‘ฟอส – บุ๊ค’ นักแสดงนำจากซีรีส์ “ชอกะเชร์คู่กันต์” กับมิตรภาพ ความสัมพันธ์ที่มีต่อกันตลอด 15 ปี !

EFM FANDOM RECAP

‘ฟอส – บุ๊ค’ นักแสดงนำจากซีรีส์ “ชอกะเชร์คู่กันต์” กับมิตรภาพ ความสัมพันธ์ที่มีต่อกันตลอด 15 ปี !

26 เม.ย. 2023

       สวัสดีชาวเด็กฝึกงานทุกท่าน ! วันนี้บริษัท EFM Fandom live มาเชิญชวนทุกท่านไปครื้นเครงกับ 2 หนุ่มสุดฮอตที่กำลังมาแรงอย่างมากในช่วงนี้กับ “ ฟอส จิรัชพงศ์ ”  และ “ บุ๊ค กษิดิ์เดช ” จากซีรีส์เรื่อง “ ชอกะเชร์คู่กันต์ A Boss and a Babe ” ความสนุก ความฮาจะเป็นอย่างไรนั้น มาติดตามไปพร้อมกันได้เลย

 

       ก่อนที่จะไปร่วมพูดคุยกับทั้งสองหนุ่มวันนี้นั้น เรามาเริ่มความจอยกันที่เหล่าแฟนคลับของทั้งคู่ เพื่อล้วงลึกความเป็น ฟอส - บุ๊ค ในแบบฉบับชาวแฟนคลับเล่าสู่กันฟังเลยดีกว่า

 

“ กัปตันฟอส ตำนาน อยู่ทุกด้อม ยกเว้นด้อมตัวเอง ”

 

      เปิดประเดิมมาด้วยคำถามยอดฮิตของเรากับฉายาที่เหล่าแฟนคลับไว้ใช้เรียกหนุ่มฟอส มาดูกันว่าจะมีชื่ออะไรกันบ้างนั้น บอกเลยว่าแต่ละอันปังมากเลยทีเดียว อย่างชื่อแรกที่แสนคุ้นเคยอย่าง ‘ แด๊ดดี้ฟอส ’ ที่มาจากคลิปไวรัลในตำนานอย่างการปลุกหนุ่มบุ๊คในรายการเซฟเฮ้าส์ จนทำเอาหนุ่มบุ๊คของเรารู้สึกคิดถึงพ่อขึ้นมาทันที หรือฉายา “ กัปตันฟอส ” ที่ชอบเป็นพยานคู่รักคนอื่นจนถูกแซวไปว่า ชอบอยู่ทุกด้อม ยกเว้นด้อมตัวเอง เรียกได้ว่าเป็นชิปเปอร์ตัวเต็งบนทวิตเตอร์เลยก็ว่าได้ และนอกจากนี้ก็ยังมี ‘ พ่อแมว ‘  ที่ถูกแซวเพราะเป็นทาสแมวอย่างแท้จริง

 

“ พี่เดชจะเป็นโมจิ ”

 

       มาต่อกันที่หนุ่มคนที่สองของเรา กับ บุ๊ค กษิดิ์เดช กับฉายาที่ได้มาจากความน่ารักอย่าง ‘โมจิ’  ที่เปรียบความมุมิของหนุ่มบุ๊คเป็นเหมือนโมจิขนมสุดน่ารัก และถ้าเมื่อไหร่ที่หนุ่มบุ๊คของเราลงรูปสุดหล่อเท่ ก็จะกลายเป็นร่าง “ พี่เดช ” ที่ทำแฟนคลับละลายกันไปตามๆ กัน

 

“ ชาวบรรณา (รัก) บุ๊ค ที่สุดเลย ”

 

       นอกจากความน่ารักของหนุ่มบุ๊คที่ทำชาว EFM Fandom Live เอ็นดูไปตามๆ กันแล้ว ชื่อแฟนคลับก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งชื่อที่น่ารักมากเช่นกันกับ “ ชาวบรรณา ” จากด้อมบรรณารักบุ๊ค ที่ถูกตั้งขึ้นผ่านตัวหนุ่มบุ๊คเองที่ให้นิยามกับชื่อนี้ว่า อยากที่จะให้เหล่าแฟนคลับทุกคนเป็นเหมือนบรรณารักษ์ที่คอยปกป้อง ดูแลหนังสือเล่มนี้ไปเรื่อยๆ เคียงข้างและเดินด้วยกันตลอดไป ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่ลึกซึ้งอย่างแท้จริง

 

       ส่วนหนุ่มฟอสตอนนี้นั้นก็ยังไม่มีชื่อด้อมที่ปล่อยออกมาอย่างแน่นอน แต่เหล่าแฟนคลับก็ยังคงรอคอยได้ ไม่ได้เร่งรีบ ขอเพียงแค่เป็นที่มีความหมายและมาจากความตั้งใจจากหนุ่มฟอสก็เพียงพอ

 

สุดท้ายนี้แฟนคลับทุกคนก็มีข้อความมาฝากถึง ฟอส -บุ๊ค ว่า…

 

        แฟนคลับทุกคนเห็นถึงความตั้งใจทั้งฟอสและบุ๊คในทุกด้านเสมอ ไม่ว่าทั้งคู่อยากที่จะทำอะไรหรืออยากที่จะเป็นอะไร ทุกคนพร้อมที่จะซับพอร์ต ใช้ชีวิตที่อยากจะเป็นได้เลย พวกเราพร้อมที่จะเป็นกำลังใจตรงนี้ ไม่ว่าทั้งคู่จะไปทางไหนซ้ายหรือขวา หรืออยากไปไกลแค่ไหน แฟนคลับทุกคนพร้อมซับพอร์ตเสมอ ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหนก็ตาม หันกลับมาก็จะเจอพวกเรา และจะดูการเติบโตของทั้งคู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ ตลอดไป

 

         และก็จบไปแล้วกับการร่วมพูดคุยกับเหล่าแฟนคลับ แต่ความความสนุกความจอยยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะช่วงที่สองของเราทั้งสองหนุ่มฟอส - บุ๊ค จะมาเล่าวีรกรรม กับความเป็นเป็นเพื่อนอันยาวนานถึง 15 ปี !

 

“ แด๊ดดี้ฟอส น่ารักกว่าที่คิด ”

 

       อย่างที่บอกว่าใครหลายคนก็มักจะบอกว่าฟอสเองบุคลิกของเขามีความเป็นแด๊ดดี้สูงมาก บุ๊คก็ยังได้กล่าวอีกว่า ตัวฟอสเค้ามักที่จะบ่นใส่บุ๊คเสมอในหลายๆ เรื่อง แต่หลายสิ่งหลายอย่างที่เค้าบ่นไป ก็เพราะเค้าแสดงความเป็นห่วงใยเราในหลายๆ เรื่อง มุมนี้เราเลยคิดว่าเค้าจึงมีความเป็นพ่อสูง เลยกลายเป็นว่าใครหลายคนคงเรียกเขาจากนิยามนี้ แต่บางมุมฟอสเขาก็ยังมีความเป็นเด็กอยู่ในตัวอย่างวันไหนที่เขาเหนื่อยเขาก็จะมีมุมมางอแงกับบุ๊คบ้างเช่นกัน

 

“ ความฮอตของฟอส กับ จุด (.) ทรงพลัง ”

 

        ด้วยความที่ทั้งฟอสและบุ๊ค รู้จักกันมาตั้งแต่อนุบาล ก็เลยอยากให้เล่าวีรกรรมของหนุ่มฟอสให้ฟังหน่อยว่าเป็นอย่างไรบ้างตอนอยู่โรงเรียน อย่างที่บอกว่าถึงทั้งคู่จะรู้จักกันก็จริงแต่ว่าก็อยู่คนละกลุ่มอยู่ดี แต่สิ่งที่การันตีได้เลยก็คือความฮอตของหนุ่มฟอสที่บอกได้เลยว่าฮอตปรอทแตกอย่างแท้จริง เพราะมีอยู่ครั้งหนึ่งที่ฟอสเล่นเฟสบุ๊ค แล้วโพสต์แค่จุด(.) จุดเดียว แล้วคนก็มาไลค์ประมาณ 3-4 พันกันเลยทีเดียว ก็เลยทำให้บุ๊คตัดพ้อกับตัวเองว่าเราลงรูปตั้งเยอะ แต่ไลค์ก็ยังไม่เท่าฟอสซักที อันนี้จึงเป็นต้นกำเนิดของจุดทรงพลังในตำนานนั่นเอง

 

“ การคุยกัน สำคัญที่สุด ”

 

     อย่างที่บอกว่า ถึงแม้จะรู้จักกันมานานแค่ไหน แต่เราก็ต้องมีทั้งจุดกึ่งกลางซึ่งกันและกันเสมอ ทั้งฟอสและบุ๊คได้พูดกับทางรายการว่า ทั้งคู่ใช้วิธีการละลายพฤติกรรมซึ่งกันและกันด้วยการพูดคุยกันอยู่เสมอ เพราะเวลาคนเราอยู่ใกล้กันมากๆ มันก็ต้องมีเรื่องทะเลาะกันมาบ้าง ดังนั้นการพูดคุยจึงถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เราเลยมักจะเคลียร์กันคุยกันในทุกเรื่อง เพื่อที่จะไม่ได้มีอะไรมาขัดข้องและสามารถทำงานไปด้วยกันได้อย่างมีความสุขอีกด้วย

 

“ ความแตกต่างของห้องฟอสบุ๊ค ”

 

       ตัวฟอสเองได้บอกเล่าว่า เค้าเคยไปห้องบุ๊คแล้วบุ๊คเองก็เอ่ยปากมาว่า ‘ ห้องอาจจะรกนิดนึงนะ ’ แต่พอสิ่งที่เห็น กลับเป็นคนละอย่างกันไปเลย เพราะห้องบุ๊คสะอาดมากๆ ทุกอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ทั้งเสื้อผ้าและ หนังสือ แล้วโทนห้องก็เป็นสไตล์มูจิอีกด้วย เพราะว่าเขาตกแต่งด้วยตัวเอง ซึ่งบุ๊คก็แอบหัวเราะและบอกมาว่า อาจจะด้วยเหตุผลว่าบุ๊คเป็นภูมิแพ้ด้วย ก็เลยจะต้องรักษาความสะอาดอยู่ตลอดเวลา ส่วนห้องฟอสตัวบุ๊คเองก็ได้บอกว่า จริงๆ แล้วห้องที่บ้านของเขาเองสะอาดและก็หอมมาก แต่ด้วยความที่ต้องทำงานอยู่ตลอดเวลา ฟอสก็เลยย้ายมาอยู่ยังคอนโด ซึ่งอยู่กับเพื่อนอีกที ก็เลยอาจจะมีของเยอะไปบ้าง เพราะด้วยบางทีเราได้ของมาจากแฟนคลับ ก็ต้องเก็บไว้ที่นั่นด้วย ห้องก็เลยอาจจะของมากกว่าเดิมไปบ้าง

 

ฟอส - บุ๊ค กับโมเมนต์ความประทับใจกับเหล่าแฟนคลับ

 

      ทางรายการก็อยากให้ทั้งคู่ได้เล่าถึงโมเมนต์ความประทับใจในตัวแฟนคลับที่ยังคงเป็นความทรงจำดีๆ ในชีวิตให้ฟัง ซึ่งบุ๊คเองก็นึกได้หนึ่งเรื่อง ว่าครั้งหนึ่งบุ๊คเคยรู้สึกหมดแพชชั่นในการทำงาน ซึ่งวันนั้นเขาได้ไปทำงานมาแล้วปรากฏว่าไม่มีใครมาดูเลย เลยกลายเป็น Bad Day ของเราวันหนึ่ง แต่พอกลับมาถึงตึกก็ดันเจอแฟนคลับคนหนึ่งที่ยืนรอเราอยู่ที่ตึกพร้อมกับเอาขนมมาให้และเขียนโพสอิทว่า “ สู้ๆ นะ รอดูรายการอยู่นะ ” ซึ่งมันกลายเป็นสิ่งที่ฮีลใจเขามากๆ ในวันนั้น อาจจะเพราะว่าเขาเองไม่เคยที่จะชื่นชอบศิลปินคนไหนเลย การที่ใครซักคนให้ของกับเขา หรือทำอะไรซักอย่างให้ เลยกลายเป็นความรู้สึกที่อิมแพ็คกับสิ่งเหล่านั้นมาจนถึงทุกวันนี้

 

     และคำถามสุดท้ายที่ทาง EFM Fandom Live ก็คงไม่มีอะไรสำคัญไปมากกว่าการที่ให้ทั้งสองคนบอกความในใจที่มีต่อกันและกันกับมิตรภาพความเป็นเพื่อนกันมาอย่างยาวนาน

 

Force to Book

    “อาจจะมีเป็นห่วงอย่างหนึ่ง อยากบอกบุ๊คว่า บางสิ่งบางอย่างเราอาจจะควบคุมไม่ได้ อะไรเข้ามาก็รับไว้ทุกอย่างไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี เราอยากให้ลองมีความสุขกับมันดู สุดท้ายแล้วมันก็คือชีวิต ที่อาจจะมีวันที่แย่ แต่ก็ยังมีคนที่อยู่ข้างหลังเรา และคอยซับพอร์ตเราเสมอ อย่าเครียดมาก เพราะสิ่งที่ยังเป็นห่วงก็คือเรื่องสุขภาพของบุ๊คเอง เพราะเรื่องการนอนดึกของเขา เราก็อยากให้บาลานซ์ให้โอเค ก็เป็นห่วงบุ๊คและรักบุ๊คเสมอครับ”

 

 

Book to Force

      “จริงๆ เรา2คนก็ผ่านเรื่องราวมาด้วยกันเยอะ และเรารู้ว่าส่วนใหญ่ฟอสเวลามีอะไรจะไม่ค่อยพูด แล้วบางทีเราก็ยังไม่รู้ว่าเค้าจะยังมีเซฟโซนมั้ย แต่เราก็ยังอยากที่จะให้เวลามีอะไรก็สามารถมาระบายกับเราได้ อย่าเก็บไว้คนเดียว เพราะทุกอย่างย่อมผ่านไปได้เสมอ มีอะไรก็สามารถบอกบุ๊คได้เลย”

 

       เป็นยังไงกันบ้างชาว EFM Fandom Live ก็หวังว่าบทความนี้จะทำให้ทุกท่านรู้สึกเอ็นดูและรักทั้ง หนุ่ม ฟอส และ บุ๊ค มากขึ้นไปเรื่อยๆ เลยน้า

 

        สุดท้ายนี้ก็ขอฝากผลงานที่กำลังออนแอร์อยู่ตอนนี้กับซีรีส์ “ ชอกะเชร์คู่กันต์ A Boss and a Babe ”  ที่กำลังมีเนื้อหาดำเนินไปอย่างเข้มข้น และเร็วนี้ๆ ก็กำลังจะมีคอนเสิร์ตที่ทั้งฟอสและบุ๊คได้ไปร่วมสนุกด้วยกับ LOVE OUT LOUD FAN FEST 2023 จะเป็นอย่างไรกันบ้างนั้น ก็อย่าลืมไปติดตามในทุกๆ ผลงานของทั้งคู่เลย

 

ภาพ EFM Fandom Live

related EFM FANDOM RECAP

ทำความรู้จัก “ต้า-บอม” สองหนุ่มคู่จิ้นจากซีรีส์ “พี่จะตีนะเนย” ที่บอกเลยว่างานนี้มีแต่คำว่าโคตรน่ารักกกกก...

02 ก.พ. 2023

ทำความรู้จัก “ต้า-บอม” สองหนุ่มคู่จิ้นจากซีรีส์ “พี่จะตีนะเนย” ที่บอกเลยว่างานนี้มีแต่คำว่าโคตรน่ารักกกกก...

EFM FANDOM LIVE [2 กุมภาพันธ์ 2566] “ดีเจดาว – ดีเจแนน” จะพาทุกคนมาพูดคุยกับคู่จิ้นสุดฮอตจากซีรีส์ ‘พี่จะตีนะเนย’ ขอเปิดสตูต้อนรับ “ต้า-บอม” งานนี้เรียกได้ว่าสองหนุ่มพกความน่ารัก ทะเล้น เฮฮา ติดตัวมาขนาดนี้ ถ้าใครไม่หลงยิ้มตาม เดี๋ยวจะโดนตีนะ... ช่วงแรกของรายการ ขอเปิดไมค์รับสายตัวแทนแฟนคลับของทั้ง 2 บ้านที่พร้อมจะมาขายความน่ารักของทั้ง “ต้า-บอม” ให้กับทุกคนได้สัมผัสเสน่ห์ความธรรมชาติของทั้งคู่ และใครหลาย ๆคน อาจจะโดนตกเข้าด้อมโดยไม่รู้ตัวแน่นอนตัวแทนแฟนคลับของ “ต้า” “ในสายตาเรา น้องเป็นเด็กเข้าถึงง่าย สิ่งนึงที่เราเห็นในตัวเค้า คือเค้าเป็นเด็กที่จริงใจมาก ๆ เวลาที่เค้าชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร สีหน้าแววตาจะออกเลย อีกอย่างน้องเป็นคนยิ้มง่าย ถ้าสังเกตจะเห็นได้เลยว่าน้องเป็นคนที่หน้ายิ้มตลอด เราชอบที่น้องเป็นแบบนี้”ตัวแทนแฟนคลับของ “บอม” “พี่บอมเป็นคนนิสัยดีมาก ๆพยายามดูแลแฟนคลับทุกคนเลย เจอเค้าครั้งแรกจาก Trailer พี่จะตีนะเนยความรู้สึกแรกคือคนนี้น่ารักดีนะ เดี๋ยวจะรอดูซีรีส์ดีกว่า จากนั้นก็เริ่มติดตามผ่าน Instagram ก็ตกหลุมรักเค้ามาเรื่อย ๆ เค้าเป็นคนมีสเน่ห์ แล้วพอพี่บอมเริ่มมีงานอีเว้นท์ เลยลองไปตามดู รู้ตัวอีกทีก็คือเราตกหลุมรักเค้ามากกว่าเดิมอีก รู้สึกตกหลุมรักคนเดิม ๆซ้ำ ๆหลาย ๆรอบได้มากขนาดนี้ได้ยังไงเนี่ยยยย”ช่วงที่สอง “ต้า-บอม” พร้อมที่จะมาพูดคุยถึงตัวตน ความชอบ และผลงานที่จะทำให้ทุกคนรู้จักกับทั้งสองคนมากยิ่งขึ้น ไม่รอช้าทางเราเปิดไมค์ เปิดสตูพร้อมแล้ว ไปร่วมพูดคุยกันต่อเลยยยยซีรีส์ถ่ายจบแล้ว แต่ความสัมพันธ์ทั้งคู่ไม่จบง่าย ๆ ทั้งคู่แอบบอกว่าซีรีส์ถ่ายจบไปได้ประมาณ 4 เดือนแล้วแต่ทั้งคู่ยังนัดเจอกันอยู่ตลอด ชอบไปเดินซื้อเสื้อผ้าตามตลาด หรือแหล่งที่มีเสื้อผ้าเยอะ ๆ ด้วยกัน ทำให้ในชีวิตจริงทั้งคู่ค่อนข้างสนิทกันมาก ขนาดที่ว่าจะนัดรวมตัวดูซีรีส์พร้อมกัน ไลฟ์สดคุยกับแฟน ๆทุกอาทิตย์เลย เรียกได้ว่าเป็นความสัมพันธ์ที่น่ารักมาก ๆต้าคือเนย หรือ เนยคือต้า ที่จริงแล้ว ต้ามีความคล้ายกับตัวละคร และตัวละครก็มีความคล้ายต้าด้วย ทั้งนิสัย คาแรคเตอร์ จังหวะการพูด เพราะผู้กำกับเขาพยายามที่จะสร้างคาแรคเตอร์ เนย ในซีรีส์ให้มีความคล้ายต้าเพื่อความธรรมชาติในการแสดงให้สมบทบาทมากที่สุดย้อนความจำกับครั้งแรกที่เจอกัน ต้าตอบด้วยความมั่นใจเลยว่า “จำได้แม่นเลยเราเจอกันครั้งแรกวันที่ 10 พฤศจิกายน จำได้เพราะโดนถามหลายรอบแล้ว(หัวเราะ) วันนั้นเจอกันที่สยามพารากอน เป็นงานเปิดตัวหนังเรื่องนึง ความบังเอิญก็คือช่วงที่ดูหนังเราได้นั่งข้างกัน แต่ไม่ได้คุยอะไรกันเลย”ครั้งแรกที่เจอกัน ก็ได้เล่นซีรีส์ด้วยกันเลย หลังจากจบงานที่เราเจอกันคืนนั้น พี่ที่เป็นผู้กำกับก็ชวนทั้งสองคนไปพูดคุยโปรเจกต์ ‘พี่จะตีนะเนย’ ตัวต้าเองพอรู้รายละเอียดบ้างแล้วเพราะเคยไปแคสงานไว้เมื่อปีที่แล้ว ส่วนตัวบอมเพิ่งจะรู้ในคืนนั้นเลยว่าจะได้เล่นซีรีส์เรื่องนี้บทบาทต้าในวงการนักแสดง ต้าเข้าวงการตั้งแต่อายุ 13-14 ในบทบาทสามเณรมาตลอด จนมาถึงซีรีส์พี่จะตีนะเนยก็ยังไม่หลุดพ้นจากวงการศาสนา เพราะในซีรีส์เรื่องนี้ เนย รับบทเป็นเด็กวัด ทุกสถานที่ถ่ายทำก็ยังหนีไม่พ้นวัดเหมือนเดิมบอมกับชีวิตสายธรรมะ บอมไม่ใส่สายมู ไม่ได้มีเครื่องรางของคลังพกติดตัว แต่จะเป็นสายทำบุญมากกว่าและไม่ได้เคร่งขนาดนั้น เพราะตามปกติจะเข้าวัดกับแม่ทุกครั้งที่มีโอกาสเส้นทางจากวงการโฆษณา สู่นักแสดง บอมเข้าวงการโฆษณาตั้งแต่ช่วงมหาวิทยาลัย จะไปแคสงานช่วงเสาร์-อาทิตย์ หรือเป็นช่วงปิดเทอม ทำให้ช่วงนั้นมีแต่ผลงานโฆษณา ไม่มีผลงานอื่นเลย อย่างเคยมีโอกาสไปแคสซีรีส์ ก็จะโดนคอมเมนต์ว่า แสดงออกติดแนวโฆษณาทั้งสีหน้า ท่าทางชัดมากเกินไป แต่ส่วนตัวไม่ได้เสียใจหรือดาวน์เพราะยังมีงานโฆษณาอยู่แต่ก็พยายามปรับตัวเอง จนได้มาเจอกับพี่ผู้กับกับซีรีส์เรื่องนี้บอม กับ ทิวา ตัวบอมกับคาแรคเตอร์ทิวาไม่ได้ตรงกัน 100% ขนาดนั้น แต่พอได้ลองเล่นแล้วบวกกับความเป็นนักแคสโฆษณา ทางผู้กำกับเขามองว่าแคสแตกต่างกับคนอื่นมาก ๆมีความตลกได้ คอมเมดี้ได้ เขาก็เลยสนใจ พอเล่นจริง ๆได้ไม่กี่คิวพี่เขาเลยมองเห็นว่าตัวบอมไปทางคอมเมดี้ได้สุดทาง ก็เริ่มเขียนบทให้เข้ากับบอมมากขึ้นด้วย ตัวทิวาในซีรีส์เลยมีความแตกต่างกับในนิยายค่อนข้างสูงสมมุติว่าถ้าบอมไม่ได้เล่นซีรีส์จะเป็นยังไง บอม “คิดว่าคงเล่นโฆษณาต่อไป เพราะส่วนตัวยังชอบการแสดง ถึงแม้ว่าจะแก่ตัวไปก็จะรับบทพ่อ หรืออาจจะทำธุรกิจอย่างอื่นด้วย แต่จะยังวนเวียนให้มีการแสดงอยู่ในชีวิต”ในมุมมองของกันและกัน ถ้าไม่ได้เป็นนักแสดงจะทำอาชีพอะไร ต้าพูดถึงบอม “น่าจะเปิดร้านขนม เพราะเขาชอบกินขนมไทยแล้วเคยเห็นพี่บอมทำขนมเองด้วย” แต่บอมแอบเล่าว่าวันนั้นที่ทำสรุป อบออกมาน่าตาสวยน่ากินมาก แต่ต้องทิ้งหมด เพราะมองเกลือเป็น Baking powder (หัวเราะ)บอมพูดถึงต้า “นักร้องแน่นอน หรืออาจจะเป็นนักเขียนเพลง”ลองรีวิวเสน่ห์ของกันและกัน ต้าพูดถึงเสน่ห์บอม “เสน่ห์ของพี่บอมจะอยู่เวลาตอนทำงาน เพราะเป็นคนตั้งใจทำงานมาก เวลามีงานเข้ามาจะตั้งใจทำงานของตัวเองให้ออกมาดีแบบ 100%เลย” บอมพูดถึงเสน่ห์ต้า “แฟนคลับน่าจะรู้ เพราะเค้าเป็นคนพูดจาเจื้อยแจ้ว พูดเยอะมากกก เห็นนกก็พูดถึงนก เห็นไม้ก็พูดถึงไม้ เห็นอะไรก็พูดไปได้เรื่อย แล้วจะหาทางลงไม่เจอ(หัวเราะ) แบบพูด ๆอยู่ก็จบไปเลย แต่เวลามีเค้าอยู่ข้างๆบรรยากาศก็จะสนุกไม่น่าเบื่อเลย”เส้นทางเพลงของต้า ต้าเริ่มแต่งเพลงตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว จุดเริ่มต้นเล่าว่าตอนอยู่โรงเรียน แล้วเพื่อนเปิดเพลงให้ฟังก็เลยคิด “เห้ย เราลองมาทำเพลงกัน” แค่นั้นเลย แค่อยากลองทำดูว่าจะเป็นยังไง ย้อนกลับไปตอนนั้นมันก็ออกมาสนุกดี แต่พอกลับไปฟังตอนนี้มันแย่มาก (หัวเราะ)บรรยากาศในการถ่ายซีรีส์ อุปสรรคแรกเลยคือเรื่องฝน ตกกระหน่ำแบบว่า 80-90% เลย ทำให้ต้องเลื่อนกองกันบ่อยมากจนทำให้ระยะเวลาในการถ่ายจากจริง ๆต้องถ่ายจาก 2-3 เดือน ทำให้ยาวมาเรื่อย ๆ เป็น 9 เดือน บวกกับพวกเราติดโควิดด้วยคาดไม่ถึงกับผลลัพธ์ที่ได้ ตอนถ่ายซีรีส์ยอมรับเลยว่าคาดหวังแต่ไม่คิดว่าจะดัง จะได้ผลตอบรับดีขนาดนี้เพราะเป็นซีรีส์เรื่องแรกของทั้งคู่ด้วย อีกอย่างทั้งคู่เล่าให้ฟังว่าเคยคุยกันว่าอยากให้คนมาดูซีรีส์เยอะ ๆเพราะทีมงานทุกคนตั้งใจกันมาก ๆซีรีส์เปลี่ยนชีวิต ‘พี่จะตีนะเนย’เปลี่ยนเกือบทุกอย่างในชีวิตของทั้งสองคนเลย ต้าพูดถึง “ผลงานเก่า ๆของต้าเองอย่างเคยปล่อยเพลง ประมาณเดือนนึงยอดหลักร้อยหลักพัน แต่ตอนนี้ปล่อยวันเดียวขึ้นหลักแสนแล้ว โอ้โห! (หัวเราะ) ”เปรียบกันและกันเป็นอาหาร “บอมเปรียบต้าเป็นข้าวกะเพราหมูสับไข่ดาว” เพราะว่า ต้าเป็นคนง่าย ๆเป็นจานด่วนไม่ต้องคิดเยอะ ไม่ต้องคิดมาก ไม่ซับซ้อน “ต้าเปรียบบอมเป็นมาชเมลโล่” เพราะว่า พี่บอมดูนุ่มนิ่ม สะอาดเรียบร้อยคู่นี้เรียกได้ว่ายิ่งคุยยิ่งมีเสน่ห์คำนี้ไม่เกินจริง ทางเราเลยเตรียมเกมมากระชับความสัมพันธ์ให้แฟนคลับได้เสพความเป็นคู่จิ้น ความน่ารักสายฮาของ “ต้า-บอม” กับเกมที่มีชื่อว่า “กระดาษทายใจ…” (เข้าไปชมใน Youtube ทางช่อง ATIME)ก่อนจะลากันไปคืนนี้ มาฟังความรักความประทับใจ ความห่วยใยของแฟนคลับที่มีถึง “ต้า-บอม” “เป็นห่วงต้า ต้าต้องระวังอย่าเผลอบอกข้อมูลส่วนตัวของตัวเองเยอะน้า เริ่มมีชื่อเสียงแล้วด้วย เราจะคอยเป็นกำลังใจให้ต้าในทุก ๆผลงานนะ ไม่เคยคาดหวังว่าน้องจะเป็นอะไรแบบไหน ขอแค่น้องเป็นตัวเองมีความสุขในทุกวัน” “เห็นบอมเงียบ ๆแต่แฟนคลับทุกคนรู้ว่าบอมจะคอยดูคอยส่องแฟน ๆอยู่ตลอด ทำให้เรารู้ว่าบอมจากคนไม่เล่นโซเชียล ต้องมาเล่นบ่อย ๆเพราะอยากเข้ามาคุยมาไลฟ์กับแฟนคลับ เป็นสิ่งที่น่ารักมากๆ” “พูดถึงทั้งคู่ก็อยากบอกต้าอย่านอนดึกมากน้า พักผ่อนเยอะ ๆอย่าเล่นเกมดึกมาก ส่วนพี่บอมอย่าลืมทานขนมอร่อย ๆเยอะๆนะ ชอบเวลาพี่บอมกินขนมน่ารักมากเลย”EFM FANDOM LIVE รู้สึกดีใจมาก ๆที่ได้มีโอกาสมาร่วมพูดคุย ทำความรู้จักให้ทุกคนได้เห็นถึงความน่ารัก เสน่ห์ในความเป็นตัวของตัวเอง ของ ‘ต้า-บอม’ ก่อนจบรายการลงทางเราก็ขอฝากซีรีส์เรื่องแรก ‘พี่จะตีนะเนย’ ของทั้งคู่ด้วยน้า รับรองว่าเป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่ครบรสมาก ๆทั้งฮา เรียกรอยยิ้ม จิ้น ฟิน และเรียกน้ำตาของทุกคนได้แน่นอนสามารถเข้าไปรับชมกันได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

ต้อนรับการกลับมา EFM FANDOM LIVE ครั้งที่ 2 ของ “อิงฟ้า - ชาล็อต” พร้อมเม้าท์มอยถึงซีรีส์ “หยดฝนกลิ่นสนิม” กับคาแรคเตอร์ “สารวัตรตุลย์ - หมอรัน”

05 ก.พ. 2025

ต้อนรับการกลับมา EFM FANDOM LIVE ครั้งที่ 2 ของ “อิงฟ้า - ชาล็อต” พร้อมเม้าท์มอยถึงซีรีส์ “หยดฝนกลิ่นสนิม” กับคาแรคเตอร์ “สารวัตรตุลย์ - หมอรัน”

รายการEFM FANDOM LIVE[30 มกราคม 68] คืนนี้ต้อนรับ “อิงฟ้า - ชาล็อต”จากซีรีส์ “หยดฝนกลิ่นสนิม (Petrichor The Series)” พร้อมพูดคุยเม้าท์มอยกับ 2 ดีเจสุดสวย “ดีเจดาว”และ“ดีเจแนน”ในช่วงแรกของรายการ พี่ๆดีเจอ่าน 5 จดหมาย “EFM FANDOM LOVE LETTERS”ที่ถูกเลือกมาจากแฟนๆ ส่งความในใจที่อยากจะบอกศิลปินเข้ามาจดหมายฉบับที่ 1 ชื่อจดหมายว่า... อิงล็อต จะถูกค้นพบด้วย ‘รัก’ ของเราเสมอ หลายครั้งที่มือเราเกือบจะหลุดกันไป แต่ตราบใดที่รักยังอยู่ เราจะคว้ากันทันเสมอ มีหลายเรื่องราวที่เราผ่านด้วยกันมาทั้งร้ายและดี อยากขอบคุณทั้งคู่ที่ทำให้เข้าใจคำว่า รัก มากขึ้น ขอบคุณที่พามิตรภาพดีๆสังคมดีๆมาเจอกันเพราะมีอิงล็อตเป็นหัวใจของบ้าน เชื่อเสมอว่าทุกอย่างมีเวลาของมันเสมอ ไม่รู้ว่าเราจะหมดอายุรักหรือหมดอายุขัยก่อนกัน แต่ตราบใดที่ยังมีแรงพูดคำว่ารัก อิงล็อต จะยังเป็นเจ้าของคำนั้นอยู่เสมอ Letter #1: This letter is titled... Through our affection, we will always uncover the beauty of Englot. Our hands may have almost faltered at times, but as long as love remains, we will always find a way to hold onto one another. We've shared countless experiences together, both joyful and challenging. I want to express my heartfelt gratitude to both of you for deepening my understanding of love. Thank you for fostering wonderful friendships and a strong sense of community, as Englot truly is the heart of our home. Let's always remember that everything happens in its own time. While I don't know what the future holds for our love or what lies ahead for us, as long as we have the strength to say the word love, Englot will continue to reflect its beautiful essence.จดหมายฉบับที่ 2 ชื่อจดหมายว่า... ขอบคุณหยดฝนที่ทำให้ค้นพบอิงล็อต ตอนแรกไม่เคยคิดเลยว่าจะมาชอบ อิงฟ้า กับ ชาล็อต ได้ คือเห็นผ่านตามานานแต่ก็ยังไม่ได้อะไร จนได้มาดูซีรีส์หยดฝนกลิ่นสนิม ที่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ชอบอิงล็อตมากๆ เริ่มจากการชอบการแสดง ไปๆมาๆก็หาดูซีรีส์เรื่องเก่าๆที่เคยเล่นด้วยกัน สัมภาษณ์ต่างๆ แล้วก็โดนตกจนโงหัวไม่ขึ้นแล้ว มันอาจจะเป็นเรื่องจังหวะและเวลาจริงๆ เสียดายที่มารู้จักช้าไปหน่อย แต่ก็ดีใจนะที่อย่างน้อยได้ค้นพบอิงล็อต จะตามซัพพอร์ตไปเรื่อยๆนะคะLetter #2: This letter is titled... Thanks a bunch, Petrichor The Series, for introducing us to Englot. Initially, I didn't think I would be a fan of Engfa and Charlotte. I had seen them around for quite some time, but they didn't catch my attention until I watched 'Petrichor The Series.' That was the moment I truly began to appreciate Englot. It started with their fantastic performances. I found myself searching for older shows they had appeared in together, along with interviews and other content, and I was so captivated that I could hardly look away. Perhaps it was just a matter of timing, and although I discovered them a little later than I would have liked, I’m genuinely thankful to have found Englot. I’m excited to continue cheering them on!จดหมายฉบับที่ 3 ชื่อจดหมายว่า... หนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสาม (POWER OF ENGLOT) อิงล็อต คำนิยามของมวลความสุขที่เกิดขึ้นกับเราเสมอ เวลาเกือบ 3 ปีที่ติดตามทั้งคู่ถูกรายล้อมไปด้วยความรักและความเข้าใจ ดีใจมากๆที่ได้มารู้จักกัน จนทำให้เป็นที่มาของสมการความรักของด้อมคือ 1+1 = 3 สิ่งที่อยากจะบอกกับทั้งคู่มากที่สุดก็คงจะขอให้เค้าทั้งสองคนรักษาสุขภาพ เพราะทำงานกันหนักมาก พยายามหาความสุขรอบตัวง่ายๆ และยิ้มให้กับตัวเองเสมอ ท้ายที่สุดก็อยากบอกว่ารักและจะซัพพอร์ตให้เต็มที่เท่าที่จะทำได้Letter #3: This letter is titled... One Plus One Equals Three. (POWER OF ENGLOT) Englot truly embodies the essence of happiness for all of us. Over nearly three years of following this lovely couple, I've been enveloped in a world of love and understanding. It brings me immense joy to know them. Their relationship is the heart of our fandom's love story, symbolized by the beautiful equation 1+1=3. What I wish to express most to them is a gentle reminder to take care of their health, as they put in so much effort. They have a wonderful way of seeking happiness in their surroundings and always manage to smile at themselves. Ultimately, I just want to say how much I love them and that I will always be here to support them in any way I can.จดหมายฉบับที่ 4 ชื่อจดหมายว่า... กาลเวลาของอิงล็อต เดินทางมาด้วยกันสามปีแล้วนะ ตลอดระยะเวลาที่อยู่ตรงนี้ไม่เสียใจเลยที่ได้มารักกัน เราผ่านสุขและทุกข์มาด้วยกันมากมายเลยเนอะ ดีใจที่พวกเรายังคว้ากันทัน ขอบคุณที่เลือกปรับเข้าหากันเสมอ ต่อให้ถึงวันนึงที่หมดสัญญาและต้องแยกย้ายกันไป พวกแกจะเป็น อิงล็อต ที่ไม่มีวันหมดสัญญาสำหรับเราอยู่ดีLetter #4: This letter is titled... The Era of Englot. It’s hard to believe we’ve been together for three years! I truly cherish the love we’ve built during this time. We’ve shared so many joyful moments and overcome challenges side by side, and I’m really thankful that we’ve always found a way to support each other. Even if the time comes when our paths need to part, you will always hold a special place in my heart, and our bond will remain unbreakable.จดหมายฉบับที่ 5 ชื่อจดหมายว่า... พี่กุหลาบขาวกับน้องทานตะวัน รู้ใช่มั้ยว่ารักมาก... เราทุกคนอยากเห็นแกมีความสุขนะ ได้ใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการ อยากทำอะไรก็ทำ อยากเดินทางไหนก็เดินกันได้เลยนะ เพราะเราจะอยู่กับแกเสมอ พร้อมซัพพอร์ตทุกการเติบโต :-)ขอบคุณนะอิงล็อต ขอบคุณที่เกิดมาเจอกัน เป็นสีขาวดำกับสีรุ้งในชีวิตกันและกัน มาแต่งเติมสีสันให้มันพิเศษขอบคุณที่สร้างบ้านหลังใหญ่นี้ขึ้นมา บ้านที่มีผู้คนจากทั่วโลก และขอบคุณที่เปลี่ยนจาก house กลายเป็นhomeLetter #5: This letter is titled... White rose and sunflower I want you to know just how deeply I care about you. We all wish for your happiness and for you to live life on your own terms, pursuing your desires and exploring the world freely, knowing we’ll always be here to support you every step of the way. Thank you, Englot, for coming into my life and being the vibrant mix of black, white, and rainbow hues that makes our journey so beautiful. I’m grateful for the wonderful home you’ve created, bringing together people from around the globe and transforming a house into a warm, welcoming home.ถึงเวลาที่แฟน ๆ ชาวด้อมรอคอยกันแล้วว~~เข้าสู่ช่วงที่สองของรายการ EFM FANDOM LIVEเราจะมาพูดคุยกับ “อิงฟ้า - ชาล็อต” กัน2 ปีที่ผ่านมากับการเติบโตของ “อิงล็อต” อิงฟ้า : ที่ทำให้เห็นได้ชัดเลย โตขึ้น การทำงานที่เก่งขึ้น ชัดๆ เลยที่เราร่วมงานกันล่าสุดคือซีรีส์ หยดฝนกลิ่นสนิม เห็นได้ชัดเลยว่าน้องมีพัฒนาการที่ดีขึ้นค่ะ ชาล็อต : รู้สึกว่าพี่ฟ้าได้ทำหลากหลายอย่างมากขึ้นภายในสองปี ซึ่งสำหรับหนูเป็นระยะเวลาที่สั้นมาก แต่ด้วยความสามารถเขาด้วย แล้วก็โอกาสต่างๆ สิ่งที่เขาได้รับมาคือทำดีตลอดค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเดินแบบ เล่นเอ็มวี ร้องเพลง โฆษณาถึงในซีรีส์จะไม่ชอบฝน แต่ชีวิตจริง “อิงล็อต” ชอบมาก อิงฟ้า : ชอบค่ะ ชอบมาก หนูเหมือนกบเลยเวลาฝนตก ชอบที่รู้สึกเย็น และในความเหงานั้นมันก็มีความโรแมนติกอยู่ ชาล็อต : ถ้าไม่ต้องทำงานก็ชอบฝน ไม่ชอบแดด แล้วแต่อารมณ์ แต่ว่าส่วนตัวชอบฝนตกตอนกลางคืนเวลานอนอะไร ถ้าวันไหนฝนไม่ตกก็จะเปิดในแอปพลิเคชั่น Youtube เพื่อกล่อมให้หลับความท้าทายในคาแรคเตอร์ของ “สารวัตรตุลย์” กับ “หมอรัน” อิงฟ้า : ท้าทายทุกอย่างค่ะ เราเป็นนางงามเนอะ ในเรื่องนี้ต้องเป็นอาชีพที่เป็นทางการด้วย วิชาการด้วย มันพลาดได้ยากมากเพราะว่ามันละเอียดอ่อน เรื่องนี้มีแฟนซีรีส์ แฟนนิยายก็เยอะ ความกดดันต่างๆ เห็นได้ว่าเรื่องนี้เราถ่ายกันฟุ้งน้อยมาก มันจะเน้นความเรียลมากๆ จริงๆ สังเกตจากเมคอัพ จากผมหรือการแต่งกาย ต้องเป๊ะไปตามวิชาชีพจริงๆ ซึ่งความเป็นตำรวจ เป็นหมอ ก็ถือว่ายากอยู่ค่ะ ชาล็อต : สำหรับหนูพอดูเรื่องนี้จบ หนูเข้าคลินิกเลย ทำทรีทเมนหน้า มันเรียลมากเลย เห็นทุกกระ ทุกรูขุมขนของหนู สิวทุกเม็ดหรือแบบอันไหนยังไม่โผล่คือก็เห็นเลย โทรบอกคุณหมอ detox หน้าให้หน่อย แล้วมันต้องเล่นยังไงก็ได้ให้เป็นคุณหมอจริงๆ จากที่เราไม่ได้มีความรู้ด้านหมอเลย ก็ต้องไปเจอแบบเลือด เจอร่างกายต่างๆ ที่เราไม่ได้เห็นทุกวัน แล้วก็กลัวด้วย แต่ต้องก้าวข้ามความกลัวให้ได้ครั้งแรกกับการเจออาจารย์ใหญ่ของจริง! อิงฟ้า : ได้ไปเจออาจารย์ใหญ่ แต่ว่าเขาถามก่อนว่าอยากจะไปดูไหม? ถามความสมัครใจก่อน เราก็ตอบว่าไป ชาล็อต : ตอนแรกหนูก็บอกว่าไม่เอา ไม่ไป เขาเลยบอกว่าให้ไปดูหมอ ดูวิธีการทำงานของคุณหมอว่าเขาทำยังไงในห้องนั้น เวลาเราเข้าซีน เราจะได้เข้าใจ อิงฟ้า : เราก็เข้าไปด้วยกัน เพราะในเรื่องตำรวจกับแพทย์นิติเวชต้องทำงานคู่กันอยู่แล้ว แต่ว่าตอนที่เราตอบว่าตกลง เราก็คิดก่อนว่าโอกาสที่คนธรรมดาอย่างเราจะไปอยู่ในห้องนั้นอ่ะ มันยาก เรามีโอกาสที่จะไปยืนตรงนั้นแล้วก็เอาสักหน่อย สักตั้งหนึ่ง เอาที่เราไหว ก็คือดูกันจนจบ ก็มีกลัวบ้าง แพนิคบ้าง เป็นอาทิตย์กว่าหนูจะเอาภาพ เอากลิ่นออกไปได้ มันก็ทำให้เราปลงในการใช้ชีวิตมากขึ้นสุดฟิน~ ฉากเลิฟซีนที่ทั้งคู่อิมโพรไวซ์เอง... อิงฟ้า : คือผู้กำกับอยากให้เราเล่นเป็นฟิลเรา อยากรู้เราเล่นจะออกมาฟิลไหน เพราะ 3 เรื่องที่ผ่านมาไม่ได้เล่นกันขนาดนี้ ด้วยเรื่องนี้เลิฟซีนน้อยมาก ส่วนมากมันจะเป็นบู๊ เป็นไขคดี พอมันแวะมาเป็นฉากเลิฟซีนก็ต้องเอาให้อยู่ เราก็เลยลองเล่นตามที่เขาอยากให้เล่น ก็เหมือนฟรีเลย แต่ก็มีการขออนุญาตกันก่อน ชาล็อต: ตอนนั้นเหมือนมันไหลไปตามอารมณ์ตัวละครด้วย คิดในใจก็คือเอาที่เดียวเต็มที่ให้มันผ่าน ให้มันดี ก็เลยปล่อยตามฟิลไปเลยใกล้เดินทางสู่ตอนจบแล้ว ขอสปอยนิดนึง! ชาล็อต : หนูว่าเรื่องนี้อะ เราได้ดูใน EP10 นิดนึงละ หนูรู้สึกว่ามันยังคงมีให้ลุ้นต่อ ถึงมันเป็นตอนจบก็ตาม ยังลุ้นว่าสรุปแล้วฆาตกรจะยังไง แล้วตัวละครหลักจะยังไง คือมันไม่ได้จบแบบโอเค สบายใจแล้ว มันยังมีให้ลุ้นอยู่ทุกช็อตแม้กระทั้งตอนเกือบสุดท้ายว่ายังไงต่อ อิงฟ้า : เรื่องของความฟินก็อาจจะมี แต่ว่าจะเป็นเลเวลไหนต้องไปรอลุ้นดู แต่ว่ายังคงมีเซอร์ไพรส์อยู่ใน EP10 อาจจะมีคนตายเพิ่ม อาจจะมีการหักมุมหรืออะไร ก็ต้องไปรอลุ้นในวินาทีสุดท้ายใน EP10นอกจากมาพูดคุย เม้าท์มอยกันแล้ว ทางรายการ EFM FANDOM LIVEก็มีเกมมาให้ “อิงฟ้า - ชาล็อต” เล่นกันด้วย ชื่อเกมว่า “หยดฝน กลิ่นความรัก”แล้วมาดูกันว่าทั้งคู่จะรู้ใจกันมากขนาดไหน? (เข้าไปชมได้ใน YouTube : ATIME)เดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย ทางรายการเสิร์ฟความฟินกันแบบจุกๆให้ “อิงฟ้า - ชาล็อต” ได้โทรหาแฟนคลับมาพูดคุยกัน (เข้าไปชมได้ใน YouTube : ATIME) สุดท้ายนี้... รายการ EFM FANDOM LIVE ขอขอบคุณ “อิงฟ้า - ชาล็อต” มากๆเลยน้า ที่มาร่วมพูดคุย สร้างสีสัน ความน่ารัก ความสุขให้กับแฟนๆ และฝากซีรีส์ “หยดฝนกลิ่นสนิม (Petrichor The Series)” ทางช่อง one31 เวลา 21.15 น. และสามารถรับชมย้อนหลังแบบ Uncut ได้ทาง iQIYI เท่านั้นสามารถเข้าไปรับชมความฟินความสนุกกันได้ทางSee you next week nakaa : )

“เบนซ์กาฟิวส์แบตเตอรี่ของหัวใจ” รางวัลที่ชนะใจเหล่าแฟนๆจาก EFM FANDOM AWARDS มอบให้ “เบนซ์ - กาฟิวส์” พร้อมให้คำสัญญาจะทำให้ภูมิใจว่าเลือกรักคนไม่ผิด

03 เม.ย. 2024

“เบนซ์กาฟิวส์แบตเตอรี่ของหัวใจ” รางวัลที่ชนะใจเหล่าแฟนๆจาก EFM FANDOM AWARDS มอบให้ “เบนซ์ - กาฟิวส์” พร้อมให้คำสัญญาจะทำให้ภูมิใจว่าเลือกรักคนไม่ผิด

EFM FANDOM LIVE [21 มีนาคม 2567] คืนนี้เปิดสตูต้อนรับ “เบนซ์ - กาฟิวส์” พร้อมอัปเดตพูดคุยกับ “ดีเจแนน และ ดีเจโซเซฟ” ในช่วงแรกของรายการเป็นการคัดเลือกชื่อ EFM FANDOM AWARDS จากที่แฟน ๆ เสนอและเปิดให้โหวต1.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “MYRNA AWARDS FOR BENZGARFIELD” ที่มาคือคำว่า Myrna (เมอร์นา) ในภาษาแกลิก ที่แปลว่า "เป็นที่รัก" ค่ะ ชอบคำนี้มากๆเพราะความหมายดี ที่เลือกคำนี้มาใช้ก็เพราะว่าเปรียบพี่เบนซ์กับพี่กาฟิวส์เหมือน "ผู้เป็นที่รัก" การที่ได้มารู้จักพี่ๆเหมือนเป็นของขวัญอันล้ำค่าในชีวิตค่ะ ไม่ว่าในหนึ่งวันเราเจอเรื่องอะไรแย่ๆมา แค่ได้เห็นพี่ๆอัพไอจีอัพทวิตเคลื่อนไหวในโซเชียลเพียงเล็กน้อย วันนั้นก็จะเป็นวันที่สดใสขึ้นมาทันที และมีแพชชั่นในการใช้ชีวิตต่อ เลยเลือกใช้คำว่าเมอร์นามาเป็นชื่อรางวัลที่อยากมอบให้ศิลปินคนโปรดค่ะ2.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “เบนซ์กาฟิวส์แบตเตอรี่ของหัวใจ” ที่เสนอชื่อนี้ ตั้งใจเอาความหมายชื่อด้อมของทั้งสองคนมา mix กันค่ะ เพราะชื่อด้อมของน้องทั้งคู่ความหมายดีมากๆเลย ของเบนซ์คือ #แบตเตอรี่ของอเลิ้ต ที่มีความหมายสื่อตรงๆเลยคือแฟนคลับทุกคนคือแบตเตอรี่ คือพลังงานดีๆที่อเลิ้ตได้รับ ส่วนของกาฟิวส์คือ #ฟิวส์มิลี่ ที่มีความหมายที่ดีไม่แพ้กัน คือแฟนคลับทุกคนเปรียบเสมือนครอบครัวของกาฟิวส์ สุดท้ายแล้วพอเราเอาสองความหมายที่สื่อนี้มารวมกัน มันก็กลายเป็นครอบครัวใหญ่ ที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะเหนื่อยหรือจะท้อยังไง หากทั้งคู่หันกลับมาก็ยังมีครอบครัวที่พร้อมจะเติมแบตให้น้องทั้งคู่ไว้ลุยต่อกับงานหรือเรื่องที่ต้องเจอเสมอ และน้องๆเองก็เป็นเหมือนแบตเตอรี่ เป็นเหมือนครอบครัวของพวกเราเหมือนกัน มองเห็นเขาสองคนมีโอกาสดีๆเข้ามา มีคนรักมากขึ้นทุกวัน ได้เห็นรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ พวกเราก็เหมือนได้ชาร์ตแบตแล้วค่ะ ฝากชื่อรางวัลนี้ไว้พิจารณาด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ :)3.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “จะไปหา...เมื่อเธอหิว” แนวคิดคือ เบนซ์เป็นคนชอบหิวมากๆ เวลาที่หิวก็อาจจะมีชวนพี่ฟิวส์ออกไปหาอะไรกิน หรือว่าเวลาที่พี่ฟิวส์หิวก็จะพากันออกไปหาอะไรกิน ฟิลแบบไม่ว่าเธออยู่ไหน...แค่เธอทักมาเราพร้อมไปหา55554.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “หนุ่มรถหรูกับคู่หูแมวส้ม” ที่มาขอชื่อนี้ คือง่ายๆเลยค่ะ มาจากชื่อของทั้งสองคน เบนซ์ก็คือรถหรู(รถเบนซ์)นั้นเอง ส่วนกาฟิวส์ก็ได้มาจากการ์ตูนแมวกาฟิวส์ ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วทุกคนรู้โลกรู้กาฟิวส์ก็คือแมวส้ม เราก็เลยสรรหาคำที่จะมาเชื่อมชื่อของเบนซ์และกาฟิวส์ให้มาแมทซ์กัน ก็เลยได้มาเป็นหนุ่มรถหรูกับคู่หูแมวส้ม นั้นเองค่ะ5.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “เพื่อนรักนักซัพพอร์ตแห่งปี” แนวคิดมาจากความน่ารักของน้อง ๆ ทั้งคู่ค่ะ ตามใจเก่ง ซัพพอร์ตเก่ง ในที่นี้คือ ตามใจแฟนคลับ ซัพพอร์ตแฟนคลับเก่งมากค่ะ รวมถึงน้อง ๆ ทั้งคู่ก็ตามใจกันและกัน ซัพพอร์ตกันและกันเก่งมากๆ เช่นกัน คนนึงหิวก็จะมีอีกคนพาไปกินถึงจะไม่กินก็ไปนั่งเป็นเพื่อนได้ เวลาอยู่ด้วยกันถ้าคนใดคนนึงขอให้ทำอะไร เช่น การเต้น ถ้าขอให้ทำถึงแม้จะเขินแต่ก็ไม่เคยขัด พร้อมจะเป็นคนไทยไปเรื่อยด้วยกันเสมอค่ะ น่ารักกันมากๆ อยู่ด้วยกันทีไรโลกสดใสทุกทีเลยค่ะ ถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย! เข้าสู่ช่วงที่สองของรายการ เราจะมาพูดคุยกับ “เบนซ์ - กาฟิวส์”รางวัล “เบนซ์กาฟิวส์แบตเตอรี่ของหัวใจ”ความรู้สึกที่มีต่อชื่อรางวัล “เบนซ์กาฟิวส์แบตเตอรี่ของหัวใจ” เบนซ์ : เอาจริงมันคือ 2 ด้อมรวมกัน ให้มันเป็นหนึ่งเดียวก็คือ “แบตเตอรี่ของอเลิ้ต” กับ “ฟิวส์มิลี่” เหมือนกับว่าเราสองคนได้อยู่คู่กัน มันก็คือครอบครัวเดียวกัน ถ้าเอามามิกซ์กันมันก็เหมือนกับว่าเรา forever เราก็สามารถอยู่ด้วยกันตลอดไป จริง ๆ ก็ดีใจ ไม่ว่าชื่อไหนเราก็ดีใจหมด มันมีความหมายทุกชื่อเลย ชอบมาก กาฟิวส์ : จริง ๆ เราชอบทุกชื่อที่เสนอมาที่มาของชื่อรางวัล “จะไปหา...เมื่อเธอหิว” เบนซ์ : อันนี้ชอบ เพราะเราทั้งสองคนคือเวลาหิว ผมชอบไลน์ไปหา “กาฟิวส์...กินข้าวไหม” เขาชอบกินดึก ปกติพวกเราซ้อมเต้นกันดึกมาก เลิกตี 2 ตี3 ผมก็หิวไง กลัวไม่มีเพื่อนไป ผมก็ชวนกาฟิวส์ก่อน ปกติเขาจะไป แต่ช่วงหลัง ๆ เริ่มลดหุ่น เขาไม่อยากกินดึก กาฟิวส์ : คิดว่าชื่อนี้จะได้ น้อยมากทีผมจะไม่ไป เหมือนโดนบังคับยังไงก็ไม่รู้3 ร้านอาหารในดวงใจของ “เบนซ์ - กาฟิวส์”1. Shakariki432 ไปเกือบทุกสัปดาห์2. A RAMEN ราเมงข้อสอบ ไปบ่อยมาก เอะอะก็ราเมง3. สมยง ร้านส้มตำข้างตึก หมดเงินเป็นหมื่น ๆ แล้วเบนซ์ชอบดูตลก ส่วนกาฟิวส์ชอบออกกำลังกาย เบนซ์ : ดูรายการตลก พวกพี่แจ๊ส พี่บอล พี่นุ้ย ในวันที่เราแย่ ๆ ในวันที่เราต้องการกำลังใจ เราเปิดดูรายการของพวกเขา แล้วก็รู้สึกว่าสามารถทำให้เรายิ้มได้ สามารถทำให้เราหัวเราะได้ในวันนั้น มันเป็นฟิลกู๊ดที่มันดีมาก ๆ สำหรับรายการของพวกพี่ ๆ เขา กาฟิวส์ : ปกติผมเป็นคนออกกำลังกายอยู่แล้ว ในวันที่รู้สึกเบื่อ ผมก็จะออกไปเสียเหงื่อสักหน่อย พวกวิ่ง หรืออะไรก็ได้ที่ธรรมดา ให้รู้สึกว่าวันนี้มีอะไรทำแล้วขอเม้าท์คู่ “สายลับ-ภณ” FAN MEETING ที่ฮองกง เบนซ์ : อย่างภณเขาไม่เคยขึ้นเครื่องบินมาก่อน แล้ววันนั้นคือทริปแรกของเขา การไปฮองกงคือการขึ้นเครื่องบินครั้งแรกในชีวิตของเขา ซึ่งผมคิดว่ามันน่าตื่นเต้นนะสำหรับการขึ้นเครื่องบินครั้งแรก เขาก็รู้สึก โอ้โห ดี๊ด้าใหญ่เลย ไปถึงสุวรรณภูมิคือทุกอย่างคือโลกใบใหม่ของเขา ไปเดิน Duty Free เดินหาของกิน ดูน้ำหอม อะไรทุกอย่างคือเปิดโลกเขาหมด พอไปขึ้นเครื่องบินเขามีจอ กาฟิวส์ : มีจอ แล้วก็จะมีหน้าต่าง แล้วเขาก็จะแบบอยากรู้อยากเห็นไปหมดเลย เขาก็จะกดนู้นกดนี้ เขานั่งข้างพี่สายลับ เขาก็จะถามพี่สายลับนี่กดยังไง หรือหันไปมีหน้าต่าง เขาก็จะหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูป“เบนซ์ - กาฟิวส์” ทำอะไรบนเครื่องบิน กาฟิวส์ : ผมนั่งข้างเขา เขาจะเป็นคนชอบทำสมาธิ นั่งแล้วก็หลับ เบนซ์ : คือวันนั้นผมไม่สบายด้วย ขึ้นเครื่องแล้วสัปหงกประมาณ 100 กว่ารอบ ส่วนกาฟิวส์ตรงที่นั่งก็จะมีโทรศัพท์ที่สามารถโทรไปหาเพื่อนที่นั่งตรงไหนก็ได้ กาฟิวส์ก็นั่งเล่นโทรศัพท์เล่น โทรหาคนฝั่งโน้นINTER FAN ให้การต้องรับดีมาก เบนซ์ : โอ้โหให้การต้องรับดีมาก มารอที่สนามบินแตกแตน พอวันโชว์จริงก็รู้สึกว่าแฟน ๆ มี Reaction กับเรา พูดภาษาของเขาโต้ตอบกับเรา บางทีเขาเตรียมภาษาไทยมาบอกรักเรา ก็รู้สึกว่าเขาอยากมอบความรัก อยากสื่อสารให้เรารู้สึกมีความสุขกับโมเมนต์นั้นจริง ๆ กาฟิวส์ : ตอนโชว์ แฟน ๆ ทุกคนน่ารักกันมาก ให้การต้อนลับเราเป็นอย่างดี เจอหน้าทักทาย ถึงเราจะสื่อสารกับเขาคนละภาษา แต่เขาก็พยายามสื่อสารกับเรา เพื่อต้องการที่จะให้กำลังใจเรารับบทเป็นตัวละคร...ในซีรีส์เรื่อง “รักนี้ไม่มีถั่วฟักยาว” เบนซ์ : รับบทเป็น “เมธัส” นักธุรกิจอสังหา กาฟิวส์ : ผมรับบทเป็น “หมอเจเจ” หมอกายภาพความยากของ “เมธัส - หมอเจเจ” กาฟิวส์ : อย่างเจเจ เขาเป็นหมอกายภาพ ผมไม่เคยมีความรู้ด้านกายภาพเลย ผมแค่นวดเป็น พอมาเป็นหมอกายภาพมันมีการยืด ต้องรักษาผู้บาทเจ็บ คุณเมธัสที่มีอาการบาดเจ็บด้านหัวเข่า ก็จะยิ่งหนักเข้าไปอีก ศัพท์ทางด้านการแพทย์อะไรอย่างงี้ ช่วงนี้ก็มีการ Workshop กันอยู่และก็ทยอยหาข้อมูลเกี่ยวกับหมอกายภาพก่อนเริ่มถ่าย เบนซ์ : ฝึกรวย555 รับงานทั่วทุกราชอาณาจักร เอาจริง ๆ มันก็ต่างจากบทที่เราเล่นมา ติดหล่ออย่างเดียว รวยด้วย หล่อกวนด้วย พี่ฉอดก็มีการปรับผมให้เข้ากับบท บทก็จะมีความกวน ๆผัดกะเพราไม่ใส่ถั่วฝักยาวหรือใส่ถั่วฝักยาว เบนซ์ : ไม่ใส่ถั่วฝักยาว กะเพราเป็นเมนูที่มาอันดับแรกของผมเลย คิดอะไรไม่ออกสั่งผัดกะเพราไว้ก่อน ผมชอบกินกะเพราแบบเผ็ด ๆ ฉ่ำน้ำหน่อย ๆ ขลุกขลิก ใส่อะไรก็ได้ แต่ที่สำคัญไม่ใส่ถั่วฝักยาวจะดีกว่า กาฟิวส์ : ผมไม่ชอบถั่วฝักยาวอยู่แล้ว เวลากินมันเป็น Texture แปลก ๆ โดยปกติผมจะกินแบบ ผัดกะเพราที่ใส่ใบกะเพราไม่เผ็ด วันนี้ทางรายการ EFM FANDOM LIVE ก็มีเกมสำหรับ “เบนซ์ - กาฟิวส์” เล่นกันด้วย กับเกมที่มีชื่อว่า ‘3 2 1 Action เจ้า!’ สนุกสนานกันแน่นอน (เข้าไปชมได้ใน YouTube : ATIME) เดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย รายการได้เปิดโอกาสให้เหล่าแฟนคลับ ได้โทรเข้ามาพูดคุยกับ “เบนซ์ - กาฟิวส์” พูดถึงเบนซ์ก่อน พึ่งติดตามพี่เบนซ์จริง ๆ จัง ๆ ก็ช่วงที่ PitBabe เริ่มฉาย ก็คือชอบที่เวลายิ้มมาก ๆ อยากให้พี่ยิ้มเยอะ ๆ อยากให้พี่มีรอยยิ้มที่สดใสในทุก ๆ วัน ไม่อยากให้มีเรื่องที่แบบมัวหมองใจเลย พี่เหมาะกับรอยยิ้มที่สุด ส่วนกาฟิวส์ ก็จะพูดเหมือนกันกับเบนซ์ ก็อยากให้กาฟิวส์ยิ้มเยอะ ๆ เหมือนกัน ไม่อยากให้มีเรื่องขุ่นหมองอะไรในใจ อยากให้ทุกวันเป็นวันที่ดีของกาฟิวส์ อยากให้กาฟิวส์สดใสในทุก ๆ วัน รอติดตามซีรีส์ใหม่ รอชมทั้ง “หมอเจเจ” และ “เสี่ยเมธัส” ด้วย แล้วก็แก็งแมวเหมียวฝากมาบอกว่า “รักมาก ๆ นะคะ” ขอบคุณที่เข้ามาทำให้เราได้รู้จักกัน คือชอบรอยยิ้มทั้ง 2 คนมากเลย แล้วก็ทำให้หนูได้รักพวกพี่มากยิ่งขึ้น หนูจะคอยซัพพอร์ตพวกพี่ไปเรื่อย ๆ ขอให้ซีรีส์เรื่องใหม่ประสบความสำเร็จ รอยยิ้มของทั้ง 2 คนเหมือนทำให้โลกสดใส ฮีลใจมาก ๆ ในวันที่เราเหนื่อยล้า ไม่สบายใจหนูก็จะเปิดภาพเบนซ์อเลิ้ต หรือไม่ก็เปิดคลิปที่พ่อเอส แม่ฉอดถ่ายลงสตอรี่ ขอบคุณเบนซ์มากที่ยังไม่หมดความพยายาม ยังไม่หมด Passtion แล้วก็ขอบคุณมากที่ทำให้ได้ถูกค้นพบขึ้นอีกครั้งหนึ่ง พี่รอมานานมาก ว่าเมื่อไหร่เบนซ์จะกลับมา แล้วก็ดีใจมากเมื่อรู้ว่าเบนซ์กลับมาอีกครั้ง ถึงต่อจากนี้มันจะเหนื่อยหน่อย แต่ว่าก็อยากให้มีความสุขแล้วก็สู้ ๆ ต่อไป ตอนที่ได้เจอกาฟิวส์ แค่เห็นกาฟิวส์ยิ้มพี่ก็รู้สึกว่า เหมือนเรื่องแย่ ๆ ทั้งหมดในชีวิตมันหายไปเลย คือจริง ๆ มันทำให้พี่กลับมามีกำลังใจอีกครั้ง อยากจะสู้กับชีวิตอีกครั้งหนึ่ง ขอบคุณมาก ๆ ที่ได้รู้จักกาฟิวส์ ต่อจากนี้ก็จะพยายามซัพพอร์ตตลอดไปและสายสุดท้ายเป็นสาย Special จาก “ภณ ธนภณ เอี่ยมกําชัย” นักแสดงนำจากซีรีส์เรื่อง “รักนี้ไม่มีถั่วฟักยาว” ก็ดีใจกับทั้ง 2 คนที่ไป EFM FANDOM LIVE ในครั้งนี้ แล้วก็ดีใจที่ได้ร่วมโปรเจคด้วยกัน ซีรีส์เรื่อง “รักนี้ไม่มีถั่วฟักยาว” ผมเชื่อว่าทั้ง 2 คนจะสร้างผลงานดี ๆ ให้กับแฟนคลับที่รักพวกคุณ ที่รอติดตามพวกคุณอยู่แน่นอน ผมมั่นใจ ยืนยันกับแฟนคลับได้เลยว่า คุณรัก 2 คนนี้ไม่ผิดแน่นอน“เบนซ์ - กาฟิวส์” ขอบคุณสำหรับรางวัล “เบนซ์กาฟิวส์แบตเตอรี่ของหัวใจ” กาฟิวส์ : ขอบคุณรางวัลแรกของ “เบนซ์ - กาฟิวส์” เป็นรางวัลที่พวกเราสองคนรู้สึกดีใจ ขอบคุณมาก ๆ เลยที่มอบรางวัลนี้ให้พวกเราเห็นที่ส่งชื่อกันเข้ามาและร่วมกันโหวต ก็ขอให้รักพวกเราแบบนี้ตลอดไป เบนซ์ : ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็น “แบตเตอรี่ของอเลิ้ต” หรือ “ฟิวส์มิลี่” ทุกคนก็ส่งชื่อกันมาเยอะจริง ๆ ทุกชื่อมีความหมายหมด ขอให้รักพวกเราไปนาน ๆ ละกันอยากให้ทุกคนติดตามผลงานของพวกเราและ PitBabe ทั้ง 12 คน พวกเราอยากสร้างความสุขแบบนี้ไปเรื่อย ๆ และจะให้คำสัญญากับทุกคน จะทำให้ภูมิใจว่าเลือกรักคนไม่ผิด ขอบคุณมากครับ สุดท้ายนี้ EFM FANDOM LIVE ขอขอบคุณ “เบนซ์ - กาฟิวส์” ที่มาร่วมพูดคุย สร้างเสียงหัวเราะ ความสุขให้กับรายการ และก่อนจะจบรายการกันไป ฝากติดตามซีรีย์ “รักนี้ไม่มีถั่งฟักยาว” และกิจกรรม “กะเพราCHALLENGE” สามารถติดตามข้อมูลได้ทาง CHANGE2561 ไปติดตามกันได้เลยสามารถเข้าไปรับชมกันได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

6 นักแสดงหนุ่ม “ลูค - มิค - โชกุน - แอสตัน - เคน - พอล” พาซีรีส์ “เปิดเทอมใหม่ หัวใจหัดรัก” บุกสตู! พร้อมส่งต่อความ In Love และความแสบซนใน EFM FANDOM LIVE

09 มิ.ย. 2025

6 นักแสดงหนุ่ม “ลูค - มิค - โชกุน - แอสตัน - เคน - พอล” พาซีรีส์ “เปิดเทอมใหม่ หัวใจหัดรัก” บุกสตู! พร้อมส่งต่อความ In Love และความแสบซนใน EFM FANDOM LIVE

รายการ EFM FANDOM LIVE [29 พฤษภาคม 68] คืนนี้เตรียมหัวใจว้าวุ่นไปกับ 6 หนุ่มนักเรียนสุดซ่า “ลูค - มิค - โชกุน - แอสตัน - เคน - พอล” พร้อมพูดคุยเม้าท์มอยกับ “ดีเจดาว” และ “ดีเจแนน”ในช่วงเปิดรายการ “ดีเจดาว” และ “ดีเจแนน” ได้อ่านจดหมายทั้ง 5 ฉบับของแฟนคลับที่ส่งความรักแบบไม่มีกั๊กถึงศิลปิน และถูกเลือกมาอ่านในช่วง “EFM FANDOM LOVE LETTER”จดหมายฉบับที่ 1 ชื่อจดหมายว่า... ใจเราเผลอรักพวกคุณตั้งแต่คุณยังไม่รู้ตัวว่ารักกัน ซีรีส์เรื่องนี้พาย้อนกลับไปสัมผัสความรู้สึกของรักวัยมัธยมอีกครั้ง เหมือนได้กลับไปเป็นเด็กอายุ 17 ที่โลกทั้งใบหมุนรอบเรื่องเรียนและการแอบชอบใครสักคน นักแสดงทุกคนถ่ายทอดความรู้สึกนั้นออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติและน่ารักจนรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้เปิดดูขอบคุณ ลูค มิค โชกุน แอสตัน เคน และ พอล ที่ตั้งใจสร้างผลงานดีๆ ออกมาให้เราได้ดูกันนะคะ เด็กๆ Boys In Love คือ ยาใจวัยทำงานของเราเลยค่ะLetter #1: This letter is titled... We unexpectedly found ourselves in love with you all, even before you realized your feelings for each other. This series brings us right back to the experience of high school romance, reminiscent of being 17 and having your entire world centered around school and a crush. The actors captured those emotions beautifully and authentically, bringing us joy with each episode. A big thank you to Luke, Mick, Chokun, Aston, Ken, and Paul for pouring your hearts into this wonderful creation for us. The boys in Boys In Love are just what we need to heal our working-age hearts.จดหมายฉบับที่ 2 ชื่อจดหมายว่า... หลานคนเก่งของลุงคนแก่ ลุงดูซีรีส์เรื่องนี้แล้วรู้เลยว่า หลานโตขึ้นมากจริงๆ ทั้งในการใช้ชีวิตและในงานแสดง ลุงเห็นความพยายามในงานแสดง เบื้องหลังการซ้อมและงานอีเว้นต์ แม้จะเหนื่อยแค่ไหน หลานก็ยังสู้ หลานไม่จำเป็นต้องเก่งที่สุดในวันนี้ แค่ไม่หยุดพัฒนาตัวเองก็พอ เพราะวันหนึ่ง…ความฝันมันจะพาหลานไปถึงที่ที่ฝันไว้แน่นอน แล้วลุงจะนั่งอยู่แถวไหนสักแถวในอิมแพค คอยปรบมือให้หลานเสมอ สุดท้ายลูกค้าเข้าได้นะ หลานผมเต็มที่เกินร้อยLetter #2: This letter is titled... The remarkable great-grandsons of the elderly uncle. Having watched this series, I can really see how much you’ve grown, both in your life and in your acting. I notice all the hard work you put in, whether it’s during rehearsals, behind the scenes, or at events. Even when you're exhausted, you keep pushing through. Just remember, you don't have to be at your best every day; what matters is that you keep striving to improve. One day, your hard work will lead you exactly where you want to be, and I’ll be right there at Impact Arena, cheering you on. Lastly, it’s great that customers can now book you. My grandsons have truly given it their all.จดหมายฉบับที่ 3 ชื่อจดหมายว่า... No Nong BOYS, No Life Yo! แก๊งน้องบอย ขอบคุณน้องบอยและซีรีส์ Boys in love ที่มาช่วยฮีลใจพี่สาววัยทำงานคนนึงให้มีแรงใช้ชีวิตต่อไปมาก ๆ การได้รู้จักน้องบอยทำให้ชีวิตของพี่สดใสขึ้นมาก พี่ไม่มีแฟนก็ได้ แค่มีน้องบอยก็พอ ขอบคุณเด็ก ๆ ที่ทำงานกันอย่างหนักเพื่อผลงานคุณภาพแบบนี้นะคะ เก่งกันมาก ๆ เลย พี่เชื่อว่าคนเก่ง ๆ แบบพวกเราต้องถูกค้นพบจากผู้คนอีกหลายล้านคนแน่ ๆ ฮึบ! NO BOYFRIEND NO PROBLEM NO “NONG BOYS” BIG PROBLEM!!Letter #3: This letter is titled... No Nong BOYS, No Life Hey, Nong Boys gang! I just want to say a huge thank you to you all and to the series ‘Boys in Love.’ You've helped mend my heart and given me the strength to keep going. Getting to know Nong Boys has truly brightened my life. I don’t need a boyfriend; just having you guys around is more than enough. I really appreciate all the hard work that went into creating such amazing content. You’re all incredibly talented! I truly believe that talented individuals like us will eventually be recognized by millions. Let’s keep going! NO BOYFRIEND? NO PROBLEM! NO “NONG BOYS”? NOW THAT’S A BIG PROBLEM!!จดหมายฉบับที่ 4 ชื่อจดหมายว่า... เธอคือ Lesson one บทเรียนที่ฉันนั้นอยากจดจำเรื่องราวตลอดไป ตั้งแต่วันแรกที่ทั้ง 6 คน เปิดตัวในฐานะนักแสดงเรื่อง “เปิดเทอมใหม่ หัวใจหัดรัก” พี่ก็เฝ้ารอวันที่เรื่องนี้ฉายมาตลอด ทั้ง ลูค มิค โชกุน แอสตัน เคน และ พอล เป็น 6 คนที่พี่อยากซัพพอร์ตมาก ๆ พี่หวังว่าซีรีส์เรื่องนี้จะเป็นเหมือนใบเบิกทางที่ทำให้หลายคนได้เริ่มรู้จักน้อง ๆ มากขึ้น แล้วก็ขอบคุณที่มาสร้างบทเรียนที่น่าจำจดขนาดนี้ไปด้วยกัน พี่สัญญาว่าจะอยู่ดูทั้ง 6 คน ตั้งแต่บทที่หนึ่งไปจนถึงบทสุดท้ายเลยLetter #4: This letter is titled... You are my first lesson, and I want to hold on to that memory for a lifetime. Ever since the first day the six of you premiered as actors in 'Boys in Love,' I've been eagerly anticipating when this series will be released. I really want to cheer on Luke, Mick, Chokun, Aston, Ken, and Paul. I hope this series serves as a great opportunity for many to get to know these younger talents better. Thank you for crafting such an unforgettable experience together. I promise to watch each of them from the first episode to the last.จดหมายฉบับที่ 5 ชื่อจดหมายว่า... Love you all :) พวกหนูอาจจะไม่เคยรู้ว่าการที่พวกหนูลุกขึ้นมาทำในสิ่งที่รัก มันส่งพลังไปให้ใครหลายๆคนที่รักหนู ศิลปินไม่ได้เป็นแค่คนที่ร้องเพลงหรือแสดงเก่ง แต่ยังเป็นคนที่ส่งต่อความรู้สึกดีๆให้คนที่อาจกำลังเหนื่อยล้า หรือเงียบเหงาได้อย่างน่าอัศจรรย์ ขอบคุณที่ถ่ายทอดตัวละครดีดีผ่านซีรีส์ Boys In Love เพราะทุกฉากคือความคิดถึงวัยเรียน ความอบอุ่นของมิตรภาพ ความรักระหว่างตัวละคร ขอยกให้เป็นซีรีย์ที่น่ารักสดใสที่สุดของปีLetter #5: This letter is titled... Love you all :) You may not realize that when you pursue what you’re passionate about, it has a powerful impact on those who care about you. Artists aren’t just talented singers or actors; they also have a remarkable ability to share uplifting emotions with those who are feeling tired or lonely. I really appreciate how you embody such positive qualities in the series 'Boys In Love.' Each scene beautifully captures the essence of school life, the warmth of friendship, and the love among the characters. I believe it deserves the title of the cutest and most uplifting series of the year.ถึงเวลาเลี้ยงเด็กแสบซ่าแสนซนกันแล้ว~~ เข้าสู่ช่วงที่สองของรายการ EFM FANDOM LIVEและตอนนี้ “ลูค - มิค - โชกุน - แอสตัน - เคน - พอล” รอคุณอยู่น้ารุ่นพี่ใน GMMTV ที่เป็น IDOL ของทั้ง 6 คน มิค : พี่วิลเลี่ยมครับ ผมเลือกพี่วิลเลี่ยมเพราะผมชอบในพลังเสียงของเขา เขาร้องเพลงเพราะมากครับ พอล : พี่จูเนียร์ครับ ที่ผมเลือกพี่จูเนียร์เพราะว่าพี่จูเนียร์พูดเก่ง ผมอยากพูดเก่งแบบพี่เขา โชกุน : พี่มาร์ค ภาคิณครับ ผมชอบความตลก ความเฮฮาของพี่มาร์คครับ แล้วก็ความเป็นกันเองกับรุ่นน้อง ลูค : พี่จุงครับ ผมรู้สึกว่าพี่จุงเป็นคนที่ครบเครื่อง ร้อง เต้น ทุกอย่างเก่งหมด แล้วก็เท่มาก ก็เลยรู้สึกว่าเป็นไอดอลของผมได้ เคน : พี่เฟิร์สครับ เพราะผมเคยเล่นเป็นน้องพี่เฟิร์สด้วย ผมชอบคารัคเตอร์ของเขา ก็รู้สึกว่าเป็นพี่ที่น่ารักมาก ๆ แอสตัน : พี่ซีเดชชาติครับ ผมเลือกเพราะผมรู้จักพี่เขาก่อนที่จะเข้า GMMTV ตอนนั้นพี่เขาเล่นเรื่องแค่ที่แกงอยู่ พอผมเห็นคนใกล้ตัวทำอะไรแบบนี้แล้วมันก็เป็นแรงบัลดาลใจครับตำแหน่งไหน ใช่ที่ของเรา…สายกิจกรรม : ลูค - มิค - โชกุน - แอสตัน - เคน - พอล //ยกมือเด็กเรียน : …เด็กหลังห้อง : ลูค - โชกุน - แอสตัน - เคน //ยกมือเพื่อนเยอะ Extrovert ที่สุด : โชกุน โชกุน : ผมรู้สึกว่าการรู้จักคนใหม่ ๆ ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นสำหรับผมใครเป็น Introvert ที่สุด : มิค มิค : น่าจะเพราะผมขี้เขิน เขินในการเข้าไปทักก่อนครับ ต้องให้โชกุนสอนละครับนักกีฬาโรงเรียน : ลูค - มิค - แอสตัน- พอล //ยกมือ ลูค : ผมกับมิคเตะบอล มิค : ใช่ครับ อยู่โรงเรียนเดียวกันเลย พอล : ผมเคยเล่นบอลตอนประถมเลยที่แบบเตะเยอะ ๆ แอสตัน : ผมเล่น บอล บาส วอลเล่ย์ที่มหาวิทยาลัยครับ ลูค : จริง ๆ เคนก็เป็นนักกีฬาแบตนะครับ เคน : ใช่ครับ ผมเป็นนักกีฬาของบัญชีครับความรู้สึกตอนได้เข้ามาในโปรเจกต์นี้ ลูค : ผมว่าทุกคนน่าจะตื่นเต้นเหมือนกันนะครับ หลังจากที่ได้เข้า ผมก็รุ้สึกแบบ ดีใจนะที่ได้รับเลือก แล้วก็รู้สึกอยากจะทำตรงนี้ให้เต็มที่ความรู้สึกที่รู้ว่าในซีรีส์จะเป็นทั้ง 6 คนนี้ โชกุน : สนุกแน่นอน มิค : สนุกแน่นอนด้วย แล้วก็ยิ่งตื่นเต้นมาก ๆ เลยด้วย ยิ่งผมกับพี่ลูครู้จักกันมาก่อนแล้วอ่ะครับตอนประถม เรามารู้ว่าได้เล่นกับเขา ยิ่งคู่กันกับเขาด้วยก็ โห อเมซิ่งเหมือนกันความ In Love ใน Ep. 7 ลูค : คู่โชกุน แอสตันก่อนละกัน คู่นี้หวานกันมานานแล้ว แอสตัน : คู่ของผมกับโชกุนหวานตั้งแต่อีพีสองกับสามแล้วครับ พวกเราก็เป็นแฟนกันเร็วมาก ก็คือมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับคนที่มีความสัมพันธ์ของคนที่มี Relationship แล้วอะไรอย่างนี้ครับ โชกุน : ใช่ ปัญหาของคนที่มีแฟน มีปัญหาอะไรไรบ้าง มิค : คู่เราท้ายอีพีหกก็คือเพิ่งตกลงเป็นแฟนกัน อีพีเจ็ดก็จะเป็นความสัมพันธ์แบบแฟนแล้วครับ ลูค : คู่ผมเป็นคู่ที่เรียกว่าสองคนต่างกันมาก คนนึงจะตั้งใจเรียนมาก ไม่ค่อยสนใจการใช้ชีวิต อีกคนก็จะชอบใช้ชีวิตสุด ไม่ค่อยเรียนหนังสือ ก็ต้องโดนจับมาเจอกัน เนี่ย ท้ายอีพีหกก็เพิ่งมาตกลงเป็นแฟนกัน หลังจากนี้ก็จะเป็นเรื่องราวของกิตกับเชนที่เป็นแฟนกัน แล้วก็ค่อย ๆ ปรับตัวเข้าหากัน เคน : คู่ของเคนกับพอลต้องรอชมครับ พอล : ใช่ ต้องรอดูครับอาจจะมีเซอร์ไพรส์ เคน : จะเป็นแนวแบบคู่กัดกันมากกว่า เป็นแบบเพื่อนสนิทชอบตีกัน พอล : ยัก หยอก จึง หยอก เย่งเด็ก Gen Z จะพาหวานใจไปไหนกันบ้างน้า โชกุน : ไอซ์สเก็ต ลูค : คือถ้าเกิดทุกคนอยากเห็นว่าเด็กรุ่นนี้เป็นแฟนกันแล้วเข้าทำอะไรกันเนี่ย สามารถไปดูพวกผมได้ มันมี Vlog แฟนกัน One Day ที่พวกผมทำอยู่ แอสตัน : มีอะไรบ้างนะ แอสตัน/โชกุน/มิค : ไปไอซ์สเก็ต, ซื้อของ เคน : โยนโบว์ลิ่ง แอสตัน : กินข้าว ลูค : ก็ไปเดทกันอ่ะครับ“เคนจิ” ซนเก่งเหมือนเล่นกับใจ ลูค : ผมว่าน่าจะเคนจิ พอล : ผมว่าก็น่าจะเคนจิ โชกุน : ผมว่าน่าจะเคนจิ แอสตัน : ผมว่าคนว่าดื้อทึ่สุดไม่ได้อยู่ตรงนี้ เรื่องเราจะมีคู่คุณครูด้วย พี่ป๊อดกับพี่ปาแปง ซนที่สุดต้องพี่ปาแปง ลูค : จริง ๆ เห็นพวกเราเด็ก ๆ แบบนี้พวกเราเรียบร้อยมากนะครับ ไม่ค่อยซนกันเลย เคน : พี่บอยยังชมอ่ะครับ ว่าเป็นเด็กเรียบร้อย พอล : พวกเราเงียบจนพี่วางงอ่ะครับซีรีส์ “Boys in Love เปิดเทอมใหม่ หัวใจหัดรัก” ใครๆก็ต้องกดดู มิค : ก็ฝากด้วยนะครับ ซีรีส์เปิดเทอมใหม่หัวใจหัดรัก Boys In Love อาทิตย์นี้เดินทางมาถึงอีพีที่เจ็ดแล้วครับ ก็จะเป็นความสัมพันธ์ที่เข้มข้นกันขึ้น คู่ที่เป็นแฟนกันแล้วก็จะเข้มข้นขึ้นไปอีก ส่วนของเราเนี่ย แอสตัน : เป็นแฟน มิค : เป็นคู่ใหม่ ส่วนคู่นี้ (เคน-พอล) ก็ โชกุน : รอลุ้นต่อไป มิค : รอลุ้นต่อไปดีกว่าว่าจะเป็นยังไงครับ ฝากด้วยนะครับก็ทุกวันอาทิตย์เวลา 20.30 น. ทำช่อง GMM25 ครับ และสามารถดูย้อนหลังเวลา 21.30 น.บนแอป IQIYI และเว็บไซต์ iq.com ที่เดียวเท่านั้นครับความแสบซนยังไม่จบ งั้นพาหนุ่มๆไปซนกันต่อ...ทางรายการ EFM FANDOM LIVE ชวนเล่นในเกม “เสียงลับจับให้ได้”ทั้ง 6 จะจำเสียงกันได้หรือไม่ ? (เข้าไปชมได้ใน YouTube : ATIME)เดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย ทางรายการส่งต่อความซนของ“ลูค - มิค - โชกุน - แอสตัน - เคน - พอล” ถึงทุกคน ให้กดเบอร์โทรกลับหาแฟนคลับมาพูดคุยกัน(เข้าไปชมได้ใน YouTube : ATIME) สุดท้ายนี้... รายการ EFM FANDOM LIVE ขอขอบคุณ “ลูค - มิค - โชกุน - แอสตัน - เคน - พอล” ที่มาร่วมพูดคุย แบ่งปันความน่ารักสดใส สร้างความสนุกและส่งต่อความสุขให้กับแฟน ๆ ทุกคน และฝากซีรีส์ "เปิดเทอมใหม่หัวใจหัดรัก Boys In Love" ทุกวันอาทิตย์เวลา 20.30 น. ทางช่อง GMM25 และดูย้อนหลังเวลา 21.30 น.บนแอป IQIYI และเว็บไซต์ iq.com ที่เดียวเท่านั้นน้าาสามารถเข้าไปรับชมความฟินและความสนุกกันได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

album

0
0.8
1