ทีม GMM GRAMMY แกร่ง! คว้ารางวัล The Guitar Mag Awards 2022 เป๊ก ครองขวัญใจมหาชน 5 ปี Tilly Birds เป็นวงดนตรียอดเยี่ยมแห่งปี

ENTERTAINMENT NEWS

ทีม GMM GRAMMY แกร่ง! คว้ารางวัล The Guitar Mag Awards 2022 เป๊ก ครองขวัญใจมหาชน 5 ปี Tilly Birds เป็นวงดนตรียอดเยี่ยมแห่งปี

23 พ.ย. 2022

ในงานประกาศรางวัล The Guitar Mag Awards 2022 เวทีอันทรงเกียรติของคนดนตรีและผลงานที่มีคุณภาพ จัดโดย The Guitar Mag เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา มีหลายรางวัลใหญ่ที่แฟนๆ ลุ้น ซึ่งทีมศิลปินจาก GMM GRAMMY ก็ฟอร์มดีคว้ารางวัลใหญ่มาครอง หนึ่งในนั้นคือ เป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร จากค่าย White Music ที่ฮอตไม่หยุดฉุดไม่อยู่แล้ว เพราะปีนี้ยังคงคว้ารางวัล Popular Vote หรือศิลปินขวัญใจมหาชนต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน

ขณะที่วงดนตรีขวัญใจสาวกอัลเทอร์เนทีฟอย่าง Tilly Birds สังกัด GeneLab ก็ยังคงมาแรง คว้ามาได้ 4 รางวัลใหญ่ ทั้ง Best Producer of the Year (โปรดิวเซอร์ยอดเยี่ยมแห่งปี) จาก บิลลี่-ณัฐดนัย ชูชาติ, Best Songwriter of the Year (นักแต่งเพลงยอดเยี่ยมแห่งปี) จาก เติร์ด-อนุโรจน์ เกตุเลขา, Best Band of the Year (วงดนตรียอดเยี่ยมแห่งปี) และ Single Hits of the Year (เพลงฮิตที่ได้รับความนิยมแห่งปี) จากเพลง ‘ถ้าเราเจอกันอีก’ ซึ่งทำให้พวกเขากลายเป็นศิลปินที่คว้ารางวัลไปเยอะที่สุดในงานนี้

ส่วนอีกหนึ่งรางวัลใหม่อันทรงคุณค่า Lifetime Achievement Award ซึ่งผู้จัดงานได้มอบให้กับผู้คร่ำหวอดในวงการดนตรี
ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง และสร้างคุณูปการให้กับวงการเพลงบ้านเรา โดยปีนี้ผู้ที่ได้รับเลือกได้แก่ ติ๊ก ชิโร่ และ The Guitar Man of the Year รางวัลที่มอบให้กับมือกีตาร์แห่งปีที่มีไลน์การเล่นกีตาร์โดดเด่นที่สุดในรอบปี ผู้ที่ได้รับเลือกได้แก่ จักริน จูประเสริฐ จากเพลง ‘แพ้ความอ่อนแอ’ ศิลปิน Silly Fools สังกัด Me Records

สำหรับผลรางวัลอื่นๆ มีดังต่อไปนี้

1.Lifetime Achievement Award : ติ๊ก ชิโร่
2.The Guitar Man of the Year : จักริน จูประเสริฐ วง Silly Fools
3.Best Producer of The Year : ณัฐดนัย ชูชาติ วง Tilly Birds
4.Best Songwriter of The Year : อนุโรจน์ เกตุเลขา วง Tilly Birds
5. New Wave of the Year : พีพี-กฤษฏ์ อำนวยเดชกร
6.Best Indie of The Year : Safeplanet
7.Best Collaboration of The Year : F.Hero x Milli ft. Changbin เพลง ‘Mirror’
8.Best Choice of The Year : Hugo จุลจักร จักรพงษ์
9.Best Male Artist of The Year : นนท์-ธนนท์ จำเริญ
10.Best Female Artist of The Year : Bowkylion หรือ โบกี้-พิชญ์สินี วีระสุทธิมาศ
11.Best Band of The Year : Tilly Birds
12.Best Album of The Year : Hugo อัลบั้ม ‘เรือสำราญราตรีอมตะ’
13.Single Hits of the Year : Tilly Birds จากเพลง ‘ถ้าเราเจอกันอีก’
14.Popular Vote : เป๊ก ผลิตโชค

ภาพ : The Guitar Mag

related ENTERTAINMENT NEWS

Tilly Birds ใส่สุดในทุกมิติของ ‘It's Gonna Be Tilly Birds’ คอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกที่ครบรสและทรงพลัง

03 ก.ค. 2023

Tilly Birds ใส่สุดในทุกมิติของ ‘It's Gonna Be Tilly Birds’ คอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกที่ครบรสและทรงพลัง

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีอีเวนต์ทางดนตรีเกิดขึ้นมากมาย และหนึ่งในนั้นคือคอนเสิร์ตเดี่ยวและคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกของ Tilly Birds วงอัลเทอร์เนทีฟแห่งค่าย GeneLab ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 1 กรกฎษคมที่ผ่านมา ณ Show DC Hall ศูนย์การค้า Show DC ซึ่งทันทีที่เริ่มเปิดโชว์ ก็พา #TillyBirdsConcert ติด TOP 3 เทรนด์ทวิตเตอร์ประเทศไทยในทันที เพราะอะไรเดี๋ยว EFM จะมาเล่าในฟัง พร้อมกับแคปโมเมนต์สำคัญบนเวทีมาให้แฟนเพลงของ Tilly Birds ได้ชมกันอีกครั้งด้วยความเป็นคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกของวง มีหรือที่ 3 สมาชิกทั้ง เติร์ด-บิลลี่-ไมโล จะทำแบบธรรมดา เพราะปีนี้ยังเป็นวาระครบรอบ 16 ปีการรวมตัวทำผลงานเพลงในชื่อ Tilly Birds หัวใจสำคัญอย่างแรกคือการพาแฟนเพลงเดินทางย้อนกลับไปสัมผัสกับ Day 1 และชมการเดินทางเรื่อยมาจนถึงวันที่พวกเขามีเพลงและอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จ ในโชว์เราเลยได้ยินและได้เห็นการหยิบเอาเพลงที่หลากหลายทั้งใหม่และเก่า ใครเป็นแฟนตัวยงต้องฟินแน่นอนนอกจากการพาเรากลับไปชม Day 1 แล้ว คอนเสิร์ตนี้เป็นเหมือนรอยต่อระหว่างการเดินทางก้าวใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นของพวกเขา เพราะในอนาคตอันใกล้นี้ Tilly Birds กำลังจะมีอัลบั้มเต็มที่เป็นเพลงสากล เพื่อลุยตลาดเพลงนานาชาติมากขึ้น ในโชว์นี้เลยเราได้มีโอกาสฟังเพลงใหม่จากอัลบั้มใหม่แบบสดๆ ครั้งแรกด้วยอีกหนึ่งเรื่องที่เด่นและต้องยกนิ้วให้ คือ เรื่องการออกแบบเวทีและดีไซน์ไลท์ติ้งที่จัดเต็มมากๆ แม้ในช่วงแรกจะมีแฟนเพลงกังวลเรื่องสถานที่การจัดงานว่าเล็กไปหรือไม่ ซึ่งพวกเขาก็ยืนยันว่าอยากจะทำโชว์ให้สมบูรณ์แบบจนลืมไปเลยว่าสถานที่เป็นอย่างไร โดยเวทีออกแบบด้วยการใช้กระจกแผ่นใหญ่ยักษ์ เพื่อให้เข้ากันกันไฟหลากหลายสีสัน และเลเซอร์ที่จัดเต็มตลอดโชว์ (ใครยืนในโซนตรงกลางด้านหลังก็จะเต็มตาเลย)หนึ่งโมเมนต์พิเศษที่เกิดขึ้นบนเวทีจนทำให้ผู้ชมหลายคนถึงกับซาบซึ้ง เมื่อมีการเปิดตัวอดีตสมาชิกของวง Tilly Birds อย่าง เบ๊บ (อดีตมือกีตาร์) และ บุ๊คกี้ส์ (อดีตมือเบส) ขึ้นมาบนเวทีเพื่อร่วมแจมโชว์ให้แฟนเพลงได้ทบทวนความทรงจำอันแสนอบอุ่นของพวกเขา ก่อนที่จะได้ฟังเพลงฮิต 172 ล้านวิวอย่า ‘ถ้าเราเจอกันอีก’ แม้หลายคนจะมีประสบการณ์ร่วมที่ทำให้ฟังแล้วต้องเสียน้ำตา แต่ในโชว์นี้เพลงถูกสื่อสารด้วยความรู้สึกใหม่ จนเป็นเพลงแห่งการฮีลใจและทำให้น้ำตาของความเศร้าถูกแทนด้วยความสุขนับว่าเป็นโชว์เกือบ 3 ชั่วโมงที่ครบรสและทรงพลังในทุกมิติ จนหลายคนที่ได้ดูมูฟออนจากความรู้สึกเหล่านั้นไม่ได้ และถึงแม้คอนเสิร์ตจะจบลงไป แต่เส้นทางของ Tilly Birds ยังไม่จบ ในเร็วๆ นี้เชื่อว่าแฟนเพลงจะได้เห็นก้าวใหม่ที่ท้าทายและใหญ่ขึ้นของพวกเขาอย่างแน่นอน ‘Until Next Time’ภาพ : Tilly Birds

ค่าย GeneLab เผยว่าอาการป่วยของ กิต Three Man Down ดีขึ้น แต่ยังต้องรักษาด้วยการทานยา

24 ก.ย. 2024

ค่าย GeneLab เผยว่าอาการป่วยของ กิต Three Man Down ดีขึ้น แต่ยังต้องรักษาด้วยการทานยา

หลังจากต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ค่าย GeneLab ได้ออกมาแจ้งข่าวเกี่ยวกับอาการป่วยโรค Vost-Koyanagi-Harada disease (VKH) ของ กิต-กฤตย์ จีรพัฒนานุวงศ์ นักร้องนำวง Three Man Down ทำให้มีอาการจอประสามตาอักเสบทั้งสองข้าง และสูญเสียการมองเห็นตรงกลางภาพ ล่าสุดมีการออกมาอัปเดตอาการ และแผนการรักษาของแพทย์ให้แฟน ๆ ได้ทราบกันเบื้องหลัง กิต ยังอยู่ในการรักษาจอประสาทตา ซึ่งทีมแพทย์ลงความเห็นว่ายังต้องพักการทำงานไปอีกระยะหนึ่ง และต้องหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีผู้คนหนาแน่น อากาศไม่ถ่ายเท เพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำ นั่นจึงทำให้ Three Man Down ต้องพักงานแสดงในสถานบันเทิงเพื่อลดความเสี่ยงดังกล่าวตั้งแต่วันนี้ไปจนถึง 31 ธันวาคม 2567ส่วนการแสดงในงานเฟสติวัล หรืองานที่สถานที่เปิดที่มีระยะห่างจากผู้ชมนั้น วงยังสามารถขึ้นทำการแสดงได้ตามปกติ พร้อมกับขอโทษและขออภัยไปยังผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเหตุการณ์นี้ ส่วนอาการป่วยของ กิต จะมีการอัปเดตให้แฟน ๆ ได้ทราบกันต่อไปในอนาคตภาพ : GMM SHOW / GeneLab

‘กูฟังเพลงไท’ คอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกของวงไททศมิตร ระเบิดพลังการแสดงได้ดุเดือด-ถึงใจ!

16 ก.ย. 2024

‘กูฟังเพลงไท’ คอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกของวงไททศมิตร ระเบิดพลังการแสดงได้ดุเดือด-ถึงใจ!

เป็นอีกค่ำคืนที่ยิ่งใหญ่และน่าจดจำที่สุดสำหรับ ไททศมิตร (TaitosmitH) วงดนตรีร็อกเนื้อหาเพื่อชีวิตแห่งค่าย GeneLab ในเครือ GMM MUSIC และเหล่า ‘เสาไฟ’ (ชื่อเรียกแฟนเพลงของวง) กับคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรก ‘กูฟังเพลงไท’ จัดเต็ม 2 รอบสุดพิเศษ ไปเมื่อวันที่ 14-15 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา ณ ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี งานนี้พวกเขาระเบิดพลังการแสดงที่อัดแน่นไปด้วยดนตรีที่มีเอกลักษณ์ แสง สี เสียง ที่ดุเดือด เร้าใจ ตลอดทั้งงานแบบใส่สุดแรงไม่มียั้งกว่า 4 ชั่วโมงโดยบรรยากาศภายในงานคึกคักไปด้วยเหล่าเสาไฟ ที่เดินทางมาทั่วทุกสารทิศเพื่อรอเจอไททศมิตร วงดนตรีที่พวกเขาชื่นชอบ พร้อมต่อคิวจับจองของที่ระลึกคอนเสิร์ตและอัลบั้ม ‘ภาคพิสดาร’ ที่วางขายครั้งแรกที่งานอย่างเนืองแน่น ซึ่งการจัดคอนเสิร์ตถึง 2 รอบติดกันนี้ คือสิ่งที่ยืนยันได้ว่าไททศมิตรมีฐานแฟนเพลงที่เหนียวแน่น และพร้อมสนับสนุนพวกเขาอย่างเต็มที่ และเมื่อถึงเวลา 1 ทุ่มตรง เสียงดนตรีเริ่มดังขึ้นพร้อมเสียงเชียร์ของแฟน ๆ ที่ดังกระหึ่มในทันทีเมื่อ จ๋าย-อิชณน์กร พึ่งเกียรติรัศมี (ร้องนำ), โมส-ตฤณสิษฐ์ สิริพิชญาศานต์ (ร้องนำ), เจ-ธนกฤต สองเมือง (คีย์บอร์ด), มีน-ปัณณสิทธิ์ สุขโหตุ (กีตาร์ โซโล่), เจต-เจษฎา ปัญญา (เบส), ตุ๊ก-พัฒนภูมิ ชอุ่มผล (กลอง) ปรากฏตัวขึ้นบนเวทีอย่างยิ่งใหญ่ด้วยพลังดนตรีที่ไร้ขีดจำกัดของพวกเขาที่มาพร้อมทีม Chorus, Percussions, Brass Section งานนี้พวกเขาขนเพลงตั้งแต่ยุคอินดี้จนถึงปัจจุบันมาโชว์ให้แฟนเพลงได้ฟังอยากจุใจกว่า 33 เพลงเปิดด้วยเพลง ‘Amazing Thailand’ ต่อด้วย ‘ยุติ-ธรรม’ เพลงที่สะท้อนความเจ็บปวดและความเป็นจริงของสังคมไทย ตามด้วยเพลง ‘รจนา’ ที่มีการนำระนาดเอกบรรเลงเพิ่มสีสันให้แฟน ๆ ได้อินไปกับเพลงและร้องตามกันอย่างสุดเสียง ทำให้บรรยากาศในฮอลล์เดือดขึ้นทันทีตั้งแต่ช่วงแรก ต่อด้วยเพลงที่เป็นจุดเริ่มต้นให้แฟนเพลงได้รู้จักพวกเขาอย่าง ‘เป็นตะลิโตน’ , ‘Pattaya Lover’ และโยกหัวกันต่อไปกับเพลงที่ทำได้เข้าถึงอารมณ์อย่าง ‘ทนได้ทุกที’ และ ‘ผีพนัน’ จากนั้นพวกเขาก็ไต่กราฟความสนุกในคอนเสิร์ตนี้ขึ้นไปอีกแบบไม่มีพักด้วย ‘บังขายถั่ว’ , ‘จะหมัดจะมวย’ , ‘เพื่อนผมเกมได้ไง’ , ‘เสื้อกั๊ก’ และ ‘ไอ้สอง’ ที่มาพร้อมหางเครื่องและแดนเซอร์ชุดใหญ่ทำเอาแฟนเพลงทั้งโดดทั้งเต้นกันแบบสุดตัวต่อด้วยการเปิดตัวแขกรับเชิญสุดพิเศษช่วงแรก อย่าง เบิ้ล คณะขวัญใจ ที่มาในเพลง ‘แม่เสือสาว’, หมู ไววิทย์ กับเพลง ‘มีชีวิตเพื่อคนอื่น’ และ ไม้หมอน วชิรวิทย์ กับเพลง ‘หลุด’ ที่มาร่วมส่งต่ออุดมการณ์ดนตรีเพื่อชีวิตรุ่นใหม่ด้วยกันในเพลง ‘หัวใจเสรี’ ต่อด้วยเพลงจากอัลบั้มแรกของวงที่หลายคนคิดถึงอย่าง ‘ฮาคูน่า มาทาท่า’ , ‘คางคก’จากนั้นไททศมิตรก็ได้เซอร์ไพรส์แฟนเพลงด้วยการปรากฏตัวในลุคแปลกตาด้วยชุดสูทพร้อมเล่นเพลงช้าสุดซึ้งเข้าถึงอารมร์อย่างเพลง ‘ตราบ’, ‘แอบเก็บความในใจไว้ภายในแว่นเรย์แบนสีดำ’ และพวกเขาได้นั่งพูดคุยกับแฟนเพลง โดย จ๋าย ได้เล่าถึงการเดินทางของวง ได้เปิดใจถึงความหมายเบื้องหลังของเพลงที่งานนี้ทำเอาหลายคนเสียน้ำตาไปกับมิตรภาพที่สวยงามและจริงใจแบบลูกผู้ชายของวงไททศมิตรในเพลง ‘มึงกับกู’ ตามด้วยเพลงช้าเนื้อหาเข้มข้นและเศร้าที่สุดจากไททศมิตรที่มาพร้อมแขกรับเชิญสุดพิเศษ ‘พี่ตูน Bodyslam’ มาร่วมถ่ายทอดทุกความรู้สึกของเพลง ‘กี่ฤดู’ และชวนเหล่าเสาไฟกระโดดกันต่อไม่ให้พักไปกับเพลง ‘ท่านผู้ชม’ , ‘คนมีตังค์’ สร้างความสนุกและประทับใจให้แฟนเพลงในฮอลล์จากนั้นเวทีก็กลับมาเดือดและฮึกเหิมด้วยเพลงที่สะท้อนถึงการต่อสู้และการยืนหยัดในชีวิตอีกครั้งในเพลง ‘เพื่อชีวิตกู’ ตามด้วยเพลงที่ใครหลายคนรอคอยอย่าง ‘โคโยตี้’ ที่วงได้เซอร์ไพร์แฟนเพลงด้วยการชวน จินตหรา พูนลาภ มาร่วมร้องในเพลงนี้ และชวนเหล่าเสาไฟเซิ้งกันต่อไปกับเพลง ‘มาทำไม’ พร้อมเครื่องดนตรีประจำวงหมอลำอย่าง ‘พิณ’ ‘แคน’ และหางเครื่องแบบจัดเต็ม เหมือนยกเวทีหมอลำของแท้มาผสมผสานกับร็อกเพื่อชีวิตของไททศมิตรอย่างลงตัว และมาถึงช่วงที่ไททศมิตรสาดความเดือดกันต่อด้วยเพลง ‘หมวกกันน็อค’, ‘ไส้แห้ง’, ‘แดงกับเขียว’ ตามด้วยเพลงฮิตชวนคิดถึงบ้านอย่างเพลง ‘Hello Mama’ ที่แฟนเพลงร้องตามกันดังกึกก้องไปทั่วทั้งฮอลล์ พร้อมกับคำกล่าวขอบคุณที่วงตั้งใจมอบให้แฟนเพลงที่คอยสนับสนุนมาตลอดต่อด้วยเพลง ‘สักวันหนึ่ง’ ที่โมสและจ๋ายได้ลงจากเวทีไปหาคนดู เรียกว่าเป็นบรรยากาศที่อบอุ่นและมีความหมายกับทั้งศิลปินและแฟนเพลงมากจริงๆ ก่อนปิดท้ายคอนเสิร์ตด้วยความมันแบบพุ่งทะลุกราฟด้วยเพลง ‘นักเลงเก่า’ แต่เหมือนแฟนเพลงจะยังไม่อยากให้โชว์จบลง ต่างส่งเสียงเรียกชื่อวง ‘ไททศมิตร’ อย่างต่อเนื่อง วงเลยขึ้นมาโชว์เพลงที่มีความหมายกับวงอย่าง ‘อนัตตา’ และปิดท้ายคอนเสิร์ตด้วยเพลง ‘แดงกับเขียว’ อีกครั้ง งานนี้เรียกว่ามีเท่าไรใส่กันสุดพลังแทบไม่เหลือแรงกลับบ้าน ก่อนลากันไปด้วยเสียงปรบมือและเสียงตะโกนขอบคุณทั้งจากศิลปินและแฟนเพลงที่ดังก้องไปทั่วทั้งฮอลล์เรียกได้ว่าคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกของไททศมิตรจบลงไปด้วยความสำเร็จอย่างงดงาม เป็นค่ำคืนที่ครบรสด้วยพลังแห่งมิตรภาพ ความสุข ความสนุกสุดมัน ‘กูฟังเพลงไท’ ไม่เพียงแต่เป็นคอนเสิร์ตที่แสดงถึงพลังดนตรีของไททศมิตรเท่านั้นแต่ยังเป็นการรวมตัวของเหล่าแฟนเพลงผู้รักในดนตรีที่สะท้อนสังคมอย่างแท้จริงด้วยภาพ : GeneLab

GMM GRAMMY เปิดตัว ‘PERSES’ บอยกรุ๊ปที่ชู NEW GENERATION OF POP สีสันใหม่ที่จะมาเขย่าวงการ T-POP

28 ก.ย. 2022

GMM GRAMMY เปิดตัว ‘PERSES’ บอยกรุ๊ปที่ชู NEW GENERATION OF POP สีสันใหม่ที่จะมาเขย่าวงการ T-POP

THIS IS MY TIME!ในที่สุดก็ถึงเวลาของพวกเขา5หนุ่มPERSES (เพอร์เซส) บอยกรุ๊ปกลุ่มแรกจากG’NEST (จีเนส)ค่ายเพลงน้องใหม่ที่มีทีมงานเบื้องหลังในการผลิตศิลปินที่เป็นPOP ICONมากมายของเมืองไทยภายใต้สังกัดGMM GRAMMY ประกอบด้วยสมาชิก5คนคือ JUNG หรือ จั๋ง-วิกร บูรณภิญโญ,NAY หรือ เน-ณรัณวิกัยรุ่งโรจน์,KRITTIN หรือ กฤติน-กฤติน สอสูงเนิน, PALM หรือปาล์ม-พีรวิชญ์ พินธะและ น้องเล็กสุดPLUGGY หรือ ปลั๊กกี้-ธรากร คำสิงห์ ศิลปินกลุ่มNEW GENERATION OF POPที่มาพร้อมกับซิงเกิลแรก‘MY TIME’ในแบบ Modern PopและมีการเปิดMusic Video ให้ชมพร้อมกันครั้งแรกทั่วโลกในงานDEBUT STAGE ณ ลานBLOCK Iสยาม สแควร์ซึ่งหนุ่มๆ PERSES ก็ท็อปฟอร์มกับStage Performanceที่ทรงพลังทั้งเสียงร้องและไลน์แดนซ์ที่ทั้งพลิ้ว แข็งแรงและดุดัน สมกับที่ผ่านการฝึกในฐานะเด็กฝึกของGMM Academyมามากกว่า4,000ชั่วโมง! ประกอบกับโปรดักชั่นสุดอลังการของเวที ที่ถูกดีไซน์เป็นกล่องยักษ์ใจกลางสยามเพื่อให้พวกเขาทั้ง5ทลายออกมาแสดงตัวตนผ่านเพลง และPerformanceให้ทุกคนได้ชมอีกทั้งยังเป็นการทำตามความฝันที่ยิ่งใหญ่ในการเป็นศิลปินและเป็นตัวแทนของเจเนอเรชั่นจั๋ง ในฐานะพี่ใหญ่ของวงเป็นตัวแทนแนะนำPERSESเพิ่มว่ามีที่มาจากชื่อเทพเจ้ากรีกในตำนาน เป็นเทพแห่งการทำลายสิ่งเก่าเพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ หรือThe destroyerเลยถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของการสิ้นสุดเพื่อเริ่มต้นใหม่ ซึ่งตรงกับPERSESทั้ง5คนที่อยู่ในช่วงวัยเดียวกัน กำลังค้นหาตัวตนและเรียนรู้การเติบโตของช่วงวัย โดยที่ไม่ถูกจำกัดด้วยกรอบหรือกฎเกณฑ์เดิมที่เคยมี และพยายามก้าวข้ามขีดจำกัดในศักยภาพของตัวเองจนสามารถสร้างสรรค์ผลงานออกมาให้ทุกคนได้เห็น“ผลงานแรกของพวกเราคือเพลง‘MY TIME’ซิงเกิลนี้จะพูดถึงความสัมพันธ์ที่ฝ่ายหนึ่งถูกควบคุมบงการชีวิตให้เป็นหรือให้ทำในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเอง แต่วันนึงที่ความอดทนถึงขีดจำกัด เลยถึงเวลาที่ตัดสินใจเดินออกจากความToxicเพื่อใช้ชีวิตของตัวเอง โดยสไตล์ของเพลงจะเป็นModern Popที่มีส่วนผสมดนตรีแนวFunkเป็นการทำเพลงในระบบSong Camp คือทำงานร่วมกับทีมJam Factoryนักแต่งเพลงทั้งจากฝั่งยุโรปและเอเชีย ที่มีโปรไฟล์เคยทำงานให้ศิลปินชื่อดัง อย่างChris Brown, Pitbull, Sean Paul, NCT DREAM, NCT 127, SEVENTEEN, ENHYPENเป็นการทำงานแลกเปลี่ยนไอเดียระหว่างทีมงานไทยและอินเตอร์ และที่สำคัญพวกเราได้พี่ปณต คุณประเสริฐ วงGetsunovaมาเป็นExecutive Producerให้ครับ แถมยังมีพี่AUTTA -อัษฎกร เดชมากมาเขียนเนื้อร้องให้เหมาะกับพวกเราอีกด้วย ขอบคุณพี่ๆ มากๆ ครับ”“ส่วนของท่าเต้นทั้งหมดที่ทุกคนได้เห็นในMVและโชว์ของพวกเรา ถูกออกแบบด้วยพี่ๆ ทีมHarlem Shakeที่ดูแลโดยคุณอภิสราฐ์ เพชรเรืองรองหรือครูเจด้าของพวกเราครับ เป็นท่าเต้นที่แข็งแรงและแสดงให้เห็นคาแรคเตอร์ของเราทั้ง5คนได้ชัดมาก ขอบคุณมากครับ และขอขอบคุณพี่ๆ ทีมงานแกรมมี่ทุกคนที่มีส่วนช่วยกันสร้างผลงานที่มีคุณภาพมากๆ นี้ให้กับPERSESเราสัญญาว่าจะพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้นและผลิตผลงานดีๆ มาให้ได้ชมกันอีกนะครับ”ปาล์มและปลั๊กกี้Main Dancerน้องเล็กของวงกล่าวเสริมอีกหนึ่งความพิเศษคือ Music Video ‘MY TIME’จะเป็นการเล่าเรื่องราวของ5หนุ่มPERSESที่ต้องการหลุดพ้นออกจากโลกที่ถูกควบคุม ด้วยการลุกขึ้นมาแสดงจุดยืนและประกาศให้ทุกคนที่ถูกควบคุมในโลกนั้นรู้ว่า ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนจะต้องก้าวออกมาเป็นตัวของตัวเอง จะเป็นการนำเสนอคาแรคเตอร์ของวงผ่านการเล่าเรื่องที่มีการเปรียบเทียบและใช้ความหมายแฝงในแต่ละซีน ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างG’NESTทีมทำงานของไทยกับทีมโปรดักชั่นFLIP EVILจากประเทศเกาหลีใต้ที่เคยสร้างมิวสิกวิดีโอให้กับศิลปินดังมากมาย รวมถึงได้ทีมภาพจากEUMKOหรือEUM SANG TAEที่เคยมีผลงานร่วมกับศิลปินเกาหลีหลายวง มาครีเอทมุมภาพเท่ๆ ให้หนุ่มๆ นับเป็นการได้เรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ทำงานซึ่งกันและกัน โดยครั้งนี้ใช้เวลาถ่ายMVที่ประเทศเกาหลีใต้ถึง2วันเต็มรวมเวลาถ่ายทำทั้งหมดกว่า30ชั่วโมงเลยทีเดียว ถือเป็นผลงานที่ทุ่มเททั้งกายทั้งใจใส่กันสุดตัวจริงๆสำหรับใครที่ยังไม่ได้ดูMusic Videoตามไปดูกันได้ทางYoutube : gnest_officialและสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเขาได้ที่@perses_officialและโซเชียลมีเดียทุกช่องทางภาพ : G’NEST

album

0
0.8
1