เป็นการคัมแบ็คขึ้นจอใหญ่ของการ์ฟิลด์ที่ทั้งสนุกสนานและเพลิดเพลินมาก สำหรับ ‘The Garfield Movie’ ที่เอาเข้าจริง เจ้าแมวอ้วนสีส้มสุดขี้เกียจนี้ ห่างหายจากหนังใหญ่ไปนานถึง 18 ปีแล้ว หลังจากหนังฉบับ Live-Action ของค่ายฟ็อกซ์ ทั้งสองภาคเมื่อปี 2004 และ 2006 จนกระทั่งล่าสุดทางโซนี่คว้าสิทธิ์มาสร้าง แต่คราวนี้ขอเลือกทำในแบบหนังแอนิเมชั่นเต็มตัว ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องมาก เพราะเปิดโอกาสให้ผู้เขียนได้ใส่ฉากที่ดูจะออกแนวการ์ตูนได้มากกว่า และพอไม่มีคนแสดง หนังก็ถูกโฟกัสมาที่ตัวการ์ฟิลด์แบบเต็ม ๆ แทนที่จะต้องแบ่งช่วงเวลาบนหน้าจอให้กับ จอน เจ้าของของมันเหมือนในฉบับก่อน ๆ
โดย ‘The Garfield Movie’ เล่าถึง การ์ฟิลด์ (พากย์เสียงโดย คริส แพรตต์ จาก Guardians of the Galaxy) และโอลดี้ สุนัขเพื่อนซี้ของมัน ที่ถูกลักพาตัวออกจากบ้าน ไปเจอกับ วิค (พากย์เสียงโดย แซมมวล แอล.แจ็คสัน จาก The Avengers) พ่อของการ์ฟิลด์ที่พลัดพรากกันไปนาน ตั้งแต่ก่อนที่การ์ฟิลด์จะถูกรับเลี้ยงโดย จอน (พากย์เสียงโดย นิโคลัส โฮลต์ จาก X-Men : First Class) และด้วยเหตุผลบางประการ ทำให้ การ์ฟิลด์ และวิค ต้องแท็กทีมกัน เพื่อทำภารกิจลับในการบุกไปจารกรรมในโรงงานแห่งหนึ่ง ที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง เพราะมีการรักษาความปลอดภัยที่หนาแน่น การกลับมาเจอกันครั้งนี้ของ การ์ฟิลด์และวิค นอกจากภารกิจที่ต้องทำด้วยกันแล้ว ยังทำให้ทั้งคู่ได้กลับมาคุยกันอีกครั้ง แม้จะห่างหายกันไปนาน
ก่อนดู ‘The Garfield Movie’ ทางผู้เขียนคาดหวังความสนุกแบบเต็มที่มาก่อนแล้ว เพราะเครดิตของผู้กำกับ มาร์ก ดินดัล ที่เคยฝากผลงานกำกับหนังแอนิเมชั่นสายรั่วอย่าง The Emperor’s New Groove และ Chicken Little ไว้ ซึ่งก็เป็นไปตามคาดเพราะหนังใหญ่เวอร์ชั่นจัดมุกตลกมาแบบรัว ๆ ในแต่ละฉากผู้กำกับใส่ดีเทลของมุกไว้เยอะมาก ถ้าใครเก็บทัน ก็อาจจะได้เห็นมุกฮา ๆ เพียบ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นมุกที่ค่อนข้างคลีน เพราะหนังฉบับนี้ ออกตัวในฐานะหนังแอนิเมชั่นสำหรับทุกคนในครอบครัว ดังนั้นมุกตลกต่าง ๆ เลยถูกดีไซน์มาทั้งแบบที่เด็กก็ดูได้ และผู้ใหญ่ก็ขำไปด้วย แต่ที่คอหนังน่าจะปลื้มเป็นพิเศษ คือ พวกมุกตลกแซวหนังซึ่งจัดมาพอสมควร โดยเพราะแซวหนังของ ทอม ครูซ ที่มีทั้ง Mission: Impossible และ Top Gun : Maverick ถ้าใครเป็นแฟนหนังครูซ น่าจะอมยิ้มชุดใหญ่อย่างแน่นอน
ความน่าสนใจของหนังฉบับนี้ คือความพยายามที่จะฉีกจากภาพจำเดิม ๆ หลายอย่าง ทั้งคาแรคเตอร์ของ การ์ฟิลด์เอง ที่ก็ไม่ได้ดูขี้เกียจหนัก ๆ เท่าฉบับก่อน (แต่ยังกินจุเหมือนเดิม) ทำให้หนังดูแอคทีฟขึ้น มีเอนเนอร์จี้ขึ้น และการเลือกเส้นเรื่อง ให้เล่าคล้ายกับหนังสายลับ จับการ์ฟิลด์ไปทำภารกิจต่าง ๆ เปลี่ยนภาพจากแฟนรุ่นเดอะที่เคยอ่านการ์ตูน Garfield แบบ 3-5 ช่อง ที่เหตุการณ์ส่วนใหญ่มักวนเวียนอยู่ในบ้านหรือร้านอาหาร รวมถึงการย้อนกลับไปเล่าต้นกำเนิดของการ์ฟิลด์ ทำให้เห็นภาพน่ารัก ๆ สุดคิ้วต์ซึ่งโดยปกติแล้ว เรามักจะไม่ได้เห็นจากการ์ตูนตัวนี้ และท้ายที่สุดคือความประทับใจ จากปมพ่อ-ลูก ซึ่งน่าจะเป็นมุมใหม่ที่แฟน ๆ ไม่เคยสัมผัสจากแฟรนไชส์นี้มาก่อน
โดยรวม การกลับมาของ ‘The Garfield Movie’ ในฉบับนี้ ถือว่าสนุกเพลิดเพลิน และลงตัวเลยทีเดียว และน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับแฟรนไชส์หนังชุดใหม่ให้กับโซนี่ได้ไม่ยาก สำหรับ คริส แพรตต์ ในการพากย์เสียงก็ถือว่าลงตัว แม้แกจะพากย์ทั้ง The Lego Movie และ The Super Mario Bros. Movie มาแล้ว แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรว่ามันซ้ำ กลับรู้สึกเนียนไปกับการ์ฟิลด์ด้วยซ้ำ ส่วนใครที่เป็นทาสแมวนั้น รับประกันความฟินแบบคูณร้อย โดยเฉพาะช่วง End-Credit นั้น ทาสแมวตายตาหลับคาโรงอย่างแน่นอน ดังนั้น คุณไม่ควรพลาด อีกหนึ่งแอนิเมชั่นสายฮาที่บันเทิงทั้งครอบครัว สามารถหัวเราะลั่นโรงไว้ทุกวัย
ชมตัวอย่าง ‘The Garfield Movie’ เข้าโรง 22 พฤษภาคมนี้
ภาพ : Sony Pictures Thailand