10 ธ.ค. 2024
ชาล็อต ออสติน แถลงเล่าเหตุการณ์ถูกมิจฉาชีพหลอกโอนเงินกว่า 4 ล้าน โดยอ้างว่ามีชื่อเอี่ยวฟอกเงิน
ชาล็อต ออสติน ศิลปินและนักแสดงภายใต้สังกัด มิสแกรนด์ไทยแลนด์ ให้สัมภาษณ์ต่อกรณีถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอน สูญเงินไปมากถึง 4 ล้านบาท โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2567 มากกว่าความเสียใจที่ตกเป็นเหยื่อและสูญเงินไปจำนวนมาก เธอยอมรับว่าเสียใจที่ถูกคอมเมนต์เชิงตำหนิทั้งที่เป็นผู้เสียหาย โดยเหตุการณ์นี้เป็นบทเรียนสำคัญให้เธอไม่น้อยชาล็อต เล่าว่า วิธีการหลอกลวงของมิจฉาชีพกลุ่มนี้ ใช้ระบบ AI อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ และพบว่า ชาล็อต ถูกนำชื่อไปเปิดบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินของบริษัทหุ้น จึงขอตรวจสอบบัญชีโดยให้วิดีโอคอล ผ่านแอปพลิเคชันไลน์ และบังคับกดลิงก์เพื่อติดต่อกับเจ้าหน้าที่ที่อ้างเป็นตำรวจไซเบอร์ โดยคาดว่าลิงก์ดังกล่าวทำให้โทรศัพท์ถูกบล็อกเบอร์จากบุคคลอื่น ไม่สามารถโทรติดต่อสื่อสารได้ พร้อมแสดงหลักฐานเป็นเอกสารทางราชการ ที่ปลอมแปลงขึ้นมาสร้างความน่าเชื่อถือเมื่อ ชาล็อต หลงเชื่อจึงโอนเงินไปให้ตรวจสอบตามเลขบัญชี ที่ส่งมาให้ ซึ่งเป็นชื่อบัญชีของ น.ส.ปาริชาติ เป็นบัญชีม้า โดยโอนเงินเป็นจำนวน 3 ครั้ง ครั้งแรกในเวลา 17.00 น ของวันที่ 7 ธ.ค. โอนเงินเป็นจำนวน 2,000,000 บาท มิจฉาชีพพยายามยื้อเวลาในการพยายามให้วิดีโอคอลตลอดบังคับไม่ให้ติดต่อผู้อื่นอ้างว่าจะถูกดำเนินคดีไปด้วย บังคับให้โอนเงินอีกจำนวน 500,000 บาทเมื่อการพูดคุยสอบถามพบว่ามีเงินในบัญชีเหลือ จึงบังคับให้โอนเงินรอบที่ 3 อีกจำนวน 1,500,000 บาท รวมความเสียหายทั้งหมดเกือบ 4,000,000 บาท แต่มิจฉาชีพยังพยายามสอบถามเงินจากบัญชีอื่นเพื่อให้โอนเงินไปตรวจสอบ จนกระทั่งเจ้าตัวรู้ตัวในเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 8 ธ.ค. จึงได้ตัดสินใจโทรทำการอายัดบัญชีชั่วคราวและบันทึกภาพวิดีโอไว้เป็นหลักฐานพร้อมเดินทางเข้าแจ้งความที่ สน.สุทธิสาร ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดยอมรับว่าตนรู้สึกเสียใจที่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพภายหลังการแถลงข่าว พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) และ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนและสอบสวน ได้เดินทางเข้ามารับข้อมูลพร้อมเปิดเผยว่า จากข้อมูลที่ได้รับเบื้องต้นทราบว่าทางผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร และทางพนักงานสอบสวนได้อายัดบัญชีไว้เบื้องต้นแล้ว ทราบเป็นการโอนเข้าบัญชีม้า และถูกโอนออกไปยังบัญชีอื่น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบ โดยจะโอนย้ายคดี ที่อยู่ในความรับผิดชอบ สน.สุทธิสาร มาอยู่ในความรับผิดชอบของกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 เป็นผู้รับผิดชอบ เร่งติดตามสืบสวนขยายผลให้เร็วที่สุด คาดว่าจะมีความคืบหน้าภายในหนึ่งสัปดาห์ส่วนหลักฐานที่เป็นคลิปบันทึกไว้ขณะมีการพูดคุยกับมิจฉาชีพที่ใช้ระบบ AI เป็นลักษณะแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่นั้น ยอมรับว่านวัตกรรมของมิจฉาชีพ ที่มีความก้าวหน้าไปมาก โดยจะใช้การเชื่อมต่อสัญญาณผ่านระบบดาวเทียมสตาร์เทค สุ่มผู้เสียหายหลอกเอาเงิน เมื่อเหยื่อหลงเชื่อก็จะหลอกถามเอาข้อมูล ตามแผนการของมิจฉาชีพ โดยที่ผ่านมามีหลายคดีที่ตำรวจสามารถนำเงินมาคืนให้กับผู้เสียหายได้ ซึ่งจากหลักฐานเบื้องต้นคาดว่าคดีของชาล็อต ไม่ใช่คดีที่ซับซ้อน ถึงแม้ปลายทางจะมีการโอนเงินเปลี่ยนเป็นสกุลดิจิทัลแล้วก็ตาม เจ้าหน้าที่สามารถติดตามเส้นทางการเงินได้ขอบคุณภาพ : ไทยรัฐออนไลน์