ENTERTAINMENT NEWS

จูเลีย มอร์ลีย์ กล่าวชื่นชม โอปอล สุชาตา “เป็นผู้หญิงที่มีจุดหมายและพลังแห่งการเปลี่ยนแปลง”

01 มิ.ย. 2025

แม้จะผ่านพ้นค่ำคืนแห่งประวัติศาสตร์มาแล้ว แต่บรรยากาศแห่งความปลาบปลื้มและความภาคภูมิใจของแฟนนางงามไทยยังคงอบอวลไม่หาย หลังจาก โอปอล-สุชาตา ช่วงศรี ตัวแทนสาวไทยคว้ามงกุฎ Miss World 2025 มาครองได้อย่างสมศักดิ์ศรี ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ประเทศไทยสามารถคว้าชัยชนะบนเวทีการประกวดที่เก่าแก่และทรงเกียรตินี้

ชัยชนะของ โอปอล ไม่เพียงสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย แต่ยังสะท้อนถึงคุณค่าภายในของหญิงสาวผู้เปี่ยมด้วยปณิธานและพลังแห่งการเปลี่ยนแปลง โดยเสียงชื่นชมจากแฟนนางงามทั่วโลกต่างยกย่องในความงาม ความฉลาด และการสื่อสารที่มีความหมายของเธอ ซึ่งเมื่อบวกกับแนวทางที่เวที Miss World ยึดมั่นเสมอมา จึงทำให้การตัดสินในปีนี้ทรงพลังกว่าครั้งใด

จูเลีย มอร์ลีย์ (Julia Morley) ประธานองค์กรมิสเวิลด์ และประธานคณะกรรมการตัดสิน ได้กล่าวชื่นชม โอปอล และผู้เข้ารอบสุดท้ายอย่างซาบซึ้งว่า

“ค่ำคืนนี้ โลกไม่ได้เห็นเพียงความงาม แต่ยังได้เห็นความเฉลียวฉลาด ความกล้าหาญ และเสียงเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลง โอปอลได้แสดงให้เราเห็นว่าเธอไม่ใช่แค่ผู้ชนะ แต่เธอคือผู้หญิงที่มีจุดมุ่งหมาย และมีเสียงที่โลกพร้อมจะรับฟังแล้ว”

พร้อมกันนี้บัญชีโซเชียลมีเดียของ Miss World ยังได้เผยแพร่วิดีโอขณะภาพของ โอปอล ถูกประกาศให้เป็น Miss World คนใหม่ ซึ่งถูกฉายขึ้นอย่างยิ่งใหญ่บนบิลบอร์ดยักษ์กลางไทม์สแควร์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โดยมีข้อความที่กินใจว่า

“The whole world welcomes and salutes the new Miss World – Opal Suchata Chuangsri” (ทั้งโลกต่างโอบกอดและต้อนรับมิสเวิลด์คนใหม่ โอปอล-สุชาตา ช่วงศรี)

ภาพ : Miss World

related ENTERTAINMENT NEWS

14 พ.ย. 2024

ชมความงดงามของ ‘Siam Manustree’ ชุดประจำชาติที่ โอปอล สุชาตา ใช้ประกวดบนเวที Miss Universe 2024

อีกเพียงไม่กีอึดใจเท่านั้นแฟนนางงามทั่วโลกจะได้ยลโฉมของสาว ๆ ผู้เข้าประกวด Miss Universe 2024 บนเวทีในรอบเก็บคะแนน Preliminary Competition และ National Costume หรือรอบชุดประจำชาติ ซึ่งจะถูกจัดขึ้นในช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2567 เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป (ตามวันและเวลาประเทศไทย) และแน่นอนว่าแฟน ๆ ชาวไทยต่างก็รอเชียร์ตัวแทนทีมไทยแลนด์อย่าง โอปอล-สุชาตา ช่วงศรี ในรอบสำคัญนี้ด้วยก่อนที่จะได้ชมการประกวด ล่าสุดทางเพจ Miss Universe Thailand ได้เปิดเผยภาพความงดงามของชุดประจำชาติไทยที่ โอปอล จะใช้สวมใส่ในการประกวดรอบ National Costume มาให้แฟน ๆ ได้ซูมดูความงดงามของชุดซึ่งถูกรังสรรค์อย่างวิจิตรบรรจงโดยสมาคมภริยาช่างสิบหมู่ มาให้ได้ชมกันก่อนโดยชุดประจำชาติไทยปีนี้มีชื่อชุดว่า ‘Siam Manustree’ มีความหมายว่า เครื่องแต่งกายเพื่อรำลึกถึงวีรสตรีแห่งสยาม ออกแบบโดย คุณบุหลัน ปั้นบรรจง ที่ได้หยิบเอาเรื่องราวจากบันทึกทางประวัติศาสตร์ของไทย เพื่อยกย่องความกล้าหาญของสมเด็จพระนางเจ้าสุริโยทัยในการสู้รบในศึกช้างคู่พระราชทาน และทรงเสียสละพระชนม์ชีพเพื่อปกป้องอาณาจักรไทยเหตุการณ์นี้สะท้อนถึงพลังอันไร้ขีดจำกัดของสตรีไทย และเป็นตัวอย่างของพลังที่ไร้ขีดจำกัดของผู้นำหญิงของไทยที่มีมาแต่โบราณ ตอกย้ำความสามารถในการเป็นผู้นำด้วยความหาญกล้า นำมาสู่แรงบรรดาลใจในการออกแบบชุดสยามมานุสตรีส่วนการสร้างสรรค์ใช้เทคนิคงานหัตถศิลป์ชั้นสูง รวมถึงงานประดับปีกแมลงทับอันวิจิตรบรรจง รวมผู้เชี่ยวชาญและครูช่างครบทุกแขนง นับเป็นความภาคภูมิใจและพลังในการขับเคลื่อนงานศิลปาชีพของไทย สู่สายตาชาวโลกรอติดตามชมการประกวดรอบ Preliminary Competition National Costume และเชียร์ โอปอล-สุชาตา ช่วงศรี ในเช้าวันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2567 เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป (ตามวันและเวลาประเทศไทย) และรอชมรอบ Final Competition ที่จะมีขึ้นในเช้าวันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน 2567 เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป (ตามวันและเวลาประเทศไทย)ภาพ : Miss Universe Thailand

16 มิ.ย. 2025

“She deserves it?” หรืออะไร? จูเลีย มอร์ลีย์ ตอบแล้ว หลังแฟนนางงามพยายามอ่านปากในคืนไฟนอล Miss World 2025

บรรยากาศแห่งความปลื้มปิติจากชัยชนะของ โอปอล–สุชาตา ช่วงศรี ยังคงอบอวลอยู่ในหัวใจของแฟนนางงามไทยทั่วประเทศ การคว้ามงกุฎ Miss World 2025 ของเธอไม่เพียงสร้างประวัติศาสตร์ให้กับประเทศไทย แต่ยังสะท้อนพลังของความฝันและความตั้งใจที่ส่งต่อไปถึงคนทั้งโลกหลังกลับถึงบ้านเกิดอย่างอบอุ่น ท่ามกลางเสียงต้อนรับดังกึกก้องจากแฟน ๆ นับแสน โอปอล และ คุณจูเลีย มอร์ลีย์ (Julia Morley) CBE ประธานองค์กรมิสเวิลด์ ได้เดินทางไปร่วมรายการ ‘ถกไม่เถียง’ เพื่อพูดคุยถึงช่วงเวลาแห่งความประทับใจที่เกิดขึ้นในเมืองไทย ทั้งการต้อนรับอันอบอุ่น มิตรภาพ และบรรยากาศที่เธอบอกว่า “ไม่มีที่ไหนเหมือนไทยอีกแล้ว”แต่หนึ่งในโมเมนต์ที่ยังอยู่ในใจของแฟนนางงาม ก็คือคืนไฟนอล ขณะที่ โอปอล เพิ่งตอบคำถามรอบสุดท้ายเสร็จ กล้องตัดไปที่คุณจูเลีย ซึ่งมีประโยคหนึ่งที่เธอพูดเบา ๆ จนแฟน ๆ ต่างพยายามอ่านปากและเดากันว่าเธอพูดว่า “She deserves it” ใช่หรือไม่?คำตอบของ คุณจูเลีย วันนี้น่ารักไม่แพ้รอยยิ้มของเธอ “เอาจริง ๆ ฉันก็จำไม่ได้แล้วค่ะ (หัวเราะ) เพราะตอนนั้นฉันจดจ่ออยู่กับไกด์ที่กำลังนับถอยหลัง และก็มีอะไรเกิดขึ้นรอบตัวเยอะมาก แม้จะจำไม่ได้ว่าพูดอะไรไป แต่ที่ฉันแน่ใจคือโอปอลเธอสมควรได้รับมงกุฎนี้อย่างแท้จริงค่ะ”โมเมนต์เล็ก ๆ นี้จึงกลายเป็นอีกหนึ่งความประทับใจที่ตอกย้ำว่า ไม่ว่าจะพูดว่าอะไรในค่ำคืนนั้น ทุกคำของ คุณจูเลีย มีความหมาย และส่งตรงจากหัวใจของผู้หญิงที่เป็นทั้งผู้นำและหัวใจขององค์กรมิสเวิลด์มายาวนาน เช่นเดียวกับที่เธอส่งผ่านความรักและความภาคภูมิใจทั้งหมดนั้น.มายัง โอปอล และแฟนนางงามไทยทุกคนภาพ : TPN Global

31 พ.ค. 2025

โอปอล สุชาตา คว้ามงกุฎ Miss World 2025 สร้างประวัติศาสตร์ให้ประเทศไทยเป็นครั้งแรกในรอบ 74 ปี

แฟนนางงามไทยร่วมกันเฉลิมฉลองให้กับโมเมนต์ประวัติศาสตร์บนเวทีระดับโลก เมื่อ โอปอล-สุชาตา ช่วงศรี ตัวแทนสาวไทย คว้ามงกุฎ Miss World 2025 มาครองได้เป็นครั้งแรก ท่ามกลางเสียงปรบมือและความภาคภูมิใจจากคนไทยทั้งประเทศ การประกวดจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ณ ประเทศอินเดีย ซึ่งถือเป็นการคว้าชัยครั้งสำคัญในรอบ 74 ปี นับตั้งแต่มีการประกวด Miss Worldย้อนกลับไปในเส้นทางการประกวด โอปอล ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นตลอดการแข่งขัน โดยเฉพาะในรอบ Head to Head Challenge และ Multimedia Challenge ที่แสดงให้เห็นถึงทั้งความสามารถและพลังแห่งแรงบันดาลใจ จนสามารถฝ่าฟันเข้าสู่รอบ 40 คนสุดท้าย และคว้าตำแหน่ง Miss Asian Oceania Queen ไปครองได้อย่างสง่างามหนึ่งในช่วงเวลาสำคัญที่ตราตรึงใจผู้ชมทั่วโลก คือการตอบคำถามในรอบควีนทวีป ที่โอปอลเปรียบตำแหน่ง Miss Asian Oceania เสมือนการดูแลสวนดอกไม้ ที่ต้องใช้ทั้งความใส่ใจ ความทุ่มเท และความรักอย่างแท้จริง“ไม่ใช่แค่แนะนำตัวเองพร้อมกับตำแหน่งเท่านั้น แต่คุณต้องทำให้ผู้คนรู้สึกว่าคุณอยู่กับพวกเขา และยืนหยัดเพื่อพวกเขา ฉันได้เรียนรู้ว่าการใช้ชีวิตให้เต็มที่สุด คือการมอบชีวิตและความฝันกลับคืนให้กับผู้ที่เคยสูญเสียมันไป เพื่อเป็นแสงแห่งความหวัง เป็นแสงแห่งพลัง และเพื่อทิ้งมรดกแห่งจิตวิญญาณไว้จนลมหายใจสุดท้ายของฉัน”โอปอล ยังสามารถเฉิดฉายอย่างต่อเนื่องในรอบสุดท้าย ร่วมกับผู้เข้ารอบอีก 3 คนจากทวีปต่าง ๆ ได้แก่ Hasset Dereje จากเอธิโอเปีย (แอฟริกา), Maja Klajda จากโปแลนด์ (ยุโรป) และ Aurélie Joachim จากมาร์ตินีค (อเมริกาและแคริบเบียน) โดยผู้เข้าประกวดจะต้องสุ่มตอบคำถามจากคณะกรรมการ ซึ่งคำตอบของ โอปอล ยังคงแสดงให้เห็นถึงความลึกซึ้งทางความคิดและคุณค่าภายใน โดยเธอเน้นถึงความหมายของความรับผิดชอบและการเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้อื่น“ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร อายุเท่าไร หรือมีตำแหน่งอะไรในชีวิต ก็จะมีใครบางคนเฝ้ามองและชื่นชมคุณอยู่ วิธีที่ดีที่สุดในการเป็นผู้นำ คือการนำด้วยความอ่อนโยนและสง่างามในการกระทำของเรา”ด้วยความสวยสง่า สติปัญญาเฉียบแหลม และหัวใจที่เปี่ยมด้วยพลังบวก โอปอล จึงสามารถคว้ามงกุฎ Miss World 2025 มาครองได้สำเร็จ นับเป็นชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ที่สร้างความปลาบปลื้มใจให้กับคนไทยทั้งชาติสำหรับผลการประกวด:Miss World 2025: สุชาตา ช่วงศรี จากประเทศไทย)รองอันดับ 1: Hasset Dereje จากเอธิโอเปีย (แอฟริกา)รองอันดับ 2: Maja Klajda จากโปแลนด์ (ยุโรป)รองอันดับ 3: Aurélie Joachim จากมาร์ตินีค (อเมริกาและแคริบเบียน)

16 พ.ย. 2025

โอปอล สุชาตา ร่วมวิ่งคบเพลิงมหกรรมกีฬาซีเกมส์ 2025 และอาเซียนพาราเกมส์ 2026

โอปอล–สุชาตา ช่วงศรี Miss World 2025 เข้าร่วมในหนึ่งโมเมนต์สำคัญ ด้วยการร่วมวิ่งคบเพลิงไฟพระฤกษ์ของการแข่งขันซีเกมส์และอาเซียนพาราเกมส์ ซึ่งประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพในปีนี้ โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนจำนวนมากออกมารอชมและส่งเสียงเชียร์ตลอดเส้นทางโอปอล ร่วมวิ่งในขบวนของผู้บริหารและพนักงานจากเซ็นทรัลพัฒนา พร้อมเล่าความประทับใจว่า นี่เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่เธอภาคภูมิใจอย่างยิ่ง พร้อมส่งแรงใจให้ทัพนักกีฬาไทยที่กำลังเตรียมตัวสู้ศึกเพื่อเป้าหมายคว้าเหรียญทองกลับบ้าน“ฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการวิ่งคบเพลิงในการแข่งขันซีเกมส์ 2025 โดยเฉพาะเมื่อประเทศไทยของเราเป็นเจ้าภาพในปีนี้ ฉันภาคภูมิใจอย่างสุดหัวใจที่ได้เกิดเป็นคนไทย และมีโอกาสได้ร่วมส่งกำลังใจให้ตัวแทนของประเทศบนเวทีที่มีความหมายเช่นนี้”เธอยังกล่าวถึงความประทับใจในการร่วมวิ่งเคียงข้างธงของผู้เข้าร่วมว่า “เป็นความรู้สึกที่พิเศษมาก เพราะสะท้อนถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันของพวกเราทุกคน ในมหกรรมกีฬาที่เฉลิมฉลองทั้งพรสวรรค์ จิตวิญญาณ และความตั้งใจร่วมกันในการสนับสนุนและยกระดับกันและกัน”สำหรับกิจกรรมวิ่งคบเพลิงไฟพระฤกษ์ จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่พร้อมกันใน 4 จังหวัด โดยในกรุงเทพมหานครเริ่มพิธีเมื่อเวลา 07.15 น. วันที่ 16 พฤศจิกายน 2568 โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานเปลวไฟพระฤกษ์ให้แก่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ก่อนเริ่มต้นวิ่งจากอินดอร์ สเตเดียม หัวหมาก ตามเส้นทางที่กำหนดการวิ่งคบเพลิงในกรุงเทพฯ มีผู้ร่วมวิ่งรวมทั้งสิ้น 73 คน ประกอบด้วยบุคคลสำคัญ ผู้สนับสนุน นักกีฬาชื่อดัง และศิลปินนักแสดง อาทิ บัลลังก์ ทับทิมแดง (เทควันโด), ร.อ.สมบัติ บัญชาเมฆ (บัวขาว), บิว–ภูริพล บุญสอน, โดม–ปกรณ์ ลัม, เต๋า–สมชาย เข็มกลัด, สมจิตร จงจอหอ รวมถึงโอปอล มิสเวิลด์คนล่าสุด ก่อนที่คบเพลิงจะเดินทางสู่จังหวัดเจ้าภาพอื่น ๆ ทั่วประเทศสำหรับการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 33 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9–20 ธันวาคม 2568 ณ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี และสงขลา โดยพิธีเปิดจะจัดขึ้นที่ราชมังคลากีฬาสถาน ขณะที่การแข่งขันอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 20–26 มกราคม 2569 ณ จังหวัดนครราชสีมาภาพ : Miss World

0.8