Beyoncé เป็นศิลปินหญิงผิวดำคนแรก ที่มีเพลงขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ต Hot Country Songs จาก ‘TEXAS HOLD 'EM’

ENTERTAINMENT NEWS

Beyoncé เป็นศิลปินหญิงผิวดำคนแรก ที่มีเพลงขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ต Hot Country Songs จาก ‘TEXAS HOLD 'EM’

21 ก.พ. 2024

ศิลปินระดับตัวแม่ตัวมัมอย่าง Beyoncé ปล่อยเพลงใหม่ทั้งทีจะกวาดแค่ยอดวิวหรือยอดสตรีมก็คงจะไม่ได้ เพราะล่าสุด Billboard มีการเปิดเผยชาร์ต Hot Country Songs ของสัปดาห์นี้ซึ่งพบว่าเพลง ‘TEXAS HOLD 'EM’ ซิงเกิลล่าสุดซึ่งเพิ่งปล่อยออกมาเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทะยานขึ้นอันดับ 1 ของชาร์ตภายในเวลาเพียงสัปดาห์เดียวเท่านั้น

นั่นจึงทำให้ Beyoncé สามารถสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้กับวงการเพลง ด้วยการเป็นศิลปินหญิงผิวดำคนแรก ที่มีเพลงขึ้นอันดับ 1 Hot Country Songs ของ Billboard ได้สำเร็จ อีกทั้งยังได้ฟีตแบ็คที่ดีจากแฟนเพลงทั่วโลกด้วย

มีข้อมูลเปิดเผยว่า ‘TEXAS HOLD 'EM’ มียอดสตรีมร่วมทั้งสิ้นกว่า 19 ล้านครั้ง และถูกเปิดผ่านสถานีวิทยุอเมริกากว่า 4.8 ล้านครั้ง สถิติดังกล่าวเกิดขึ้นภายในเวลาเพียง 1 สัปดาห์ที่เพลงนี้ปล่อยออกมา จนสามารถขึ้นอันดับ 1 โค่นแชมป์เก่าอย่าง ‘I Remember Everything’ ของ Kacey Musgraves และ Zach Bryan ที่ครองแชมป์อย่างยาวนาน 20 สัปดาห์

ซึ่งนอกจากเพลง ‘TEXAS HOLD 'EM’ แล้ว Beyoncé ยังได้ปล่อยเพลงแนวคันทรีออกมาพร้อมกันอีกเพลงคือ ‘16 CARRIAGES’ ซึ่งก็ได้การตอบรับที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน เปิดตัวบนชาร์ต Hot Country Songs ในอันดัลที่ 9 และอยู่ในอันดับ 38 ของชาร์ตใหญ่อย่าง Billboard Hot 100 ด้วย

ภาพ : Beyoncé

related ENTERTAINMENT NEWS

Beyoncé ปิดทัวร์ Cowboy Carter ยิ่งใหญ่ กวาดรายได้ทะลุ 13,000 ล้าน สูงสุดในประวัติศาสตร์เพลงคันทรี่

30 ก.ค. 2025

Beyoncé ปิดทัวร์ Cowboy Carter ยิ่งใหญ่ กวาดรายได้ทะลุ 13,000 ล้าน สูงสุดในประวัติศาสตร์เพลงคันทรี่

Beyoncé ปิดฉากทัวร์ Cowboy Carter อย่างงดงามที่ลาสเวกัส พร้อมสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้วงการเพลงคันทรี่ ด้วยรายได้รวมกว่า 407.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 13,000 ล้านบาท จากการแสดงทั้งหมด 32 รอบ นับเป็นตัวเลขสูงที่สุดที่ศิลปินคันทรี่เคยทำได้ อีกทั้งยังทำให้เธอกลายเป็นศิลปินอเมริกันคนแรกที่มีทัวร์คอนเสิร์ตทำรายได้ทะลุ 400 ล้านดอลลาร์ถึง 2 ครั้ง ต่อจากทัวร์ Renaissance ในปี 2023 ที่ทำรายได้รวม 579 ล้านดอลลาร์จาก 56 รอบการแสดงไฮไลต์ที่สะกดทุกสายตาในโชว์ปิดทัวร์คือการปรากฏตัวของ Destiny’s Child แบบครบทีมเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี โดย Michelle Williams และ Kelly Rowland ขึ้นเวทีเคียงข้าง Beyoncé ในลุคสีทองที่สื่อถึงพลังหญิงและความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของพวกเธอ ไม่เพียงเท่านั้นตลอดทัวร์ยังมีแขกรับเชิญสุดพิเศษมากมาย อาทิ Jay-Z, Miley Cyrus, Shaboozey รวมถึงลูกสาวทั้งสองของเธอ Blue Ivy และ Rumi มาร่วมสร้างโมเมนต์น่าประทับใจบนเวทีด้วยถือเป็นความสำเร็จที่ย้ำชัดถึงพลังของ Beyoncé ในการขับเคลื่อนวัฒนธรรมดนตรี และการสร้างพื้นที่ใหม่ให้กับเพลงคันทรี่ได้อย่างยิ่งใหญ่เกินกรอบเดิม ๆภาพ : Beyoncé

RENAISSANCE: A FILM BY BEYONCÉ ภาพยนตร์คอนเสิร์ตจากตัวแม่ BEYONCÉ จะเข้าฉายทั่วโลก 21 ธันวาคมนี้

28 พ.ย. 2023

RENAISSANCE: A FILM BY BEYONCÉ ภาพยนตร์คอนเสิร์ตจากตัวแม่ BEYONCÉ จะเข้าฉายทั่วโลก 21 ธันวาคมนี้

นับถอยหลังรอชมความปังอลังการของโปรดักชั่นและโชว์จาก RENAISSANCE WORLD TOUR ในรอบ 7 ปีของ บียอนเซ่ (Beyonce) ได้เลย หลังจากที่ออกเดินทางไปโชว์มาแล้วมากมายหลายเมืองหลายประเทศ และจบโชว์อเมริกากัน ณ Arrowhead Stadium แคนซัสซิตี รัฐมิสซูรี เมื่อช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมาล่าสุดแฟนเพลงทั่วโลกก็กำลังจะได้รับชมโชว์แบบเต็ม ๆ ตา เพราะทุกบทเพลง และทุกโชว์กำลัจะถูกถ่ายทอดใหม่ในรูปแบบภาพยนตร์กับ RENAISSANCE: A FILM BY BEYONCÉ โดย Parkwood Entertainment เป็นผู้ดำเนินการผลิต ซึ่งมีกำหนดจะเข้าฉายพร้อมกันในโรงภาพยนตร์ทั่วโลกวันที่ 21 ธันวาคมนี้RENAISSANCE: A FILM BY BEYONCÉ จะรวบรวมทุกเรื่องราวสุดประทับใจจากการเดินทางของคอนเสิร์ต RENAISSANCE WORLD TOUR ตั้งแต่เริ่มต้นไปจนถึงโชว์เปิดตัวที่เมืองสต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน และไปสิ้นสุดที่แคนซัสซิตี มิสซูรี โดยจะพาผู้ชมไปสัมผัสแง่มุมต่าง ๆ ของ Beyoncé ทั้งตัวตน ความตั้งใจ และความทุ่มเท ใส่ความคิดสร้างสรรค์ สู่เป้าหมายที่จะเป็นตำนาน และสร้างความสุขให้กับผู้ชม รวมถึงส่งเสริมให้ทุกคนรู้สึกถึงอิสระในตัวเองก่อนหน้านี้ The New York Times เคยมีการออกมาเปิดเผยว่า RENAISSANCE WORLD TOUR ไม่เพียงแต่จะมอบความบันเทิงให้กับผู้ชม แต่ยังสร้างแรงกระเพื่อมอันมหาศาลให้กับภาคธุรกิจ ด้วยการก้าวขึ้นมาเป็นศิลปินหญิงเดี่ยวที่ทำรายได้สูงที่สุด และสร้างเม็ดเงินได้มากถึง 4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 1.6 แสนล้านบาท เทียบเท่ากับงาน Olympic ปี 2008 ที่ประเทศจีนเลยทีเดียวต้องมาจับตาดูว่า RENAISSANCE: A FILM BY BEYONCÉ จะสามารถทำรายได้ไปเท่าไหร่สำหรับการเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ ส่วนการต่อยอดไปลงสตรีมมิง ตอนนี้ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดว่าจะมีหรือไม่ภาพ : Parkwood Entertainment

Lady Gaga คอนเฟิร์มว่ามิวสิกวิดีโอเพลง Telephone จะมีภาคต่อแน่นอน หลังปล่อยให้แฟน ๆ รอนานกว่า 15 ปี

20 ก.พ. 2025

Lady Gaga คอนเฟิร์มว่ามิวสิกวิดีโอเพลง Telephone จะมีภาคต่อแน่นอน หลังปล่อยให้แฟน ๆ รอนานกว่า 15 ปี

To Be Continued...Soon!เลดี้ กาก้า (Lady Gaga) ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงโอกาสการถ่ายทำภาคต่อของมิวสิกวิดีโอเพลง Telephone ที่เธอได้ร่วมงาน บียอนเซ่ (Beyoncé) เมื่อปี 2009 กลายเป็นการคอลแลบที่เขย่าวงการเพลงด้วยยอดวิวสูงกว่า 103 ล้านครั้ง และหากยังจำกันได้มิวสิกวิดีโอสุดอลังการที่มีความยาวถึง 10 นาที จบลงด้วยข้อความ To be continued หรือ โปรดติดตามตอนต่อไป นับแต่นั้นมาเหล่าแฟนเพลงต่างเฝ้ารออย่างมีความหวัง และตอนนี้ดูเหมือนความหวังกำลังจะเป็นจริง เมื่อกาก้าออกมายืนยันว่ามิวสิกวิดีโอเพลงนี้จะมีการสร้างภาคต่อจริง ๆโดยเธอได้ให้สัมภาษณ์เอาไว้ในรายการ Vanity Fair ที่สัมภาษณ์ได้ยิงคำถามใส่ กาก้า ในขณะที่เธอถูกจับใส่เครื่องจับเท็จว่า Telephone จะมีภาคต่อจริงหรือไม่? และคำตอบของเธอก็คือใช่! เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าจะได้ทำมันเมื่อไหร่ อีกทั้งผลของเครื่องจับเท็จยังบอกอีกด้วยว่าเธอพูดจริง ทำเอาเหล่า Little Monsters และ Beyhive ต้องกอดคอกันร้องเฮ!ก่อนหน้านี้มีแฟนเพลงบางคนพยายามเชื่อมโยงว่า บีย่อนเซ่ เคยส่งสัญญาบางอย่างที่อาจเกี่ยวกับมิวสิกวิดีโอภาคต่อของเพลง Telephone มาแล้ว เมื่อครั้งที่เธอปล่อยทีเซอร์โปรโมตอัลบั้ม Cowboy Carter ซึ่งเปิดตัวในช่วง Super Bowl 2024 ที่ บีย่อนเซ่ ปรากฏตัวขณะขับแท็กซี่ผ่านทิวทัศน์อันเวิ้งว้าง ซึ่งดูคล้ายฉากจากมิวสิกวิดีโอ Telephone อย่างน่าสงสัยต้องมารอดูกันต่อไปว่าหากทั้งคู่กลับมาร่วมงานกันอีกครั้งในมิวสิกวิดีโอที่แฟนเพลงทั่วโลกรอคอยนานกว่า 15 ปีนั้น จะยิ่งใหญ่ขนาดไหน และหลังจากทำวีรกรรมร่วมกันไว้ในร้านอาหาร แม่ ๆ จะพาไปไปไหนและเกิดอะไรขึ้นกับพวกเธอหลังจากนั้นบ้างภาพ : Lady Gaga

Beyoncé พา COWBOY CARTER ชนะอัลบั้มแห่งปี พร้อมติดตามผล GRAMMY AWARDS ที่น่าสนใจ

03 ก.พ. 2025

Beyoncé พา COWBOY CARTER ชนะอัลบั้มแห่งปี พร้อมติดตามผล GRAMMY AWARDS ที่น่าสนใจ

จบลงไปแล้วสำหรับการประกวดผลรางวัลทางดนตรีสุดยิ่งใหญ่ GRAMMY AWARDS ครั้งที่ 67 ณ Crypto.com Arena ในลอสแอนเจลิส ซึ่งตรงกับช่วงเช้าวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 (ตามวันและเวลาประเทศไทย) โดยปีนี้ยังคงสร้างความตื่นตาตื่นใจทั้งจากแฟชั่นพรมแดงของเหล่าศิลปินระดับโลก การลุ้นรางวัลในสาขาต่าง ๆ โดยเฉพาะรางวัลใหญ่อย่างอัลบั้มแห่งปี (Album Of The Year), เพลงแห่งปี (Song Of The Year) และ บันทึกเสียงแห่งปี (Record of the Year) ที่ขับเคี่ยวกันสุด ๆซึ่งในที่สุด Beyoncé ก็สามารถชนะรางวัลแกรมมี่ในสาขา อั้ลบั้มแห่งปี (Album Of The Year) ได้สำเร็จจาก COWBOY CARTER พร้อมกันนี้ยังสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นผู้หญิงผิวดำคนแรก ที่ชนะรางวัลแกรมมี่ในสาขา อัลบั้มเพลงคันทรียอดเยี่ยม (Best Country Album) จากอัลบั้มเดียวกันไปครองด้วย ส่วน Kendrick Lamar ก็ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมด้วยการชนะ 2 รางวัลใหญ่ เพลงแห่งปี (Song Of The Year) และ บันทึกเสียงแห่งปี (Record of the Year) จากเพลง Not Like Usอีกหนึ่งสาขาที่ลุ้นและน่าจับตามอง คือ ศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม (Best New Artist) โดยมีผู้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงทั้ง Benson Boone, Sabrina Carpenter, Doechii, Khruangbin, Raye, Chappell Roan, Shaboozey, Teddy Swims และผู้ที่สามารถชนะในสาขานี้ได้แก่ Chappell Roanผลรางวัลที่น่าสนใจจากเวที GRAMMY AWARDS ครั้งที่ 67 มีดังต่อไปนี้Album Of The Year winner - COWBOY CARTER จาก BeyoncéSong of the Year winner - Not Like Us จาก Kendrick LamarRecord of the Year winner - Not Like Us จาก Kendrick LamarBest Pop Duo/Group Performance winners - Die With A Smile จาก Lady Gaga และ Bruno MarsBest Latin Pop Album winner - Las Mujeres Ya No Lloran จาก ShakiraBest New Artist - Chappell RoanBest Country Album - COWBOY CARTER จาก BeyoncéBest Pop Vocal Album - Short n' Sweet จาก Sabrina CarpenterBest Rap Album - Alligator Bites Never Heal จาก Doechiiภาพ : grammy.com

album

0
0.8
1