‘ฟอส – บุ๊ค’ นักแสดงนำจากซีรีส์ “ชอกะเชร์คู่กันต์” กับมิตรภาพ ความสัมพันธ์ที่มีต่อกันตลอด 15 ปี !

EFM FANDOM RECAP

‘ฟอส – บุ๊ค’ นักแสดงนำจากซีรีส์ “ชอกะเชร์คู่กันต์” กับมิตรภาพ ความสัมพันธ์ที่มีต่อกันตลอด 15 ปี !

26 เม.ย. 2023

       สวัสดีชาวเด็กฝึกงานทุกท่าน ! วันนี้บริษัท EFM Fandom live มาเชิญชวนทุกท่านไปครื้นเครงกับ 2 หนุ่มสุดฮอตที่กำลังมาแรงอย่างมากในช่วงนี้กับ “ ฟอส จิรัชพงศ์ ”  และ “ บุ๊ค กษิดิ์เดช ” จากซีรีส์เรื่อง “ ชอกะเชร์คู่กันต์ A Boss and a Babe ” ความสนุก ความฮาจะเป็นอย่างไรนั้น มาติดตามไปพร้อมกันได้เลย

 

       ก่อนที่จะไปร่วมพูดคุยกับทั้งสองหนุ่มวันนี้นั้น เรามาเริ่มความจอยกันที่เหล่าแฟนคลับของทั้งคู่ เพื่อล้วงลึกความเป็น ฟอส - บุ๊ค ในแบบฉบับชาวแฟนคลับเล่าสู่กันฟังเลยดีกว่า

 

“ กัปตันฟอส ตำนาน อยู่ทุกด้อม ยกเว้นด้อมตัวเอง ”

 

      เปิดประเดิมมาด้วยคำถามยอดฮิตของเรากับฉายาที่เหล่าแฟนคลับไว้ใช้เรียกหนุ่มฟอส มาดูกันว่าจะมีชื่ออะไรกันบ้างนั้น บอกเลยว่าแต่ละอันปังมากเลยทีเดียว อย่างชื่อแรกที่แสนคุ้นเคยอย่าง ‘ แด๊ดดี้ฟอส ’ ที่มาจากคลิปไวรัลในตำนานอย่างการปลุกหนุ่มบุ๊คในรายการเซฟเฮ้าส์ จนทำเอาหนุ่มบุ๊คของเรารู้สึกคิดถึงพ่อขึ้นมาทันที หรือฉายา “ กัปตันฟอส ” ที่ชอบเป็นพยานคู่รักคนอื่นจนถูกแซวไปว่า ชอบอยู่ทุกด้อม ยกเว้นด้อมตัวเอง เรียกได้ว่าเป็นชิปเปอร์ตัวเต็งบนทวิตเตอร์เลยก็ว่าได้ และนอกจากนี้ก็ยังมี ‘ พ่อแมว ‘  ที่ถูกแซวเพราะเป็นทาสแมวอย่างแท้จริง

 

“ พี่เดชจะเป็นโมจิ ”

 

       มาต่อกันที่หนุ่มคนที่สองของเรา กับ บุ๊ค กษิดิ์เดช กับฉายาที่ได้มาจากความน่ารักอย่าง ‘โมจิ’  ที่เปรียบความมุมิของหนุ่มบุ๊คเป็นเหมือนโมจิขนมสุดน่ารัก และถ้าเมื่อไหร่ที่หนุ่มบุ๊คของเราลงรูปสุดหล่อเท่ ก็จะกลายเป็นร่าง “ พี่เดช ” ที่ทำแฟนคลับละลายกันไปตามๆ กัน

 

“ ชาวบรรณา (รัก) บุ๊ค ที่สุดเลย ”

 

       นอกจากความน่ารักของหนุ่มบุ๊คที่ทำชาว EFM Fandom Live เอ็นดูไปตามๆ กันแล้ว ชื่อแฟนคลับก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งชื่อที่น่ารักมากเช่นกันกับ “ ชาวบรรณา ” จากด้อมบรรณารักบุ๊ค ที่ถูกตั้งขึ้นผ่านตัวหนุ่มบุ๊คเองที่ให้นิยามกับชื่อนี้ว่า อยากที่จะให้เหล่าแฟนคลับทุกคนเป็นเหมือนบรรณารักษ์ที่คอยปกป้อง ดูแลหนังสือเล่มนี้ไปเรื่อยๆ เคียงข้างและเดินด้วยกันตลอดไป ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่ลึกซึ้งอย่างแท้จริง

 

       ส่วนหนุ่มฟอสตอนนี้นั้นก็ยังไม่มีชื่อด้อมที่ปล่อยออกมาอย่างแน่นอน แต่เหล่าแฟนคลับก็ยังคงรอคอยได้ ไม่ได้เร่งรีบ ขอเพียงแค่เป็นที่มีความหมายและมาจากความตั้งใจจากหนุ่มฟอสก็เพียงพอ

 

สุดท้ายนี้แฟนคลับทุกคนก็มีข้อความมาฝากถึง ฟอส -บุ๊ค ว่า…

 

        แฟนคลับทุกคนเห็นถึงความตั้งใจทั้งฟอสและบุ๊คในทุกด้านเสมอ ไม่ว่าทั้งคู่อยากที่จะทำอะไรหรืออยากที่จะเป็นอะไร ทุกคนพร้อมที่จะซับพอร์ต ใช้ชีวิตที่อยากจะเป็นได้เลย พวกเราพร้อมที่จะเป็นกำลังใจตรงนี้ ไม่ว่าทั้งคู่จะไปทางไหนซ้ายหรือขวา หรืออยากไปไกลแค่ไหน แฟนคลับทุกคนพร้อมซับพอร์ตเสมอ ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหนก็ตาม หันกลับมาก็จะเจอพวกเรา และจะดูการเติบโตของทั้งคู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ ตลอดไป

 

         และก็จบไปแล้วกับการร่วมพูดคุยกับเหล่าแฟนคลับ แต่ความความสนุกความจอยยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะช่วงที่สองของเราทั้งสองหนุ่มฟอส - บุ๊ค จะมาเล่าวีรกรรม กับความเป็นเป็นเพื่อนอันยาวนานถึง 15 ปี !

 

“ แด๊ดดี้ฟอส น่ารักกว่าที่คิด ”

 

       อย่างที่บอกว่าใครหลายคนก็มักจะบอกว่าฟอสเองบุคลิกของเขามีความเป็นแด๊ดดี้สูงมาก บุ๊คก็ยังได้กล่าวอีกว่า ตัวฟอสเค้ามักที่จะบ่นใส่บุ๊คเสมอในหลายๆ เรื่อง แต่หลายสิ่งหลายอย่างที่เค้าบ่นไป ก็เพราะเค้าแสดงความเป็นห่วงใยเราในหลายๆ เรื่อง มุมนี้เราเลยคิดว่าเค้าจึงมีความเป็นพ่อสูง เลยกลายเป็นว่าใครหลายคนคงเรียกเขาจากนิยามนี้ แต่บางมุมฟอสเขาก็ยังมีความเป็นเด็กอยู่ในตัวอย่างวันไหนที่เขาเหนื่อยเขาก็จะมีมุมมางอแงกับบุ๊คบ้างเช่นกัน

 

“ ความฮอตของฟอส กับ จุด (.) ทรงพลัง ”

 

        ด้วยความที่ทั้งฟอสและบุ๊ค รู้จักกันมาตั้งแต่อนุบาล ก็เลยอยากให้เล่าวีรกรรมของหนุ่มฟอสให้ฟังหน่อยว่าเป็นอย่างไรบ้างตอนอยู่โรงเรียน อย่างที่บอกว่าถึงทั้งคู่จะรู้จักกันก็จริงแต่ว่าก็อยู่คนละกลุ่มอยู่ดี แต่สิ่งที่การันตีได้เลยก็คือความฮอตของหนุ่มฟอสที่บอกได้เลยว่าฮอตปรอทแตกอย่างแท้จริง เพราะมีอยู่ครั้งหนึ่งที่ฟอสเล่นเฟสบุ๊ค แล้วโพสต์แค่จุด(.) จุดเดียว แล้วคนก็มาไลค์ประมาณ 3-4 พันกันเลยทีเดียว ก็เลยทำให้บุ๊คตัดพ้อกับตัวเองว่าเราลงรูปตั้งเยอะ แต่ไลค์ก็ยังไม่เท่าฟอสซักที อันนี้จึงเป็นต้นกำเนิดของจุดทรงพลังในตำนานนั่นเอง

 

“ การคุยกัน สำคัญที่สุด ”

 

     อย่างที่บอกว่า ถึงแม้จะรู้จักกันมานานแค่ไหน แต่เราก็ต้องมีทั้งจุดกึ่งกลางซึ่งกันและกันเสมอ ทั้งฟอสและบุ๊คได้พูดกับทางรายการว่า ทั้งคู่ใช้วิธีการละลายพฤติกรรมซึ่งกันและกันด้วยการพูดคุยกันอยู่เสมอ เพราะเวลาคนเราอยู่ใกล้กันมากๆ มันก็ต้องมีเรื่องทะเลาะกันมาบ้าง ดังนั้นการพูดคุยจึงถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เราเลยมักจะเคลียร์กันคุยกันในทุกเรื่อง เพื่อที่จะไม่ได้มีอะไรมาขัดข้องและสามารถทำงานไปด้วยกันได้อย่างมีความสุขอีกด้วย

 

“ ความแตกต่างของห้องฟอสบุ๊ค ”

 

       ตัวฟอสเองได้บอกเล่าว่า เค้าเคยไปห้องบุ๊คแล้วบุ๊คเองก็เอ่ยปากมาว่า ‘ ห้องอาจจะรกนิดนึงนะ ’ แต่พอสิ่งที่เห็น กลับเป็นคนละอย่างกันไปเลย เพราะห้องบุ๊คสะอาดมากๆ ทุกอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ทั้งเสื้อผ้าและ หนังสือ แล้วโทนห้องก็เป็นสไตล์มูจิอีกด้วย เพราะว่าเขาตกแต่งด้วยตัวเอง ซึ่งบุ๊คก็แอบหัวเราะและบอกมาว่า อาจจะด้วยเหตุผลว่าบุ๊คเป็นภูมิแพ้ด้วย ก็เลยจะต้องรักษาความสะอาดอยู่ตลอดเวลา ส่วนห้องฟอสตัวบุ๊คเองก็ได้บอกว่า จริงๆ แล้วห้องที่บ้านของเขาเองสะอาดและก็หอมมาก แต่ด้วยความที่ต้องทำงานอยู่ตลอดเวลา ฟอสก็เลยย้ายมาอยู่ยังคอนโด ซึ่งอยู่กับเพื่อนอีกที ก็เลยอาจจะมีของเยอะไปบ้าง เพราะด้วยบางทีเราได้ของมาจากแฟนคลับ ก็ต้องเก็บไว้ที่นั่นด้วย ห้องก็เลยอาจจะของมากกว่าเดิมไปบ้าง

 

ฟอส - บุ๊ค กับโมเมนต์ความประทับใจกับเหล่าแฟนคลับ

 

      ทางรายการก็อยากให้ทั้งคู่ได้เล่าถึงโมเมนต์ความประทับใจในตัวแฟนคลับที่ยังคงเป็นความทรงจำดีๆ ในชีวิตให้ฟัง ซึ่งบุ๊คเองก็นึกได้หนึ่งเรื่อง ว่าครั้งหนึ่งบุ๊คเคยรู้สึกหมดแพชชั่นในการทำงาน ซึ่งวันนั้นเขาได้ไปทำงานมาแล้วปรากฏว่าไม่มีใครมาดูเลย เลยกลายเป็น Bad Day ของเราวันหนึ่ง แต่พอกลับมาถึงตึกก็ดันเจอแฟนคลับคนหนึ่งที่ยืนรอเราอยู่ที่ตึกพร้อมกับเอาขนมมาให้และเขียนโพสอิทว่า “ สู้ๆ นะ รอดูรายการอยู่นะ ” ซึ่งมันกลายเป็นสิ่งที่ฮีลใจเขามากๆ ในวันนั้น อาจจะเพราะว่าเขาเองไม่เคยที่จะชื่นชอบศิลปินคนไหนเลย การที่ใครซักคนให้ของกับเขา หรือทำอะไรซักอย่างให้ เลยกลายเป็นความรู้สึกที่อิมแพ็คกับสิ่งเหล่านั้นมาจนถึงทุกวันนี้

 

     และคำถามสุดท้ายที่ทาง EFM Fandom Live ก็คงไม่มีอะไรสำคัญไปมากกว่าการที่ให้ทั้งสองคนบอกความในใจที่มีต่อกันและกันกับมิตรภาพความเป็นเพื่อนกันมาอย่างยาวนาน

 

Force to Book

    “อาจจะมีเป็นห่วงอย่างหนึ่ง อยากบอกบุ๊คว่า บางสิ่งบางอย่างเราอาจจะควบคุมไม่ได้ อะไรเข้ามาก็รับไว้ทุกอย่างไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี เราอยากให้ลองมีความสุขกับมันดู สุดท้ายแล้วมันก็คือชีวิต ที่อาจจะมีวันที่แย่ แต่ก็ยังมีคนที่อยู่ข้างหลังเรา และคอยซับพอร์ตเราเสมอ อย่าเครียดมาก เพราะสิ่งที่ยังเป็นห่วงก็คือเรื่องสุขภาพของบุ๊คเอง เพราะเรื่องการนอนดึกของเขา เราก็อยากให้บาลานซ์ให้โอเค ก็เป็นห่วงบุ๊คและรักบุ๊คเสมอครับ”

 

 

Book to Force

      “จริงๆ เรา2คนก็ผ่านเรื่องราวมาด้วยกันเยอะ และเรารู้ว่าส่วนใหญ่ฟอสเวลามีอะไรจะไม่ค่อยพูด แล้วบางทีเราก็ยังไม่รู้ว่าเค้าจะยังมีเซฟโซนมั้ย แต่เราก็ยังอยากที่จะให้เวลามีอะไรก็สามารถมาระบายกับเราได้ อย่าเก็บไว้คนเดียว เพราะทุกอย่างย่อมผ่านไปได้เสมอ มีอะไรก็สามารถบอกบุ๊คได้เลย”

 

       เป็นยังไงกันบ้างชาว EFM Fandom Live ก็หวังว่าบทความนี้จะทำให้ทุกท่านรู้สึกเอ็นดูและรักทั้ง หนุ่ม ฟอส และ บุ๊ค มากขึ้นไปเรื่อยๆ เลยน้า

 

        สุดท้ายนี้ก็ขอฝากผลงานที่กำลังออนแอร์อยู่ตอนนี้กับซีรีส์ “ ชอกะเชร์คู่กันต์ A Boss and a Babe ”  ที่กำลังมีเนื้อหาดำเนินไปอย่างเข้มข้น และเร็วนี้ๆ ก็กำลังจะมีคอนเสิร์ตที่ทั้งฟอสและบุ๊คได้ไปร่วมสนุกด้วยกับ LOVE OUT LOUD FAN FEST 2023 จะเป็นอย่างไรกันบ้างนั้น ก็อย่าลืมไปติดตามในทุกๆ ผลงานของทั้งคู่เลย

 

ภาพ EFM Fandom Live

related EFM FANDOM RECAP

“เบนซ์กาฟิวส์แบตเตอรี่ของหัวใจ” รางวัลที่ชนะใจเหล่าแฟนๆจาก EFM FANDOM AWARDS มอบให้ “เบนซ์ - กาฟิวส์” พร้อมให้คำสัญญาจะทำให้ภูมิใจว่าเลือกรักคนไม่ผิด

03 เม.ย. 2024

“เบนซ์กาฟิวส์แบตเตอรี่ของหัวใจ” รางวัลที่ชนะใจเหล่าแฟนๆจาก EFM FANDOM AWARDS มอบให้ “เบนซ์ - กาฟิวส์” พร้อมให้คำสัญญาจะทำให้ภูมิใจว่าเลือกรักคนไม่ผิด

EFM FANDOM LIVE [21 มีนาคม 2567] คืนนี้เปิดสตูต้อนรับ “เบนซ์ - กาฟิวส์” พร้อมอัปเดตพูดคุยกับ “ดีเจแนน และ ดีเจโซเซฟ” ในช่วงแรกของรายการเป็นการคัดเลือกชื่อ EFM FANDOM AWARDS จากที่แฟน ๆ เสนอและเปิดให้โหวต1.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “MYRNA AWARDS FOR BENZGARFIELD” ที่มาคือคำว่า Myrna (เมอร์นา) ในภาษาแกลิก ที่แปลว่า "เป็นที่รัก" ค่ะ ชอบคำนี้มากๆเพราะความหมายดี ที่เลือกคำนี้มาใช้ก็เพราะว่าเปรียบพี่เบนซ์กับพี่กาฟิวส์เหมือน "ผู้เป็นที่รัก" การที่ได้มารู้จักพี่ๆเหมือนเป็นของขวัญอันล้ำค่าในชีวิตค่ะ ไม่ว่าในหนึ่งวันเราเจอเรื่องอะไรแย่ๆมา แค่ได้เห็นพี่ๆอัพไอจีอัพทวิตเคลื่อนไหวในโซเชียลเพียงเล็กน้อย วันนั้นก็จะเป็นวันที่สดใสขึ้นมาทันที และมีแพชชั่นในการใช้ชีวิตต่อ เลยเลือกใช้คำว่าเมอร์นามาเป็นชื่อรางวัลที่อยากมอบให้ศิลปินคนโปรดค่ะ2.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “เบนซ์กาฟิวส์แบตเตอรี่ของหัวใจ” ที่เสนอชื่อนี้ ตั้งใจเอาความหมายชื่อด้อมของทั้งสองคนมา mix กันค่ะ เพราะชื่อด้อมของน้องทั้งคู่ความหมายดีมากๆเลย ของเบนซ์คือ #แบตเตอรี่ของอเลิ้ต ที่มีความหมายสื่อตรงๆเลยคือแฟนคลับทุกคนคือแบตเตอรี่ คือพลังงานดีๆที่อเลิ้ตได้รับ ส่วนของกาฟิวส์คือ #ฟิวส์มิลี่ ที่มีความหมายที่ดีไม่แพ้กัน คือแฟนคลับทุกคนเปรียบเสมือนครอบครัวของกาฟิวส์ สุดท้ายแล้วพอเราเอาสองความหมายที่สื่อนี้มารวมกัน มันก็กลายเป็นครอบครัวใหญ่ ที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะเหนื่อยหรือจะท้อยังไง หากทั้งคู่หันกลับมาก็ยังมีครอบครัวที่พร้อมจะเติมแบตให้น้องทั้งคู่ไว้ลุยต่อกับงานหรือเรื่องที่ต้องเจอเสมอ และน้องๆเองก็เป็นเหมือนแบตเตอรี่ เป็นเหมือนครอบครัวของพวกเราเหมือนกัน มองเห็นเขาสองคนมีโอกาสดีๆเข้ามา มีคนรักมากขึ้นทุกวัน ได้เห็นรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ พวกเราก็เหมือนได้ชาร์ตแบตแล้วค่ะ ฝากชื่อรางวัลนี้ไว้พิจารณาด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ :)3.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “จะไปหา...เมื่อเธอหิว” แนวคิดคือ เบนซ์เป็นคนชอบหิวมากๆ เวลาที่หิวก็อาจจะมีชวนพี่ฟิวส์ออกไปหาอะไรกิน หรือว่าเวลาที่พี่ฟิวส์หิวก็จะพากันออกไปหาอะไรกิน ฟิลแบบไม่ว่าเธออยู่ไหน...แค่เธอทักมาเราพร้อมไปหา55554.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “หนุ่มรถหรูกับคู่หูแมวส้ม” ที่มาขอชื่อนี้ คือง่ายๆเลยค่ะ มาจากชื่อของทั้งสองคน เบนซ์ก็คือรถหรู(รถเบนซ์)นั้นเอง ส่วนกาฟิวส์ก็ได้มาจากการ์ตูนแมวกาฟิวส์ ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วทุกคนรู้โลกรู้กาฟิวส์ก็คือแมวส้ม เราก็เลยสรรหาคำที่จะมาเชื่อมชื่อของเบนซ์และกาฟิวส์ให้มาแมทซ์กัน ก็เลยได้มาเป็นหนุ่มรถหรูกับคู่หูแมวส้ม นั้นเองค่ะ5.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “เพื่อนรักนักซัพพอร์ตแห่งปี” แนวคิดมาจากความน่ารักของน้อง ๆ ทั้งคู่ค่ะ ตามใจเก่ง ซัพพอร์ตเก่ง ในที่นี้คือ ตามใจแฟนคลับ ซัพพอร์ตแฟนคลับเก่งมากค่ะ รวมถึงน้อง ๆ ทั้งคู่ก็ตามใจกันและกัน ซัพพอร์ตกันและกันเก่งมากๆ เช่นกัน คนนึงหิวก็จะมีอีกคนพาไปกินถึงจะไม่กินก็ไปนั่งเป็นเพื่อนได้ เวลาอยู่ด้วยกันถ้าคนใดคนนึงขอให้ทำอะไร เช่น การเต้น ถ้าขอให้ทำถึงแม้จะเขินแต่ก็ไม่เคยขัด พร้อมจะเป็นคนไทยไปเรื่อยด้วยกันเสมอค่ะ น่ารักกันมากๆ อยู่ด้วยกันทีไรโลกสดใสทุกทีเลยค่ะ ถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย! เข้าสู่ช่วงที่สองของรายการ เราจะมาพูดคุยกับ “เบนซ์ - กาฟิวส์”รางวัล “เบนซ์กาฟิวส์แบตเตอรี่ของหัวใจ”ความรู้สึกที่มีต่อชื่อรางวัล “เบนซ์กาฟิวส์แบตเตอรี่ของหัวใจ” เบนซ์ : เอาจริงมันคือ 2 ด้อมรวมกัน ให้มันเป็นหนึ่งเดียวก็คือ “แบตเตอรี่ของอเลิ้ต” กับ “ฟิวส์มิลี่” เหมือนกับว่าเราสองคนได้อยู่คู่กัน มันก็คือครอบครัวเดียวกัน ถ้าเอามามิกซ์กันมันก็เหมือนกับว่าเรา forever เราก็สามารถอยู่ด้วยกันตลอดไป จริง ๆ ก็ดีใจ ไม่ว่าชื่อไหนเราก็ดีใจหมด มันมีความหมายทุกชื่อเลย ชอบมาก กาฟิวส์ : จริง ๆ เราชอบทุกชื่อที่เสนอมาที่มาของชื่อรางวัล “จะไปหา...เมื่อเธอหิว” เบนซ์ : อันนี้ชอบ เพราะเราทั้งสองคนคือเวลาหิว ผมชอบไลน์ไปหา “กาฟิวส์...กินข้าวไหม” เขาชอบกินดึก ปกติพวกเราซ้อมเต้นกันดึกมาก เลิกตี 2 ตี3 ผมก็หิวไง กลัวไม่มีเพื่อนไป ผมก็ชวนกาฟิวส์ก่อน ปกติเขาจะไป แต่ช่วงหลัง ๆ เริ่มลดหุ่น เขาไม่อยากกินดึก กาฟิวส์ : คิดว่าชื่อนี้จะได้ น้อยมากทีผมจะไม่ไป เหมือนโดนบังคับยังไงก็ไม่รู้3 ร้านอาหารในดวงใจของ “เบนซ์ - กาฟิวส์”1. Shakariki432 ไปเกือบทุกสัปดาห์2. A RAMEN ราเมงข้อสอบ ไปบ่อยมาก เอะอะก็ราเมง3. สมยง ร้านส้มตำข้างตึก หมดเงินเป็นหมื่น ๆ แล้วเบนซ์ชอบดูตลก ส่วนกาฟิวส์ชอบออกกำลังกาย เบนซ์ : ดูรายการตลก พวกพี่แจ๊ส พี่บอล พี่นุ้ย ในวันที่เราแย่ ๆ ในวันที่เราต้องการกำลังใจ เราเปิดดูรายการของพวกเขา แล้วก็รู้สึกว่าสามารถทำให้เรายิ้มได้ สามารถทำให้เราหัวเราะได้ในวันนั้น มันเป็นฟิลกู๊ดที่มันดีมาก ๆ สำหรับรายการของพวกพี่ ๆ เขา กาฟิวส์ : ปกติผมเป็นคนออกกำลังกายอยู่แล้ว ในวันที่รู้สึกเบื่อ ผมก็จะออกไปเสียเหงื่อสักหน่อย พวกวิ่ง หรืออะไรก็ได้ที่ธรรมดา ให้รู้สึกว่าวันนี้มีอะไรทำแล้วขอเม้าท์คู่ “สายลับ-ภณ” FAN MEETING ที่ฮองกง เบนซ์ : อย่างภณเขาไม่เคยขึ้นเครื่องบินมาก่อน แล้ววันนั้นคือทริปแรกของเขา การไปฮองกงคือการขึ้นเครื่องบินครั้งแรกในชีวิตของเขา ซึ่งผมคิดว่ามันน่าตื่นเต้นนะสำหรับการขึ้นเครื่องบินครั้งแรก เขาก็รู้สึก โอ้โห ดี๊ด้าใหญ่เลย ไปถึงสุวรรณภูมิคือทุกอย่างคือโลกใบใหม่ของเขา ไปเดิน Duty Free เดินหาของกิน ดูน้ำหอม อะไรทุกอย่างคือเปิดโลกเขาหมด พอไปขึ้นเครื่องบินเขามีจอ กาฟิวส์ : มีจอ แล้วก็จะมีหน้าต่าง แล้วเขาก็จะแบบอยากรู้อยากเห็นไปหมดเลย เขาก็จะกดนู้นกดนี้ เขานั่งข้างพี่สายลับ เขาก็จะถามพี่สายลับนี่กดยังไง หรือหันไปมีหน้าต่าง เขาก็จะหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูป“เบนซ์ - กาฟิวส์” ทำอะไรบนเครื่องบิน กาฟิวส์ : ผมนั่งข้างเขา เขาจะเป็นคนชอบทำสมาธิ นั่งแล้วก็หลับ เบนซ์ : คือวันนั้นผมไม่สบายด้วย ขึ้นเครื่องแล้วสัปหงกประมาณ 100 กว่ารอบ ส่วนกาฟิวส์ตรงที่นั่งก็จะมีโทรศัพท์ที่สามารถโทรไปหาเพื่อนที่นั่งตรงไหนก็ได้ กาฟิวส์ก็นั่งเล่นโทรศัพท์เล่น โทรหาคนฝั่งโน้นINTER FAN ให้การต้องรับดีมาก เบนซ์ : โอ้โหให้การต้องรับดีมาก มารอที่สนามบินแตกแตน พอวันโชว์จริงก็รู้สึกว่าแฟน ๆ มี Reaction กับเรา พูดภาษาของเขาโต้ตอบกับเรา บางทีเขาเตรียมภาษาไทยมาบอกรักเรา ก็รู้สึกว่าเขาอยากมอบความรัก อยากสื่อสารให้เรารู้สึกมีความสุขกับโมเมนต์นั้นจริง ๆ กาฟิวส์ : ตอนโชว์ แฟน ๆ ทุกคนน่ารักกันมาก ให้การต้อนลับเราเป็นอย่างดี เจอหน้าทักทาย ถึงเราจะสื่อสารกับเขาคนละภาษา แต่เขาก็พยายามสื่อสารกับเรา เพื่อต้องการที่จะให้กำลังใจเรารับบทเป็นตัวละคร...ในซีรีส์เรื่อง “รักนี้ไม่มีถั่วฟักยาว” เบนซ์ : รับบทเป็น “เมธัส” นักธุรกิจอสังหา กาฟิวส์ : ผมรับบทเป็น “หมอเจเจ” หมอกายภาพความยากของ “เมธัส - หมอเจเจ” กาฟิวส์ : อย่างเจเจ เขาเป็นหมอกายภาพ ผมไม่เคยมีความรู้ด้านกายภาพเลย ผมแค่นวดเป็น พอมาเป็นหมอกายภาพมันมีการยืด ต้องรักษาผู้บาทเจ็บ คุณเมธัสที่มีอาการบาดเจ็บด้านหัวเข่า ก็จะยิ่งหนักเข้าไปอีก ศัพท์ทางด้านการแพทย์อะไรอย่างงี้ ช่วงนี้ก็มีการ Workshop กันอยู่และก็ทยอยหาข้อมูลเกี่ยวกับหมอกายภาพก่อนเริ่มถ่าย เบนซ์ : ฝึกรวย555 รับงานทั่วทุกราชอาณาจักร เอาจริง ๆ มันก็ต่างจากบทที่เราเล่นมา ติดหล่ออย่างเดียว รวยด้วย หล่อกวนด้วย พี่ฉอดก็มีการปรับผมให้เข้ากับบท บทก็จะมีความกวน ๆผัดกะเพราไม่ใส่ถั่วฝักยาวหรือใส่ถั่วฝักยาว เบนซ์ : ไม่ใส่ถั่วฝักยาว กะเพราเป็นเมนูที่มาอันดับแรกของผมเลย คิดอะไรไม่ออกสั่งผัดกะเพราไว้ก่อน ผมชอบกินกะเพราแบบเผ็ด ๆ ฉ่ำน้ำหน่อย ๆ ขลุกขลิก ใส่อะไรก็ได้ แต่ที่สำคัญไม่ใส่ถั่วฝักยาวจะดีกว่า กาฟิวส์ : ผมไม่ชอบถั่วฝักยาวอยู่แล้ว เวลากินมันเป็น Texture แปลก ๆ โดยปกติผมจะกินแบบ ผัดกะเพราที่ใส่ใบกะเพราไม่เผ็ด วันนี้ทางรายการ EFM FANDOM LIVE ก็มีเกมสำหรับ “เบนซ์ - กาฟิวส์” เล่นกันด้วย กับเกมที่มีชื่อว่า ‘3 2 1 Action เจ้า!’ สนุกสนานกันแน่นอน (เข้าไปชมได้ใน YouTube : ATIME) เดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย รายการได้เปิดโอกาสให้เหล่าแฟนคลับ ได้โทรเข้ามาพูดคุยกับ “เบนซ์ - กาฟิวส์” พูดถึงเบนซ์ก่อน พึ่งติดตามพี่เบนซ์จริง ๆ จัง ๆ ก็ช่วงที่ PitBabe เริ่มฉาย ก็คือชอบที่เวลายิ้มมาก ๆ อยากให้พี่ยิ้มเยอะ ๆ อยากให้พี่มีรอยยิ้มที่สดใสในทุก ๆ วัน ไม่อยากให้มีเรื่องที่แบบมัวหมองใจเลย พี่เหมาะกับรอยยิ้มที่สุด ส่วนกาฟิวส์ ก็จะพูดเหมือนกันกับเบนซ์ ก็อยากให้กาฟิวส์ยิ้มเยอะ ๆ เหมือนกัน ไม่อยากให้มีเรื่องขุ่นหมองอะไรในใจ อยากให้ทุกวันเป็นวันที่ดีของกาฟิวส์ อยากให้กาฟิวส์สดใสในทุก ๆ วัน รอติดตามซีรีส์ใหม่ รอชมทั้ง “หมอเจเจ” และ “เสี่ยเมธัส” ด้วย แล้วก็แก็งแมวเหมียวฝากมาบอกว่า “รักมาก ๆ นะคะ” ขอบคุณที่เข้ามาทำให้เราได้รู้จักกัน คือชอบรอยยิ้มทั้ง 2 คนมากเลย แล้วก็ทำให้หนูได้รักพวกพี่มากยิ่งขึ้น หนูจะคอยซัพพอร์ตพวกพี่ไปเรื่อย ๆ ขอให้ซีรีส์เรื่องใหม่ประสบความสำเร็จ รอยยิ้มของทั้ง 2 คนเหมือนทำให้โลกสดใส ฮีลใจมาก ๆ ในวันที่เราเหนื่อยล้า ไม่สบายใจหนูก็จะเปิดภาพเบนซ์อเลิ้ต หรือไม่ก็เปิดคลิปที่พ่อเอส แม่ฉอดถ่ายลงสตอรี่ ขอบคุณเบนซ์มากที่ยังไม่หมดความพยายาม ยังไม่หมด Passtion แล้วก็ขอบคุณมากที่ทำให้ได้ถูกค้นพบขึ้นอีกครั้งหนึ่ง พี่รอมานานมาก ว่าเมื่อไหร่เบนซ์จะกลับมา แล้วก็ดีใจมากเมื่อรู้ว่าเบนซ์กลับมาอีกครั้ง ถึงต่อจากนี้มันจะเหนื่อยหน่อย แต่ว่าก็อยากให้มีความสุขแล้วก็สู้ ๆ ต่อไป ตอนที่ได้เจอกาฟิวส์ แค่เห็นกาฟิวส์ยิ้มพี่ก็รู้สึกว่า เหมือนเรื่องแย่ ๆ ทั้งหมดในชีวิตมันหายไปเลย คือจริง ๆ มันทำให้พี่กลับมามีกำลังใจอีกครั้ง อยากจะสู้กับชีวิตอีกครั้งหนึ่ง ขอบคุณมาก ๆ ที่ได้รู้จักกาฟิวส์ ต่อจากนี้ก็จะพยายามซัพพอร์ตตลอดไปและสายสุดท้ายเป็นสาย Special จาก “ภณ ธนภณ เอี่ยมกําชัย” นักแสดงนำจากซีรีส์เรื่อง “รักนี้ไม่มีถั่วฟักยาว” ก็ดีใจกับทั้ง 2 คนที่ไป EFM FANDOM LIVE ในครั้งนี้ แล้วก็ดีใจที่ได้ร่วมโปรเจคด้วยกัน ซีรีส์เรื่อง “รักนี้ไม่มีถั่วฟักยาว” ผมเชื่อว่าทั้ง 2 คนจะสร้างผลงานดี ๆ ให้กับแฟนคลับที่รักพวกคุณ ที่รอติดตามพวกคุณอยู่แน่นอน ผมมั่นใจ ยืนยันกับแฟนคลับได้เลยว่า คุณรัก 2 คนนี้ไม่ผิดแน่นอน“เบนซ์ - กาฟิวส์” ขอบคุณสำหรับรางวัล “เบนซ์กาฟิวส์แบตเตอรี่ของหัวใจ” กาฟิวส์ : ขอบคุณรางวัลแรกของ “เบนซ์ - กาฟิวส์” เป็นรางวัลที่พวกเราสองคนรู้สึกดีใจ ขอบคุณมาก ๆ เลยที่มอบรางวัลนี้ให้พวกเราเห็นที่ส่งชื่อกันเข้ามาและร่วมกันโหวต ก็ขอให้รักพวกเราแบบนี้ตลอดไป เบนซ์ : ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็น “แบตเตอรี่ของอเลิ้ต” หรือ “ฟิวส์มิลี่” ทุกคนก็ส่งชื่อกันมาเยอะจริง ๆ ทุกชื่อมีความหมายหมด ขอให้รักพวกเราไปนาน ๆ ละกันอยากให้ทุกคนติดตามผลงานของพวกเราและ PitBabe ทั้ง 12 คน พวกเราอยากสร้างความสุขแบบนี้ไปเรื่อย ๆ และจะให้คำสัญญากับทุกคน จะทำให้ภูมิใจว่าเลือกรักคนไม่ผิด ขอบคุณมากครับ สุดท้ายนี้ EFM FANDOM LIVE ขอขอบคุณ “เบนซ์ - กาฟิวส์” ที่มาร่วมพูดคุย สร้างเสียงหัวเราะ ความสุขให้กับรายการ และก่อนจะจบรายการกันไป ฝากติดตามซีรีย์ “รักนี้ไม่มีถั่งฟักยาว” และกิจกรรม “กะเพราCHALLENGE” สามารถติดตามข้อมูลได้ทาง CHANGE2561 ไปติดตามกันได้เลยสามารถเข้าไปรับชมกันได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

เจษ - ไบเบิ้ล เป็น พี่อุ๋งนุ้งเหมียวแห่งปี จนได้รับรางวัล EFM FANDOM AWARDS ขอบคุณแฟนๆที่ทำให้คนที่ไม่รู้จักได้เห็นอีกมุมของเราสองคน

13 ส.ค. 2024

เจษ - ไบเบิ้ล เป็น พี่อุ๋งนุ้งเหมียวแห่งปี จนได้รับรางวัล EFM FANDOM AWARDS ขอบคุณแฟนๆที่ทำให้คนที่ไม่รู้จักได้เห็นอีกมุมของเราสองคน

รายการ EFM FANDOM LIVE [ 1 สิงหาคม 2567 ] คืนนี้เปิดสตูต้อนรับ “เจษ - ไบเบิ้ล” พร้อมอัพเดทพูดคุยกับ 2 ดีเจ “ดีเจโซเซฟ และ ดีเจแนน”ในช่วงแรกของรายการเป็นการคัดเลือกชื่อ“EFM FANDOM AWARDS รางวัลพิเศษ เพื่อคนพิเศษ” จากที่แฟน ๆ เสนอและเปิดให้โหวต1. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “Not Just4minutes, Now Is4ever.” จากพรีเซนเตอร์คู่ร่วมกันในวันนั้น สู่การได้เป็นพาร์ทเนอร์ในซีรีส์"4MINUTES"ในวันนี้ ที่ไม่ได้เป็นเพียงเพราะโชคชะตา แต่เพราะความพยายามมาตลอดของไบเบิ้ลและความตั้งใจอย่างแน่วแน่ของพี่เจษทำให้โปรเจ็กต์ที่แฟนคลับรอคอยมานานเป็นจริงขึ้นมา รางวัลนี้เป็นเสมือนคำขอบคุณที่ทั้งคู่เชื่อใจซึ่งกันและกันและยินดีที่จะเป็นพาร์ทเนอร์กันต่อจากนี้ ถึงแม้ในอนาคตทั้งคู่อาจจะต้องไปในเส้นทางของตัวเองต่อ แต่สิ่งที่ทั้งคู่ได้ตั้งใจทำมันร่วมกันในวันนี้จะเป็นความปรารถนาดีซึ่งกันและกันตลอดไป2. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “Great Tyme Right Person” ล้อมาจากวลีright time right personแต่เปลี่ยนช่วงแรกเป็นGreat Tyme(ชื่อตัวละครหลักที่รับบทโดยไบเบิ้ลและพี่เจษ) จะมีความพ้องเสียงกับคำว่าGreat Timeที่แปลว่า เวลาที่ดี ซึ่งยังคงมีความหมายไปในทางเดียวกับRight Timeเหตุผลที่ใช้วลีนี้ในการนิยาม เพราะอย่างที่ไบเบิ้ลและพี่เจษเคยให้สัมภาษณ์ไว้Timing is everythingเวลาคือทุกอย่าง การเกิดโปรเจกต์นี้ได้เพราะทุกอย่าง ถูกที่ ถูกเวลา และถูกคน ถ้านานกว่านี้พี่เจษอาจไม่รับเล่น หรือถ้านานกว่านี้ไบเบิ้ลก็อาจจะตัดใจไม่ทำโปรเจคนี้แล้ว3. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “พี่อุ๋งนุ้งเหมียวแห่งปี”​ แนวคิดมาจากCharacterและAppearanceของเจษและไบเบิ้ลโดยพี่อุ๋ง คือแมวน้ำ เป็นตัวแทนพี่เจษที่มักจะทำหน้าตาสงสัยพร้อมส่งสายตาอุ๋งจากดวงตากลม ๆ ของเขา ส่วนนุ้งเหมียว คือ แมว เป็นตัวแทนของน้องไบเบิ้ลที่มีความเป็นตัวเองสูงมาก แต่ก็มีมุมน่ารักบ้างเหมือนแมว จึงเป็นที่มาของชื่อพี่อุ๋งนุ้งเหมียวแห่งปี สำหรับแมวน้ำกับแมวบกที่น่ารักของแฟนคลับ4.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “คู่จิ้นที่เหมือนพ่อลูกที่สุดแห่งปี”​ ตั้งแต่ประกาศเปิดตัวพี่เจษมาเป็นนักแสดงนำคู่กับไบเบิ้ลรู้สึกว่าไบเบิ้ลได้เรียนรู้จากพี่เจษมาเยอะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแสดง ซึ่งแน่นอนพี่เจษเป็นคนมีของอยู่แล้วทุกคนรู้สึกได้จากการแสดงที่ผ่านมา เราเชื่อว่าในฐานะรุ่นพี่ในวงการ พี่เจษจะสามารถนำประสบการณ์ที่ผ่านมา มาแชร์เป็นแนวทางให้กับน้องๆได้แน่นอน เวลาสัมภาษณ์สื่อชอบที่พี่เจษช่วยขยายความหมายของบทสัมภาษณ์ไบเบิ้ลตลอดเลย ซึ่งมันเป็นเรื่องที่น่ารักมากๆ เหมือนพ่อที่ดูแลลูกเลย และอีกอย่างที่สัมผัสได้คือไบเบิ้ลสู้คนเก่งขึ้นมากและคนที่ไบเบิ้ลสู้ด้วยคือพี่เจษ มันเริ่ด5. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “จ้างหลักร้อย เล่นหลักล้านเอาจนชาวบ้านล้มละลาย”​ ที่มาก็คือ ตัวไบเบิ้ลเขาเวลาพี่ปอนด์ให้บทหินๆแค่ไหน ไบเบิ้ลสามารถเล่นได้สมบทบาทจนเราเชื่อว่านั่นคืออีกตัวละครหนึ่งที่หน้าตาเหมือนไบเบิ้ล แต่นิสัยต่างกันหลายกิโลได้ ส่วนพี่เจษเนื่องจากเขาเพิ่งรับเล่นซีรีส์วายครั้งแรก แต่การแสดงของเขากินขาดมากๆ สุดยอดของการแสดงได้เกินคาดมาก ขอชื่นชมค่ะ ส่วนการล้มละลายคือเงินของแฟนคลับที่เปย์หมดใจให้เขาเท่านั้นค่า!!! อดอยากไม่เป็นไรอดเจอเบิ้ลกับพี่เจษเมื่อไหร่ เหมือนจะขาดใจตายค่า!!!!ถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย! เข้าสู่ช่วงที่สองของรายการ เราจะมาพูดคุยกับ“เจษ - ไบเบิ้ล”รางวัล “พี่อุ๋งนุ้งเหมียวแห่งปี”ขอบคุณที่ทำให้คนที่ไม่รู้จักได้เห็นอีกมุมของเรา เจษ : ก็ขอบคุณครับ จริง ๆ ผมก็เห็นมาสักพักแล้วหล่ะที่ชอบเอาผมไปเทียบกับแมวน้ำ หรือคาปิบาร่า คือด้วยความที่มันเป็นไทป์มึน ๆ เหมือนกัน แล้วบางทีผมเผลอ ๆ หรือเสลาคนคุยกันผมไม่เข้าใจ ผมก็จะทำหน้ามึน ๆ หน่อย ขอบคุณครับที่สังเกตหน้า สังเกตอิริยาบถของผม ไบเบิ้ล : ก็ขอบคุณที่สังเกต เพราะว่าสำหรับคนที่ไม่รู้จักเรา ก็เป็นอะไรที่น่ารักดี ที่เค้าได้เห็นมุมแบบนี้ของเรา มันค่อนข้างชัดเจนและเหมือนจริงมุมมองเจษที่มีต่อไบเบิ้ลในฐานะน้องใหม่ เจษ : คือด้วยความที่ไบเบิ้ลเป็นคนคล้าย ๆ ผม เป็นคนที่ค่อนข้างจะมีความคิดเป็นของตัวเอง แล้วก็บางครั้งจะรู้สึกวาทำไมมันเป็นอย่างงี้ บางครั้งเราก็เลือกที่จะไม่ยอมรับมัน กับบางอย่างที่มันเป็นขนบที่เป็นมานานแต่เราต้องทำตาม ซึ่งแต่ก่อนผมก็เป็นว่าทำไม ๆ ๆ แล้วผมก็จะรู้สึกขี้เกียจทำ แต่ไบเบิ้ลไม่ได้เป็นหนักขนาดผมนะ บางอย่างผมก็จะบอกเบิ้ลว่าทำไปเถอะ ผมว่าบางอย่างมันคือการปรับตัว แต่ไม่ใช่ว่าทำไปเถอะทำตามที่เค้าบอก แต่ว่าเราต้องเปลี่ยนมายด์เซ็ตเช่น เราทำอันนี้เพื่ออีกอย่านึงนะ หรือว่าทำแบบนี้ มันส่งผลดีกับเรามากกว่า บางทีเราอาจจะรู้สึกว่าเราไม่ใช่คนแบบนี้ แต่ว่าการทำโดยที่ไม่ฝืนตัวเองมากไป แล้วมันส่งผลดี มันก็อาจจะดีในมวลรวมก็ได้ โดยส่วนตัวเบิ้ลเป็นคนน่ารักอยู่แล้ว เป็นคนที่มีอะไรก็จะพูดเลย ไม่ใช่การกระทำออกเหมือนผมเมื่อก่อน แต่ผมจะฉุนเฉียวง่ายกว่าเบิ้ล เบิ้ลเค้าจะใจเย็นแบบอย่างจากพี่เจษที่ไบเบิ้ลเห็น ไบเบิ้ล : จริง ๆ การใช้ชีวิตโดยรวมแล้วกันครับ การใช้ชีวิตตอนที่มีเวลาว่าง เค้าเป็นคนที่คล้าย ๆ กับผมตอนที่ให้เค้าความสำคัญกับเวลาส่วนตัว แล้วเวลาทำงานก็จริงจัง เราให้ความสำคัญกับการพักผ่อนด้วย เรามี work life balance ที่สูง ผมก็มองว่ามันอาจจะมาจากประสบการณ์ หรืออาจจะหลาย ๆ สิ่ง หลาย ๆ อย่างเดี่ยวกับความคิดของเค้า โดยรวมผมก็ชอบตรงนี้แล้วก็อยากใช้ชีวิตแบบนี้เหมือนกันไลฟ์สไตล์ของทั้งคู่ในวันที่ไม่ได้ทำงาน เจษ : เป็นช่วงครับ ว่าช่วงนั้นอินกับอะไรมากกว่าครับ หรือว่าทำอะไรอยู่ อย่างช่วงนี้ปมตีกอล์ฟ ไบเบิ้ล : ของผมก็ง่าย ๆ เลยครับ ก็ใช้เวลากับที่บ้าน ใช้เวลากับสัตว์เลี้ยง พยายามไปหาธรรมชาติ เจษ : ผมชวนน้องไปตีกอล์ฟบ้าง แต่ยังไม่ได้ไปความรู้สึกการได้ร่วมแสดงซีรีส์ด้วยกันครั้งแรก เจษ : ผมว่ามันเป็นประสบการณ์ที่เรารู้สึกว่ามันเจ๋งดี ผมไม่ได้มองว่ามันเป็นซีรีส์ชายชาย หรือชายหญิง แต่ดูจากตัวอย่างก็รู้ว่ามันเหมือนหนังฝรั่งเรื่องหนึ่งเลยที่มันเจ๋งมาก ๆ ที่เราคงไม่ได้เห็นในละคร แล้วก็วิธีการเล่าที่มันซับซ้อน ผมก็เลยรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับโปรดักชั่นที่รู้สึกว่าอยากจะเป็นส่วนหนึ่งในนี้ ไบเบิ้ล : ผมก็รู้สึกตื่นเต้น จริง ๆ โดยรวมผมใช้คำว่าสนุก เป็นประสบการณ์ที่ใกม่มากสำหรับปมกับการเป็นนักแสดงนำครั้งแรก จริง ๆ ก็ยินดีที่จะทำงานร่วมกับใครก็ได้ แล้วพอเป็นพี่เจษผมก็สบายใจมากขึ้น แล้วก็ทำงานด้วยกันอย่างสนุก พอชิ้นงานมันออกมาดีแล้วเราได้เห็นฟีดแบ็คมันก็ยิ่งใจฟูRECAP EP. 1 ซีรีส์ “4MINUTES” เจษ : ผมรับบทเป็น “หมอธาม” เป็นหมอศัลยแพทย์ที่อยู่ในโรงพยาบาล ถ้าเห็นในอีพี 1 จะเห็นได้ว่าเวลาที่เค้าอยู่ที่โรงพยาบาลหรือกับคนอื่น หรือเวลาอยู่บ้านเค้าจะเป็นคนละคนกัน ซึ่งมันบอกได้ว่าเค้าต้องมีอะไรบางอย่างที่อยู่ในใจเค้า หรือเกี่ยวกับอดีตที่ทำให้เค้าเป็นคนแบบนั้นเวลาอยู่กับคนอื่น เพราะฉะนั้นก็อยากให้คนตามต่อไปว่ามันมีอะไรรออยู่ ไบเบิ้ล : ผมเล่นเป็นตัวละครที่ชื่อว่า “เกรท” นะครับ เกรทเป็นคนที่ค่อนข้างติดแกลม เทสดี แล้วเค้าเป็นคนที่ค่อนข้างอยากเป็นตัวของตัวเอง อยากใช้ชีวิตแบบที่ตัวเองต้องการ แล้วเค้าอยู่ดี ๆ ตื่นขึ้นมามีพลังวิเศษที่มองเห็นอนาคต แล้วอยู่ดี ๆ ไปเจอหมอธามที่เห็นภาพแฟลชเข้ามาในหัว มันจึงเป็นปริศนาที่ตัวละครพยายามค้นหาต่อไปเรื่อย ๆฝึกฝนเพิ่มเติมเพื่อการเข้าถึงบทบาท เจษ : ศึกษาเพิ่มเยอะเลยครับ เช่น ไปนั่งฝึกเย็บแผล เอาขุดอุปกรณ์มีจริงเข็มจริงมาให้ผม ผมก็นั่งทำอยู่บ้านไปเรื่อย ๆ ใช้เวลาเดือนกว่าถึงจะคล่อง มันมี 2 แบบคือเย็บปิดอวัยวะข้างในและเย็บปิดแผลข้างนอก เราก็ต้องเรียนทั้งสองแบบ เพราะในซีรีส์ผมทำทั้ง 2 อย่างเลย และหมอแต่ละคนเนี่ยจะมีคาแรกเตอร์ไม่เหมือนกัน เช่น ทันตแพทย์ ศัลยแพทย์ สัตวแพทย์ ไบเบิ้ล : จริง ๆ ของผมเป็นเรื่องภาษาที่ต้องไปเรียนเพิ่ม เพราะตัวละครเกรทไม่ใช่ลูกครึ่ง แล้วผมก็ต้องไปเรียนเพิ่มกับครูสอนภาษาไทย ต้องไปฝึกบทเพิ่ม ทำการบ้านอัดเทปส่งครู ผมต้องฝึกอันนี้มากกว่า ส่วนพวก develop ตัวละครผมค่อนข้างมั่นใจ มันจะมีคำที่ยาก คือ เวลา , แล้ว , ครับเพราะผมชอบรวบคำถ้าชีวิตมีพรสวรรค์เห็นอนาคตได้ 4 นาที ไบเบิ้ล : ผมคิดว่าไม่ดี เพราะ 4 นาทีมันไม่ได้เป็นเวลาที่นานขนาดนั้น ถ้ามันเป็นเรื่องที่ไม่ดี มันเหมือนเอาความเครียดในอนาคตมาใส่ตัวเรา เจษ : ผมคิดว่าไม่ดีครับ ถ้าสมมุติเราเจอเรื่องดี แล้วเรารู้ว่ามันจะดี เราก็อาจจะดีใจน้อยลง หรือถ้าเราเจอเรื่องไม่ดีเราก็จะพยายามหลีกเลี่ยงเรื่องไม่ดีกับเราตลอดเวลา ผมว่าเราก็จะไม่เรียนรู้อะไรเลยFeedback จากแฟนๆมาถึงเจษ - ไบเบิ้ล ไบเบิ้ล : ผมชอบมุมมองหรือการวิเคราห์ของแฟน ๆ มากเลย คือในซึนนึงจะมี พร้อบ นักแสดง กล้อง แล้วผมเห็นเบื้องหลัง ครูหนิง พี่ปอนด์ ครูบัว หมอแซม เค้ามีดีเทลมากในแต่ละตอน และบางทีหมคิดในหัวว่าคนดูเค้าจะเห็นหรอ แล้วพอเค้าแคปมาวิเคราห์ แล้วก็แบ่งปันความคิดเห็น ผมรู้สึกชื่นใจย่าเค้าเห็นและเค้าตั้งใจดูมาก ๆ ผมก็รู้สึกว่านี่แหละคือคนดูที่เราพยายามจะเข้าถึงเค้า เจษ : ผมพูดต่อจากเบิ้ลละกัน ในสิ่งที่เกิดขึ้นบางทีผมไม่รู้ด้วยซ้ำนะ ปกติผมถ่ายละครเราจะรู้ว่าเราเล่นอะไรไปแล้วมันก็จะออกมาประมาณที่เราเล่น แต่บางทีบางเสียงที่มันออกมาแล้วไปจับว่าเสียงนี้มันออกมาเสียงเดียวกับฉากนี้ เราเลยรู้สึกส่ามันคือการทำงานอีกแบบที่ผมไม่เคยเจอเท่าไหร่วันนี้ทางรายการEFM FANDOM LIVEก็มีเกมมาให้“เจษ - ไบเบิ้ล”เล่นกันด้วยชื่อเกมว่า “อีก 4 นาทีข้างหน้าผมเห็นว่า ... ”สนุกสนานกันแน่นอน (เข้าไปชมได้ในYouTube : ATIME)เดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย รายการได้เปิดโอกาสให้เหล่าแฟนคลับได้เข้ามาพูดคุยกับ“เจษ - ไบเบิ้ล” (เข้าไปชมได้ในYoutube: ATIME) สุดท้ายนี้ EFM FANDOM LIVE ขอขอบคุณ “เจษ - ไบเบิ้ล” ที่มาร่วมพูดคุย สร้างความน่ารัก ความสุขให้กับรายการ และก่อนจะจบรายการกันไป ฝากติดตามซีรีส์ 4MINUTES สามารถเข้าไปดูได้ที่ช่อง One31 หรือทาง Viu ทุกวันศุกร์ เวลา 23:15 น. แถมยังเพิ่มความปังด้วยรอบ Movie Night รับชม EP 4 และ 8 ดูในโรงภาพยนตร์ ไปพร้อมกับ “เจษ - ไบเบิ้ล” อย่าลืมไปติดตามรับชมกันนะค้าสามารถเข้าไปรับชมกันได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

พี่แม้ก - น้องณฐ กลับมา EFM FANDOM LIVE ครั้งนี้มีแต่... ตำนาน !! และอีกไม่นานก็จะได้แต่งงานกันแล้ว ในซีรีส์ 'ดื้อเฮียก็หาว่าซน'

25 ต.ค. 2023

พี่แม้ก - น้องณฐ กลับมา EFM FANDOM LIVE ครั้งนี้มีแต่... ตำนาน !! และอีกไม่นานก็จะได้แต่งงานกันแล้ว ในซีรีส์ 'ดื้อเฮียก็หาว่าซน'

กลับมาอีกครั้งกับรายการ EFM FANDOM LIVE [19 ตุลาคม 66] มารับชมความดื้อความซนของ “พี่แม้ก - น้องนฐ” นักแสดงนำจากซีรีส์ ‘ดื้อเฮียก็หาว่าซน’ ที่จะพาทุกคนไปนุ้บนิบอุ๋งอิ๋งในหัวใจ ที่ทำให้บรรยากาศในสตูของเราฟุ้งไปด้วยความน่ารักน่าเอ็นดูจากสองคนในช่วงแรกของรายการ วันนี้เราจะมาพูดคุยกับตัวแทนแฟนคลับ ที่จะมาชวนทุกคนมาเป็นฮาร์ทดิสและมาอยู่ในดิสฮาร์ทของ “พี่แม้ก - น้องนฐ” ให้เราได้รู้จักพี่แม้กและน้องนฐกันมากขึ้น!! ชื่อด้อม : ฮาร์ทดิสของแม้กนฐ (ดิสฮาร์ทของแม้กนฐ) เป็นพี่แม้กกับน้องนฐเขาช่วยกันคิด ฮาร์ทดิสเป็นที่เก็บความทรงจำ ฮาร์ทดิสของแม้กนฐก็เหมือนกับพื้นที่เก็บความทรงจำดีๆ ของพี่แม้ก-น้องนฐที่มีกับแฟนคลับนั่นเอง น้องนฐมีความโตขึ้นมากๆ โดยเฉพาะในการแสดง ทักษะการแสดงของเขาเติบโตขึ้นมากๆเลยค่ะ แต่ยังคงเป็นเด็กน้อยน่ารักในดงหมู่พี่ๆ ดูมันดิ เป็นที่เอ็นดู และตอนนี้สิ่งที่พี่แม้กอินคือ การออกกำลังกาย ฟิตมากทานอาหารคลีน ออกกำลังกาย มีวินัยสุดๆ ค่ะ เพราะว่าเขาทำเพื่อซีรีส์ดื้อเฮียด้วย เพราะว่าตัวละคร เขาดูมีความภูมิฐาน ตัวพี่แม้กก็เลยอยากให้ตัวเองฟิตขึ้นมา ส่วนน้องนฐตอนนี้เป็นป๊ะป๊าแล้ว เพราะว่ามีลูกสาวแล้ว ชื่อเดซี่ เป็นน้องแมวตัวเล็กๆ ตอนนี้ก็ฝากซีรีส์ตอนสุดท้ายกับเพลงของพี่แม้กน้องนฐด้วยนะคะ แล้วก็จะมีซีรีส์ คู่กัดออกทริป เป็นมินิซีรีส์ที่ทำร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ทุกวันเสาร์อาทิตย์ เวลา 17:00 ทาง ais play และตอนนี้ซีรีส์ Two worlds กำลังเริ่ม Workshop กันแล้ว ตรงนี้พี่แม้กน้องนฐเตรียมพร้อมเพื่อแฟนคลับโดยเฉพาะความประทับใจ To… พี่แม้ก - น้องนฐ ประทับใจว่าเขามีวินัยมาก ของน้องนฐ นับถืออย่างนึงคือเขาแบ่งเวลาเก่งมาก เพราว่าเขาทั้งเรียน และทั้งทำงาน ตอนนี้ก็กำลังต่อปริญญาโทอยู่ด้วย เลยคิดว่าเขาเก่งสุดๆ เลยคนนี้เข้าสู่ช่วงที่สองของรายการที่จะมาพูดคุยไปกับ “แม้ก - นฐ” ที่จะพาไปรู้จักความเป็น “พี่แม้ก - น้องนฐ” และชาวฮาร์ทดิสของแม้กนฐสินสอด 800 ลดให้เหลือ 8 ล้านไปถึงไหนแล้ว พี่แม้ก : โห ดีนะที่ลดไม่เพิ่ม ลดดีแล้วครับ สินสอดนี่กำลังจะถึงมือแล้วนะครับ เดี๋ยวให้ทุกคนไปรับกันในวันเสาร์นี้ กำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกันแล้วนะครับ ในดื้อเฮียก็หาว่าซน แล้วก็ให้ทุกๆ คนนับได้เลยนะครับว่าสินสอดที่เฮียอี้ให้ประมาณกี่พันร้อยล้านช่วงน้องนฐรีวิวเพลงพี่แม้ก น้องนฐ : เพราะมากเลย เป็นเพลงแทนความรู้สึกเฮียอี้เลยครับ แล้วก็พี่แม้กเขาเต็มที่มากๆ เดี๋ยวให้พี่แม้กพูดถึงดีกว่า พี่แม้ก : จริงๆ แล้วเพลงนี้เป็นเพลงแทนความรู้สึกของเฮียอี้ครับ ที่มีต่อคนเดียว ความรู้สึกต่างๆ ในหลายๆ ปีที่ผ่านมา เพราะว่าเฮียอี้เป็นคนไม่ค่อยพูด ปากไม่ตรงกับใจ ไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกให้ใครรอบข้างได้เห็นเลย เพลงนี้ก็จะเป็นเพลงแทนความรู้สึกของเฮียอี้ครับ น้องนฐ : ตอนที่ฟังเพลงก็รู้สึกชอบตั้งแต่เปิดมาเรื่อยๆ เลย แต่มันจะมีท่อนนึงที่ผมชอบที่สุด พอขึ้นมาแล้วเหมือนเราฟีลไปกับมันเลย ก็คือท่อนฮุก พอพี่แม้กเขาร้อง “เธอฟังอยู่ใช่ไหม ใช่หรือเปล่า” แล้วเรารู้สึกถึงมวลความรักในท่อนนี้ แล้วยิ่งตอนที่ถ่าย MV ด้วย เหมือนเราจะต้องดู projector แล้วตอนแรกเหมือนเราจะงอนๆ เขาอยู่ แต่พอพี่แม้กเขาร้องท่อนนี้ขึ้นมาบอกรักเรา มันก็ทำให้เรารู้สึกดีขึ้น จากที่งอนอยู่ก็หายงอนเลย เราก็ค่อนข้างฟีลกับท่อนนั้นมากๆ เลยชอบท่อนนั้นสุดบรรยากาศในด้อมฮาร์ทดิสของแม้กนฐ พี่แม้ก : มีทุกอารมณ์เลยครับ แฟนคลับด้อมนี้คือจะมีความแปลกนิดนึงครับ จะมีแบบบางโหมดที่มาซึ้ง ก็คือมาซึ้งจัดเลยครับ บางโหมดมาแกล้ง ก็คือแต่ละอย่างนี่คือคิดได้ยังไง คำพูดแบบแกล้งแบบแซวอย่างนี้ ครีเอทสุดๆ แต่คือเป็นแฟนคลับที่ซัพพอร์ตที่ดีมากๆ ให้ได้หลายอารมณ์ ทั้งอารมณ์ซึ้งทั้งเรียกเสียงหัวเราะได้หมดเลยครับ น้องนฐ : มีครบรสครับ ชาวครอบครัวฮาร์ทดิสเรา ก็จะค่อนข้างมีจินตนาการที่ล้ำเลิศด้วยครับ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งแคปชั่นที่ไม่เหมือนใคร หรือว่าการทำ Artwork ที่แบบอู้หู้ว ครีเอทสุดๆ แต่ในทางเดียวกันเวลาที่ทำ Artwork น่ารัก ก็น่ารักมากจับใจเหมือนกันครับผม เป็นฟีลแบบเมนว่าแปลกแล้วแฟนคลับแปลกกว่าเม้าท์ความแปลกของกันน้องนฐ เม้าท์… พี่แม้ก น้องนฐ : เวลาอยู่ในกองถ่าย เดี๋ยวจะต้องเป็นเฮียอี้แล้วต้องออกไปถ่ายก็จะมีความแบบเ ช็คความหล่อแบบตอนนั้นกำลังจะออกไปถ่ายแล้ว แล้วในห้องแต่งตัวจะมีกระจก พี่แม้กเขาก็จะเดินมาแบบ ทำท่าลูบหัว แล้วก็จะแบบ พี่หล่อยัง หนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยวรึเปล่า เรียกองค์อี้ลงมา เพราะว่าเปิดประตูไปแล้วจากหน้ายิ้มก็จะ ฮึ้บบ พี่แม้ก : คือตอนนั้นกำลังจะแอคชั่นแล้วครับ ผมกำลังจะเดินเข้าไปในห้องแล้วหน้าห้องมันมีกระจก ผมก็กำลังจะแอคชั่นแล้วหันไปเจอกระจก ก็แบบสักหน่อย ไม่โดนผมนะเพราะโดนผมไม่ได้เพราะมันเช็ตไว้แล้วพี่แม้ก เม้าท์… น้องนฐ พี่แม้ก : ไม่ได้แปลกมากขนาดนั้นครับ แต่จะให้เม้าท์นิดนึง จะเรียกว่าอิจฉาดีกว่า อิจฉาความหลับง่าย มันจะมีช็อต ตอนนั้นเราไปเที่ยวญี่ปุ่นกัน เราไปกินข้าวกัน นั่งหันหน้าเข้าหากันแล้วเราก็นั่งคุยกัน แล้วนฐกำลังจะกินน้ำ ปึ้ป แล้วก็หลับ เราก็เรียกน้องนฐ น้องนฐก็ซู้ดๆๆ น้องนฐ : ถ้าผมจำไม่ผิดนะ มันอาจจะเป็นวันที่ เราไปแฟนมีตด้วยกันมาก่อน แล้วมันเดินเยอะด้วยแล้วทำงานทั้งวัน แล้วพอตอนกลางคืนไปถึงร้าน ระหว่างรออาหารเขาก็เสิร์ฟน้ำก่อนไง ไอ้เราก็กินน้ำอยู่มันก็ป๊อกไป ผมแปลกสุดก็นอนท่าแปลกแหละ พี่แม้ก : ผมไปนอนบ้านน้องนฐมาครับ แล้วแม้กตื่นมากลางดึกเจอน้องนฐหลับอยู่ หลับท่านี้ นั่งหลับไม่ยอมนอน ถือมือถือ น้องนฐ : ใช่ครับ เพราะว่าปกติเวลาถ้านฐจะนอนดีๆ เนี่ยก็นอนบนเตียงแบบคนปกติเลยครับ แต่ว่าเหตุการณ์นี้น่าจะเป็นเหตุการณ์ที่นฐเป็นบ่อยมาก คือผมจะเป็นคนที่ชอบเล่นโทรศัพท์แล้วก็เปิดแท็กอ่านข้อความจากมามี๊อ่านไปเรื่อยๆ แล้วมันจะมีจุดนึงที่มันเหมือนเพลินมากๆ จนแบบข้างในบางอย่างมันค่อยๆหรี่ลงๆ แล้วจังหวะนึงมันก็เผลอหลับไปเลย แต่ความพิเศษคือผมไม่เคยทำโทรศัพท์หล่นเลยโตขึ้นในมุมของพี่แม้กช่วงนี้ดูแลสุขภาพ นอนหัวค่ำตื่นเช้า กินอกไก่ พี่แม้ก : ดูแลตัวเองครับ 80% ดูแลตัวเอง 20% ก็มีหลุดบ้าง แม้ค่อยได้เล่นไม่ได้ติดโซเชียลมาก ไม่ค่อยได้ดูซีรีส์ พอรู้สึกว่า เอาเวลาตรงนี้ไปนอนดีกว่า พอเรานอนเร็วขึ้นมันก็ตื่นเองอัตโนมัติ ถ้าอยู่บ้าน 21:30 ก็คือหลับแล้วครับ ตื่นมาก็รู้สึกเฟรชตอนเช้า น้องนฐ : ตอนรีแอคชั่นซีรีส์กันดึกๆ พี่แม้กจะชอบง่วง นั่งดูด้วยกันนะแต่อีกคนแบบตาจะปิดๆ เอ็นดูน้องนฐอัพเดตเรื่องเรียนค้าบบงานเยอะแค่ไหนก็ยังแบ่งเวลาไปเรียนโทด้วย น้องนฐ : คณะนฐเหมือนเป็นหลักสูตรตรีควบโทด้วยอย่างนี้อยู่แล้ว เหมือนพอเราจบตรีปุ้บ เราก็ต่อโทไปเรา ตอนนี้เหลืออีกเทอมเดียวก็จะจบแล้ว ทางรายการEFM FANDOM LIVEของเราก็มีเกมให้กับ “พี่แม้ก - น้องนฐ”ได้เล่นกัน โชว์ความดื้อ ความดุ ความน้วย น่ารักๆ มุ้บมิบ ของทั้งคู่กับชื่อเกมว่า“เด็กดื้อต้องโดนอะไรน้าาา?” (เข้าไปชมได้ในYouTube : ATIME)ช่วงสุดท้ายของรายการเปิดโอกาสให้ชาวฮาร์ทดิสโทรเข้ามาพูดคุยกับ “พี่แม้ก - น้องนฐ”สิ่งที่อยากจะบอกทั้งคู่ก็อยากจะบอกว่า เป็นกำลังใจให้เสมอ แล้วก็คอยติดตามผลงานอยู่ตลอดเลย ดื้อเฮียก็จะจบแล้ว EP สุดท้าย พี่ติดตามอยู่ตลอดเลย ทั้งสองคนเก่งมากๆ เลย แล้วก็เห็นพัฒนาการของทั้งพี่แม้กแล้วก็น้องนฐมาตลอดเลย แสดงเก่งขึ้นมากแล้วก็การร้องเพลง พี่แม้กร้องเพลงเก่งมากเลยนะค้า น้องนฐด้วยนะค้าบบ หนูเห็นพัฒนาการของสองคนมานานมาก รู้สึกภูมิใจมาเลย ทั้งคู่เก่งมากๆ หล่อขึ้นทุกวันเลย หนูรู้สึกภูมิใจมากๆ เลยค่ะ โมเม้นต์ที่ประทับใจ เวลาที่เขาอยู่ด้วยกันมันน่ารัก แล้วมันทำให้เราอุ๋งอิ๋งในใจ เวลาเรามองเขามันจะรู้สึกว่ามีกำลังใจในการที่จะทำอะไรต่อๆ ไปสุดท้ายนี้ความรู้สึกถึงกันละกันพี่แม้ก To… น้องนฐ ก็ขอบคุณมากๆ ครับที่ทำงานด้วยกันมาจนถึงตอนนี้แล้วก็ในอนาคตอีก ก็จะมีผลงานที่ได้ทำร่วมกันอยู่ ขอบคุณมากๆ แล้วก็จะทำให้เต็มที่ ก็จะทำงานร่วมกันตรงนี้ไม่ไปไหนแน่นอนครับน้องนฐ To… พี่แม้ก ผมก็ขอบคุณพี่แม้กมากๆ เหมือนกันครับ ก็คือเริ่มต้นต่อสู้กันตั้งแต่ Day 1 ของจริงเลย ก็มาถึงวันนี้เอาจริงๆ เราสองคนก็มาไกลอยู่เหมือนกันนะ ก็อยากสู้อยากทำงานที่รักไปกับพี่แม้กเรื่อยๆ อย่างนี้เลยครับ เพาะว่าทุกวันนี้ก็มีความสุขมากครับผม เราก็สู้ไปด้วยกัน ไล่ตามหาความฝันไปด้วยกัน สุดท้ายนี้... รายการ EFM FANDOM LIVE ขอบคุณ “พี่แม้ก - น้องนฐ”มากๆเลยน้าที่มาร่วมกันส่งแฟนๆก่อนเข้านอนในคืนนี้ และขอฝากซีรีส์ดื้อเฮียเสาร์นี้จะเป็น Final EP แล้ว แล้วก็ฝากเพลงประกอบซีรีส์ “ดื้อ” “ฟังอยู่ใช่ไหม” และก็ “คนเดียวไม่ได้แล้ว” แล้วก็ฝากซีรีส์ Two Worlds โลกสองใบใจดวงเดียว ใกล้จะเปิดกล้องแล้ว และ อีกเรื่องนึงเป็นเกี่ยวกับซอมบี้ โปรเจคใหญ่ ใกล้จะเกิดขึ้นจริงแล้วครับสามารถเข้าไปรับชมกันได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

พูดคุยกับ 4 นักแสดงนำจาก “แมนสรวง” “มาย – อาโป – บาส - ต๋อง” ภาพยนตร์พีเรียด สืบสวน - สอบสวน ที่ใครได้ดูบอกเลยว่าต้องขนลุก!

06 ก.ย. 2023

พูดคุยกับ 4 นักแสดงนำจาก “แมนสรวง” “มาย – อาโป – บาส - ต๋อง” ภาพยนตร์พีเรียด สืบสวน - สอบสวน ที่ใครได้ดูบอกเลยว่าต้องขนลุก!

เมื่อวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา “ดีเจดาว” และ “ดีเจแนน” เปิดม่าน EFM Fandom Live ต้อนรับความอลังการ ความสนุกสนาน เงื่อนงำชวนพิสูจน์ กับ 4 นักแสดงนำจาก “แมนสรวง” นำโดย อาโป ณัฐวิญญ์ – มาย ภาคภูมิ – บาส อัศวภัทร์ – ต๋อง ธนายุทธ เรื่องราวของวันนี้จะเป็นอย่างไร ชวนชาว Fandom มาร่วมค้นหาไปด้วยกัน...ในช่วงแรกของรายการเปิดด้วยการพูดคุยถึงความรู้สึกในด้อมไปกับตัวแทนแฟนคลับของทั้ง 4 บ้านกันก่อนเลยเริ่มจากตัวแทนแฟนคลับของ มาย ภาคภูมิ ชื่อด้อม : Greeny Rose ชื่อนี้ไม่ได้มาเล่น ๆ เพราะเต็มไปด้วยความหมายสุดลึกซึ้ง จริง ๆ ชื่อนี้มาจากมายเป็นคนตั้งเอง อย่างคำว่า Greeny เป็นชื่อสีเขียวที่ให้ความรู้สึกสบายตา ร่มเย็น ส่วน Rose คือดอกกุหลาบที่มายชอบ เลยจับมารวมกันเป็นสิ่งที่รัก กับสิ่งที่รัก กลายมาเป็นชาวแฟนคลับที่มายรัก ทิ้งท้ายฝากถึงมาย “อยากให้มายรักษาสุขภาพ กลางคืนไม่อยากให้เล่นโซเชียลจนดึก อยากให้นอนเยอะ ๆบ้าง แล้วก็ขอให้แมนสรวงทะลุไปถึงร้อยล้านเลยน้า”ต่อด้วยตัวแทนแฟนคลับของ อาโป ณัฐวิญญ์ ชื่อด้อม : Apocolleagues มาจากการเป็นเพื่อนร่วมทางที่มี อาโป ผู้น่ารัก เป็นหัวหน้าทีม Apocolleagues ยังซัพพอร์ตอาโป ไม่ว่าจะเป็นงานต่าง ๆ รวมไปถึงแมนสรวงด้วย ทางบ้านก็มีกิจกรรมเยอะเลยมาซัพพอร์ตอาโป อย่างล่าสุดเหมาโรงภาพยนตร์ ร่วมชมกับชาวApocolleagues ทั้งกรุงเทพและต่างจังหวัด เรียกได้ว่าแฟนคลับน่ารักกันมาก ๆทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทิ้งท้ายฝากถึงอาโป “อยากให้อาโปพักผ่อนเยอะ ๆ ช่วงนี้งานหนัก ได้กินอาหารที่ชอบเยอะ ๆ พักผ่อนให้เพียงพอสุขภาพแข็งแรง แมนสรวงทะลุถึงร้อยล้านไปเลย”ถัดมาเป็นตัวแทนแฟนคลับของ บาส อัศวภัทร์ เพราะทุกสิ่งที่เกิดขึ้นคือ Remembas คำนี้มาจาก Remembrance ที่หมายถึงความทรงจำ บาสเคยบอกว่าอยากให้ทุกอย่างเป็นความทรงจำที่ดีของหนุ่มบาสและแฟนคลับนั่นเอง ทิ้งท้ายฝากถึงบาส “ขอให้บาสรักษาสุขภาพ พวกเราทุกคนติดตามผลงานบาสอยู่ แล้วก็ขอฝากพ่อว่านด้วยน้า ไปดูกันเยอะๆ”สุดท้าย...ตัวแทนแฟนคลับของ ต๋อง ธนายุทธ ปลาน้อยของต๋อง ว่ายน้ำกันอย่างสนุกสนาน และอบอุ่น ปลาน้อยของต๋องยังพูดถึงบรรยากาศในบ้าน เรียกได้ว่ารวมคนที่มีความชอบคล้าย ๆ กัน ความคิดคล้ายกันเวลาอยู่รวมกันแล้วอบอุ่น สบายใจมาก ๆ ทำให้รู้สึกว่าปลาน้อยของต๋องน่ารักมาก ๆ และจะน่ารักตลอดไปเลย ทิ้งท้ายฝากถึงต๋อง “ปลาน้อยของต๋อง เราภูมิใจในตัวพี่ต๋องมาก ๆ เสมอมาอยู่แล้ว แล้วก็อะไรที่พี่ต๋องมีความสุข ก็อยากให้พี่ต๋องทำสิ่งนั้น ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องเครียด ไม่ต้องกดดันตัวเอง อะไรที่พี่รัก เราก็จะรักด้วย” มาถึงช่วงที่สองของรายการ พูดคุยกับ 4 นักแสดงนำจาก “แมนสรวง” นำโดย อาโป ณัฐวิญญ์ – มาย ภาคภูมิ – บาส อัศวภัทร์ – ต๋อง ธนายุทธ เรื่องราวของวันนี้จะน่าสืบสวน ชวนค้นหา และสนุกสนานขนาดไหน ไปต่อกันเลยดีกว่า...การเดินทางที่ประสบผลสำเร็จที่สุด ทางเราก็ขอแสดงความยินดีก่อนเลยกับนักแสดงนำทั้ง 4 คนและทีมงาน “แมนสรวง” กับสถิติการจองตั๋วล่วงหน้าสูงสุดในรอบ 20 ปี และสถิติการทำรายได้รอบเปิดตัวสูงสุดของปีอีกด้วย เรียกได้ว่าสร้างสถิติใหม่กันอย่างต่อเนื่องเลยทีเดียวพูดถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา มีอะไรเปลี่ยนแปลงกันไปบ้าง เปิดด้วย “อาโป” ก่อนเลย หลังจากที่ห่างหายจาก EFM Fandom Live ไปนาน “สิ่งที่เปลี่ยนแปลง คือได้เจอแฟนคลับมากขึ้น แล้วก็ได้ทำงานอื่น ๆที่ต่างไปมากขึ้น ได้ไปเวิร์ลทัวร์ด้วย อีกอย่างอยากเข้าป่ามาก ยังไม่มีเวลาเข้าป่าเลย (หัวเราะ)” ต่อกันที่ “มาย” การเปลี่ยนแปลงที่อยากให้เกิดขึ้นในแมนสรวง “ที่ต่างก็คือ มีแมนสรวงนี่แหละให้ทุกคนได้ดู และมีโอกาสไปทัวร์ที่หลายเมืองหลายประเทศเลย คิดว่าจะได้ไปอีกเร็ว ๆนี้กับการไปพร้อมกัน 4 คน เพราะแมนสรวงจะได้ไปฉายที่ประเทศเพื่อนบ้านด้วย” คนที่สาม “บาส” กับการทำงานที่ทำให้ทัศนคติเปลี่ยนแปลงไป “ชีวิตก็โตขึ้น หลังจากที่ได้ไปทัวร์ ทำให้ทัศนคติ Mindset ต่าง ๆเปลี่ยนไป และยิ่งได้ไปเจอแฟนๆก็ยิ่งอยากที่จะสร้างผลงานให้แฟนๆได้ชม ได้ชื่นชอบอีก แมนสรวงเลยเป็นอีกหนึ่งผลงานที่พวกเราตั้งใจทำกันมาก ๆ” และ คนสุดท้าย “ต๋อง” การเปลี่ยนแปลงที่ต้องปรับจูนตัวเอง “ถ้าเป็นชีวิตส่วนตัวก็คือ เพิ่งเรียนจบไป ถ้าชีวิตการทำงานก็คือการได้ทำงานร่วมกับเพื่อน ๆ และรู้สึกโตขึ้น มีสติมากขึ้น ช่วงนี้เจอแฟนๆเยอะขึ้นรู้สึกมีคนรักเรามากขึ้น เราเป็นบุคคลสาธารณะแล้ว การคิดการอ่านก็เลยต้องมีสติมากขึ้น” พี่ต๋องยังแอบแซวตัวเอง เรียกเสียงหัวเราะทั้งสตู “เราเป็นเซเลป เป็นดาราดัง เราเป็นซุปตาร์แล้ว ก็เลยต้องแบบ เอ๊ะ อะ ยังไงดีนะ”ช่วงเวลาที่เหนื่อยแล้ว ต้องการฮีลใจ “อาโป” เป็นตัวแทนในการพูดถึงช่วงเวลาที่เหนื่อยในการทำงาน ทำเอาเหล่าแฟน ๆต้องยิ้มตามกัน “โปมองว่าถ้ามีงานทำ มันก็ต้องเหนื่อยเป็นเรื่องธรรมดา แต่ว่าเรา Enjoy และมีความสุขกับมันไหม อย่างเวลาเราไปเจอแฟนๆ คือทำให้เห็นว่ามีคนรอรับความรักอีกเยอะมาก นั่นหมายความว่า สิ่งนี้คือตอบแทนให้พวกเราหายเหนื่อย”จากคินพอร์ช สู่แมนสรวง เรียกได้ว่า คินพอร์ช ที่เคยสร้างปรากฎการณ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เป็นจุดรวมพลที่ทำให้ทั้ง 4 คนได้มีโอกาสไปเวิร์ลทัวร์ตามประเทศต่าง ๆจนได้เห็นว่ามีคนติดตามผลงานไทยและเห็นถึงเส้นทางที่จะพาทั้ง 4 คนไปได้ไกลและโตมากยิ่งขึ้น จึงนำเอาความเป็นไทยจากความสามารถที่ทั้ง 4 คนชื่นชอบ มาต่อยอดเพื่อส่งต่อไปยัง Global จึงเกิดเป็น แมนสรวง ขึ้นมารีวิวแมนสรวง ที่แต่ละคนต้องดูไม่ต่ำกว่าสิบรอบรีวิวโดย “บาส” “มันเป็นหนังที่ความรู้สึกส่วนตัวเหมือนดู Sherlock Holmes อยู่ คือมีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนอยู่ แบบมีปมซ้อนในปมที่พีคสุดอีก แล้วตัวละครแต่ละตัวก็จะมีpointของตัวเอง ยิ่งดูซ้ำหลายรอบก็จะยิ่งก็บรายละเอียดแต่ละจุดได้เยอะขึ้น”รีวิวโดย “ต๋อง” “เราทุกคนดูซ้ำกัน ไม่ต่ำกว่า 3-4 รอบ ยิ่งทำให้เห็นว่ายังมีรายละเอียดที่มองข้ามไม่ได้ หรือยังมีบางจุดที่เราข้ามไปโดยไม่รู้ตัว”รีวิวโดย “มาย” “ถ้าเปรียบแมนสรวงกับอาหาร ก็จะเป็นอาหารที่ไม่ย่อยยากเกินไป แต่มีสารอาหารครบถ้วน ถ้าไปดูก็คือได้ความครบรส ที่จริงก็แอบคิดว่าที่PRมาจะพูดเวอร์ไปไหม แต่พอได้ไปดูด้วยตัวเองทำให้รู้ว่าโอเคพูดได้เต็มปากว่าหนังดีจริง”รีวิวโดย “อาโป” “พอได้ดูหลาย ๆรอบ ยิ่งทำให้รู้สึกว่า แมนสรวง เป็นหนังที่เหมือนอาหารที่ว่างเมื่อไหร่ ก็กินได้ เพราะว่าทุกครั้งที่กินมันยังมีจุดที่ยังมองไม่เห็น หรือ ความรู้สึกที่สงสัยว่า เอ๊ะนี่คือสารที่เขาต้องการสื่อสารหนิ เลยเปรียบเหมือนอาหารว่างที่อยากกินต่อไปเรื่อย ๆและเชื่อว่าหลายคนมองว่านี่เป็นหนังวาย แต่ที่จริงแล้วมันคือหนังแนวสืบสวนสอบสวน ที่เป็นเวอร์ชั่นไทยที่ทานได้ทุกชาติ”แมนสรวง อยู่ที่การตีความของแต่ละคน นักแสดงทั้ง 4 คนฝากถึง “ไม่อยากให้มองว่าเป็นหนังวายหรือไม่วาย เพราะนั่นไม่ใช่ประเด็นหลักในการนำเสนอ สุดท้ายต้องมาจากการตีความของแต่ละคน อยากให้มองที่แก่นหลักมากกว่าว่าเป็นวัฒนธรรมไทย แนวสืบสวนสอบสวนที่ต้องไปดูด้วยตาของตัวเอง....” “มาย – อาโป – บาส – ต๋อง” ยกทีมแมนสรวง นำวัฒนธรรมไทยมาถึงรายการทั้งที เราก็มีเกมให้ทั้ง 4 คนเล่นสนุกๆกันด้วย ชื่อเกมว่า “เปิดม่านโรงละครสอนใจ” (เข้าไปชมใน Youtube ทางช่อง ATIME) สุดท้ายนี้... EFM Fandom Live ขอขอบคุณ อาโป ณัฐวิญญ์ – มาย ภาคภูมิ – บาส อัศวภัทร์ – ต๋อง ธนายุทธ เป็นอย่างมากที่ได้มาร่วมพูดคุยถึงภาพยนตร์ใหม่อย่าง “แมนสรวง” กับทางรายการ ทางเราก็ขอฝากภาพยนตร์ชั้นดี ของทั้ง 4 คนให้ไปถึงห้าหมื่นล้านกันตามที่หวังเลยน้า อ่านจบแล้วรีบตามดู EFM Fandom Live แล้วก็รีบไปจองตั๋วชมแมนสรวงกันเร็วววววสามารถเข้าไปรับชมกันได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

album

0
0.8
1