บิวกิ้น พุฒิพงศ์ ถูกเสนอชื่อชิงรางวัล Asian Film Awards สาขานักแสดงหน้าใหม่จากบท ‘เอ็ม’ ในภาพยนตร์ หลานม่า

ENTERTAINMENT NEWS

บิวกิ้น พุฒิพงศ์ ถูกเสนอชื่อชิงรางวัล Asian Film Awards สาขานักแสดงหน้าใหม่จากบท ‘เอ็ม’ ในภาพยนตร์ หลานม่า

10 ม.ค. 2025

ประกาศออกมาแล้วสำหรับรายชื่อผลงาน และนักแสดงที่ผ่านเข้าไปลุ้นรางวัลเทศกาลภาพยนตร์ Asian Film Awards ครั้งที่ 18 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 16 มีนาคม 2568 ไฮไลต์สำคัญคือการขับเคี่ยวกันในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (Best Film) ซึ่ง 5 ผลงานที่เข้าชิงในปีนี้ก็เป็นไปตามคาด ทั้ง All We Imagine as Light, Black Dog, Exhuma, Teki Cometh และ Twilight of the Warriors: Walled In

แต่อีกหนึ่งสาขาที่น่าจับตามองและต้องมารอลุ้น สำหรับ สาขานักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยม (Best Newcomer) เพราะปีนี้ บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล ได้รับการเสนอชื่อให้เข้าชิงจากบทบาท ‘เอ็ม’ ในภาพยนตร์เรื่อง หลานม่า ที่ประสบความสำเร็จด้วยรายได้ทั่วโลกที่พุ่งสูงกว่า 2,000 ล้านบาท และรอลุ้นเป็นผลงาน 5 เรื่องสุดท้ายบนเวทีออสการ์ สาขา ภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม (Best International Feature Film)

โดย บิวกิ้น ผ่านเข้าไปชิงรางวัลร่วมกับอีก 4 นักแสดงชื่อดังประกอบด้วย
• LEE Do-hyun จากเรื่อง Exhuma
• Kurihara Hayato จากเรื่อง Happyend
• Dylan SO จากเรื่อง Papa
• Duy Bao Dinh DAO จากเรื่อง Viêt and Nam

ขณะที่ดาวเด่งของปีนี้หนีไม่พ้น Exhuma หรือชื่อไทย ขุดมันขึ้นมาจากหลุม หนังสยองขวัญจากเกาหลีใต้ที่สร้างปรากฏการณ์ทำลายสถิติมาแล้วมากมาย ก็เข้าไปชิงมากที่สุดถึง 11 สาขา อาทิ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม, นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม, นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม

แฟน ๆ สามารถรอลุ้นและเป็นกำลังใจให้กับ บิวกิ้น พร้อมกับติดตามการประกาศรางวัล Asian Film Awards ได้ในวันที่ 16 มีนาคมนี้

ภาพ : GDH

related ENTERTAINMENT NEWS

GDH จับมือ JAI STUDIO จัดรอบพรีเมียร์ภาพยนตร์ ‘วิมานหนาม’ เพื่อเปิดฉากการฟาดฟันเพื่อขึ้นสู่การครองบัลลังก์ในวิมาน

20 ส.ค. 2024

GDH จับมือ JAI STUDIO จัดรอบพรีเมียร์ภาพยนตร์ ‘วิมานหนาม’ เพื่อเปิดฉากการฟาดฟันเพื่อขึ้นสู่การครองบัลลังก์ในวิมาน

เตรียมพบกับความสนุกเข้มข้นรสชาติใหม่ เมื่อค่าย GDH ร่วมกับ JAI STUDIO จัดงานกาล่าพรีเมียร์ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่อง ‘วิมานหนาม’ การถ่ายทอดเรื่องราวของความไม่เท่าเทียมสู่การแย่งชิงเพื่อครอบครองวิมานในฝัน ซึ่งเป็นการประชันบทบาทครั้งสำคัญของนักแสดงสุดฮอต เจฟ ซาเตอร์ ที่งานนี้ขอมาเปิดศึกฟาดฟันกันแบบถึงพริกถึงขิงกับนักแสดงเจ้าบทบาท อิงฟ้า วราหะ ร่วมเสริมทัพความเข้มข้นด้วยทีมนักแสดงคุณภาพนำโดย เต้ย-พงศกร เมตตาริกานนท์, เก่ง-หฤษฎ์ บัวย้อย, สีดา พัวพิมล และผู้กำกับคนเก่ง บอส-นฤเบศ กูโน พร้อมด้วยโปรดิวเซอร์มือรางวัล วัน-วรรณฤดี พงษ์สิทธิศักดิ์ แท็กทีมมาพูดคุยถึงการถ่ายทำ และความประทับใจในภาพยนตร์เรื่องนี้ ท่ามกลางแขกผู้เกียรติ พาร์ทเนอร์ และสื่อมวลชน ที่มาร่วมงานเปิดตัวภาพยนตร์อย่างล้นหลามนอกจากนี้ภายในงานยังมีเหล่าศิลปินนักแสดง มาร่วมให้กำลังใจอย่างคับคั่ง อาทิ บิวกิ้น พุฒิพงศ์, ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์, เต๋อ ฉันทวิชช์, ไอซ์ พาริส, สกาย วงศ์รวี, ต้าเหนิง กัญญาวีร์,โอบ โอบนิธิ, ใบปอ ธิติยา, ต้าห์อู๋ พิทยา, ออฟโรด กันตภณ, เอินเอิน ฟาติมา, นานิ หิรัญกฤษฎิ์, ตู ต้นตะวัน, ก้อย-นัตตี้-ดรีม, เทศน์ ไมรอน, ศิลปินวง DICE, ศิลปินวง MXFRUIT ฯลฯ พร้อมติดแฮชแท็ก #วิมานหนาม #TheParadiseOfThorns แชร์ความประทับใจสนั่นโซเชียล ซึ่งงานจัดขึ้น ณ ลานเซ็นทรัลคอร์ท ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ประเดิมด้วยโชว์สุดเอ็กคลูซีฟจาก เจฟ และ อิงฟ้า ที่เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการคว้าไมค์มาประชันเสียงร้องสาดพลังใส่กันในเพลง ‘เพียงรัก’ ก่อนที่จะถึงคิวอีกหนึ่งความพิเศษที่เจฟจัดเป็นเซอร์ไพรส์ให้กับทุกคนในเพลง ‘เหมือนวิวาห์’ ซึ่งเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ที่เจฟได้แรงบันดาลใจในการแต่งเพลงจากการรับบทเป็นตัวละคร ‘ทองคำ’ นั่นเอง ต่อด้วยทีมนักแสดง อิงฟ้า, เต้ย, เก่ง, แม่สีดา และผู้กำกับ บอส นฤเบศ พร้อมด้วย โปรดิวเซอร์ วัน วรรณฤดี ขึ้นเวทีมาร่วมพูดคุยถึงบรรยากาศการถ่ายทำ ความแปลกใหม่ในการนำเสนอเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากบ้านพร้อมสวนทุเรียนที่ควรเป็น ‘วิมาน’ ความรักของชายสองคน ถูกช่วงชิงไปด้วยกฎหมาย การขุด ‘หนาม’ ในตัว เพื่อปกป้องและทำลาย จึงเริ่มต้นขึ้น! เรียกว่าแต่ละคนเล่าพาร์ทของคาแรคเตอร์ที่ตัวเองได้รับอย่างเข้มข้นจัดจ้านน่าค้นหาทุกตัวละคร ทำเอาคนดูอยากจะรีบเข้าโรงภาพยนตร์เพื่อไปตามหาคำตอบกันเลยทีเดียวจากนั้นถึงคิวปิดท้ายงานด้วยการถ่ายภาพร่วมกัน นำโดย คุณจินา โอสถศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีดีเอช ห้าห้าเก้า จำกัด, คุณพิมสิริ ทองร่มโพธิ์ กรรมการผู้จัดการ ใจ สตูดิโอ รวมถึงพาร์ทเนอร์, ผู้กำกับฯ, โปรดิวเซอร์ และทีมนักแสดง ก่อนที่ทุกคนจะไปดูภาพยนตร์พร้อมกัน โดยพร้อมเปิดศึกชิงวิมานไปกับ ‘วิมานหนาม’ ในวันที่ 22 สิงหาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์ภาพ : GDH

บิวกิ้น เล่าเหตุการณ์เจอซาแซงล้ำเส้น แอบจองตั๋วเพื่อนั่งล้อมบนเครื่องบิน ระหว่างเดินทางไปแฟนมีตติ้งที่มาเก๊า

31 ม.ค. 2024

บิวกิ้น เล่าเหตุการณ์เจอซาแซงล้ำเส้น แอบจองตั๋วเพื่อนั่งล้อมบนเครื่องบิน ระหว่างเดินทางไปแฟนมีตติ้งที่มาเก๊า

บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล ศิลปินและนักแสดงชื่อดังแห่งค่าย Billkin Entertainment ออกมาเล่าเหตุการณ์ที่ทำให้เขาไม่สบายใจ หลังจากมีแพลนจะต้องเดินทางไปจัดงาน BILLKIN PP KRIT ASIA FAN MEETING 2024 ที่มาเก๊า ในวันอาทิตย์ที่ 28 มกราคมที่ผ่านมา แต่กลับพบว่าบนเครื่องถูกกลุ่มซาแซงแอบจองที่นั่งเพื่อนั่งประกบล้อมทุกด้าน ซึ่งในเหตุการณ์นั้นคนสนิทอย่าง พีพี-กฤษฏ์ อำนวยเดชกร ก็เผชิญชะตากรรมร่วมกันด้วยบิวกิ้น บอกว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกคุกคามและรุกล้ำพื้นที่ความเป็นส่วนตัว แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเครื่องเป็นการกระทำที่โหดเกินไป ก่อนจะตัดสินใจย้ายไปนั่งที่ชั้นอีโคโนมีแทน และจากที่เห็นคือเป็นกลุ่มแฟนคลับที่มักจะได้พบเห็นตามงานต่าง ๆ และทราบอยู่แล้วว่าเป็นคนเดียวที่ตามติดตลอด“ผมก็ตกใจนะครับ เพราะเขาเป็นกลุ่มแฟนคลับที่ตามเราตลอด เราเองก็ดีใจนะครับเวลามีแฟนคลับตามสนับสนุน แต่มันจะมีเส้นความพอดีอยู่มากกว่าว่าอยู่ในพื้นที่ที่จัดสรรและโอกาสที่เหมาะสม จริง ๆ คนนี้ก็ตามแบบฮาร์ดคอร์ครับ ตั้งแต่ตอนเช็กอิน เข้าเลาจน์ก็เดิมไล่บี้มาประกบ พอขึ้นเครื่องมาเจอนั่งข้าง ๆ อีก สำหรับผมผมว่าโหดนิดนึงครับ”“นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกนะครับ มีการพูดคุยไม้อ่อนไม้แข็ง แต่ก็รู้สึกว่าไม่ค่อยเป็นผลเท่าไหร่ แต่ครั้งล่าสุดก็โหดนิดนึงคือนั่งประกบเลย เราคุยภายในกันหลายครั้ง แต่มันเป็นเส้นที่จะกันยากนิดนึงครับ เพราะมันเป็นพื้นที่สาธารณะ ที่มันไม่มีข้อกฏหมายไหนเพื่อเอาผิดได้ ทั้งที่สนามบิน ในห้าง หรือบนเครื่องบิน เวลาเขามาประกบเราในงาน เขาก็จะบอกว่ามันเป็นที่สาธารณะที่เขาจะมาตามได้ ผมว่าแฟน ๆ ของผมกับพีพีส่วนใหญ่ก็น่ารักมากนะครับ หลังจากที่มีการขอความร่วมมือ ก็แทบจะไม่มีใครมาตามเลย ทุกคนก็ให้ความร่วมมืออย่างดี ไม่มีใครล้ำเส้นเลย”บิวกิ้น ยังเล่าอีกว่าการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนตัวไม่ทราบแน่ชัดว่าได้มายังไง แต่หลังจากนี้ยังมีความเชื่อลึก ๆ ว่าแฟนคลับทุกคนจะสามารถเข้าใจถึงความพอดีของเส้นแบ่งความเป็นส่วนตัว และหากยังมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกก็คงต้องพยายามหาวิธีเพื่อสร้างความปลอดภัยและสบายใจในการใช้ชีวิตส่วนตัววิธีอื่น ๆ ต่อไปภาพ : bbillkin

GDH แจ้งเปลี่ยนตัวนักแสดงนำในโปรเจกต์ Beauty and The Beat

17 ม.ค. 2025

GDH แจ้งเปลี่ยนตัวนักแสดงนำในโปรเจกต์ Beauty and The Beat

GDH ออกมาแจ้งความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับโปรเจกต์ภาพยนตร์ Beauty and The Beat (working title) ซึ่งถูกเปิดตัวเป็น 1 ใน 5 ผลงานใหม่จากงาน GDH LINEUP 2025 LOOK FORWARD รุก (เกิน) คาด เมื่อปี 2567 ว่ามีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนนักแสดงนำของเรื่อง เนื่องด้วย ไอซ์-ปรีชญา พงษ์ธนานิกร มีปัญหาสุขภาพ“บริษัท จีดีเอช ห้าห้าเก้า จำกัด ขอแจ้งให้ทราบว่าภาพยนตร์ Beauty and the Beat (working title) ที่ได้ประกาศเปิดตัวไปเมื่อปี 2567 ที่ผ่านมา มีเหตุจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนนักแสดง เนื่องจาก ไอซ์-ปรีชญา พงษ์ธนานิกร มีปัญหาด้านสุขภาพ จึงกังวลว่าจะไม่สามารถปรับเปลี่ยนตัวเองให้เหมาะกับคาแรกเตอร์ของตัวแสดงได้ทันกำหนดเปิดกล้อง ไอซ์ จึงปรึกษากับทางบริษัทฯ เพื่อหาทางออกร่วมกัน ซึ่งสุดท้าย ไอซ์ ตัดสินใจขอถอนตัวจากโปรเจกต์ภาพยนตร์ดังกล่าว“ทางบริษัทฯ ขอขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง สำหรับความเข้าใจและความสนับสนุนที่มีให้เสมอมา บริษัทฯ จะดำเนินโปรเจกต์นี้ต่อ หากมีความคืบหน้าจะประกาศให้ทราบอีกครั้ง”สำหรับ Beauty and The Beat เป็นหนังเวรี่คอมเมดี้ที่เล่าถึงนักร้องตัวแม่ตัวลูกทั้ง 4 ที่สวรรค์แกล้งให้ต้องมาเล่นคอนเสิร์ตด้วยกัน นางสิงห์ 2 ตัวยังอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ 4 DIVA ในคอนเดียวกันจะบันเทิงขนาดไหน โดยได้ ไตเติ้ล-กิตติภัค ทองอ่วม มานั่งเก้าอี้เป็นผู้กำกับ พร้อมด้วยโปรดิวซ์เซอร์ เดียว-วิชชพัชร์ โกจิ๋วและ สุย-สุวิมล เตชะสุปินัน และมีการเปิดตัว 4 นักแสดงนำอันประกอบด้วย ไอซ์-ปรีชญา พงษ์ธนานิกร, นุนิว-ชวรินทร์ เพริศพิริยะวงศ์, ปิงปอง-ธงชัย ทองกันทม และ นินิว เพชรด่านแก้ว ซึ่งก็ต้องมารอติดตามกันต่อไปว่านักแสดงที่จะมารับบทบาทนี้แทน ไอซ์ จะเป็นใครภาพ : GDH

เจฟ ซาเตอร์ จะมารับบทนำใน Project D ของ GDH ร่วมกับ อิงฟ้า วราหะ ซึ่งมีกำหนดเปิดกล้องปลายปีนี้

29 ส.ค. 2023

เจฟ ซาเตอร์ จะมารับบทนำใน Project D ของ GDH ร่วมกับ อิงฟ้า วราหะ ซึ่งมีกำหนดเปิดกล้องปลายปีนี้

GDH ออกมาอัปเดตความคืบหน้าของ Project D (Working Title) หนึ่งในโปรเจกต์ภาพยนตร์ชิ้นใหม่ของ GDH ผลงานของผู้กำกับ บอส-นฤเบศ กูโน ว่าจะกลับมาเริ่มกระบวนการทำงานอีกครั้ง หลังต้องระงับการทำงานไปชั่วคราว โดยมีความเปลี่ยนแปลงลิสของนักแสดงซึ่งครั้งนี้ได้ เจฟ ซาเตอร์ (Jeff Satur) ศิลปินและนักแสดงมากความสามารถมารับบทนำคู่กับ อิงฟ้า วราหะ“บริษัท จีดีเอช ห้าห้าเก้า จำกัด ขอประกาศอัปเดตความคืบหน้าของภาพยนตร์ โปรเจกต์ D (Working Title) ซึ่งทางบริษัทมีเหตุจำเป็นต้องระงับการถ่ายทำไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เนื่องจากความไม่ลงตัวของระยะเวลาในการเตรียมงาน“ซึ่งทางบริษัทฯ ผู้กำกับภาพยนตร์ และทีมงานที่เกี่ยวข้องกับโปรเจกต์นี้ ได้ใช้เวลาในช่วงที่ผ่านมาในการแก้ไขปรับเปลี่ยนรายละเอียดต่างๆ ของบทภาพยนตร์จนสมบูรณ์เรียบร้อย ทางบริษัทฯ จึงขอแจ้งให้แฟน ๆ ทราบว่า ขณะนี้ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวกำลังจะเข้าสู่กระบวนการเตรียมงานก่อนการถ่ายทำจริงแล้ว โดยทีมนักแสดงหลักทั้ง 5 ท่าน ได้แก่ เจฟ ซาเตอร์, อิงฟ้า วราหะ, พงศกร เมตตาริกานนท์, หฤษฎ์ บัวย้อย และ สีดา พัวพิมล จะเริ่มทำการเวิร์กช็อปร่วมกัน เพื่อให้พร้อมสำหรับการเปิดกล้องที่จะเกิดขึ้นในปลายปีนี้“ทางบริษัทฯ ขอขอบคุณแฟนๆ ที่ให้ความสนใจรอชมภาพยนตร์เรื่องนี้ และให้การสนับสนุนที่ดีเสมอมา”สำหรับ Project D ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน GDH Line Up 2023 นำแสดงโดย พีพี-กฤษฏ์ อำนวยเดชกร แต่เนื่องด้วยระยะเวลาในการเตรียมงาน รวมถึงสถานที่ที่ไม่ลงตัว ทำให้ต้องระงับการถ่ายทำไปชั่วคราว ขณะที่แฟนคลับเองก็แอบเสียดายที่จะไม่ได้เห็นฝีมือการแสดงภาพยนตร์ของ พีพี แต่ก็เคารพการตัดสินใจของทุกฝ่ายทางด้าน เจฟ ซาเตอร์ ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้แล้วว่า เป็นโอกาสดีที่ได้ร่วมงานกับทาง GDH และนักแสดงทุกคนในเรื่อง ส่วนตัวเขารู้สึกว่าเป็นงานที่ท้าทายมาก รวมถึงประเด็นหลักของเรื่องที่จะพูดถึงก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจทีเดียว“จริงๆ เราคุยกันมาประมาณ 3-4 เดือนแล้ว พอได้เห็นตัวบทก็รู้สึกว่ามันท้าทายมาก หลังจากนั้นก็ได้เข้าไปแคสต์กับพี่บอสผู้กำกับ ความน่าสนใจของตัวบทคือ มีการพูดถึงประเด็นที่น่าสนใจมาก ๆ ซึ่งเกี่ยวกับ LGBT ด้วย แล้วมันเป็นประเด็นที่ผมพูดมาตลอด เรารู้สึกว่าก็ดีนะถ้าเราจะได้เป็นตัวแทนในการพูดถึงเรื่องนี้แทนคนที่เขาไม่สามารถพูดออกมาได้ รวมถึงไดนามิกของเรื่องมันค่อย ๆ ไล่ไปจนถึงจุดที่มันไม่น่าจะไปถึงได้“ตอนแรกผมก็รู้สึกกังวลว่าผมเหมาะหรือเปล่า ซึ่งผู้ใหญ่บอกว่าจากการได้ดูวิดีโอแคสต์ก็รู้สึกว่านี่เป็นเวอร์ชั่นที่เขาอยากจะเห็นในหนังเรื่องนี้ ตอนแรกที่ผมกังวลเพราะตัวบทมันท้าทายมาก แล้วผมอาจจะมีเวลาเตรียมตัวไม่ได้เยอะขนาดนั้น แล้วการที่จะต้องทรานส์ฟอร์มตัวเองไปเป็นคนอื่นมันก็ยาก การทำงานเพลงมันคือการเป็นตัวเรา แต่งานหนังมันเป็นการทิ้งตัวเราแล้วไปเป็นคนอื่น“ผมไม่ได้รู้สึกว่ามันกดดันอะไรในเรื่องนี้ แต่ถ้าจะกดดันผมกดดันกับเรื่องบทมากกว่า ในฐานะเป็นนักแสดงสิ่งที่ต้องทำการบ้านจริง ๆ คือตัวบท แล้วเราจะไปเป็นคนคนนั้นในหนังเรื่องนี้ได้ยังไง”เจฟ ยังบอกอีกว่า คาแร็กเตอร์ในเรื่องนี้ถือว่าเป็นที่สุดของการทรานส์ฟอร์มตัวเอง เพราะนี่จะเป็นครั้งแรกที่แฟน ๆ ได้เห็นเขาในลุคผิวดำและต้องโกนหัว ซึ่งเขามองว่าหากจะต้องไปเป็นคนอื่น ก็ต้องทิ้งตัวตนของตัวเองไว้ที่หน้าเซ็ตแล้วเข้าไปในโลกของตัวละครนั้นจริง ๆ ต้องรอดูว่าฝีมือการแสดงของเขาจะออกมาเป็นยังไง แต่ที่แน่ ๆ เจฟ ก็ทุ่มสุดตัวเลยทีเดียวภาพ : Wayfer Records

album

0
0.8
1