17 พ.ค. 2023
[REVIEW] ‘Fast & Furious X’ นี่คือ Infinity War ของตระกูลฟาสต์ บิลด์หนักไปสู่บทสรุป| GOSSIP GUN
คงจะไม่เกินจริงนัก ถ้าจะบอกว่าหนังภาคนี้คือ Avengers สำหรับหนังตระกูล Fast Furious เพราะมันทำหน้าที่เหมือนพยายามโกยทุกสิ่งทุกอย่างนับตั้งแต่ Fast Five ที่ไม่ว่าจะอีเหละเขละขละขนาดไหน ให้กลับมาเข้าที่เข้าทาง แล้วไปด้วยกัน เพื่อบิลด์ไปสู่บทสรุป ก่อนหน้านี้หนัง Fast Furious ถูกวางโร้ดแมปไว้ให้ภาค11 เป็นภาคจบ ก่อนที่เมื่อสัปดาห์ก่อน วิน ดีเซล เพิ่งให้สัมภาษณ์แบบไม่มีใครทันตั้งตัวว่า Fast Furious จะจบที่ภาค 12 ไม่ว่าหลังจากนี้จะเหลืออีกภาคเดียวหรือสองภาค แต่ที่แน่ๆ Fast Furious X ทำหน้าที่เหมือนบันไดก้าวสู่จุดนั้น ถ้าให้เทียบกับจักรวาลมาร์เวล มันก็ทำหน้าที่เหมือน Avengers : Infinity War นั่นเอง ที่รวมเอาตัวละครในจักรวาลมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ มาใส่ไว้ด้วยกัน และบิลด์ให้กราฟเส้นเรื่องพุ่งทะยานขึ้นสูงสุด เพื่อให้ผู้ชมกระหายว่าบทสรุปของแฟรนไชส์จะเป็นอย่างไร (ภาคหน้าของฟาสต์ ก็คงเป็น Endgame ดีๆนี่เอง)ก่อนที่จะเข้าสู่ Fast Furious X หนังพาผู้ชมย้อนกลับไปยังภาคที่ 5 เพื่อปูแบ็คกราวน์ตัวร้ายหลักของภาคนี้ อย่าง ดันเต้ (รับบทโดย เจสัน โมโมอา จาก Aquaman) เขาคือทายาทของเฮอร์แนน พ่อค้ายาตัวพ่อที่โดน ดอมและไบรอันจัดการให้ภาค5 จากความแค้นที่สั่งสมมานานนับทศวรรษ ดันเต้ จึงกลับมาเพื่อล้างแค้นดอน แต่วิธีที่เจ็บปวดที่สุดนั้น กลับไม่ใช่การฆ่าเขา แต่เป็นการทยอยจัดการคนที่เขารัก บุคคลที่ดอมเรียกว่า "ครอบครัว"และเมื่อยิ่งครอบครัวใหญ่ การปกป้องก็ยิ่งยากขึ้น แน่นอนว่าสมาชิกหลักๆของหนังตระกูลฟาสต์ กลับมาแบบครบทีม รวมถึง 3 ตัวร้ายหลักจากภาค 7-9ที่กลับมาเป็นพันธมิตรของดอมไปซะแล้ว ทั้ง เจสัน สเตแธมในบท เด็กการ์ด, ชาร์ลีซ เธียรอน ในบทไซเฟอร์ และจอห์น ซีน่าในบท เจค็อบ น้องชายของดอม พร้อมกับสมาชิกใหม่ ซึ่งนอกจาก เจสัน โมโมอาแล้ว ยังมี บรี ลาห์สัน (จาก Captain Marvel) ในบทเทส ลูกสาวของมิสเตอร์โนบอดี้ และนักแสดงระดับตำนาน ริต้า โมเรร่า ในบทคุณย่าของดอมดูเหมือน Fast Furious X จะเป็นหนังตระกูลฟาสต์ที่เข้ารูปเข้ารอยมากที่สุดในหนังตระกูลนี้ระยะหลังๆ สำหรับผู้เขียนเองยกให้เป็นภาคที่ชอบที่สุดนับตั้งแต่ Fast Five ในแง่ของหนังเล่าเรื่องค่อนข้างลงตัว ไม่ได้สะเปะสะปะเท่าภาคก่อนๆ หนังพยายามจะดึงจุดสำคัญในภาคที่ 5-9 มารวมกันเพื่อนำไปสู่ภาค 11 (และอาจจะมี 12) อย่างที่ วิน ดีเซล พยายามให้เป็นบทสรุป หนังทำหน้าที่นั้นได้อย่างดี แม้ว่าจะมีหลายๆอย่างที่ดู "อิหยังวะ" หรือชวนให้ขำขัน แต่มันก็เป็นคาแรคเตอร์ของหนังตระกูลนี้ไปแล้ว แม้บทหนังจะไม่ได้เพอร์เฟคเต็มร้อย แต่หนังก็สามารถบิลด์ความตึงเครียด สร้างอารมณ์ร่วมได้ค่อนข้างดี และเส้นเรื่องเองก็ไม่ได้ยุ่งเหยิงเกินกว่าที่ควรจะเป็น ทำให้ภาคนี้ดูเป็นหนังฟาสต์ที่ "มีสติ" มากกว่าหลายๆภาคพอสมควรแน่นอนว่าไฮไลต์หลักของตระกูล Fast Furious คือฉากแอ็กชัน ซึ่งยังคงมันส์ สนุกและเร้าอารมณ์ได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นฉากไล่ล่าใหญ่ในอิตาลี หรือฉากบู๊หนักในช่วงท้าย ซึ่งสิ่งที่เห็นได้ชัด คือความพยายามที่จะลดระดับความเว่อร์ลงมา หลังจากภาคก่อนๆไปไกลถึงระดับออกนอกโลก จนเกือบจะกลายเป็นหนังแฟนตาซีไปแล้ว ภาคนี้เห็นได้ชัดว่าผู้กำกับพยายามทำฉากแอ็กชันให้สมจริงมากขึ้น แม้จะยังเว่อร์อยู่เมื่อเทียบกับภาคแรกๆ แต่มันก็เป็นความเว่อร์ในระดับที่รับได้ ไม่ได้โม้จนถึงขั้นหัวเราะออกมา เป็นความเว่อร์ที่ไม่ได้ทำให้เส้นเรื่องที่ค่อนข้างตึงเครียด ดูเครียดน้อยลงแต่อย่างใด ดูจะเป็นฉากแอ็กชันที่โม้ในระดับที่ผู้ชมพอจะทำใจได้ว่า มันก็อาจจะเกิดขึ้นจริงก็ได้นะ ซึ่งภาคนี้ทำได้ดี จัดใหญ่จัดเต็มแบบคุ้มค่าตั๋วในการดูในโรงภาพยนตร์อย่างแน่นอนและอีกหนึ่งไฮไลต์หลักที่สำคัญมากสำหรับ Fast Furious X คือการปรากฏตัวของ เจสัน โมโมอา ตัวร้ายหลักประจำภาคที่สามารถยกให้เป็น MVP ของหนังเลยก็ว่าได้ เขาคือตัวร้ายที่มีทั้งเสน่ห์ มีทั้งอารมณ์ขัน แต่ก็อัดแน่นด้วยความอำมหิตเช่นเดียวกัน ทำให้ทุกฉากที่เขาปรากฏตัวแทบจะขโมยซีนไปได้ทั้งหมด ยิ่งคาแรคเตอร์ที่เหมือนจะตรงข้ามดอมทุกประการยิ่งทำให้แย่งซีนได้ง่ายมาก ต่างจากตัวร้ายภาคก่อนๆ ทั้ง เจสัน, ชาร์ลีซ หรือแม้แต่ จอห์นในภาคก่อน จะมีบุคลิกค่อนข้างนิ่ง ขรึม ต่างจากตัวละครนี้ ที่แม้จะเอาฮา ดูบ้า แต่ก็โหดของจริง ความเหี้ยมของตัวละครนี้ทำให้ Fast X เข้าสู่โหมดจริงจังได้อย่างเต็มที่ จนอยากจะยกให้บท ดันเต้ ของเจสัน โมโมอา คือตัวร้ายที่ดีที่สุด และอันตรายกับดอมมากที่สุด ในบรรดาหนังตระกูลฟาสต์ทุกภาคเลยด้วยซ้ำสำหรับใครที่เริ่มจะเบื่อๆหรือเอือมระอากับหนังตระกูล Fast Furious ที่ไม่จบไม่สิ้นเสียที อยากให้ลองกลับมาดูภาคนี้ เป็นภาคที่เหมือนพาแฟรนไชส์นี้ กลับสู่จุดพีกสุดอีกครั้ง หลังจากพีกไปมากๆในภาค 5 และภาค7 ต้องขอบคุณการเข้ามาของผู้กำกับ หลุยส์ เลตเตอเรีย (จาก Now You See Me และ Clash of the Titans) ที่บาลานซ์เรื่องค่อนข้างดี คุมหนังให้ไม่ออกนอกลู่นอกทางเท่าไหร่นัก และเป็นภาคที่หยิบเอบคำว่า "ครอบครัว" ซึ่งเป็นจุดแข็งแรงของตัวละครหลักมาตลบหลังให้กลายเป็นจุดอ่อน นี่คือภาคที่ทั้งสนุก ทั้งเข้มข้น และค่อนข้างลงตัวกว่าหลายๆภาค แม้มันจะยังคงเว่อร์ ยังคงมีบาดแผล ตามสไตล์หนังฟาสต์ แต่ต้องยอมรับว่า Fast X คือภาคที่บันเทิงกว่าหลายๆภาคในระยะหลังจริงๆ ปล. ดูในระบบ IMAX ยิ่งเพิ่มอารมณ์ร่วม ฉากแอ็กชันใหญ่ช่วยบิลด์ความอลังการได้ดีมากชมตัวอย่าง Fast Furious X (เร็ว..แรงทะลุนรก 10) วันนี้ในโรงภาพยนตร์ภาพ : UIP Thailand