17 ก.พ. 2022
[REVIEW] “Uncharted” ดัดแปลงเกมล่าขุมทรัพย์สู่หนังใหญ่ | GOSSIP GUN
“หนังจากวีดีโอเกมส์มักจะเจ๊ง”กลายเป็นคำกล่าวที่ลือลั่นในฮอลลีวูด เพราะน้อยครั้งมากที่หนังที่สร้างจากเกมจะประสบความสำเร็จแบบปังๆ ย้อนไปดูBox Officeในอเมริกา มีหนังจากเกมแค่5เรื่องที่ทำรายได้ผ่านหลัก100ล้านเหรียญฯ คือSonic The Hedgehog, Pokemon Detective Pikachu, Lara Croft : Tomb Raider, The Angry Bird MovieและRampage (ซึ่งเรื่องหลังเมื่อเทียบกับทุนสร้างแล้ว ก็ไม่ได้ถือว่าทำเงินอะไรมากนัก)แต่ฮอลลีวูดก็ยังคงหยิบเกมมาเป็นวัตถุดิบในการสร้างหนังอยู่เสมอ ล่าสุดคือUnchartedเกมผจญภัยล่าสมบัติที่โซนี่หยิบมาสร้างเป็นหนัง หวังให้เป็นแฟรนไชส์แบบเดียวกับ Indiana JonesและTomb Raiderโดยดึงพระเอกที่ประสบความสำเร็จสุดของค่าย ณ ตอนนี้อย่าง ทอม ฮอลแลนด์ ถอดชุดสไปเดอร์แมน มาล่าขุมทรัพย์(แม้ว่าแฟนเกมจะติเรื่องที่เขาดูต่างจากตัวละครในเกมมากอยู่ก็ตาม) ทอม ฮอลแลนด์ รับบทเป็น นาธาน เดรก หนุ่มที่ใช้ชีวิตเป็นบาร์เทนเดอร์ แต่ก็เป็นนักล้วงกระเป๋าเพื่อหาเลี้ยงชีพ แต่ลึกๆเขาเองสนใจในการล่าสมบัติ จากความคลั่งไคล้ของพี่ชายที่หายตัวไป จนกระทั่งเขาได้เจอกับ ซัลลี่(รับบทโดย มาร์ก วอห์ลเบิร์ก)ชายนักล่าขุมทรัพย์มืออาชีพ ที่ชักชวนเขาให้ร่วมทีมออกตามหาทองคำที่หายไป จากเรือของมาเจลแลน ที่แล่นข้ามโลกได้สำเร็จเมื่อในอดีต แต่การออกบล่าสมบัติครั้งนี้ของพวกเขาไม่ง่ายนัก เพราะมี ซานติอาโก้(รับบทโดย แอนโตนิโอ แบนเดอราส)มหาเศรษฐีทายาทตระกูลเก่าแก่ ออกตามล่าสมบัตินี้เช่นกัน เพราะเขาเชื่อว่านี่คือมรดกของตระกูล ซึ่งการล่าขุมทรัพย์ในครั้งนี้ สำหรับนาธานไม่ใช่แค่เรื่องทองคำเท่านั้น เพราะนี่อาจเป็นโอกาสที่เขาจะได้สืบเกี่ยวกับพี่ชายที่หายตัวไปด้วย Unchartedฉบับหนังใหม่มีกลิ่นอายคล้ายๆTomb Raiderหลายๆประการ ด้วยพล็อตและวิธีการดำเนินเรื่องที่เน้นไขปริศนา เพื่อตามหาสมบัติในสถานที่ต่างๆทั่วโลก ในขณะที่ตัวละครนำก็มีปมเรื่องคนในครอบครัว(อย่างในTomb Raiderคือพ่อของนางเอก ส่วนUnchartedเป็นพี่ชาย)หนังทั้ง2จึงมีโครงสร้างคล้ายๆกัน แต่ในแง่คุณภาพUnchartedอยู่ในระดับกลางๆ โดยรวมหนังทำฉากแอ็กชันออกมาได้ค่อนข้างดี โดยเฉพาะฉากกลางอากาศ ซึ่งเป็นฉากใหญ่ถึง2ฉากในหนัง ทำออกมาได้ตื่นเต้นและตื่นตาอย่างมาก ยิ่งดูในระบบจอIMAXที่มีการเพิ่มขนาดจอเฉพาะสองฉากนี้ ทำให้เหมือนเราอยู่ในฉากแอ็กชันไปกับตัวละครด้วย แต่สิ่งที่ทำให้Unchartedไม่ได้กลายเป็นหนังแอ็กชันที่พีคมากๆ คงจะหนีไม่พ้นเรื่องบท ที่จะพบว่าฉากต่างๆในหนัง ถูกคลี่คลายไปอย่างง่ายดายมาก ถ้าเป็นการเล่นเกมก็คงเหมือนการผ่านด่านที่ง่ายเกินไป เวลาที่พระเอกจำเป็นต้องไขปริศนาอะไรบางอย่างก็สามารถค้นพบคำตอบด้วยเวลานิดเดียว เลยทำให้ดูเหมือนผู้ชมไม่จำเป็นต้องลุ้นตามตัวละครนำมากนัก เพราะน่าจะสามารถผ่านวิกฤตต่างๆไปได้ง่ายๆอยู่แล้ว บวกกับหนังค่อนข้างเล่าแบ็คกราวน์ของตัวละครน้อย หนังใช้เวลาค่อนข้างสั้นเพื่อเล่าที่มาที่ไปของ นาธาน เดรก ทำให้ผู้ชมอาจจะยังไม่ได้อินกับเขาเท่าไหร่ ก่อนที่การผจญภัยจะเริ่มต้นขึ้น ทอม ฮอลแลนด์ ยังคงมีเสน่ห์ดึงดูดบนจอได้อย่างดี คาแรคเตอร์ในเรื่องที่คล้ายๆกับ ปีเตอร์ ปาร์กเกอร์ แบบนี้ ดูเหมือนจะกลายเป็นภาพจำของเขาไปแล้ว ซึ่งก็มีเสน่ห์ไปอีกแบบ แม้ว่าคนที่เล่นเกมนี้จะยืนยันว่าเขาไม่เหมือน นาธาน เดรก ในฉบับเกมเลยก็ตาม ในขณะที่ มาร์ก วอห์ลเบิร์ก ก็ยังคงเล่นบทแอ็กชั่นเบาสมองได้ดูเพลินเช่นเดิม แม้ว่าเคมีของเขากับทอม อาจจะยังไม่มากเท่าไหร่นัก กลายเป็นคนที่เคมีเข้ากับทอมดีกว่าคือ โซเฟีย อาลี ที่รับบทโคลอี้ สาวนักล่าสมบัติที่เข้ามาร่วมทีมกับ นาธานและซัลลี่ หลายฉากที่เธออยู่กับ ทอม เหมือนจะเห็นเสน่ห์เวลาทั้งคู่รับส่งบทออกมา แต่ที่น่าเสียดายสุดคือ แอนโตนิโอ แบนเดอรัส ในบทร้าย ที่ยังไม่ค่อยเห็นถึงความน่าหวาดกลัว และยังไม่มีบทบาทเท่าไหร่นัก โดยรวมUnchartedถือว่าเป็นหนังแอ็กชันจากวีดีโอเกมที่สอบผ่าน สามารถดึงเอาเสน่ห์ของฉากการผจญภัยในเกม มาทำเป็นฉากแอ็กชันในหนังได้อย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะฉากไคลแม็กซ์ที่ตื่นตาทีเดียว แต่ก็ยังคงมีปัญหาเรื่องบท คล้ายๆกับหนังเกมทั่วไปที่อาจจะไม่ได้มีวัตถุดิบมากพอที่จะมาใส่ให้เรื่องราวเข้มข้นมากขึ้น การคลี่คลายปริศนาก็ทำได้อย่างไม่ยากนัก แต่การแสดงของ ทอม ฮอลแลนด์ ก็ชวนให้เราลุ้นตามและดูการผจญภัยของเขาไปได้จนจบ ใครที่อยากดูหนังแอ็กชันPopcornที่ดูง่ายๆ เหมือนเล่นเกมผ่านด่าน ก็ลองมาชมเรื่องนี้ได้(ให้7คะแนนจากคะแนนเต็ม10คะแนน)