เต้ย พงศกร ไม่ติด! หากถูกเสนอให้รับบทนำในซีรีส์วาย หลังโชว์สกิลทางการแสดงใน ‘วิมานหนาม’

ENTERTAINMENT NEWS

เต้ย พงศกร ไม่ติด! หากถูกเสนอให้รับบทนำในซีรีส์วาย หลังโชว์สกิลทางการแสดงใน ‘วิมานหนาม’

23 ก.ย. 2024

หลังจาก เต้ย-พงศกร เมตตาริกานนท์ พลิกบทบาทการแสดงสุดเข้มข้นในภาพยนตร์ ‘วิมานหนาม’ กับค่าย GDH ซึ่งผลงานเรื่องนี้ไม่เพียงแต่จะพาให้เขาเข้าทำเนียบนักแสดง 200 ล้านจากรายได้เข้าฉายทั่วประเทศ แต่ยังให้เขาได้โชว์สกิลทางการแสดงสุดเข้มข้นจากบทคู่รักหนุ่มชาวสวนที่ต่อสู้เพื่อความฝันของตัวเอง

ในเรื่องมีหลากฉากที่เขาต้องแสดงความรู้สึกต่อตัวละครเอกที่นำแสดงโดย เจฟ ซาเตอร์ จนผู้ชมหลายคนอินและเซอร์ไพรส์กับการแสดงของ เต้ย และ เจฟ ที่มีเคลงตัวสุด ๆ ซึ่ง เต้ย บอกว่าสำหรับเขาแล้วนี่คือการพลิกบทบาทครั้งใหญ่ที่สุด แม้จะเริ่มต้นด้วยความกังวลว่าจะสามารถทำได้ดีมากน้อยขนาดไหน แต่เมื่อได้เข้าไปเวิร์กชอปและเรียนรู้เทคนิคการเข้าถึงความรู้สึกของตัวเองที่เป็นคู่รัก ก็ทำให้เขาถ่ายทอดความรู้สึกออกมาได้ตรงตามบทและคาแรกเตอร์

“ผมอยากให้ผลงานชิ้นนี้ออกมาสมบูรณ์แบบครับ เลยตั้งใจกับงานชิ้นนี้มากเป็นพิเศษ ฉากสำคัญหลายฉากที่เราต้องแสดงความรู้สึกต่อกัน ยอมรับว่าตอนถ่ายทำใช้เวลาไปหลายเทค เพราะผมและเจฟ รวมถึงทีมอยาให้ออกมาดีที่สุด ก่อนการถ่ายทำก็มีการคุยกับเจฟว่า เราจะใส่เต็มไปเลย ซึ่งพอหนังเข้าฉายและกระแสตอบรับจากผู้ชมที่ชื่นชอบ ก็ทำให้ผมดีใจมาก ๆ เลยครับ”

เต้ย ยังบอกอีกว่าจากกระแสฟีเวอร์ของหนัง ‘วิมานหนาม’ มีแฟน ๆ หลายคนเข้าไปแซวเขาว่าอยากให้มีโอกาสรับซีรีส์วายสักครั้ง ซึ่งเต้ยบอกว่า ส่วนตัวแล้วเขาไม่ติดกับบทแนวนี้เลย และก็ยินดีมาก ๆ หากจะได้รับการเสนอบทนำในซีรีส์วาย หากมีผู้จัดที่เขาไม่ยึดติดเรื่องอายุ

“ถ้ามีติดต่อมาก็ไม่ติดนะครับ เพราะผมมองว่าทุกอย่างก็คือการแสดง และผมคิดเสมอว่านักแสดงที่ดีต้องเล่นได้ทุกบทครับ”

ภาพ : GDH

 

related ENTERTAINMENT NEWS

บิวกิ้น พุฒิพงศ์ ทุ่มสุดตัว! ปรับลุค-ลดน้ำหนักกว่า 10 กิโลเพื่อบท ‘เอ็ม’ ในภาพยนตร์เรื่องแรก ‘หลานม่า’

06 มี.ค. 2024

บิวกิ้น พุฒิพงศ์ ทุ่มสุดตัว! ปรับลุค-ลดน้ำหนักกว่า 10 กิโลเพื่อบท ‘เอ็ม’ ในภาพยนตร์เรื่องแรก ‘หลานม่า’

อีกเพียงไม่กี่สัปดาห์แฟน ๆ ก็จะได้รับชม ‘หลานม่า’ ภาพยนตร์เรื่องแรกของปีจาก GDH ฝีมือการกำกับของ พัฒน์ บุญนิธิพัฒน์ ที่เตรียมพาคอหนังเปิดประตูเข้าบ้านไปสำรวจความสัมพันธ์ภายในครอบครัวว่า เราแอบหลงลืมที่จะดูแลเอาใจใส่ใครคนใดคนหนึ่งในบ้านไปหรือเปล่า โดยหยิบยกเอาความผูกพันของสมาชิกหลากเจเนอเรชันในครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีนมาถ่ายทอด เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศวันครอบครัว และเทศกาลหยุดยาวที่กำลังจะมาถึงหนึ่งในสิ่งที่แฟน ๆ เซอร์ไพรส์และเฝ้ารอคือ ฝีมือการแสดงของ บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล เพราะนี่เป็นครั้งแรกของเขาในฐานะนักแสดงภาพยนตร์ กับการรับบทเป็น ‘เอ็ม’ หลายชายของอาม่า และเพื่อให้สื่อสารเรื่องราวของตัวละครนี้ออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด บิวกิ้น จึงทุ่มเททั้งกายและใจ ใส่เต็มร้อยทั้งเวิร์กช็อป และยอมปรับลุคด้วยการรีดน้ำหนักลงไปกว่า 10 กิโลกรัม นับเป็นอีกบทบาทที่ท้าทายอาชีพนักแสดงของเขาไม่น้อยบิวกิ้น เล่าให้เราฟังว่า ผลงานเรื่องนี้เป็นเหมือนการเปิดประตูบานใหม่ในโลกของการแสดง และเพื่อสื่อสารตัวละคร ‘เอ็ม’ ได้อย่างเป็นธรรมชาติ เขาจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ผลงานชิ้นนี้ออกมาดีที่สุด“หลานม่า เป็นหนังที่เปิดประตูบานใหม่ และเปิดโลกทางการแสดงให้กับผม ผมอยากปรับภาพลักษณ์ของตัวเอง เพื่อให้เป็นตัวละครเอ็มได้อย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุดตามที่พี่พัฒน์ผู้กำกับต้องการ ผมเลยลดน้ำหนักลงกว่า 10 กิโล เพื่อให้ดูเป็นเด็กติดเกม ตัดผมใหม่ เลือกเสื้อผ้าใหม่ ดีไซน์ท่าทางการเดินใหม่ รวมถึงมุมมองความคิดทุกอย่างให้เป็นตัวละครตัวนี้ให้มากที่สุด ซึ่งตอนไปถ่ายที่ตลาดพลู ไม่มีใครจำผมได้เลย นอกจากนี้ผมกับพี่ ๆ นักแสดงทุกคนก็ได้ทำเวิร์กช็อปกันอย่างหนัก“ผมต้องเวิร์กช็อปกับอาม่า และพี่เจีย ที่รับบทเป็นแม่ของผม ซึ่งพี่เจียมีความเหมือนแม่ผมหลายอย่าง ทำให้เราจูนกันไม่ยาก ผมมีความสุขมาก ๆ ที่ได้มาเล่นหนังเรื่องนี้ เพราะมันทำให้ผมตกตะกอนเรื่องครอบครัวเหมือนกันนะ“ผมถูกสอนมาตลอดว่า ญาติพี่น้องคือคนในครอบครัวเดียวกัน ต้องดูแลรักใคร่กัน อากง อาม่า คือพ่อแม่ของเราอีกคนที่อยู่ด้วยกันมาตลอด กินข้าวด้วยกัน ไปเที่ยวด้วยกัน แต่พอวันหนึ่งเราโตขึ้น มีภาระหน้าที่ที่มากขึ้น พอมองย้อนกลับไป มีโมเมนท์บางอย่างที่เราเคยทำตอนเด็ก ๆ ด้วยกันกับเขา แล้วเราหลงลืมไป หนังเรื่องนื้ทำให้เราย้อนกลับไปมองตรงนั้น“ตอนนี้ผมกลับไปใช้เวลากับครอบครัว กับอาม่ามากขึ้น พาท่านไปเที่ยว ดูแลกันและกันในวันที่ท่านยังอยู่ ผมว่าหนังเรื่องนี้น่าจะรีเลทกับทุกคน เพราะทุกคนน่าจะมีโมเมนท์ดี ๆ กับญาติผู้ใหญ่ที่บ้านด้วยกันทั้งนั้น ยังไงผมขอฝากหนังหลานม่าด้วยนะครับ พวกเราทุกคนเต็มที่กันมากๆ ทั้งผม ยายแต๋ว, พี่ดู๋, พี่เจีย, พี่เผือก, ตู ฯลฯ ฝากเป็นกำลังใจให้พวกเราด้วยนะครับ”สำหรับภาพยนตร์เรื่อง ‘หลานม่า’ จะเข้าฉายพร้อมกัน 4 เมษายนนี้ในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศภาพ : GDH

ภาพยนตร์ ‘หลานม่า’ เข้าฉายที่ประเทศจีน 1 วันทำรายได้ไปแล้วกว่า 100 ล้านบาท

26 ส.ค. 2024

ภาพยนตร์ ‘หลานม่า’ เข้าฉายที่ประเทศจีน 1 วันทำรายได้ไปแล้วกว่า 100 ล้านบาท

เป็นไปตามที่หลายคนคาดการณ์เอาไว้จริง ๆ สำหรับปรากฎการณ์ ‘หลานม่า’ หลังเข้าฉายที่ประเทศจีนอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยมีการจัดฉายรอบปฐมทัศน์ ณ นครกว่างโจว ซึ่งจัดขึ้นโดยสถานกงกุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว ได้รับความสนใจจากผู้ชมชาวจีนเป็นจำนวนมากโดยล่าสุดมีการเปิดเผยรายได้เปิดตัวของ ‘หลานม่า’ สำหรับการเข้าฉายวันแรก เฉพาะที่ประเทศจีนทำรายได้ไปมากกว่า 21 ล้านหยวน หรือราว 100 ล้านบาท พร้อมกับกระแสวิจารณ์เชิงบวกแบบถล่มทลาย และตัวเลขรายได้หลังเข้าฉายไป 4 วันกวาดไปแล้วกว่า 170 ล้านบาทความคิดเห็นจากคอหนังชาวจีนที่ได้ชม ต่างชื่นชอบและเสียน้ำตาไปกับเรื่องราวความรักความผูกพันระหว่างอาม่าและครอบครัว จนติดอันดับภาพยนตร์แนะนำ และมีคะแนนรีวิวสูงถึง 9.0 คะแนน ทั้งยังติดอันดับ Boxoffice ประเทศจีน หมวดภาพยนตร์ต่างประเทศทำรายได้มากที่สุดเป็นอันดับ 5มารอลุ้นกันว่าภาพยนตร์เรื่อง ‘หลานม่า’ จะสามารถไต่อันดับหนังทำเงินในประเทศจีนไปได้เท่าไหร่ภาพ : GDH

แสดงความยินดีกับ Jeff Satur ตัวแทนไทย คว้า 2 รางวัลพิเศษในรอบสุดท้ายของรายการ Call Me by Fire 3 ที่ประเทศจีน

10 พ.ย. 2023

แสดงความยินดีกับ Jeff Satur ตัวแทนไทย คว้า 2 รางวัลพิเศษในรอบสุดท้ายของรายการ Call Me by Fire 3 ที่ประเทศจีน

ขอแสดงความยินดีกับ เจฟ ซาเตอร์ (Jeff Satur) ศิลปินมากความสามารถภายใต้การดูแลของ Warner Music Thailand สำหรับความสำเร็จอีกก้าวในระดับนานาชาติ หลังจากเข้าร่วมการประกวดในรายการ Call Me by Fire Season 3 เรียลิตี้สุดฮิตของประเทศจีน และทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เซอร์ไพรส์ผู้ชมได้ในทุกรอบที่ออนสเตจ ก่อนจะจบการแข่งขันด้วยการคว้า 2 รางวัลใหญ่มาครองได้สำเร็จโดยการแข่งขันรอบสุดท้ายเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เจฟ ซาเตอร์ ได้รับรางวัล The Hot Song Performance of The Year 2023 และ Singing Family ซึ่งเป็นรางวัลแห่งความทุ่มเท และสร้างความภูมิใจให้กับแฟน ๆ ได้ไม่น้อย หลังจากที่ได้โชว์ศักยภาพร่วมกับเพื่อนร่วมทีมที่ได้โชว์ทั้ง ร้อง, เต้น, แร็ป มาแล้วจากมิชชันก่อน ๆ ซึ่งก็เคยเป็นผู้เข้าแข่งขัน MVP - Most Valuable Player นับว่าเป็นอีกครั้งที่เขาได้สร้างชื่อไปไกลระดับอินเตอร์ในระหว่างการรับรางวัล เจฟ ซาเตอร์ ได้กล่าวความรู้สึกต่อความสำเร็จครั้งนี้บนเวทีว่า“ทุกคนคือครูของผม และจะอยู่ในใจผมตลอดไป ครั้งนี้คงจะเป็น Reality Show ครั้งสุดท้ายของผม เพราะความทรงจำที่เกิดขึ้นทั้งหมดมันจะอยู่กับผมตลอดไป ผมไม่จำเป็นต้องไปหาสิ่งเหล่านี้จาก Reality Show อื่นอีกแล้ว ผมรักพี่ ๆ ทุกคนครับ”ภาพ : Warner Music Thailand

อิงฟ้า และ เจฟ เล่าถึงความท้าทายในฐานะนักแสดง กับผลงานภาพยนตร์เรื่องแรก ‘วิมานหนาม’

22 ส.ค. 2024

อิงฟ้า และ เจฟ เล่าถึงความท้าทายในฐานะนักแสดง กับผลงานภาพยนตร์เรื่องแรก ‘วิมานหนาม’

เลิกงานวันนี้แวะซื้อตั๋วเดินเข้าโรงภาพยนตร์ไปชม ‘วิมานหนาม’ ผลงานชิ้นใหม่จากค่าย GDH ฝีมือผู้กำกับ บอส-นฤเบศ กูโน ที่หยิบประเด็นความไม่เท่าเทียมมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ สู่ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ว่าด้วยการแย่งชิงเพื่อครอบครองมรดก ซึ่งเปรียบดั่งวิมานในฝัน และเป็นครั้งแรกของการประชันฝีมือระหว่าง เจฟ ซาเตอร์ และ อิงฟ้า วราหะ บนจอเงินโดย อิงฟ้า ออกมาเขียนถึงความรู้สึกและความท้าทายของผลงานชิ้นนี้ว่า จาก day 1 ของการทำงาน จนถึงวันนี้ที่หนังเข้าฉายแล้ว หลายสิ่งเกิดขึ้นเพื่อพิสูจน์ความแข็งแกร่งของตัวละคร ‘โหม๋’ ก็เป็นเครื่องพิสูจน์เธอในฐานะนักแสดงภาพยนตร์เช่นกัน ชนิดที่วันสุดท้ายของการถ่ายทำ เธอถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ ยืนร้องไห้หน้าบ้านสวนทุเรียน เพราะเรื่องราวของตัวละครออกจากใจได้ยากเหลือเกิน และเชื่อว่าคนที่ได้ชมหนังเรื่องนี้ก็คงจะรู้สึกเช่นเดียวกันทางด้าน เจฟ ซาเตอร์ ก็แชร์ความรู้สึกต่อผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกเช่นกันว่า ไม่คิดฝันมาก่อนว่าจะได้รู้จักกับ ‘ทองคำ’ ตัวละครที่เขาต้องเข้าไปสวมบทบาท สิ่งที่อยากให้หนังเรื่องนี้ทำงานกับคนดูไม่ใช่แค่การส่งต่อเรื่องราว และโอบกอดความรู้สึกของตัวละคร แต่อยากลดระยะความไม่เท่าเทียมที่เกิดขึ้นในสังคม“ไม่คิดว่าวันนึงจะได้มารู้จักกับทองคำ ตลอดเวลาการถ่ายทำเราคุยกันตลอด ถึงชีวิตของเขาและสิ่งที่เขาอยากจะพูดให้ทุกคนได้ยินผ่านเรื่องราวที่ผมทำได้เพียงโอบกอดความรู้สึกเหล่านั้น ก่อนจะส่งผ่านมันออกไปผ่านการแสดง“ตลอดการถ่ายทำ ผมอ่านไดอารี่ที่มีชื่อว่าความฝันของทองคำที่ผมเขียนเอง เพื่อให้รู้จักเขามากขึ้น แต่ระหว่างการถ่ายทำมันก็ทำให้ผมรู้ว่ามีอีกหลายอย่างที่ผมไม่เคยรู้เลย เขาเป็นทั้งเพื่อนสนิทและคนแปลกหน้าในเวลาเดียวกัน มุมหนึ่งห่างเพียงฝ่ามือเอื้อมอีกมุมห่างจนมองเห็นเพียงเงาลาง ๆ“ในวันที่จากลากันแม้เราจะไม่ได้เจอกันอีก แต่ผมรู้แน่ว่าผมจะได้พบเขาอีกบนจอภาพยนต์เรื่องนี้ ที่นั่นเขาจะเป็นนิรันดร์ เช่นเดียวความข้อความที่เขาอยากจะพูด หวังว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะลดระยะความไม่เท่าเทียมที่เกิดขึ้นลง ผ่านชีวิตของทุกตัวละครในเรื่องและทุกตัวอักษรในบท”พร้อมกันนี้ยังขอบคุณไปยังทุก ๆ คนที่เข้ามามีส่วนในการช่วยให้เกิดผลงานชิ้นนี้ และขอให้แฟน ๆ ทุกคนสนุกไปกับเรื่องราวต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในภาพยนตร์ ‘วิมานหนาม’ เข้าฉายแล้ววันนี้ทุกโรงภาพยนตร์ภาพ : GDH

album

0
0.8
1