เช้าวันนี้ (24 เมษายน 2568) รายการ แฉข่าวเช้า ทาง EFM94 ได้ต้อนรับ แจ็คสัน หวัง (Jackson Wang) ศิลปินระดับโลกที่กลับมาเยือนไทยอีกครั้ง พร้อมผลงานใหม่ ‘GBAD’ ที่ไม่ได้เป็นแค่ซิงเกิลเปิดอัลบั้ม Magic Man 2 เท่านั้น แต่ยังเป็นการเปิดเผยเสี้ยวหนึ่งของชีวิต ความคิด และหัวใจของผู้ชายที่แฟน ๆ ชาวไทยต่างเอ็นดูจนพร้อมยกตำแหน่ง ‘เขยไทย’ ให้โดยไม่ต้องมีพิธีการใด ๆ
“ในบางครั้งเราก็ต้องเป็นคนไม่ดีบ้าง เพื่อปกป้องตัวเอง”
แจ็คสัน เปิดใจถึงที่มาของเพลง GBAD ด้วยรอยยิ้มที่ซ่อนความจริงจังไว้ลึก ๆ เขาเล่าว่า เพลงนี้สะท้อนมุมมองของเขาต่อโลกใบนี้ในวันที่เราไม่สามารถเป็น ‘คนดี’ ได้ตลอดเวลา เพราะการรักษาตัวตน การยืนหยัดต่อสิ่งที่เชื่อ อาจทำให้เราถูกมองในแง่ร้ายในสายตาคนอื่น แต่เขายืนยันว่า “ผมและทุกคนก็แค่อยากอยู่กันอย่างสงบแหละครับ”
GBAD ถูกปล่อยตรงกับวันเกิดของ แจ็คสัน และมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เขาย้ำว่า “นี่คือปีแรกที่ผมอายุ 30” และวัยนี้ทำให้เขาเริ่มมองโลกต่างออกไป ทั้งจากการพักงานเพื่อทบทวนตัวเองหนึ่งปีเต็ม และจากการเลือกที่จะสร้างผลงานในแบบที่สะท้อนตัวตนอย่างแท้จริง
“ผมเดบิวต์ตอนอายุ 19 เองครับ ซึ่งผมมองตัวเองว่ายังไม่ได้พร้อมในหลาย ๆ เรื่องเลย บวกกับงานที่แน่นมาก ทำให้ไม่มีเวลาได้คิดหรือตกตะกอนเรื่องอะไรเลย พอต้องมาเจอความจริงของสิ่งที่ต้องเจอ มันกระแทกเข้ามาหนักเหลือเกิน ปีที่แล้วผมเลยตัดสินใจพักไปเลยหนึ่งปีเต็ม และก็ได้ใช้เวลาคิดทบทวนตัวเองว่า ตัวตนจริง ๆ ของผมเป็นยังไง คิดรักของผม ชีวิตของผม และครอบครัวของผมด้วย เฉพาะฉะนั้นในอัลบั้ม Magic Man 2 นี้ก็เลยมีข้อความที่ผมอยากจะเล่าเรื่องและอยากจะสะท้อนถึงสิ่งที่ได้ตกตะกอนมา GBAD จึงเป็นอีกหนึ่งเพลงที่จะพูดถึงข้อความที่ผมอยากบอก
แม้จะเป็นศิลปินแถวหน้าที่ถูกจับตามองทุกย่างก้าว แต่ แจ็คสัน กลับไม่ยึดติดกับภาพลักษณ์ของคนเบื้องหน้า เขาเผยว่าเบื้องหลังของอัลบั้มนี้เขามีส่วนร่วมแทบทุกขั้นตอน ทั้งการเขียนเพลง ควบคุมงานโปรดักชัน ไปจนถึงร่างโครงเรื่องมิวสิกวิดีโอด้วยตัวเอง เพราะสำหรับเขา ทีมของเขาไม่ใช่แค่คนทำงาน แต่คือครอบครัวทางความคิดที่เข้าใจกัน
“ทุกอย่างมันเชื่อมโยงกันหมดครับ ไม่ว่าจะดนตรี แฟชั่น หรือไลฟ์สไตล์ มันอยู่ภายใต้ร่มของวัฒนธรรม” ความคิดของ แจ็คสัน ไม่ได้แยกศิลปะออกเป็นชิ้น ๆ แต่มองทุกอย่างว่าเชื่อมโยงกัน เป็นภาษาของจิตใจที่เขาใช้สื่อสารกับโลกอย่างจริงใจ
แจ็คสัน ไม่อยากให้ GBAD เป็นแค่เพลงติดหู แต่เป็นเหมือนกระจกสะท้อนคำถามถึงตัวเอง เราเป็นใคร? เรารู้จักตัวเองแค่ไหน? เขาอยากให้คนดูมิวสิกวิดีโอแล้วหันกลับมาทบทวนความเป็นตัวตนในโลกที่เต็มไปด้วยเทรนด์ วัฒนธรรมตามกระแส และแรงกดดันจากโซเชียลมีเดีย
“บางทีเราอาจต้องกลายเป็นคนไม่เพอร์เฟกต์ในสายตาคนอื่น เพื่อรักษาตัวเองเอาไว้”
แม้การมาไทยครั้งนี้จะเต็มไปด้วยภารกิจโปรโมต แต่สิ่งที่ทำให้ แจ็คสัน รู้สึกอิสระ กลับเป็นเรื่องเล็ก ๆ อย่างการเดินเท้าสามสิบนาทีกลับโรงแรม หรือการได้นั่งรถไฟฟ้า BTS (และได้เห็นภาพตัวเองบนป้ายโฆษณาที่ติดอยู่ในสถานี)
“รอบนี้ที่มาก็คือมาทำงานโปรโมตเพลงทำให้ยังไม่ได้ไปไหนเลย แต่ผมชอบ Foodland มาก ผมชอบข้าวผัดอเมริกัน ข้าวผัดสับปะรดที่นั่น แต่จริง ๆ มาเมืองไทยผมยังไม่มีโอกาสได้ใช้ชีวิตเลย แต่เมื่อวานนี้การที่ผมได้ขึ้นรถไฟฟ้า BTS หรือการได้เดินสามสิบนาทีเพื่อกลับโรงแรม แต่มันเป็นสามสิบนาทีที่ได้ปลดปล่อยความรู้สึกของผมมาก ทำให้ผมรู้สึกเป็นอิสระ ทำให้ผมได้หายใจเข้าลึก ๆ และรู้สึกว่าได้ใช้ชีวิตจริง ๆ”
นอกจากนี้ แจ็คสัน ยังทิ้งท้ายว่าในอัลบั้ม Magic Man 2 ยังมีเรื่องราวอีกมากที่รอเล่าผ่านบทเพลง ทั้งเพลงที่พูดถึงครอบครัว ความฝันของพ่อแม่ และเรื่องราวที่ทำให้เขาเป็นเขาในวันนี้
“ศิลปะของผม ก็คือชีวิตของผม”