หนูโสดมาเกือบ 10 ปี อยากมีแฟนแต่อีกใจก็อยากอยู่คนเดียว… สรุปต้องทำยังไงดีคะ? ความโสดของหนูผิดปกติมั้ย? หรือสิ่งที่ผิดปกติคือตัวหนูเอง

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

หนูโสดมาเกือบ 10 ปี อยากมีแฟนแต่อีกใจก็อยากอยู่คนเดียว… สรุปต้องทำยังไงดีคะ? ความโสดของหนูผิดปกติมั้ย? หรือสิ่งที่ผิดปกติคือตัวหนูเอง

28 ก.พ. 2025

            “คุณดา (นามสมมติ)” อายุ 28 ปี สายที่สี่ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [26 ก.พ. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจอั๋น - ดีเจเติ้ล - ดีเจอ้อย เกี่ยวกับปัญหาการโสดมา 10 ปีแล้ว สบายใจมาก แต่ก็อยากมีแฟน

            โดย “คุณดา (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูโสดมาตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปัจจุบันเกือบ 10 ปีแล้ว ช่วงที่เรียนจบก็ดันตรงกับช่วง Covid-19 พอดี ทำให้ไม่ค่อยได้ออกไปไหน เลยมีโอกาสได้ทำ YouTube , เขียนข่าว และอ่านข่าวในช่องของตัวเอง ซึ่งงานลักษณะนี้ทำให้หนูไม่มีเพื่อนร่วมงานเลย และเวลาทำงาน หนูก็จะปิดกั้นทุกอย่างที่ไม่เกี่ยวข้องกับงาน ถึงขนาดกดปิดกั้นดาราหรือเรื่องราวที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานของตัวเอง

            จนวันหนึ่งจู่ ๆ มีผู้ชายโผล่ขึ้นมาในไอจีของหนู ตอนนั้นตกใจมากแบบ “เห้ย! ผู้ชาย!” เพราะปกติหนูไม่ได้เห็นผู้ชายแปลกหน้าบนฟีดตัวเองเลย แต่ต้องบอกก่อนว่า หนูเล่นแอปหาคู่มาตลอด ตั้งแต่เรียนจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเจตนาในการเล่นไม่ใช่เพราะอยากหาแฟน แต่แค่เล่นขำ ๆ คลายเหงา บางครั้งก็มีการแลก Instagram กัน ทำให้ได้เห็นไลฟ์สไตล์ของอีกฝ่าย แต่ไม่เคยพัฒนาไปเป็นความสัมพันธ์จริงจัง เวลามีคนเข้ามาจีบ หนูก็มักจะบอกว่า “เราหาเพื่อนนะ ไม่ได้หาแฟน” แล้วสุดท้ายก็ตัดบทว่า “โอเค เป็นเพื่อน เป็นพี่น้องกันเถอะ” มันก็จะจบแบบนี้

            ล่าสุดตอนนี้แม่เริ่มกังวลว่าหนูจะไม่มีแฟน ถึงขั้นไปดูดวงกับหลวงพ่อ ซึ่งท่านบอกว่า อายุ 27 - 28 ปี เดี๋ยวก็มีเอง แต่ตอนนี้หนูอายุ 28 แล้ว ก็ยังไม่มีใครเข้ามาสักที หนูเคยลองออกเดทมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้พัฒนาไปมากกว่านั้น จริง ๆ แล้วหนูอยากมีแฟนแค่ 20% แล้วส่วนที่เหลือหนูรู้สึกว่าการอยู่คนเดียว เป็นโสดมันก็ดีไปอีกแบบนะ หนูเลยอยากจะปรึกษาพี่ ๆ ดีเจว่า ความโสดของหนูมันผิดปกติไหม? ลึก ๆ แล้วหนูก็อยากมีแฟนบ้างก่อนอายุ 30 เพราะเพื่อน ๆ มีแฟน มีครอบครัวกันไปหมดแล้ว แต่หนูก็ยังอยู่ในสถานะเดิม คือ...โสด’

            ทางด้านดีเจทั้ง 3 ท่าน “ดีเจอั๋น - ดีเจเติ้ล - ดีเจอ้อย” ให้ความคิดเห็นไปในทางเดียวกันว่า ‘การไม่มีแฟนหรือการเป็นโสดไม่ใช่เรื่องแปลก และไม่ใช่สิ่งที่ผิดปกติแต่อย่างใด ความรักเป็นเรื่องของจังหวะและโอกาส หากเรายังไม่มีแฟน ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องรีบหาหรือพยายามมีให้ได้ตามกรอบเวลาที่สังคมกำหนด สิ่งสำคัญคือการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในแบบของตัวเอง แต่ลึก ๆ แล้วเรารู้สึกว่า อยากมีแฟน อาจต้องเปิดใจ เปิดหู เปิดตา และเปิดโอกาสให้ตัวเองได้เจอผู้คนใหม่ ๆ บ้าง ลองทำกิจกรรมที่หลากหลาย ออกไปพบปะผู้คน หรือให้โอกาสตัวเองได้ทำความรู้จักกับคนที่เข้ามาในชีวิต อย่าปิดกั้นตัวเองจนเกินไป และไม่จำเป็นต้องบังคับตัวเองว่าต้องมีแฟน ทุกอย่างควรเป็นไปตามธรรมชาติ หากวันหนึ่งเจอคนที่ใช่และรู้สึกสบายใจ ความสัมพันธ์ก็จะเกิดขึ้นเองโดยไม่ต้องฝืน’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 20.00 – 23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ทำยังไงดีคะ? วันปกติแฟนทำงาน แฟนว่างแค่วันหยุด เเต่เสาร์อาทิตย์ร้านอาหารของหนูก็ดันขายดี เเฟนก็อยากอยู่ด้วย ร้านก็ต้องดูเเล หนูจะหาตรงกลางยังไงดีให้เเฟนเเละหนูโอเคกับมัน

28 ก.พ. 2025

ทำยังไงดีคะ? วันปกติแฟนทำงาน แฟนว่างแค่วันหยุด เเต่เสาร์อาทิตย์ร้านอาหารของหนูก็ดันขายดี เเฟนก็อยากอยู่ด้วย ร้านก็ต้องดูเเล หนูจะหาตรงกลางยังไงดีให้เเฟนเเละหนูโอเคกับมัน

“คุณฟ้า (นามสมมติ)” อายุ 24ปี สายที่สองของ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [26 ก.พ. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจอั๋น - ดีเจเติ้ล - ดีเจอ้อย เกี่ยวกับปัญหาความสัมพันธ์ที่มีเวลาไม่ตรงกันกับเเฟน โดย “คุณฟ้า (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูกับเเฟนมีเวลาที่ไม่ตรงกัน หนูจะมีเวลาว่างเเค่วันจันทร์ - ศุกร์ เเต่เเฟนก็ติดทำงาน เเต่พอเสาร์ - อาทิตย์เขาว่าง หนูก็ต้องทำงาน เเต่ยังพอจะมีเวลาว่างในตอนเลิกงานวันธรรมดา อาจจะมีบางครั้งที่เสาร์ - อาทิตย์ เเฟนของหนูก็อยากที่จะมีเวลาอยู่ด้วยกัน ก็อาจจะทำไม่ได้เพราะหนูเปิดร้านอาหาร เเล้ววันเสาร์ - อาทิตย์งานก็จะยุ่งมากๆเพราะลูกค้าเยอะ บางทีเเค่จะตอบเเชทเขา หนูก็ยังไม่ได้ตอบเลย ส่วนในวันหยุดบางเทศกาลหนูก็ไม่ได้หยุดงาน เพราะร้านจะขายดีมากเหมือนกัน ด้วยความที่หนูเป็นเจ้าของร้าน หนูก็ต้องมาดูเเลร้านด้วยตัวเอง ในตอนช่วงเเรกที่คบกับเเฟนมาก็ยังไม่มีปัญหานี้ เพราะว่าหนูพึ่งมาเปิดร้านอาหารหลังจากคบกับเขาได้ 2ปี ซึ่งเมื่อก่อนหนูก็คิดว่าหนูมีเวลาให้เขาเยอะกว่าตอนนี้ มีเวลาทำอาหารให้เขากิน มีเวลาอยู่ด้วยกัน พอมาเปิดร้านอาหารเลยทำให้ไม่ค่อยมีเวลา กว่าหนูจะปิดร้านก็ 3 ทุ่ม หนูกลับไปบ้านเเฟนก็หลับเเล้ว พักหลังมาก็เลยเกิดปัญหาขึ้น บางครั้งเเฟนหนูวันเสาร์ อาทิตย์ก็อยากไปเดินตลาด เเต่กว่าจะได้ไปจริงๆก็ 2 ทุ่ม เขาก็จะพูดว่า ตลาดมันปิดเเล้ว ไม่ไปละ หนูอยากจะปรึกษาพี่ๆดีเจว่า หนูควรจัดการปัญหานี้ยังไงดี? ให้มันอยู่ตรงกลางเพราะหนูก็อยากมีเวลาให้เขา เเต่ก็อยากทำงานที่ร้านไปด้วย’ โดย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่คิดว่าฟ้ากับเเฟนอาจจะต้องถอยกันคนละก้าว เเละหาเวลาที่ตรงกันให้ได้ เช่นบางครั้งเขาก็อาจจะต้องลาในวันธรรมดา เพื่อมาหาฟ้าบ้าง กลับกันฟ้าก็ต้องยอมที่จะลางานจาก การดูเเลร้านทั้งวัน มาให้เขาบ้างเพราะถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนเเปลงเลยก็อาจจะไม่มีทางที่จะมาเจอกันได้ ลองคุยกันให้เขาเห็นว่าเราใส่ใจเขานะ เราไม่ได้ลืมหรืออะไร พี่ว่าเรื่องเเบบนี้มันสามารถที่จะคุยกันได้’ ต่อมา “ดีเจอั๋น” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่าลองบอกกับเขาว่าเขายังเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับเราอยู่เหมือนเดิมเพราะบางครั้งการจัดลำดับความสำคัญ อาจจะไม่ได้ขึ้นอยู่กับเรื่องของเวลาเเต่อาจจะเป็น ความคุ้มค่าในการใช้เวลามากกว่า เช่นอาจจะให้เขาลองมาช่วยเก็บเงินที่ร้าน เเล้วบอกเขาว่าเเค่เห็นเธอก็อุ่นใจเเล้ว หลังเลิกงานเสร็จก็อาจจะไปกินข้าวหรือดูหนังรอบดึกด้วยกัน ลองให้เขาเป็นส่วนนึงของการทำงานก็ได้เช่น ให้เขาลองที่จะเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับร้านของฟ้า ว่า รสชาติโอเคไหม ร้านนั่งสบายรึยัง เเล้วก็ลองคุยกันดู’ ต่อมา “ดีเจอ้อย” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่าคนเราก็มีเวลา 24ชั่วโมงเท่ากัน ไม่มีใครมีมากหรือน้อยกว่านี้ เเละพี่ก็เชื่อว่าถ้าคนเราใส่ใจอะไรเราจะมีเวลาให้สิ่งนั้นเสมอ เพราะหนูก็รู้ตัวอยู่ว่าให้เวลาเขาน้อย เเต่หนูก็ยังตั้งหน้าตั้งตาขายของ เหมือนหนูรู้สึกผิดเเต่ก็ไม่ได้คิดจะทำยังไงต่อ ไม่งั้นหนูก็อาจจะต้องลองหาโมเม้นร่วมกัน เช่นชวนมาเขามาชิมอาหารที่ร้านก็ได้เเบบที่พี่อั๋นบอก การให้ซีน ให้ความสำคัญ เพราะงั้นพี่เลยรู้สึกว่าการทำอะไรด้วยกันนี่เเหละคือการใช้เวลา อาจจะมีการที่เขางุ้งงิ้งบ้าง เพราะการที่เขาทำเเบบนั้นทำให้เรารู้ตัวว่ายังมีความสำคัญอยู่ ดีกว่าการที่เขาไม่เรียกร้องอะไรเลย เเละ สิ่งสุดท้ายคือต้องพยายามไปด้วยกัน เเละพูดคุยกันให้เยอะๆ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 20.00 – 23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

จะบอกแม่ดีไหม? อายุ 30 แล้วแต่แม่ไม่อยากให้มีอะไรกับแฟน ห้ามมาตลอดตั้งแต่เราคบกับคนเก่า เคยบอกไปว่ามีอะไรกันแล้ว แม่ก็ปรี๊ดแตก เลยต้องเลิกกันไป และเราคบคนใหม่ได้ 1 ปี กลัวว่าแม่จะกดดันจนต้องเลิกกับคนใหม่อีก เพราะตอนนี้เราท้องกับคนใหม่ได้ 5 เดือนแล้ว…

28 ก.พ. 2025

จะบอกแม่ดีไหม? อายุ 30 แล้วแต่แม่ไม่อยากให้มีอะไรกับแฟน ห้ามมาตลอดตั้งแต่เราคบกับคนเก่า เคยบอกไปว่ามีอะไรกันแล้ว แม่ก็ปรี๊ดแตก เลยต้องเลิกกันไป และเราคบคนใหม่ได้ 1 ปี กลัวว่าแม่จะกดดันจนต้องเลิกกับคนใหม่อีก เพราะตอนนี้เราท้องกับคนใหม่ได้ 5 เดือนแล้ว…

“คุณเตย (นามสมมติ)” อายุ 30 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [26 ก.พ. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจอั๋น - ดีเจเติ้ล – ดีเจอ้อย’ เกี่ยวกับปัญหาแม่ไม่ยอมให้เรามีอะไรกับแฟน แต่ตอนนี้เราท้องได้ 5 เดือนแล้ว โดย “คุณเตย (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ปัจจุบันหนูคบกับแฟนคนนี้มาได้ประมาณ 1 ปี แต่ก่อนที่จะคบกัน ก็รู้จักกันมาหลายปีแล้ว และตอนนี้หนูก็ท้องได้ 5 เดือน รู้ตัวว่าท้องมาตั้งแต่เดือนแรก แต่ปัญหาของหนูคือไม่กล้าที่จะบอกแม่ว่าท้อง ต้องเกริ่นก่อนว่า หนูกับแม่อยู่ด้วยกัน 2 คน แม่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว แม่เลิกกับพ่อแล้ว แต่พ่อก็รับผิดชอบเรื่องเงิน ซัพพอร์ตให้ทุกอย่าง ตั้งแต่เล็กจนเรียนจบ หนูเป็นคนที่อยู่ในกรอบมาตลอด ไม่เคยเที่ยวกลางคืน ไม่เคยกินเหล้า เรียนจบด้วยดี ไม่เคยนอกลู่นอกทาง ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีประเด็น คือ หนูมีแฟน ซึ่งตอนนี้เป็นแฟนเก่าไปแล้ว หนูจำเป็นที่จะต้องย้ายจังหวัดเพื่อมาทำงานกับเขา ด้วยรายได้และอะไรหลายๆ อย่างทำให้หนูต้องแยกจากแม่ เราสองคนก็เลยตัดสินใจจัดงานหมั้น เพื่อไม่ให้แม่ขายหน้า เพราะแม่ก็แคร์สังคมรอบข้างเยอะอยู่ และคุยกับแฟนเก่าว่า หลังจากนี้จะเก็บตังแล้วค่อยแต่งงานกัน ในระหว่างนั้นหนูก็อยู่บ้านแฟน แล้วแม่ก็สั่งห้ามว่า ให้แยกห้องกันนอน ห้ามมีอะไรกัน ห้ามยุ่งกันเด็ดขาด แม่จะโทรมาถามทุกวันว่า มีอะไรกันหรือยัง? มันก็เลยกลายเป็นปมของหนูมาตลอด ที่ผ่านมาหนูโกหกแม่ตลอดว่า แยกกันอยู่ เพื่อเป็นความสบายใจของหนูและแม่ จนถึงจุดหนึ่งที่หนูตัดสินใจบอกแม่ เพราะไม่อยากโกหกแล้ว บอกแม่ไปว่า หนูมีอะไรกับเขาแล้ว สิ่งที่ได้กลับมาคือ แม่ปรี๊ดแตก ตามมาโวยวายถึงบ้าน แล้วบอกว่า ‘ทำไมเป็นคนแบบนี้ ไปให้เขาเอาฟรีๆ ใจง่ายจัง’ หลังจากนั้นก็โดนสั่งห้ามอีก แต่หนูก็โกหกมาเรื่อยๆ จนสุดท้ายหนูก็เลิกกับแฟนเก่าไป สาเหตุส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะแม่ พอเราเริ่มมาคบกับแฟนคนปัจจุบัน เราบอกเขาหมดทุกอย่างเลยว่า ‘แม่หนูเป็นแบบนี้ รับได้ไหม’ แต่ก็ไม่ได้บอกลึกขนาดนั้น แล้วก่อนที่หนูกับแฟนจะคบกัน หนูเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับแฟนเก่าให้เขาฟัง ตอนนั้นแฟนก็พูดว่า ‘ถ้าแม่เธอเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ เขาก็จะขอเฟดออกมาก่อน’ พอมาคบกันจริงๆ เหมือนเขาได้สัมผัสสิ่งที่หนูคุยโทรศัพท์กับแม่ ทุกครั้งที่คุยหนูก็มีความเครียด จิตตกทุกครั้ง แฟนหนูก็เลยบอกว่า ถ้าแม่เธอเป็นแบบนี้ แม่หนูพี่ไม่ยุ่งนะ จัดการเอาเอง แต่พอเจอกันเขาก็ดูแลแม่ปกติ พอรู้ว่าท้องเราทั้งสองคนก็คุยกันว่ายังไม่ได้มีเงินมากพอที่จะจัดงานแต่งกัน เลยคิดว่าเอาเงินตรงนั้นไปเลี้ยงลูกดีกว่า แต่เราก็เคยคุยกันตั้งแต่คบแล้วว่า จะอยู่กันแบบนี้ ช่วยเหลือซัพพอร์ตกัน ทุกครั้งที่แม่โทรมาก็จะพูดเรื่องว่า มีญาติที่ท้องก่อนแต่งนะ เขาไม่ดีอย่างงั้นอย่างงี้ จะมีประเด็นนี้ตลอด ไม่เคยโทรมาถามเลยว่า สบายดีไหม ทำงานเป็นยังไง เหนื่อยไหม ไม่มีถามเลย ถามแต่ว่าพี่เขาเป็นยังไง มีอะไรกันหรือยัง ส่วนใหญ่เป็นประโยค พอเป็นแบบนี้มาเรื่อยๆ จนหนูเครียดสะสม หนูพยายามที่จะบอกหลายครั้ง แต่ว่าทุกครั้งที่คุยกัน บทสนทนาก็จะเป็นแบบนี้ มันเลยกลายเป็นความกดดัน และก่อนที่หนูจะโทรมาปรึกษา หนูก็ได้ไปปรึกษาเพื่อนสนิท พี่ๆ ที่รู้จักกัน และคนรอบตัว ก็แนะนำว่าไม่ต้องบอกเลยดีกว่า ให้ปิดไปเลย หนูก็เลยไม่แน่ใจว่าจะทำยังไงดี เพราะถ้าบอกความจริงก็กลัวว่าจะกระทบต่อความสัมพันธ์ มันเลยเป็นความหนักใจของหนู ตอนนี้แม่อยู่กับญาติ อยู่ด้วยกันเป็นครอบครัว เขาก็ซัพพอร์ตกัน ตั้งแต่เรียนจบมา หนูไม่เคยขอเงิน ไม่เคยรบกวนแม่เลย ออกมาทำงานด้วยตัวเอง แล้วก็ส่งเงินกลับไปให้เขา นอกจากเรื่องนี้แล้วแม่ก็มีชอบมาแซะ มาเหน็บหนูบ้าง เช่น บางทีหนูลงรูปในเฟซบุ๊กแล้วมันโป๊นิดหน่อย เขาก็จะแบบว่า ทำไมน่าเกลียดจัง หนูก็เคยคิดว่าจะให้แม่ไปพบจิตแพทย์ดีไหม แต่ก็ยังไม่กล้าที่จะพูดเรื่องนี้ หนูเลยอยากปรึกษาพี่ๆ ดีเจว่า จะตัดสินใจบอกดีไหมหรือว่าไม่บอกดี ถ้าบอกจะเป็นไปในแนวทางไหน?’ เริ่มที่ “ดีเจอั๋น” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘สำหรับตัวพี่เอง พี่อยู่กับความจริงเสมอ ถ้าต้องเลือก พี่คิดว่าไม่บอกวันนี้ เราก็ต้องบอกสักวันอยู่ดี สักวันหนึ่งความจริงก็ต้องปรากฏ คุณเตยก็รักแม่ เพราะถ้าไม่รักก็ไม่มีคำถามแบบในวันนี้หรอก ถ้าเป็นพี่ พี่จะโทรไปบอกว่า ‘แม่รู้แล้วใช่ไหม หนูอยู่กับเขามาตั้งนานแล้ว และคิดว่าวันเสาร์นี้จะไปจดทะเบียนสมรสกันแล้วนะ ก็มาบอกแม่เฉยๆ แล้วก็จะมีลูกด้วยกัน เพราะว่าสามสิบแล้ว ถ้าอายุเลยไปกว่านี้อาจจะมีลูกยากแล้วมีปัญหาสุขภาพตามมาด้วย’ แล้วก็วางไปเลย ให้แม่เขาได้ไปคิดต่อ แล้วประเด็นที่เราบอกว่า แฟนเคยพูดว่าจะเฟดออกไปถ้าแม่เรื่องเยอะขึ้น เราก็ต้องบอกเขาว่า เธอต้องจับมือฉันแน่นๆ พูดให้ทีเล่นทีจริง มันจะได้เป็นเรื่องน่ารักไป แต่บอกให้เขารู้ว่า I need your Big support แค่นั้นเอง’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่เชียร์ไปทางว่าต้องบอก ยิ่งบอกเร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งดี เพราะว่ายังไงก็ตาม มันไม่มีทางปิดมิดอยู่แล้ว เขาต้องรู้ในสักวันอยู่แล้ว ซึ่งตอนนี้เป็นห่วงสุดคือเตย ถ้าเตยบอกแล้ว เตยจะสามารถจัดการสิ่งที่มันจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ได้ไหม และพี่มั่นใจว่ารีแอคของแม่จะต้องรุนแรงมากแน่ๆ เราก็ต้องค่อยๆ รับมือไป เต็มที่คือแม่เขาอาจจะตัดแม่ตัดลูกไปเลย ในมุมที่เราเคยพบเคยเห็น ช่วงแรกจะโกรธมาก สักพักก็อยากจะเห็นหน้าหลาน คือตอนนี้พี่เป็นห่วงเตยที่สุด เพราะแม่มีอิทธิพลกับเตยมาก แม้ว่าเตยจะไม่ได้อยู่กับเขามาตั้งนานแล้ว แต่สิ่งที่เขาทำทุกอย่างมันส่งผลกับเตยจริงๆ แล้วมันเป็นปมกับเตยด้วยซ้ำ กลัวว่ามันจะเกิดขึ้นอีกกับแฟนคนนี้ และมันก็ต้องแยกกันเป็นเรื่องๆ กับแฟนเตยก็ต้องคุยกับเขาให้ชัดเจน เราต้องกุมมือกันไปโดยที่มีเด็กอีกคนหนึ่งที่จะไปสร้างครอบครัวด้วยกัน มันต้องแข็งแรงกันทั้งคู่ และสุดท้ายถ้าเตยตัดสินใจที่จะบอก เตยต้องแข็งแรงมาก ต้องตั้งรับและตั้งสติมากๆ พี่เชียร์ไปในทางบอก แต่บอกตอนไหน บอกเมื่อไหร่ พี่ฟันธงให้เตยไม่ได้ เพราะเตยเองที่ต้องบอกตัวเองว่า เตยพร้อมขนาดไหน สำหรับแรงกระแทกที่มันจะเกิดขึ้น’ สุดท้าย “ดีเจอ้อย” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ก็คงจะเป็นคำตอบในทางเดียวกัน แต่เตยต้องเข้าใจก่อนว่า 1 แม่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว คุณแม่เองอาจจะรู้สึกว่าตัวเองก็ผิดพลาดในการเลือกคู่ และหนูยิ่งเป็นลูกคนเดียว และเป็นลูกสาวด้วย คุณแม่ก็จะเข้มเป็นพิเศษ เพราะไม่อยากให้ลูกเจ็บเหมือนที่แม่เจ็บ แต่ทำไมไม่รู้ พี่มีความรู้สึกว่าแม่รู้อยู่แล้ว เพียงแต่แค่เขาใช้วิธีการไซโค แต่พอมาถึงตรงนี้ ถ้าหนูมั่นใจว่าแฟนหนูคนนี้ หนูเลือกถูก งั้นวันนี้เราก็คือครอบครัวเดียวกัน เราคือทีมเดียวกัน เพราะฉะนั้นสิ่งที่หนูกลัวสารพัดอย่างเราต้องคุยกัน ไม่อย่างงั้นมันจะกลายเป็นว่าเหมือนหนูสู้อยู่คนเดียว ถ้าเกิดหนูบอกแฟนว่า ‘เฮ้ยเธอ เรื่องนี้มันเป็นสิ่งที่ฉันรับมือยากและฉันจะบอกแม่ว่าเราชัดเจนในการเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ฉะนั้นครอบครัวเรา เราต้องเดินหน้าไปด้วยกัน’ และพี่รู้สึกว่าการโกหกหรือบอกไม่หมด มาบอกทีหลังพังกว่าอยู่แล้ว แม่จะยิ่งรู้สึกว่า นี่อุตส่าห์หลอกแม่มาได้ขนาดนี้เลย สิ่งหนึ่งที่ไม่ว่าแม่จะเป็นยังไง เราต้องยอมรับว่าเราเปลี่ยนแม่ไม่ได้แน่นอน เขาเป็นคนแบบนี้ เขามีความเชื่อแบบนี้ มีความคิดแบบนี้ เมื่อเปลี่ยนเขาไม่ได้ น้องต้องมีวิธีการดีล และที่น้องกลัวไม่ใช่แค่ที่แม่โวยวาย เพราะพี่รู้สึกว่าหนูเอาประสบการณ์ครั้งเก่า ที่พอแม่โวยวายแล้วแฟนทิ้ง มันก็เลยกลัวว่าจะเกิดขึ้นเหมือนเดิมอีกแล้ว แต่น้องลองมองย้อนกลับไป การที่แฟนเก่าทิ้งอาจจะไม่ใช่แค่เพราะแม่อย่างเดียว แต่วิธีการแก้ปัญหาของหนูคืออะไร กับการดีลกับปัญหานั้นยังไงมากกว่า เป็นพี่ พี่จะคุยกับสามีก่อน เพราะเราเป็นครอบครัวเดียวกัน บางครอบครัว สามีเขาTake Action มากกว่านี้อีก ตัวพี่เองก็เคยอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ที่แม่ไม่ยอมรับคนที่จะเข้ามาในครอบครัว นอกจากคนกลางที่ต้องเป็นคนลุยแล้ว อีกคนหนึ่งก็ต้องจับมือกันให้แน่นมาก และตอนนี้กลัวอะไรที่สุด ทำตรงนั้นก่อน’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 20.00 – 23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1