ามขีดทับบัตร ทุกคนว่าแปลกไหมคะ

“คุณปลา (นามสมมติ)” อายุ 25 ปี เป็นสายที่ 6 ในรายการ "พุธทอล์ค พุธโทร" เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (16 กรกฎาคม 2568) ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจต้นหอม - ดีเจเติ้ล - ดีเจตู่ภพธร” เกี่ยวกับปัญหาญาติไปสมัครงาน แล้วโดนขอสำเนาบัตรประชาชนทั้งหน้าและหลังบัตร แล้วห้ามขีดทับข้อมูล โดย “คุณปลา (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ช่วงนี้ญาติของหนูเขากำลังหางานอยู่ ก็มีการหว่านเรซูเม่ตาม platform ต่าง ๆ คราวนี้ก็มี recruit ติดต่อเข้ามาให้สัมภาษณ์ที่บริษัทแห่งหนึ่ง เป็นบริษัทใหญ่ในต่างประเทศ มีการเข้าไปสัมภาษณ์เรียบร้อย สัมภาษณ์เสร็จกลับมาบริษัทก็ไม่ได้มีการแจ้งผลกลับมาว่าผ่าน แต่เป็นทาง recruit ติดต่อกลับมาแทน ขั้นตอนต่อไปคือให้ญาติหนูส่งเอกสารต่าง ๆ และสลิปเงินเดือน แต่ติดที่สำเนาบัตรประชาชน ทาง recruit เขาขอสำเนาบัตรประชาชนทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เพราะถ้าแค่ยืนยันตัวตนแค่ด้านหน้าก็พอแล้วไหม เคยปฏิเสธไปแล้วแต่เขาก็บอกว่าทางนู้นขอมา แล้วเขาก็แจ้งว่าไม่ให้ขีดคร่อมบัตรหรือบังข้อมูลในบัตรประชาชน ให้เซ็นในที่ว่างเท่านั้น เลยอยากสอบถามดูว่าแบบนี้คือแปลกไหมและกลัวว่าถ้าปฏิเสธไปจะไม่ได้งาน?’ ซึ่ง “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ปกติเดี๋ยวนี้เขาไม่เอาข้างหลังบัตรกันแล้ว แต่คิดว่ามันไม่เป็นผลถ้าเราไม่ให้เอกสารแล้วจะไม่ได้งาน ถ้าคุณสมบัติเราผ่านแล้ว เขาก็ไม่น่าจะเอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็น อยากให้เช็คดี ๆ เกี่ยวกับบริษัทและคนที่ติดต่อเข้ามา หรือไม่ก็ให้ลองติดต่อ HR ไปเองเลย น่าจะได้คำตอบ’ ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ได้คำคำปรึกษาว่า ‘ถ้าไม่ขีดคร่อมบัตรเคยเจอ แต่ไม่ต้องถ่ายหลังบัตรก็ได้ เอาแค่หน้าบัตรแล้วแจ้งเขาไปว่าไม่สะดวกส่งหลังบัตร เพราะมันเป็นข้อมูลที่ส่วนตัวมาก ๆ แล้วลงรีวิวในโซเชียลถามเลยว่าใครเคยเจอบ้าง’ และสุดท้าย “ดีเจตู่ ภพธร” ได้คำคำปรึกษาว่า ‘สำหรับผมต่อให้เราขีดคร่อมทับข้อมูลไป แต่ถ้าคนมันจะเอาไปทำอะไรไม่ดี มันก็เอาไปทำได้อยู่แล้ว’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

อายุ 24 ปี ทำสวนทุเรียนกับที่บ้าน ได้โบนัส 2 แสนต่อปี อุทิศตัวให้กับครอบครัวจนไม่มีความสุขเป็นของตัวเอง ทำยังไงก็ยังดีไม่พอ แต่พ่อก็บอกว่าเราต้องเก่งให้ได้ทุกอย่างความพอใจของเราเลยขึ้นอยู่กับพ่อ จะเลิกยึดติดกับความพอใจของพ่อยังไงดีคะ?

07 ก.พ. 2025

อายุ 24 ปี ทำสวนทุเรียนกับที่บ้าน ได้โบนัส 2 แสนต่อปี อุทิศตัวให้กับครอบครัวจนไม่มีความสุขเป็นของตัวเอง ทำยังไงก็ยังดีไม่พอ แต่พ่อก็บอกว่าเราต้องเก่งให้ได้ทุกอย่างความพอใจของเราเลยขึ้นอยู่กับพ่อ จะเลิกยึดติดกับความพอใจของพ่อยังไงดีคะ?

“คุณบี (นามสมมติ)” อายุ 24 ปี สายที่หนึ่งในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [5 ก.พ. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาความพอใจของเราขึ้นอยู่กับพ่อ โดย “คุณบี (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูเป็นลูกสาวคนเล็ก ทำสวนทุเรียนกับครอบครัวมา 5 ปีแล้ว ที่สวนได้รายได้ปีละ 6 ล้าน หนูได้โบนัสปีละ 2 แสน ไม่มีเงินเดือน แต่ถ้าเป็นของใช้ในบ้าน ค่าข้าว ก็จะเป็นเงินพ่อแม่ เงินโบนัสหนูก็เอาไปใช้ส่วนตัว ซึ่งตอนนี้หนูมีความรู้สึกว่าหนูชอบเอาคุณค่าของตัวเองไปผูกติดอยู่กับความพึงพอใจของพ่อมากเกินไป พ่อหนูอายุ 59 ปี พ่อเป็นคนที่เก่งมากๆ เก่งทุกอย่างรอบด้าน งานในสวนหนูแฮปปี้ แต่ว่าหนูไม่แฮปปี้กับความถูกกดดันว่าจะต้องเก่งมากๆ ถ้าเกิดว่าหนูได้รับคำชมหนูก็จะรู้สึกดีมาก แต่ถ้าวันไหนหนูถูกตำหนิ หรือถูกเข้าใจผิด เขาก็จะมองว่าหนูฉลาดน้อย บริหารงานแบบไม่ถูก บางทีหนูมีแผนงานของหนู มันก็ไม่ได้ผิด ไม่ได้เสียหาย หนูมีเหตุผลในการทำงานมากพอ มันเลยทำให้หนูรู้สึกเฟล เป็นรุ่นพ่อกับเป็นรุ่นลูกก็มีวิธีคิดที่ต่างกันมากแล้ว เช่น รถไถ รถตัดหญ้า กลไกในเครื่องยนต์ เครื่องจักร หนูรู้สึกว่าหนูน้อยใจตัวเองที่ว่าทำไมหนูไม่เก่ง รู้สึกว่าหนูช่วยอะไรเขาไม่ได้ คือทุกอย่างหนูทำได้หมดเลยยกเว้นเรื่องนี้ สมมติถ้าเกิดว่ามันมีปัญหาขัดข้องขึ้นมา ก็จะมีแค่พ่อคนเดียวที่ทำเป็น หนูก็จะรู้สึกแย่เองคนเดียวที่ช่วยอะไรไม่ได้เลย ถึงพ่อไม่ได้ว่าหนูตรงๆ แต่พ่อพูดว่าเราจะต้องเก่งให้ได้ทุกอย่าง หมายถึงเราจะต้องสมบูรณ์แบบในเรื่องนี้นะ ต้องรู้ทุกอย่างรอบตัวในการทำสวนทุเรียน ก่อนหน้านี้เขาก็ค่อนข้างกดดันหนู แต่พอมาถึงตอนนี้เขาก็มีทัศนคติใหม่ที่ว่า ไม่ต้องจริงจังเรื่องเรียนมากก็ได้ ออกมาทำสวนดีกว่า มันคือของจริง แต่มันก็เป็นความคิดที่หลังจากที่หนูเรียนจบแล้ว และหนูยังไม่มีครอบครัว คือ ถ้ามีครอบครัวปุ๊บเขาถึงจะแบ่งสวนให้ เคยไประบายเรื่องนี้กับพี่สาว พี่กับหนูห่างกัน 13 ปี พี่เป็นคนที่ค่อนข้างดื้อ พี่ไม่ค่อยได้อยู่กับพ่อ คือเขาเรียนสูง จบป.โท ไปเรียนต่างจังหวัด พอกลับมาก็ทำงานข้างนอก ไม่ได้มาทำสวน แล้วพี่ก็ไปเจอกับแฟน แต่งงานกัน แล้วก็ย้ายออกไปอยู่ด้วยกันเลย พ่อก็แบ่งสวนให้ทำแบบส่วนตัว พี่สาวก็บริหารแบบ ถ้าพ่อทำอะไรฉันทำด้วย แค่ทำตามไม่ได้คิดเองเท่าไหร่ ตอนแรกพ่อก็โฟกัสที่พี่สาว แต่เขาดื้อกว่าหนู คิดจะไปเขาก็ไปเลย พอพ่อเริ่มแก่ลง เริ่มมาคาดหวังว่าลูกจะต้องมาสานต่องานของเขา อีกอย่างคือเขาเป็นคนติดลูก ไม่อยากให้ลูกไปไหนเลย ไม่อยากให้ไปเรียนต่างจังหวัด ไม่อยากให้ไปทำงานข้างนอก จะต้องทำสวนเท่านั้น อันนี้คือความคิดที่เขาปักหมุดปักธงไว้เลย ซึ่งหนูเป็นคนที่ตามใจพ่อ หนูยอมไม่เรียนป.ตรี หนูจบปวส. และมาช่วยเขาทำสวนเลย ถ้าเขาไม่ได้บังคับให้ทำสวนทุเรียน หนูก็อยากไปเรียนต่อสายสถาปัตย์ แต่คือตอนนี้หนูชอบทำสวน แต่พอหนูมีความคิดเป็นของตัวเอง เลยแค่รู้สึกอึดอัดที่อยู่ภายใต้อานัส (คำสั่ง) ของเขา จนหนูไม่เป็นตัวเองแบบนี้ หนูอยากเลิกเอาความพอใจของตัวเองไปผูกกับความพอใจของพ่อ บางทีหนูก็อยากไปเที่ยวต่างจังหวัด ไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง โดยที่ไม่ได้สนใจงานจนมีความสุข แต่หนูเป็นคนที่ค่อนข้างห่วงที่บ้าน ห่วงงาน ห่วงพ่อกับแม่มาก เหมือนถวายตัวทุกอย่างเพื่องาน เพื่อที่บ้าน หนูเคยบอกว่าจะไปเที่ยว เขาก็ให้ไป ไม่ได้ห้าม แต่บรรยากาศก็จะตึงๆ ประเด็นหลักเลย คือ หนูไม่เคยดื้อเลย จนหนูรู้สึกว่าถูกครอบงำ ถูกยัดความคิดของพ่อทุกอย่างมาใส่ในตัวหนู หนูมองไปที่คนอื่น แต่คนอื่นก็ดื้อจนได้ทำสิ่งที่เขาต้องการ หนูเคยพูดกับแม่ว่าถ้าหนูไม่ได้เก่งหรือสมบูรณ์แบบ แบบที่พ่อหวังยังจะยินดีที่มีหนูเป็นลูกอยู่ไหม? หนูเลยอยากถามพี่ๆ ดีเจว่า จะทำยังไงถึงจะเลิกยึดติดกับความพอใจของพ่อคะ?’ เริ่มที่ “ดีเจผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่เคยอ่านเจอว่า เวลาคนเราทำอะไรจงทำให้ตัวเองภูมิใจ อย่าทำอะไรเพื่อให้คนข้างๆ ภูมิใจ จงดีกว่าตัวเองในเวอร์ชั่นก่อน อย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใคร สิ่งที่ดีที่สุดเวลาทำอะไรสักอย่างแล้วรู้สึกภูมิใจในตัวเองจังเลย นี้คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรา มันเป็นการเปลี่ยนมุมมองความคิดของตัวเอง ลองเปรียบมุมมองของตัวเอง ดูว่าเมื่อวานเราทำอะไรผิดพลาด พอมาวันนี้เราทำได้ ทำดีขึ้น อยากให้ภูมิใจกับตัวเอง ให้แยกกับสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่แสดงออกมา วิธีการที่คุณพ่อคุณแม่บีจะสอน หรือถ่ายทอด จะทิ้งมรดกอะไรไว้สักอย่างหนึ่ง มันต่างจากพ่อแม่ในยุคปัจจุบัน สุดท้ายแล้วเจตนา เนื้อแท้ในใจพ่อไม่ได้มีอะไรเลย นอกจากอยากให้ลูกสบายในวันที่ตัวเองไม่อยู่แล้ว ช้าหรือเร็ว สุดท้ายพ่อแม่ก็จะจากไป สิ่งที่เขาจะทิ้งไว้ให้บี คือสวนทุเรียนแห่งนี้ ซึ่งมันมีหลายวิธีมากที่จะสอน แต่คุณพ่ออายุ 59 แล้วเขามีแค่วิธีเดียวคือ ยัดให้บี บีต้องเก่ง บีต้องรู้ทุกอย่าง เพราะวันที่เขาไม่อยู่ บีจะได้ทำมันได้ แต่ในมุมของบี บีไม่เห็นจะต้องรู้ทุกอย่าง ไม่รู้วิธีการซ่อมรถไถก็จ้างแค่คนมา วิธีการคิดมันคนละโลกกันเลย แต่เจตนามันคือเจตนาเดียวกัน ฉะนั้นถ้าบีเปลี่ยนมุมมองได้ทั้งสองเรื่อง บีจะเข้าใจในความเป็นเขาและบีจะทำเพื่อให้ตัวเองภูมิใจ เพราะเราไม่สามารถเปลี่ยนวิธีการของพ่อในวัย 59 ปีได้แล้ว ถ้าบีช่างมันได้ในบ้างประโยค เข้าใจและรับฟัง หันหลังเดินกลับพรุ่งนี้ตื่นมาใช้ชีวิตต่อ บีทำสวนทุเรียนได้ 6 ล้านต่อปี มันแทบจะไม่มีอาชีพไหนที่ได้เยอะขนาดนี้แล้ว ลองเอาชนะตัวเองค่อยๆ ทีละเรื่อง ให้ดีกว่าเมื่อวาน’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เรื่องที่ทุกคำของคุณพ่อมันส่งผลกับหนู พี่ก็จะขอตอบว่า บีต้องโฟกัสคำตอบของเรื่องต่างๆ ในชีวิต ที่มาจากตัวเอง ไม่ใช่มาจากคุณพ่อ เช่น ถ้าบีเลือกที่จะทำสวนทุเรียน ไม่ได้เลือกเรียนสถาปัตย์ที่บีชอบ บีต้องหาคำตอบให้กับตัวเองว่า เลือกเพราะว่ามันเป็นสิ่งที่จะได้ช่วยเหลือครอบครัว หรือเลือกเพราะว่ามันจะดีกับอนาคตของตัวเอง แต่ว่าถ้าทำไปได้รายได้ปีละ 6 ล้าน ในอนาคตมันก็ถือว่าเป็นอาชีพที่ยั่งยืน หรือเรื่องเครื่องจักรถ้าวันนี้เราเรียนรู้มัน ก็จะมีประโยชน์กับสวนแน่ๆ เพราะพี่ก็เป็นเหมือนกัน พอมีช่างมาซ่อมถ้าเราไม่รู้ เราก็จะไม่รู้ว่าเขาโกงเราหรือเปล่า พี่ก็เข้าใจในมุมของพ่อบี เพราะพี่รู้สึกว่าเขาน่าจะมีปัญหาเรื่องการสื่อสาร เขาเลี้ยงบีมาแบบ ถ้ามันทำไม่ดีก็ด่ามันไปตรงๆ ถ้ามันทำดีก็ชมมันจะได้ทำต่อไปเรื่อยๆ มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรก ถ้าบีไม่ได้ทำสวนทุเรียนเพื่อที่อยากให้พ่อบอกว่า บีเป็นลูกที่ดี พี่ว่ามันจะเป็นประโยชน์ต่อตัวบีมากกว่า ถ้าทำอะไรให้โฟกัสไปที่เราทำสิ่งนี้ไปเพื่ออะไร ไม่ใช่ทำเพื่อดูว่าพ่อเขาชอบหรือไม่ชอบ’ และสุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘งานที่บีทำอยู่มันไม่ง่าย แต่บีโชคดีที่พ่อบีรู้ทุกอย่าง เหมือนบีเป็นความหวัง เขาเลยอยากเอาสิ่งที่รู้ทั้งหมดมาใส่ที่ตัวบี มันเลยทำให้บียากกว่าคนอื่น เหนื่อยกว่าคนอื่น แต่พี่มองว่าบีเก่งนะ บีอายุ 24 บีสามารถมีโบนัสปีละ 2 แสน พี่เลยไม่รู้ว่าจะต้องแนะนำอะไรบี เพราะบีเก่งอยู่แล้ว แค่บีไปต่อด้วยความเข้าใจ เอามายเซ็ทของพี่เผือกและพี่เติ้ลบวกๆ ไปแล้วใช้ชีวิตต่อ บีรักในสวนทุเรียน แล้วพ่อก็รักในสวนทุเรียน แค่ทั้ง 2 คน มีระหว่างทางที่วิธีคิดมันต่างกัน แต่เป้าหมายเหมือนกันเลย แค่ลองเปลี่ยนมุมมองดู’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

คนกลางลำบากใจที่สุด... ลูกสาวโทรปรึกษา 3 ดีเจในรายการ คุณพ่อจับได้ว่า คุณแม่คุยกับเพื่อนสนิทผู้หญิงคนหนึ่งในเชิงชู้สาว สุดท้ายแม่ยอมรับว่าทั้งคู่ “ต่างคนต่างรู้สึก” เหมือนกัน และต่างคนก็ต่างมีสามีกันอยู่แล้ว พีคสุด! สามีฝั่งนู้นก็รับรู้และรับได้

08 ก.ย. 2023

คนกลางลำบากใจที่สุด... ลูกสาวโทรปรึกษา 3 ดีเจในรายการ คุณพ่อจับได้ว่า คุณแม่คุยกับเพื่อนสนิทผู้หญิงคนหนึ่งในเชิงชู้สาว สุดท้ายแม่ยอมรับว่าทั้งคู่ “ต่างคนต่างรู้สึก” เหมือนกัน และต่างคนก็ต่างมีสามีกันอยู่แล้ว พีคสุด! สามีฝั่งนู้นก็รับรู้และรับได้

คนกลางลำบากใจที่สุด... ลูกสาวโทรปรึกษา 3 ดีเจในรายการคุณพ่อจับได้ว่า คุณแม่คุยกับเพื่อนสนิทผู้หญิงคนหนึ่งในเชิงชู้สาวสุดท้ายแม่ยอมรับว่าทั้งคู่ “ต่างคนต่างรู้สึก” เหมือนกันและต่างคนก็ต่างมีสามีกันอยู่แล้ว พีคสุด! สามีฝั่งนู้นก็รับรู้และรับได้ตอนนี้พ่อเสียใจมาก อยากจะออกจากบ้าน แต่ไม่รู้จะไปนอนที่ไหน... “คุณกิ๊ฟ (นามสมมุติ)” อายุ 27 ปี สายแรกในรายการ “พุธทอล์ค พุธโทร” เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [6 ก.ย. 66] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาเรื่องแม่ไปมีความสัมพันธ์กับเพื่อนที่เป็นผู้หญิง โดย “คุณกิ๊ฟ (นามสมมุติ)” เล่าว่า ‘เมื่อก่อนพ่อกับแม่เคยอยู่ที่กรุงเทพฯ แล้วก็ 3 ปีที่ผ่านมา กลับไปอยู่ที่ต่างจังหวัด ไปปลูกบ้านใกล้ๆกับบ้านของตา จะได้ดูเเลตากับยาย ในช่วงแรกแม่เขาก็รู้สึกนอยด์ๆ เพราะตอนที่เขาอยู่กรุงเทพฯ เขาเคยมีรายได้ รู้สึกมีประโยชน์ แต่พอมาอยู่ที่นี่เขาไม่มีรายได้ แล้วเขาก็เหงา ซึ่งพ่อของหนูก็หางานที่ใกล้ๆบ้านเเล้วก็ได้งาน โดยเงินที่ใช้ในแต่ละเดือนก็จะมาจากเงินเดือนของพ่อ เมื่อช่วงประมาณต้นปีที่ผ่านมา ก็มีเพื่อนของเเม่ที่เป็นผู้หญิง ไม่ได้คุยกันมาประมาณ 10 ปีเเล้ว เขาเหมือนตั้งใจจะมาที่บ้านตา เพื่อจะมาขอที่อยู่ของเเม่ที่กรุงเทพฯ เพราะคิดว่าเเม่ยังอยู่ที่กรุงเทพฯ หลังจากนั้นแม่กับเพื่อนของแม่ก็ได้เจอกันพอดี เหมือนเขาก็ปรับความเข้าใจ กลับมาคุยกันเป็นเพื่อนกัน สำหรับครอบครัวฝั่งเพื่อนของแม่ เหมือนครอบครัวเขาจะมีปัญหาหลายเรื่อง เขาก็เลยจะมาหาเเม่อาทิตย์ละครั้ง มานั่งคุย ปรึกษา ทำอะไรกินด้วยกัน เเล้วเวลาเขามา เขาก็จะคอยใส่ใจ ซื้อของกินมาให้ตลอด จนเมื่อช่วงประมาณต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา แม่ก็ไปสารภาพกับเพื่อนว่าแม่รู้สึกกับเพื่อนคนนี้เกินเพื่อนไปแล้ว แล้วเพื่อนเเม่ก็ตอบกลับมาว่าก็รู้สึกเหมือนกัน เเต่ทางนั้นเขาก็มีสามี มีลูก ลูกอายุเท่าๆกับหนูเลย หลังจากนั้นเหมือนพ่อเริ่มสังเกตอาการได้ พ่อก็เลยแอบไปดูในไลน์ เขาก็เห็นว่าคุยกัน ใช้คำหวานๆ คลั่งรัก จากที่พ่อแคปแชทมาให้ดู เขาคุยเหมือนเป็นแฟนกัน พ่อรับไม่ได้ พ่อกับแม่ก็เลยทะเลาะกัน ทำให้พ่อต้องออกจากบ้านไป เเล้วเขาก็กลับมาคุยกัน พ่อก็ขอให้แม่หยุดได้ไหม? แล้วก็ให้กลับมาเป็นครอบครัวกันเหมือนเดิม แต่แม่บอกว่า เขาไม่ได้รู้สึกกับพ่อแบบนั้นแล้ว เขารู้สึกว่าที่ผ่านมาเหมือนพ่อละเลยเขา ไม่ค่อยสนใจเขา เวลาอยากจะไปไหนก็ไม่ไป จนมาวันนี้เขาก็ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเเล้ว แต่เขาก็ไม่ได้อยากจะไล่พ่อออกไปนะ แต่ถ้าจะอยู่ก็อยู่เป็นเพื่อนกัน แต่พ่อก็รับไม่ได้ พ่อรู้สึกว่าอยากให้แม่รักพ่อเหมือนเดิม เหมือนเมื่อก่อน ไม่ใช่ไปรักคนอื่น พอเป็นคนกลางก็คือฟังจากทางเเม่ด้วย บางทีในมุมเเม่เขาก็จะรู้สึกว่า ฉันก็ถูกละเลยมาหลายปีเเล้ว ในมุมพ่อ แม่ไม่เคยพูดเขาก็ไม่รู้ เขารู้สึกว่าอันนี้ก็คือปกติที่เคยทำ แต่ก่อนก็ไม่เคยเห็นเป็นอะไร ก็เลยไม่รู้ว่าจะต้องรักษาความรู้สึกทั้งพ่อกับแม่เราควรจะทำยังไงดี? เพราะเเม่ก็ไม่ได้อยากจะเลิกกับพ่อ เพื่อที่จะไปอยู่กับเพื่อนสองคน จริงๆพ่อก็อยากออกไป แต่ก็ไม่รู้จะไปไหน ก็เลยเป็นห่วงพ่อว่าจะไปอยู่ที่ไหน หนูเคยคุยกับเเม่ว่าไม่เอาได้ไหม? แม่ก็พูดมาคำหนึ่งว่า มันคือความสุขของเขา เเค่เหมือนได้คุยก็มีความสุขเเล้ว จากที่ถามเเม่มา ครอบครัวทางฝั่งนู้น เขารู้เเล้วเขาก็รับได้ มีเเต่พ่อที่รับไม่ได้ แม่เขาก็บอกว่าเหมือนเป็นเพื่อนคนนึงที่สบายใจของเขา เข้าใจเขา... หนูก็เลยอยากปรึกษาพี่ๆดีเจว่า ทำยังไง จะไม่ให้พ่อกับเเม่เสียใจดี? งานนี้ “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘คนที่ดูน่าสงสารที่สุดคือ คุณพ่อ คนที่จะได้รับการเยียวยาคนแรกจากกิ๊ฟก็คือคุณพ่อ คนอยู่ด้วยกันเป็น 20 - 30 ปี คำว่าละเลยกับการทำทุกอย่างเป็นปกติ มันมีเส้นบางๆ ถ้ายังรักกันอยู่ ก็มองว่ามันเป็นปกติ มันไม่เคยเป็นเรื่อง เเต่พอวันหนึ่งไม่ได้รักกันเเล้ว มันก็กลายเป็นเรื่องละเลย มันก็แอบไม่เเฟร์กับคุณพ่อเหมือนกัน ส่วนวิธีเยียวยาคุณพ่อ กิ๊ฟก็ชวนพ่อคุยทำนู้นนี่ แล้วค่อยๆแอบถามพ่อมีอะไรจะคุยหรือเปล่า? หลังจากนั้นก็ค่อยว่ากัน คือดูแลให้เขามีเพื่อน และฝั่งคุณเเม่ก็ทำไรมากไม่ได้ ทำได้เเค่เตือนว่าสิ่งที่เเม่มองว่าเป็นเรื่องเล็ก เป็นเพื่อนกัน เป็นความสุข กิ๊ฟอยากให้เเม่ระวังว่า ผลกระทบของความสุขของเเม่เนี่ยมันทำให้คนรอบข้างเป็นทุกข์หรือเปล่า มันก็ทำได้เเค่เตือน ทางด้าน “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘คนที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็น่าจะเป็นคุณพ่อ เป็นการนอกใจที่ชอบผู้หญิงเหมือนกันอีก ซึ่งก่อนหน้าก็ไม่น่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น เพราะว่าเขาเป็นภรรยาของคุณพ่อมานานมากแล้ว พี่จะไม่บีบบังคับให้พ่อยอมรับ เพราะตอนนี้เเม่คุณกิ๊ฟต้องการแบบนั้น ซึ่งพี่รู้สึกว่ามันไม่แฟร์ ถ้าสถานการณ์กลับกันไม่ว่าจะฝั่งไหน มันก็ยอมรับไม่ได้เลย มันเห็นแก่ตัวไปนิดนึง พี่ก็คงบอกว่าถ้าพ่อไม่ไหว พ่อมีสิทธิ์ที่จะไปนะ มันเศร้าตรงที่พอรู้ว่า ภรรยาตัวเองมีคนอื่นเเล้ว เเต่ตัวเองยังอยู่ในพื้นที่บ้านตาบ้านยาย ณ ตอนนี้พี่คิดว่าเเม่จะอยู่บ้านคนเดียวได้อย่างมีความสุข ส่วนฝั่งคุณเเม่ ถ้าตอนนี้คุณแม่ค้นพบว่าฉันชอบเพศเดียวกัน พี่ก็จะตามใจเขา แต่ที่เเม่บอกพ่อละเลย ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริง อาจจะเป็นคำอ้างก็ได้ แต่ถ้าเป็นจริงพี่ก็คงพูดกับเเม่ว่า ลองให้โอกาสพ่อไหม เพราะเขาไม่เคยพูดกับพ่อเลย ตอนนี้มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ เราเป็นลูก เราก็ทำได้เเค่ใครที่เสียใจเราก็ให้กำลังใจ เป็นเรื่องที่เขามีสิทธิ์ที่เขาจะทำได้ เลือกทางเดินชีวิตตัวเองเเล้ว สุดท้าย...เขาเลือกเเล้ว ถ้าเขามีความสุขกับทางที่เขาเลือกจริงๆ พี่ก็โอเคกับทั้งสองฝ่าย สำหรับพี่เขาก็คือพ่อเเละเเม่ที่พี่ก็ยังรักอยู่ดี และ “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘สิ่งที่ทำ มันก็คือการนอกใจ ส่วนบ้านนู้นก็ถามเลยว่า เขารับได้จริงๆใช่ไหมที่เขาคบกัน ถ้ารับได้จริงๆ ทางนี้ก็จะได้เปิดทางให้ที่รับได้นี่ทางนู้นอาจจะรู้เเค่ว่าเป็นเเค่เพื่อนหรือเปล่า ไม่ได้คลั่งรักขนาดนี้ ถ้าบ้านเขารับได้จริงๆเราทำได้เเค่ปล่อยอย่างเดียวเลย เราต้องมาฮีลใจคุณพ่อ แล้วก็คุยกับเเม่ ถ้าเเม่พูดว่านี่ คือความสุขของเเม่ เราก็บอกแม่ไปเลยว่า มันเป็นความสุขที่ได้มาโดยไม่ถูกต้อง ความสุขเเบบนี้มันเรียกเห็นแก่ตัว แล้วเราก็หันมาทางพ่อ การที่อยู่กับคนที่ไม่ได้รักเรามันเจ็บกว่าการที่จบเเล้วเดินออกไปมากกว่า สิ่งที่เยียวยาพ่อได้ดีที่สุดก็คือลูก เพราะตอนนี้ดูแล้วแม่กู้ไม่กลับเเล้ว เพราะฉะนั้นต้องดูเเลพ่อให้รู้สึกว่าอย่างน้อยลูกคือความหวังของพ่อ ให้กำลังใจพ่อ ถ้าพ่อคิดว่าตอนนี้พ่อทนได้ พ่ออยู่ไปก่อน แต่บอกล่วงหน้าเลย สิ่งที่พ่อทำอยู่มันเสียเวลา เเต่ถ้าพ่อรู้สึกว่าพอแล้ว พ่อปิดประตูบานนี้เเล้วเดินออกมา ให้ทางเลือกกับเขา บอกเขาว่าเราเข้าใจเขา... สุดท้ายนี้...พี่ๆดีเจก็เข้าใจคุณกิ๊ฟ ขอเป็นกำลังใจให้กับคุณกิ๊ฟ ขอให้เรื่องราวผ่านไปได้ด้วยดีเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1