[REVIEW] ‘Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One’ รักษามาตรฐานหนังแอ็กชันชั้นเยี่ยม ลุ้นจนหายใจไม่ทั่วท้อง | GOSSIP GUN

HOLLYWOOD GOSSIP

[REVIEW] ‘Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One’ รักษามาตรฐานหนังแอ็กชันชั้นเยี่ยม ลุ้นจนหายใจไม่ทั่วท้อง | GOSSIP GUN

12 ก.ค. 2023

คงจะไม่เกินจริงนักที่จะกล่าวว่า Mission: Impossible คือหนึ่งในแฟรนไชส์หนังแอ็กชันบล็อกบัสเตอร์ที่ยอดเยี่ยมสุดในระยะหลัง หลังจากที่ภาค 4-6 ล้วนกวาดคะแนนบวกระดับ 90% อัปจากเว็บไซด์ Rotten Tomatoes ล่าสุดหนังภาคที่ 7 อย่าง 'Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One' สามารถกวาดคำชมไปอย่างล้นหลาม คว้าคะแนนบวกได้ถึง 99% นอกจากจะสูงสุดในบรรดาทุกภาคของหนังชุด ผ่าปฏิบัติการสะท้านโลกแล้ว ยังถือว่าสูงสุดตลอดชีวิตการแสดงของ ทอม ครูซ อีกด้วย (สูงยิ่งกว่า Top Gun : Maverick ในปีก่อนที่ได้ 96%) ทำให้ทุกสายตาล้วนจับจ้องผลตอบรับของหนังภาคนี้ ซึ่งหลังจากดูจบแล้ว ก็สามารถการันตีได้ว่า ทุกกระแสบวกนั้นไม่เกินจริง หนังภาคใหม่นี้ยังคงจัดอยู่ในกลุ่มหนังบล็อกบัสเตอร์มาตรฐานสูง ในระดับที่ภาคก่อนๆได้เซ็ตเอาไว้

ด้วยความซับซ้อนของพล็อตทำให้หนัง Mission: Impossible ภาคใหม่ถูกวางโครงสร้างให้้เล่าต่อเนื่องกันสองภาค ประกอบไปด้วย Dead Reckoning Part One ที่เข้าฉายแล้ววันนี้ และ Part Two ที่จะตามออกมาในเดือนมิถุนายนปีหน้า ภารกิจใหม่ครั้งนี้ คือการที่ อีธาน ฮันต์ (รับบทโดย ทอม ครูซ) ต้องออกตามล่าหา กุญแจปริศนาสองดอก ที่เมื่อนำมาประกอบกันแล้ว มันจะสามารถไขสู่อาวุธลับปริศนา ที่เป็นอันตรายแก่โลกระดับสูงสุดได้ แต่ภารกิจนี้ไม่ง่าย อิลซ่า (รับบทโดย รีเบคก้า เฟอร์กูสัน) อดีต MI6 ที่เป็นมิตรสหายกับเขา และเธอกำลังถูกตามล่าโดยคนจากหลากหลายองค์กรทั่วโลกที่ต้องการกุญแจนี้เช่นกัน และเขาได้เข้าไปเกี่ยวพันกับ เกรซ (รับบทโดย ฮาร์ลีย์ แอตเวลล์ จาก Captain America) จอมโจรสาวที่ต้องการกุญแจสองดอกนี้ และอันตรายครั้งนี้เริ่มทวีมากขึ้น เมื่อ IMF ค้นพบว่า สิ่งที่เขากำลังจะต้องเผชิญ ไม่ใช่อาวุธธรรมดา แต่เป็นจักรกลอัจฉริยะที่ยากจะต่อกรด้วย

ณ จุดนี้ ถือว่าเป็นเรื่องยากมากๆที่ ทอม ครูซ จะสร้างหนังแล้วเอาชนะผลงานชิ้นก่อนๆของเขาได้ อย่าง Top Gun : Maverick ที่สนุกกลมกล่อม และกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของหนังแอ็กชันบล็อกบัสเตอร์ หรืออย่าง Mission: Impossible ภาค 4-6 ที่สร้างฉากแอ็กชันได้ระทึกขั้นสุด จนกลายเป็นงานหินที่จะหาอะไรมาเหนือกว่าได้ สำหรับ 'Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One' อาจจะไม่ใช่หนังภาคที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่า แต่ก็ยังคงรักษามาตรฐานที่สูงมากของแฟรนไชส์นี้ไว้ได้ ไฮไลต์หลักคงหนีไม่พ้นฉากแอ็กชัน ที่ยังคงระทึกในระดับที่ลุ้นจนแทบลืมหายใจ โดยเฉพาะฉากขับรถไล่ล่าตอนกลางเรื่อง และฉากบนรถไฟช่วงท้าย ซึ่งด้วยความบังเอิญ ดันไปคล้ายกับหนังแอ็กชันซัมเมอร์นี้ อย่าง Fast X ที่มีฉากขับรถไล่ล่าในกรุงโรมเหมือนกัน และ Indiana Jones ภาคล่าสุดที่ก็มีฉากไล่ล่ากันบนรถไฟในยุโรป แม้จะมีภาพรวมที่คล้ายกันบ้าง แต่ M:I-7 ก็สามารถพิสูจน์ตัวเองได้ว่า สามารถทำได้เหนือกว่าทั้งในแง่ความมันส์และความระทึก

สำหรับฉากแอ็กชัน ในภาคนี้ถือว่ายังคงทำได้อย่างดีเยี่ยม แต่ที่เหนือกว่าภาคก่อนๆ คือการสร้างบรรยากาศสุดกดดันและไม่น่าไว้วางใจในหนัง ด้วยการเลือกให้ภัยที่คุกคามโลกภาคนี้คือ "จักรกลอัจฉริยะ" เพราะมันเป็นสิ่งที่อันตรายยิ่งกว่ามนุษย์เสียอีก ยิ่งหนังมาฉายในช่วงเวลานี้ ยิ่งเพิ่มบรรยากาศความคุกรุ่นได้ดีมาก ในช่วงเวลาที่โลกพึ่งพาความเป็นดิจิตอลและเทคโนโลยีใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา แต่มันกลับเป็นภัยที่พุ่งกลับมาที่มนุษย์ โดยเฉพาะทีมของ อีธานที่ใช้อุปกรณ์สุดไฮเทคหลายอย่างในการเอาชนะตัวร้าย แต่ในภาคนี้ตัวร้ายที่แท้จริงกลับเป็นจักรกลอัจฉริยะ แล้วเขาจะเอาชนะได้อย่างไร ความกดดันที่หนังสร้างไว้ด้วยข้อแม้นี้ เลยยิ่งทำให้หนังตื่นเต้นและบีบคั้นอารมณ์มากยิ่งขึ้น

แน่นอนว่า ทอม ครูซ ในบทอีธาน ฮันต์ ยังคงเป็นแกนหลักที่แข็งแรงมากๆสำหรับหนังแฟรนไชส์นี้ แต่สำหรับภาค Dead Reckoning Part One ที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้ กลับเป็นทีมนักแสดงหญิง ที่กินกันไม่ลง แต่ละคนล้วนมีซีนเด่น และมีเสน่ห์แบบไม่แพ้กัน เริ่มจาก รีเบคก้า เฟอร์กูสัน ที่อยู่กับ Mission: Impossible มาหลายภาค ภาคนี้ยังคงโชว์ให้เห็นถึงทั้งมุมเท่ห์ๆของเธอ และมุมที่เป็นมนุษย์สุดๆ ในขณะที่ วาเนสซ่า เคอร์บี้ (จากซีรีส์ The Crown) ในบทของนักธุรกิจในตลาดมืด ทุกครั้งที่เธอปรากฏตัวบนจอสามารถสะกดสายตาจากคนดูได้ตลอด มีความเป็นนางพญาแผ่กระจายเสมอ ส่วนสมาชิกใหม่ของภาคนี้ ไม่มีใครถูกกลบได้เลย เริ่มจาก ฮาร์ลี่ย์ แอตเวลล์ ที่มีเสน่ห์มากๆ และชวนให้เอาใจช่วยแบบสุดๆ รวมถึงเคมีของเธอกับครูซ เข้ากันได้อย่างดี แต่ที่เซอร์ไพรสสุดต้องยกให้ ปอม เคลเมนเทียฟ จาก Guardians of the Galaxy ที่พลิกมารับบทร้ายมาดดุ ทุกครั้งที่เธอปรากฏตัวนั้น เต็มไปด้วยความเท่ และชวนจ้องมอง ทำให้ Mission: Impossible ภาคนี้มีทีมนักแสดงหญิงที่แข็งแรงมากที่สุดภาคนึงเลย

โดยรวม 'Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One' ถือเป็นอีกหนึ่งหนังแอ็กชันบล็อกบัสเตอร์ที่คุณภาพมาตรฐานสูงมาก ทั้งฉากแอ็กชันที่ถูกออกแบบมาอย่างดี ตรึงอารมณ์ ทั้งลุ้นทั้งหวาดเสียวทุกฉาก ในขณะที่แง่ของการเล่าเรื่องก็ยกระดับพล็อตให้เข้มข้นมากขึ้น เต็มไปด้วยความหวาดผวาตลอดทั้งเรื่อง โดยเฉพาะในช่วงแรก แม้อาจจะเล่าช้ากว่าภาคก่อนๆ แต่มันก็ถือเป็นการปูเรื่องที่ทำให้คนดูอินได้มากขึ้น ใครที่มีโอกาสดูในระบบ IMAX ไม่ควรพลาด เพราะสามารถเพิ่มศักยภาพความมันส์ให้กับหนังได้สุดๆ โดยเฉพาะฉากเสี่ยงตายซิ่งมอเตอร์ไซด์ลงผา พอดูบนจอยักษ์ ทำให้ลุ้นจนแทบลืมหายใจได้จริงๆ

ชมตัวอย่าง Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One วันนี้ในโรงภาพยนตร์

 

ภาพ : UIP Thailand

album

0
0.8
1