EFM Fandom Live ชวนมา Dum Dum (ดึม ดึม) หัวใจ ไปกับ “เจฟ ซาเตอร์” กับเรื่องราวสุดอันซีนในคอนเสิร์ตครั้งแรกที่ไม่เคยเล่าที่ไหนมาก่อน !

EFM FANDOM RECAP

EFM Fandom Live ชวนมา Dum Dum (ดึม ดึม) หัวใจ ไปกับ “เจฟ ซาเตอร์” กับเรื่องราวสุดอันซีนในคอนเสิร์ตครั้งแรกที่ไม่เคยเล่าที่ไหนมาก่อน !

18 เม.ย. 2023

       เรียกได้ว่าแต่ละสัปดาห์ในช่วงเมษายนที่ผ่านมานี้ EFM Fandom Live ก็ได้มีโอกาสทำความรู้จักกับศิลปินหน้าใหม่ หลากหลายสไตล์ หลากหลายความสามารถด้วยกัน  ซึ่งสัปดาห์นี้ก็เอาใจสายหูเคลือบทองทุกท่านด้วยแขกรับเชิญสุดพิเศษของเรา กับศิลปินหนุ่มสาย R&B ที่ไม่ว่าใครก็ต่างรู้จักเค้าคนนี้ แถมการันตีด้วยความสามารถและเสียงร้องอันเป็นเอกลักษณ์ กับ “วรกมล ซาเตอร์ หรือ เจฟ ซาเตอร์ ”นั่นเอง !

 

      มาเริ่มกันที่ช่วงแรกของรายการ กับการร่วมพูดคุยกับตัวแทนบ้านแฟนคลับของหนุ่มเจฟอย่าง “คุณวี่” นั่นเอง ซึ่งบอกเลยว่าเรื่องราวความประทับใจจากแฟนคลับถึงหนุ่มเจฟ เป็นอะไรที่ทำให้เกิดความสุขใจกันไปทั้งทีมงานและรายการกันเลยทีเดียว

 

‘ เจฟ ซาเตอร์ ’  บุคคลที่น่ารักกับเหล่าแฟนคลับเสมอ

 

       ถ้าหากจะให้พูดถึงความประทับใจแรกที่มีต่อหนุ่มเจฟแล้วนั้น ตัวคุณวี่เองก็ได้ออกมาบอกว่า จริงๆ แล้วด่านแรกที่ใครหลายคนเกิดตกหลุมรักเจฟ ก็คงจะเป็นหน้าตาของเขา ไม่ก็น้ำเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ที่เขาได้ขับร้องออกมา

         แต่แท้จริงแล้วแฟนคลับทุกคนที่ยังจะซับพอร์ตศิลปินคนหนึ่งต่อ ก็คงจะเป็นทั้ง ทัศนคติ ความคิด และความใส่ใจซะมากกว่า ซึ่งสิ่งที่กล่าวมานี้ เจฟ ซาเตอร์คนนี้ก็มีให้แฟนคลับอยู่เสมอ เขามองเห็นคุณค่าของแฟนคลับทุกคนที่มอบความรักให้เขา และเขาเองก็ได้กลายมาเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตกับใครก็ตามที่ติดตามเขาเช่นกัน สิ่งเหล่านี้จึงกลายเป็นการตกหลุมรัก และประทับใจที่ได้ติดตามในตัวเจฟเสมอมา 

 

ถึงคุณวันเสาร์ “ รักตัวเองก่อนเสมอ ”

 

         คุณวี่เองก็ได้กล่าวกับทางรายการว่า ตัวเจฟเองจะบอกกับแฟนคลับทุกคนเสมอ ไม่ว่าจะในสัมภาษณ์หรืออะไรก็ตามว่าให้แฟนคลับทุกคน รักตัวเองก่อนเสมอ กอดตัวเองเหมือนที่กอดเจฟ หรือแม้แต่สิ่งเล็กๆ น้อยๆ อย่างการซื้อของ เจฟก็จะบอกตลอดว่าต้องเลือกที่จะซื้อของให้ตัวเองก่อน แล้วค่อยมาเลือกซื้อให้เจฟก็ได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันเป็นผลกับแฟนคลับทำให้แฟนคลับอย่างพวกเราดาวเสาร์รักตัวเองมากยิ่งขึ้น กล้าที่จะแต่งตัวมากขึ้น หรือมั่นใจกับตัวเองกว่าเดิม ซึ่งส่วนหนึ่งจากแรงบันดาลใจเหล่านี้มันก็มาจาก ผู้ชายคนนี้ที่ชื่อ เจฟ ซาเตอร์ ด้วยเช่นกัน

 

ความน่ารักของเหล่าคุณวันเสาร์  ‘Saturdayss’ 

 

      อย่างที่เรารู้กันว่า ‘ คุณวันเสาร์ ’เป็นชื่อเรียกของแฟนคลับหนุ่มเจฟ แต่ความน่ารักของหนุ่มเจฟก็ได้บอกเล่าผ่านเหล่าแฟนคลับเข้ามาให้ทางรายการได้รับฟังกันว่า จริงๆ แล้ว ‘Saturdayss’  ก็มาจากนามสกุลของหนุ่มเจฟอยู่แล้ว แต่ที่เติมตัว s เข้าไปสองตัวก็เพราะด้วยเหตุผลที่ว่าหนุ่มเจฟนั้นอยากให้เหล่า Saturdayss ของเขามีความพิเศษไม่เหมือนใครเลยเติมตัว s เข้าไปให้แปลกใหม่กว่าเดิม

 

       นอกจากนี้เหล่าคุณวันเสาร์นั้นก็ยังมีมาสคอตประจำด้อมกันอีกด้วย ซึ่งหลายคนก็อาจจะไม่รู้ชื่อเสียงเรียงนามของเจ้าตัวนี้กัน ต้องบอกเลยว่าน่ารักมาก จนได้รับชื่อจากเหล่าแฟนคลับว่า “ น้องดาวเสาร์ ” นั่นเอง ซึ่งด้วยลักษณะที่เป็นสีม่วงแล้วมีวงแหวนเป็นสีเหลือง ก็มักจะชอบถูกเหล่าแฟนคลับแซวกลายเป็นชื่อ ‘ น้องมันม่วง’ อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเจ้าน้องดาวเสาร์เองก็ได้ไปปรากฏตัวในงานคอนเสิร์ต  ‘ JEFF SATUR LIVE ON SATURN FIRST SOLO CONCERT IN BANGKOK ’ ของหนุ่มเจฟที่ผ่านมาด้วยเช่นกัน เรียกได้ว่าความครีเอทีฟจากเหล่าแฟนคลับหนุ่มเจฟก็สร้างความประทับใจให้กับทางรายการไปอย่างมากกันเลยทีเดียว 

 

       พอพูดมาถึงงานคอนเสิร์ตที่ผ่านมาของหนุ่มเจฟแล้วนั้น ทางรายการก็อดเอ่ยปากชมกับความสามารถของหนุ่มเจฟกับคอนเสิร์ตที่ผ่านมาไปไม่ได้ จึงได้เอ่ยถามกับทางคุณวี่ กับความประทับใจที่มีต่อหนุ่มเจฟในคอนเสิร์ตครั้งแรกที่เกิดขึ้นที่ผ่านมาด้วยเช่นกัน ทางคุณวี่นั้นก็ได้ตอบว่า จริงๆ แล้วตัวเขาเองก็ไม่สามารถบรรยายความประทับใจนี้ได้หมด เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในคอนเสิร์ตของเจฟมันแสดงความเป็นตัวตนของเขาออกมาหมดแล้ว ความประทับใจก็คงจะเป็นการใส่ตัวตนในทุกรายละเอียดงานคอนเสิร์ตของเจฟเข้าไปจนกลายมาเป็นความสมบูรณ์แบบของคอนเสิร์ตนี้ขึ้นมา แต่ถ้าจะให้นึกถึงโชว์ที่กินใจและตราตรึงใจมากที่สุด ก็คงจะเป็นการโซโล่พิณของตัวหนุ่มเจฟเอง ที่สามารถนำเครื่องดนตรีไทยมาใส่เข้าไปในโชว์ให้กลายเป็นความตราตรึงใจจนใครหลายๆ คนในงานประทับใจกันไป อย่างไม่รู้ลืม

 

และสุดท้ายคุณวี่ก็ขอเป็นตัวแทนของคุณดาวเสาร์ฝากไปถึงหนุ่มเจฟให้ได้รู้ว่า…

 

     “ ถ้าจะให้พูดคำหนึ่งที่พูดถึงเจฟได้ดีที่สุดก็คงเป็นคำว่าภูมิใจในตัวผู้ชายคนนี้มากๆ ไม่ว่าจะผลงาน หรือ อะไรก็ตามที่เขามอบให้เหล่าแฟนคลับทุกคน รวมไปถึงคำว่าห่วงใยด้วยที่อยากจะมอบให้ผู้ชายคนนี้ เพราะแฟนคลับทุกคนรู้ว่าเจฟเองก็ทำงานหนักทุกวัน สิ่งที่อยากจะบอกก็คงมีแค่ว่า โปรดอย่าเจ็บ อย่าป่วย ดูแลตัวเองดีๆ เพื่อที่การมาเจอกันระหว่างคุณดาวเสาร์กับเจฟเองเกิดขึ้นได้อย่างความสุข สนุกสนาน และอยู่ด้วยกันนานๆ ตลอดไป

 

         และต่อด้วยช่วงที่สองของรายการกับการร่วมพูดคุยกับหนุ่ม “ เจฟ ซาเตอร์ ” กับการถ่ายทอดเรื่องราวความเป็นมาของคอนเสิร์ตครั้งแรกที่เกิดขึ้น กับเรื่องราวเนื้อหาเพลงสุดลึกล้ำอย่าง Dum Dum (ดึม ดึม) ซิงเกิลล่าสุดที่แสดงความเป็นตัวตนของหนุ่มเจฟอย่างแท้จริง 

 

เรื่องราวความเป็น ‘ Jeff Satur ‘ กับ First Solo คอนเสิร์ตครั้งแรก

 

       ต้องบอกเลยว่าเป็นที่ตราตรึงใจกับใครหลายๆ คนที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในคอนเสิร์ตครั้งแรกของหนุ่มเจฟ ซาเตอร์ ที่ผ่านมาเรียกได้ว่างัดทุกความสามารถทั้งร้อง ทั้งเต้นออกมา ทำเอาสร้างความประทับใจและความตราตรึงใจให้ใครไปได้อย่างยาวนานเลยทีเดียว ซึ่งพอมาได้สอบถามถึงเบื้องลึกเบื้องหลังของหนุ่มเจฟแล้วนั้น ตนก็ได้กล่าวว่า คอนเสิร์ตครั้งนี้ถือเป็นการทุ่มทั้งแรงกายแรงใจลงไป กว่าจะมาเป็นคอนเสิร์ตครั้งแรกของตนได้ ก็ใช้เวลาไปร่วม 2 เดือนด้วยกัน ซึ่งความดีความชอบครั้งนี้ก็ขอบคุณทีมงานทุกท่าน รวมไปถึงศิลปินทุกคนที่เป็นส่วนหนึ่งในคอนเสิร์ตครั้งนี้ ที่มีส่วนให้คอนเสิร์ตของเจฟเองออกมาได้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น เพราะถ้าหากไม่มีพวกเขาความกลมกล่อมของงานก็อาจจะไม่น่าสนใจมากเท่านี้ ซึ่งอย่างที่บอกไปว่าหากในอนาคตมีคอนเสิร์ตครั้งที่สอง หรือสาม เค้าก็อยากที่จะพรีเซนต์ออกมาในรูปแบบที่แปลกใหม่มากยิ่งขึ้น เพื่อให้สมการรอคอยของทุกคนอย่างแน่นอน

 

ที่ไปที่มาของน้อง Dum Dum ( ดึม ดึม )

 

        อย่างที่รู้กันว่าซิงเกิลล่าสุดอย่างเพลง Dum Dum (ดึม ดึม) ของหนุ่มเจฟนั้น ทางตัวเนื้อหาและสตอรี่มีเรื่องราวอันซับซ้อนมากมายที่ชวนสงสัยให้กับทางรายการ ทางเราจึงได้สอบถามหนุ่มเจฟไปถึงที่ไปที่มาของผลงานชิ้นนี้ว่ามีความเป็นมาอย่างไรถึงได้มีชื่อว่า Dum Dum ออกมาได้

         ซึ่งเจฟเองก็ได้บอกว่า จริงๆ แล้วผลงานชิ้นนี้มาจากที่เราอยากที่จะขึ้นเสียงกีตาร์ เพื่อฮัมเพลงไปเรื่อยๆ ขึ้นมา แล้วจู่ๆ ทำนองนี้มันก็เข้ามา จนทำให้เราปิ๊งไอเดียคิดเพลงนี้ขึ้นมาได้ในหัวอย่างทันที 

     ซึ่งพอมองลึกลงไปแล้วนั้นอย่างที่รู้ว่าเราใส่ความเป็นตัวเองเข้าไปในการโปรดิวซ์ครั้งนี้ค่อนข้างเยอะ เพื่อให้เกิดความเป็นตัวตนและลายเซ็นของเจฟมากยิ่งขึ้น

        ตัว Music Video จึงเกิดมาจากไอเดียเล็กๆ ของเราที่อยากจะทำผมสีเทา และมีการเพ้นท์เข้ามาในเนื้อหา จึงกลายเป็นเรื่องราวของตัวละครเทพเจ้า กับมนุษย์ ที่มีพันธะสัญญาถึงการแก้แค้นซึ่งกันและกัน ที่สุดท้ายนั้นมันก็ไม่ได้มาซึ่งความสงบสุขอยู่ดี เพราะถ้าสังเกตดีๆ เราจะใส่ดีเทลไปตรงที่รอยเพ้นท์ที่ตัวเจฟด้วยว่า “ SUNSHINE MOON SHINE LOVE DIE ” ซึ่งนิยามของมันก็เหมือนเปรียบว่าวันเวลาสุดท้ายมันก็ผ่านไปเรื่อยๆ เหมือนความรักที่ไม่ว่าอย่างไรมันก็จะตายไปกับเราอยู่ดี

        และสุดท้ายนี้ก่อนจะล่ำรากันไป EFM Fandom Live  ก็ขอขอบคุณหนุ่ม เจฟ ซาเตอร์ อย่างมากที่ได้มาร่วมสนุกกับทางรายการของเรา และหวังว่าคุณวันเสาร์ทุกคนจะมีความสุขไปกับเราในทุกกิจกรรมในรายการเช่นกัน สุดท้ายนี้ก็ขอฝากซับพอร์ตหนุ่ม เจฟ ซาเตอร์ กับทุกๆ ผลงานที่จะเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นซิงเกิลล่าสุดอย่าง Dum Dum (ดึม ดึม) ก็สามารถรับชมและรับฟังกันได้ในทุกสื่อสตรีมมิ่ง และแอบกระซิบมาว่าเร็วๆ นี้ก็จะมีผลงานซีรีส์กับน้อง ‘ บาร์โค้ด ตฤณสิษฐ์ ’ ด้วยเช่นกัน ก็อย่าลืมซับพอร์ตกับทุกผลงานของหนุ่มเจฟด้วยเลยน้า 

 

-           Saturdayss   to   Jeff Satur 

 

      “การที่พวกเรามาตามเจฟ ทำให้ได้รู้จักคนดีๆ มากมาย ได้ทั้งแฟนคลับที่เป็นได้ทั้ง เพื่อน พี่น้อง คนรอบข้างที่ดีเสมอ เวลาที่เราเหนื่อยหรือท้อ ผู้ชายที่ชื่อ เจฟ ซาเตอร์ ก็สามารถฮีลใจเราได้อย่างมาก คำพูดหลายคำพูดจากเจฟเองก็ทำให้คุณวันเสาร์ทุกคนเป็นตัวของตัวเองมากยิ่งขึ้น อยากที่จะทำอะไรก็ได้ทำ แค่มีความสุขก็พอ เหมือนที่เจฟได้บอกคุณวันเสาร์ทุกคนไว้ ซึ่งพวกเราเองก็อยากบอกเช่นกันว่า ก็อยากให้เจฟเองทำอะไรก็ได้ที่ตัวเองทำแล้วมีความสุข เพราะคุณดาวเสาร์ทุกคนจะคอยซับพอร์ตเจฟ ซาเตอร์ คนนี้อยู่ตรงนี้อยู่เสมอ ไม่ไปไหน เดินทางไปด้วยกันเรื่อยๆ แบบนี้ไปนานๆ เลยนะ รัก… เจฟ ซาเตอร์”

 

ภาพ EFM Fandom Live

related EFM FANDOM RECAP

ผีหนุ่มหล่อทั้ง 7 “ATLAS” ถึงซิงเกิลใหม่จะชื่อ ฉันคนเก่า แต่สัญญาเลยว่าพร้อมจะกลับตัว และรับรางวัล EFM FANDOM AWARDS ถ้วยที่ 2 สาขา ‘เชื้อเพลิงที่ดีที่สุดของเอลิส’

26 พ.ย. 2024

ผีหนุ่มหล่อทั้ง 7 “ATLAS” ถึงซิงเกิลใหม่จะชื่อ ฉันคนเก่า แต่สัญญาเลยว่าพร้อมจะกลับตัว และรับรางวัล EFM FANDOM AWARDS ถ้วยที่ 2 สาขา ‘เชื้อเพลิงที่ดีที่สุดของเอลิส’

รายการ EFM FANDOM LIVE [31 ตุลาคม 67] คืนนี้พร้อมต้อนรับ 7 หนุ่ม T-POP อย่าง “ATLAS” กับซิงเกิลใหม่ล่าสุด “ฉันคนเก่า (Lat Me Try Again)” พร้อมอัปเดตพูดคุยกับ 2 ดีเจ “ดีเจแนน และ ดีเจโจเซฟ”ในช่วงแรกของรายการ เป็นการคัดเลือกชื่อ“EFM FANDOM AWARDS รางวัลพิเศษ เพื่อคนพิเศษ” จากที่แฟน ๆ เสนอและเปิดโหวต1. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “แอทลาสคนเก่า ยังเศร้าเหมือนเดิม” ผ่านมาหลายซิงเกิล หลายแนวดนตรีแล้ว แอทลาสก็ยังคงคอนเซ็ปผู้บ่าวอกหัก รักไม่สมหวังเหมือนเดิม พ่อคุณเอ๊ยยย!!! จะสมหวังกี่โมงThe original ATLAS remains just as melancholy as before. Despite exploring various musical styles and themes, ATLAS continues to portray a story of a lovelorn youth, yearning for reciprocated affection. Wow !!! When will their hearts find solace?2. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “ทีมนักซิ่งวิ่งสู้ฟัดสุดจัด ๆ ย่านรังสิต” ใน mv เพลงนี้ ATLAS ทุกคนรับบทเป็นสมาชิกทีมแข่งรถ แต่ละคนก็มีหน้าที่ของตัวเอง บางคนดูแลอะไหล่ บางคนเป็นนักแข่ง ซึ่งแต่ละหน้าที่มีความสำคัญหมดจะขาดใครไปไม่ได้สักคน ก็เหมือนกับ ATLAS ในชีวิตจริง ที่ขาดใครไปไม่ได้เลยและน้องทุกคนก็ผ่านเรื่องราววิ่งสู้ฟัดมาเยอะมากกว่าจะมาถึงวันนี้ เลยคิดว่าชื่อรางวัลนี้ เหมาะสมกับแอทลาสมากที่สุดแล้วค่ะThe top racing team in Rangsit In this music video, every member of ATLAS has a role to play as part of the racing team. Some are responsible for spare parts, while others race. Each role is crucial and cannot be overlooked. Just like in real life, ATLAS relies on each member. They have all gained experience through many races to get to this point. Therefore, I believe the name of this award is most fitting for ATLAS.3. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “ตัวพ่อคนเดิมไงหนู...ไม่คุ้นหูเลยเหรอ” เป็นชื่อรางวัลที่อยากให้ล้อไปกับเนื้อเพลง "ฉันคนเก่า" ค่ะ แล้วก็ใช้คำว่าตัวพ่อเพราะว่าแอทลาสของเราเป็นตัวพ่อบอยกรุ๊ป T-pop สุด ๆ โหด ตึง เก่งกาจ มากประสบการณ์ ผ่านอะไรมามากมาย เป็นตัวพ่อคนเดียวคนเดิมในใจเอลิส เป็นตัวพ่อที่ใคร ๆ ก็รู้จัก คุ้นหู เคยได้ยินชื่อเสียง เคยฟังเพลง หรือเห็นผลงานผ่านตาอย่างแน่นอน แต่ก็อยากให้ชื่อดูมีความกวน ขี้เล่น เพราะแอทลาสเป็นวงตลกค่ะ เผลอ ๆ บางคนอาจจะรู้จักจากคลิปตลก เพราะเรื่องตลกเราขึ้นชื่อจริง แต่รวม ๆ แล้วชื่อนี้ก็ตั้งมาจากความเก่ง ความเก๋า ความเจ๋งของแอทลาสที่ไม่เคยน้อยลงเลย และก็ยังเป็นตัวพ่อคนเดิมของเอลิสเสมอ 3The familiar daddy, my dear… Does that ring a bell? It's a title I chose inspired by the lyrics of "I'm the Old One," with the term "daddy" reflecting our ATLAS as the leader of the T-pop boy group. He's strong, skilled, talented, and seasoned. In ALIS's heart, he's the one and only daddy. He's the daddy known to all, recognized, heard of, listened to, or seen in action. I wanted the name to be playful and mischievous to match ATLAS's comedic band. Some may recognize him from their comedy sketches as they are quite popular. But ultimately, this name highlights ATLAS's expertise, experience, and everlasting coolness. And he remains ALIS's beloved daddy.4. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “เชื้อเพลิงที่ดีที่สุดของเอลิส” คำนี้ได้มาจากน้องภูมิค่ะ น้องบอกว่า "เอลิสคือน้ำมันเต็มถังของแอทลาส” มันใช่มาก ๆ แอทลาสก็เป็นเชื้อเพลิงที่สุดของเอลิสเหมือนกัน เวลาได้ดูคอนเทนต์ของแอทลาส ได้ฟังเพลง ได้เจอน้อง ๆ เหมือนได้เติมพลังให้ตัวเองมีแรง ไปสู้กับชีวิตต่อ ทุกครั้งเวลาวางแผนจะไปหาน้อง ๆ รู้สึกมีพลังในการเคลียร์งานเป็นพิเศษ เรียกได้ว่ามีความสุขตั้งแต่มีบัตรคอนอยู่ในมือด้วยช้ำThe Best fuel for ALIS Nong Bhum shared with me that ALIS is like a full tank of fuel for ATLAS. This statement holds true to me as well. ATLAS serves as the best source of energy for ALIS, rejuvenating me whenever I engage with their content, music, or in person. Planning to see them fills me with an extra dose of positivity and motivation to tackle my responsibilities. Having a concert ticket in hand has brought me immense happiness.5. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “โชว์ไม่ช้า จําได้ทุกโชว์” ATLAS วงที่ยืน 1 ด้านการโชว์ โชว์ของแอทลาสแต่ละงาน จะมีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอด ทำให้แต่ละงาน มีซีนประใจในแต่ละงานที่ต่างกัน เป็นที่จดจำของเอลิสและคนนอกด้อมตลอด แอทลาสมีการดีไซน์การโชว์ได้ดีมาก ๆ แต่ละงาน แต่ละโชว์ ผู้ชมคุ้มสุด ๆ ได้ดูเพอร์ฟอร์มเต็ม ๆ จุก ๆ แถมช่วงพูดคุยยังสร้างเสียงฮาให้ตลอด แอทลาสเก่งอ่ะบางครั้งเปลี่ยนโชว์จนเอลิสกลายเป็นนักร้องนำเลย เข้าจังหวะผิดกันหมด 55555Every show by ATLAS is special and unforgettable. The band constantly switches things up, ensuring that each event is unique and leaves a lasting impression on both fans and newcomers. ATLAS puts on a top-notch show with fantastic design, guaranteeing that every audience member is thoroughly entertained and delighted. Their performances are always worth the price of admission, leaving us laughing and in awe. ATLAS's talent shines through, even when they switch things up and showcase ALIS as the lead singer, bringing a different but still amazing experience every time.ถึงเวลาที่ ALIS รอคอยแล้วน้าาา...เข้าสู่ช่วงที่สองของรายการ EFM FANDOM LIVE มาพูดคุยกับหนุ่ม ๆ “ATLAS” กัน ฮาโลวีนปีนี้แอทลาส 7 คนขอเป็นผี….. ไนซ์ : วันนี้ผมตั้งใจมาเป็นผีติดแกรม ใส่สูทมาแบบเราตายในตอนที่เรายังเดินอยู่ในคฤหาสน์ของเรา จูเนียร์ : แล้วมีดเกี่ยวไร ไนซ์ : ก็ลื่นแล้วก็มีดเสียบหัว 55555 ภูมิ : อ่ออ กำลังหั่นสเต็ก 5555 เออร์วิน : เพราะเป็นพ่อครัว จูเนียร์ : ของผมตายด้วยจากการวิ่งเข้าไปช่วยไนซ์ เอ้ยเสร็จปุ๊ปไนซ์เป็นไรอะ โดนแทงเข้าหน้า ไนซ์ : เลือดนี่คือของพี่เหรอเนี่ย จูเนียร์ : ของพี่อันนี้ของพี่ คือโดนปักเข้านี่เลย ไนซ์ : แล้วม้วนตายไง มิวอ้อน : ผมเป็นผีคิ้วบากจนตายครับ ภูมิ : คือเขาเป็นคนชอบบากคิ้วแต่อันนี้น่าจะบากแรงไปหน่อย 55555 ก็เลยโดนเส้นเลือดใหญ่ตายไปเลย แทด : ส่วนผมเป็นผีหมูเด้งครับ….เอ้าเงียบเลย 5555 ไนซ์ : ต้องมีภาพประกอบด้วย แทด : คือที่เห็นบากตรงเนี้ย เพราะหมูเด้งมันซนไงแล้ววิ่งไปชนไหล่ม้วน ช่วงนี้เขาเล่นฟิตเนสเยอะมันแข็งง จมูกแตกเลยครับผม เออร์วิน : เออร์วินเป็นผีโดนรุมกระทืบครับ โดนแอทลาสรุมกระทืบเพราะว่าชอบแกล้งพี่ ๆ แต่แผลน้อยเพราะว่าเขาเน้นคนละส่วนครับ พี่ภูมิจะเน้นศอกผมอะไรเงี้ยอ่ะงง 5555 ไนซ์ : ซ้ำใน ๆ ภูมิ : ส่วนผม relate กับชีวิตจริงนะ ตาแดงด้วย จูเนียร์ : ต้องซื้อยาหยอดตามาให้ 5555 แทด : ฟีลแบบตาอักเสบอยู่ ภูมิ : ไม่ตอนเด็กอ่ะ ผมเคยโดนชิงช้าฟาดปากเคยเล่าไปแล้ว มิวอ้อน : อ่าวแล้วไมตาแดงอ่ะ เออร์วิน : แล้วตาแดงมาจาก กินน้ำพริก ภูมิ : 555555 กินน้ำพริกตาแดง ชอบกินเยอะไปหน่อย อ่ะพี่เจ็ท เจ็ท : เป็นแวมไพร์ครับ ATLAS : เฮ้ยยย แทด : เขามาหล่อเลยอะ เจ็ท : คือเสื้อเชิ้ต สร้อยแล้วทรงผมมันต้องแวมไพร์แล้วป่ะ ไนซ์ : ดูคิดมาที่สุดแล้วคนนี้ 5555รางวัล “เชื้อเพลิงที่ดีที่สุดของเอลิส” จูเนียร์ : เชื้อเพลิงที่ดีที่สุดของเอลิส ภูมิ : คือเอาจริง ๆ ประโยคนี้ผมพึ่งพูดไปเมื่อไม่กี่วันที่แล้ว พึ่งพูดไปในไลฟ์หรือว่าในสักที่แบบว่าเอลิสเหมือนเชื้อเพลิงให้เรา เพราะว่าจะมีหลายครั้งที่แบบเหนื่อยอาจจะแบบทะเลาะกันเองบ้าง เหนื่อยจากการซ้อมบ้างแต่พอเรารู้ว่าเราทำไปเพื่อใครมีเอลิสรอที่จะดูผลงานเราอยู่ มันทำให้ทุกอย่างดีขึ้นมันทำให้เรามีแรงขึ้นในวันที่เราเหนื่อยครับ ใช่ผมก็เลยพูดประโยคนี้ออกไป เออร์วิน : for interfan ด้วย ภูมิ : Thank you แทด : Thank you เลยเหรอ 5555 ไนซ์ : Thank you very much so much เออร์วิน : Thank you for The gas ภูมิ : Thank you for The gas นะครับ 55555Passion ของแต่ละคนที่ทำให้ออกมาใช้ชีวิตในแต่ละวัน ไนซ์ : จริง ๆ Passion ของไนซ์ในแต่ละวันไม่มีอะไรมากครับ แค่รู้สึกว่าวันนึงเราต้องทำไรแล้วเรารู้สึกว่ามันคืบหน้ากับตัวเองไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของเราแบบซ้อมเต้น สมมุติซ้อมเต้นจำท่านี้ไม่ได้วันนี้ต้องจำได้ เมื่อวานเราร้องยังไม่ชอบโทนนี้ของตัวเอง วันนี้จะต้องร้องให้มันดีขึ้น อาจจะยังไม่ต้องได้มากก็ได้แต่ว่าอย่างน้อยมันต้องมีอะไรที่คืบหน้าในทุก ๆ วัน ใช่ผมก็เลยใช้มายเซ็ทนี้มาอยู่เรื่อย ๆ แล้วมันก็จะเป็นมายเซ็ทที่ไม่ได้กดดันตัวเองมากจนเกินไป เพราะว่าถ้าเกิดเราแบบเอ้ยต้องได้ ๆๆ มันจะเครียดมันจะกดดันเราก็เลยรู้สึกว่าค่อยเป็นค่อยไปดีกว่า มิวอ้อน : ครับผม Passion ในแต่ละวันช่วงนี้ผมส่วนมากผมจะเป็นเรื่องอนาคตมากกว่าว่า แบบผมอยากเป็นผู้ชายแบบไหนเราอยากแบบโตมาเป็นผู้ชายแบบไหนอะไรเงี้ย ผมก็อยากทำอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่มันจะช่วยให้เราไปถึงจุดนั้นมากขึ้น อย่างแบบ วันละ 1% ก็พออะไรเงี้ย อย่างเช่นเหมือนเราอยากเป็นผู้ชายที่ดูแลครอบครัวได้ อยากเป็นผู้ชายที่สุขภาพแข็งแรงเหมือนแบบผมอ่ะ อยากอายุ 45 แล้วก็ไม่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ ผมแบบไม่ได้อยากมีปัญหาที่จะต้องเข้าหาหมอบ่อย เพราะเหมือนบางทีเรามีผู้ใหญ่ในบ้านที่เขาสูงอายุหน่อย เขาก็มีปัญหาผมเลยรู้สึกว่า เฮ้ยมันแบบถ้าเราเริ่มดูแลตัวเราได้เร็วกว่ามันอาจจะเลี่ยงปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แล้วก็เรื่องแบบไฟแนนซ์ แล้วก็การกูแลตัวเองในเรื่องทุก ๆ อย่าง ผมแค่อยากเป็นผู้ชายที่ดีสำหรับอนาคตครอบครัวผมในอนาคตครับผมแล้วก็สำหรับตัวเองครับ ไนซ์ : คือ 45 สุขภาพยังดียังไม่เข้าโรงบาล 24 นี่เข้าบ่อยมาก 5555 เออร์วิน : โอโห้รอดถึง 30 ก็บุญแล้ว จูเนียร์ : Passion ที่ทำให้ออกมาใช้ชีวิตในแต่ละวัน ของผมแค่ง่าย ๆ เลยครับ ผมแค่ตื่นขึ้นมาหาความสุขให้ตัวเองก่อนอย่างแรก 1 อย่าง คือผมจะหาความสุขให้ตัวเอง 1 อย่างในทุก ๆ เช้า เพราะรู้สึกว่ามันจะทำให้ทั้งวันของเรามันมีความสุขไปด้วย เช่น ตื่นมากินอะไรอร่อย ๆ ตื่นมาเข้าฟิตเนสแค่แบบในที่ที่เราชอบอยากไปอะไรอย่างเงี้ย ใช่ครับผมก็อะไรประมาณนั้นเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วผมรู้สึกว่ามันให้ทั้งวันของผมมันมีความสุขและก็สนุก แล้วเต็มที่กับมันได้ทั้งวัน ไนซ์ : เพราะว่าเริ่มให้ถูก 5555 ภูมิ : Passion เหรอครับอาจจะฟังดูเลี่ยน แต่ว่าจริง ๆ สำหรับผม ผมว่าเพื่อน ๆ ในวงนี่แหละครับผม ก็ปมถือรางวัลแล้วอะเนอะ 555 ภูมิ : ผมจะบอกว่ารางวัลอันนี้ใช้ได้กับทุกคนเลยนะ ผมรู้สึกว่าการที่จะทำให้ชีวิตเราเป็นไปได้อย่างที่เราคิด เราต้องเอาตัวเองไปอยู่ในสังคมที่เขาคิดแบบเรา ผมรู้สึกว่าการอยู่ในวงแอทลาสครับ อยู่กับเพื่อน ๆ ที่เรามี Passion ตรงกัน มีเป้าหมายตรงกัน อาจะมีไม่ตรงบ้างในบางครั้งแต่ว่าโดยรวมมันไปทางเดียวกันอย่างเงี้ย มันทำให้เราแบบมีแรงให้เห็นภาพอนาคตเราชัดขึ้น เวลาเราตื่นมาเปิดในไลน์กลุ่มเจอคลิกเต้นเรา เราเฮ้ยเมื่อวานเราเต้นอันนี้แบบนี้นะ เอ้ยงานนี้ดีนะแฟนคลับ ชอบนะโชว์นี้ ชอบนะเวอร์ชั่นนี้ ชอบนะมันทำให้เรารู้สึกแบบอุ๊ยมันมี Passion ช่วยกันดันไปข้างหน้า ก็ฝากทุกคนนะครับผม อยากอยู่ตรงไหน ให้เอาตัวเองไปอยู่ตรงนั้น แทด : ผมก็จะตอบคำตอบเดิม คืออย่างแรกจริง ๆ Passion แรกของผมเลยก็คือเอลิส แหละครับผม เวลาได้ขึ้นเวทีไป ได้โชว์ performance ได้เต้นได้ร้องให้กับเอลิส ได้แชร์บรรยากาศนั้นคือ Passion แรกของผมอยู่แล้ว แต่ถ้าเกิดต้องเลือกอย่างอื่นก็คือ การได้ไปทำงานทุก ๆ วันกับพี่ ๆ 6 คน คือหลัง ๆ เนี่ยผมชอบจินตนาการเล่นอะไรเงี้ยว่าเออถ้าเกิดวันนึงเราแบบเราต้องมาทำงานคนเดียวเป็นยังไงวะหรือว่าสมมุติวันนี้เราต้องงถ่ายงานนี้คนเดียวหรือถ่ายแบบนี้คนเดียวจะเป็นยังไง รู้สึกเหงามาก ๆ รู้สึกว่าทุกวันนี้เราใช้ชีวิตแบบอยู่กับพี่ ๆ เรา Enjoy ทุกโมเมนต์ให้ดีที่สุด เราออกไปทำในสิ่งที่เรารักด้วยกันกับอีก 6 คนแล้วมันก็รู้สึกไม่เหงาดีก็รู้สึกว่าทุกวันนี้ก็ตาม Passion นี้ไปตลอดครับ ไนซ์ : แทดก็ออกงานเดี่ยวบ่อยนะ 55555 เออร์วิน : สำหรับผมจริง ๆ เป็นคนถามที่ยากมาก เพราะว่า Passion ผมไม่ค่อยมี Passion เท่าไหร่ครับถามพูดตรง ๆ ใช่ก็อย่าง Passion แรกและ Passion เดียวที่ทำมาเสมอและคิดมาเสมอก็คือการเป็น ATLAS การทำเพลงให้เอลิสแล้วก็คนฟังคนอื่นฟังอะไรเงี้ยครับ มันก็คือเป้าหมายสูงสุดของเราละในช่วงชีวิตนี้ พอให้คิดถึง Passion อื่นผมก็พยายามนั่งนึกถ้าจะตอบคงตอบเหมือนพี่จูแล้วกันว่าแค่ตื่นมาแล้วเห็นตัวเองยิ้มก็โอเคละ มีความสุขในทุก ๆ วันผมว่าก็เป็นเรื่องที่ดีแล้วเพราะว่าเวลาเรามาเจอแอทลาส มันคือพื้นที่ปลอดภัยของเรา เรามีความสุขแต่เวลาเราอยู่คนเดียวเราก็อยากให้ตัวเองยิ้มเยอะ ๆ มีความสุขกับตัวเองเยอะ ๆ ประมานนี้แล้วกัน เจ็ท : ผมว่าผมอยากแยกออกมาในเชิงแต่ละวันกับในแต่ละช่วงละกัน เพราะว่าถ้าแบบเป็นในแต่ละวันผมจะรู้สึกว่าของผมมันจะเป็นอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นพวกแบบว่าวันนึงอยากที่จะอย่างน้อยรู้อะไรมากขึ้นมั้งในส่วนของวันนี้อาจจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ ก็ได้อาจจะเป็นเรื่องที่มันแบบไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเราขนาดนั้นแต่แค่เราได้รู้ว่า เอ้ยอ๋อมันคืออย่างงี้นะแบบเราแค่เรียนรู้สักอย่าง 2 อย่างต่อวัน ผมว่ามันก็เป็นแบบ Happiness นึงที่ผมรู้สึกว่ามันทำให้รู้สึกดีขึ้นได้ ผมรู้สึกว่าทุกคนบนโลกทุกคนเรียนรู้ทุกวันอยู่ละแต่ว่าบางคนแค่อยากจะไม่ได้จับจุดว่า คุณกำลังเรียนรู้อยู่แต่ผมก็รู้สึกว่าผมอยากโฟกัสในจุดอันเนี้ย มันคือ Happiness ของผมคือผมเรียนรู้ 1 อย่างต่อวันอะไรเงี้ยก็ Happiness CD แล้วก็ในเชิงของ Passion โดยรวมก็รู้สึกว่า Passion ที่ทำให้ไปข้างหน้าก็คือการที่ได้อยู่เป็นแอทลาสได้เป็นศิลปินนี่แหละ เพราะสำหรับส่วนตัวผมนะ ผมไม่รู้ว่าผมจะได้อยู่ในวงการหรือว่าได้อยู่กับเพื่อน ๆ หรือได้ทำสิ่งนี้ไปอีกนานแค่ไหน พูดตรง ๆ เลยไม่รู้จริง ๆ แล้วก็รู้สึกว่าอยากจะ Enjoy ดื่มดำกับบรรยากาศนี้ให้ได้มากที่สุด ให้ได้มากที่สุดให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ถ้า ATLAS จะพาคนที่รักไปเที่ยว ภูมิ : จริง ๆ ผมมีได้ทำแล้วบางครับ คือใรแต่ละปีผมพยายามจะตั้งแบบตั้งจุดหมายไว้ว่าในปี ๆ เราทำอะไรบ้างอย่างปีนี้ตั้งใจจะพาคุณพ่อคุณแม่ไปเที่ยวต่างประเทศ เพราะว่าเขาก็ไม่ได้ไปนานแล้วเราก็จะตั้งไว้ว่าแบบโอเค เราจะรีบตั้งใจทำงานแล้วเก็บเงินพาพวกเขาไปเที่ยว พอพาไปเราก็สบายใจก็ดีใจที่เห็นเขาไปด้วยเงินของเราเองที่เราตั้งใจทำงานเอง เจ็ท : ผมมีชัดเจนมากมันเป็นแบบ 1 อย่างที่ผมอยากจะไปด้วยผมอยากจะไปอเมริกา ผมอยากไปดู NBA มันเป็นความฝันตั้งแต่เด็กอยู่แล้วคือ อันนี้สำหรับผมอันนี้คือความอยากส่วนตัวอยากไปอเมริกาอยากไปดู NBA แล้วก็อยากไปดูกับคนที่เรารักแค่นั้นเลยแบบ Simple มากแต่ว่ามันยากมากที่จะไป แทด : พูดจริงนะพี่ ตั้งแต่เด็กผมอยากไปเหมือนกันเหมือนพี่เจ็ทเลยแต่ว่าแบบเวลามันจะเป็น seasonsบาส มันจะเป็นช่วงที่เราเรียนอยู่พอดีก็แบบปิดเทอมไปไม่ได้ เจ็ท : ผมดูแล้วผมขนลุกเลย เพราะผมอยากไปมาก เออร์วิน : อยากพาไปต่างประเทศเหมือนกันครับ อยากพาไปฝรั่งเศสแล้วกันเพราะว่าเป็นที่ที่ผมก็อยากกลับไปเหมือนกันเพราะไม่ได้ไปนานมากแล้ว คิดว่าถ้าไปพาไม่ว่าจะครอบครัวหรือว่าคนที่เรารักก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดีก็น่าจะสนุกดี คือคนส่วนใหญ่อาจจะอยากไปแบบว่าปารีสไปเมืองหลวงอะไรเงี้ย แต่ผมจะอยากไปแบบนีซ อยู่ฝั่งใต้ของฝรั่งเศสเป็นทะเลอะไรเงี้ย ผมรู้สึกว่ามันเงียบสงบกว่าโจรน้อยกว่า เพราะที่ปารีสมันก็โจรเยอะกว่า แล้วผมก็รู้สึกว่าธรรมชาติดูดีกว่า แทด : ผมอยากพาไป Road Trip ครับ รู้สึกว่าเป็นคนไม่ชอบเที่ยวแบบเมืองหลวงเมืองใหญ่มากรู้สึกมันวุ่นวายเกิน จะชอบแบบคิดว่าเกิดเราได้ไป Road Trip อย่างเช่น อเมริกา แกรนด์แคนยอนอย่างงี้หรือว่าขับเรื่อย ๆ รู้สึกว่ามันชิวดีแล้วอาจจะแบบเลื่อน TikTok เจอบ่อยที่แบบนอนอยู่หลังรถแล้วมองวิวสวย ๆ รู้สึกว่ามันเป็นบาที่ดีมาก ๆ เลยครับ มิวอ้อน : เป็นความฝันของผมเลย ไนซ์ : มาแล้ว อยากพาไปเจอจองกุก 55555 มิวอ้อน : เฮ้ยไม่ใช่ ใจเย็น ๆ อันนั้นเอาไว้คนเดียว มิวอ้อน : แต่ว่าจริง ๆ ผมถ้าแบบอายุ 40 กว่าแล้วมีครอบครัวแล้วผมแบบอยากพาไปขี่ฮาเล่ ที่แคลิฟอร์เนีย เพราะจริง ๆ พ่อแม่ไม่ให้ขี่มอเตอร์ไซต์แต่ผมเห็น อควาแมน เจสัน โมโมอา แล้วมันเท่มากผมอยากไว้หนวดแบบนั้นเลย ยาวมากหนวดเขายาวมาก แต่ผมไว้ไม่ได้มันไม่ขึ้น 5555555 ผมว่ามันน่าจะเป็นอะไรที่สนุกมากเลย เพราะว่า 1 มันไม่ใช่แบบสิ่งที่เราเคยทำแล้วก็ 2 มันก็คือแบบประเทศที่เราไม่เคยไปอยู่ แต่มันแบบน่าจะสนุกมาก จูเนียร์ : ของผมง่ายมาก ๆ เลยครับ แค่แบบวันที่มีวันหยุดวันว่างหรือว่าแบบวันที่เรามีเวลาว่างสักช่วงนึง ผมจะพาคุณแม่ไปทานข้าวครับ ผมรู้สึกว่าอยากใช้เวลาอยู่กับเขาให้มันแบบให้มันได้มากที่สุด คือให้มันได้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ ณ ตอนนี้ เพราะว่าเขาก็อายุมากขึ้นทุกวันทุกปีแล้วก็ไม่รู้ว่าเขาจะแบบ Enjoy อาหารได้เหมือนตอนนี้ถ้าแบบในอีก 10 ปีหรือเปล่าเราก็ไม่รู้ ก็เลยมองสั้น ๆ ว่าแบบวันนี้ว่างพาไปทานข้าว วันนี้ว่างพาเขาไปคาเฟ่ไปอยู่กับเขา ถ้าใหญ่ ๆ เลยทุกปีก็ตั้งเป้าว่าจะพาเขาไปเที่ยวไปเที่ยวเหมือนภูมิเลยครับใช่ ไนซ์ : ผมก็ไม่มีไรมากครับแค่รู้สึกว่า ถ้ามันว่างมีช่วงเวลาที่ว่างแค่อยู่ด้วยกันก็พอแล้ว ไม่ ๆ เพราะว่าตอนนั้นที่ผมก็เคยมีฝันว่าอยากจะพาครอบครัวไปต่างประเทศโดยที่เราออกเงินเองทั้งหมดซึ่งก็ทำไปแล้ว แล้วก็รู้สึกว่าเป็นทริปที่เหนื่อย 5555 คือมันเป็นช่วงว่างที่มันปึ๊บปั๊บแล้ว ผมก็ไม่ได้แบบเช็คสภาพอากาศไม่ได้เช็คแบบว่าฤดูของเขา ดอกมงดอกไม้อะไรเงี้ย แต่ว่าผมก็พาไปดูฟูจิ พาไปเดินช้อป พาไปทุกอย่างที่แบบควรจะไปญี่ปุ่น พาไปนอกเมืองแบบในป่าที่พ่ออยากไปอะไรเงี้ย ซึ้งร้อนมาก เพราะผมไปหน้าที่ร้อนมากแล้วฟูจิที่มันจะเป็นแบบทุ่ง แล้วข้างหลังเป็นแบบฟูจิมีหิมะอยู่ข้างบนอะไรเงี้ย ไม่มีเมฆบัง ดอกไม้ข้างล่างร่วงหมดเลย คือโล้นแล้วร้อนด้วย ผมรู้สึกว่ามันเป็นทริปที่เหนื่อยมากเพราะว่ามันเป็นทริปที่ตกรถ อาหารก็ไม่ได้แบบรีเซิร์ชไว้ก่อน ก็มีถูกใจบ้างเฉย ๆ บ้างกลาง ๆ บ้างเลยรู้สึกว่ามานั่งคุยกันกับพ่อกับแม่ พ่อผมก็ไม่ได้อยากที่จะไปไกลแต่ว่าเขาเห็นว่าผมอยากพาเขาไปเลยโอเคมาด้วย คือเขาก็แค่แบบว่าจริง ๆ แบบอยากอยู่ในประเทศไทยใกล้ ๆ อยากไปใกล้ ๆ อะไรอย่างงี้ก็ได้แล้วก็แค่แบบอยู่ด้วยกันก็พอแล้ววันนี้ทางรายการ EFM FANDOM LIVE ก็มีเกมมาให้หนุ่มๆ “ATLAS” เล่นกันด้วยชื่อเกมว่า “ATLAS 7 ผีมหัศจรรย์”บอกเลยว่าสนุกสนาน ตลก เฮฮากันสุดๆ (เข้าไปชมได้ใน YouTube : ATIME) เดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย รายการได้เปิดโอกาสให้เหล่าแฟนคลับได้เข้ามาพูดคุยกับ “ATLAS” (เข้าไปชมได้ใน YouTube : ATIME) สุดท้ายนี้ EFM FANDOM LIVE ขอขอบคุณ “ATLAS” ที่มาร่วมพูดคุย สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้แฟนๆกันก่อนเข้านอน ฝากซิงเกิลใหม่ล่าสุด “ฉันคนเก่า ( Let Me Try Again )” สามารถรับชมได้ทาง Youtube : ATLAS และฝากผลงานในอนาคตที่จะปล่อยออกมาให้ได้ชมติดตามได้ทาง Atlas_official_th รอติดตามกันได้เลยน้าสามารถเข้าไปรับชมกันได้ที่ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

Les’ break the limit down! กับ 12 หนุ่ม 789DEBUTGROUP ที่เตรียมพาทุกคนไป ROAD TRIP ร่วมเดินทางที่แสนพิเศษด้วยกัน พร้อมกระซิบถึงการเดบิวต์ของหนุ่มๆ บอกเลยภายในปีนี้แน่นอน!

11 ต.ค. 2023

Les’ break the limit down! กับ 12 หนุ่ม 789DEBUTGROUP ที่เตรียมพาทุกคนไป ROAD TRIP ร่วมเดินทางที่แสนพิเศษด้วยกัน พร้อมกระซิบถึงการเดบิวต์ของหนุ่มๆ บอกเลยภายในปีนี้แน่นอน!

รายการ EFM FANDOM LIVE [28 กันยายน 66] “ดีเจแนน - ดีเจเคเบิ้ล” จะพาทุกคนไปพบกับบอยกรุ๊ปมาแรง น่ารักแบบเกิน limit กับ 789DEBUTGROUP ที่จะมาพร้อมความสนุกสนานจาก อลัน-พศวีร์, มาร์ค-กฤษณ์, ขุนพล-ปองพล, ฮาร์ท-ชุติวัฒน์, จินวุค คิม, ไทย-ชญานนท์, เน็กซ์-ณัฐกิตติ์, ภู-ธัชชัย, คอปเปอร์-เดชาวัต, เอเอ-อชิรกรณ์, ภีม-วสุพล และจั๋ง-ธีร์ ที่จะมาพูดคุยทำความรู้จักกันเพิ่มไปอีก บอกเลยว่าวันนี้น่ารักกันสุบๆ แต่ก่อนจะไปพูดคุยกับทั้ง 12 คน งานนี้พี่ๆดีเจให้หนุ่มๆเปิดรายการด้วยการให้ทำ ENDING FAIRY ของแต่ละคน จะน่ารักขนาดไหนไปดูกันเลยย!!ความรู้สึกที่รู้ว่าได้เดบิวต์ 12 คน ไทย : ตอนเขาประกาศเด 9คน ผมก็พอมีลุ้นในใจนิดนึง แต่พอประกาศมาถึงคนที่ 7 ผมเริ่มรู้ตัวละ เริ่มหันไปมองหน้าพ่อหน้าแม่ ที่นั่งดูอยู่ ก็เริ่มเศร้าๆ เพราะว่ามองหน้าพ่อแม่แล้วพ่อแม่ยกนิ้วโป้งให้ ปกติพ่อกับแม่ไม่ค่อยได้พูดอะไรแบบนี้กับผม สักพักก็ร้องไห้จากตรงนั้นด้วย แล้วพอรู้สึกเหมือนพี่ต่อล่กๆ แปลกๆ บรรยากาศมันเริ่มงงๆ หม่นๆ แปลกๆ ผมก็รู้สึกว่า เอ้ยย…มันมีอะไร เริ่มลุ้นๆ แล้วพอพี่ย้งพูด “พี่จิน พี่ไทย พี่จั๋ง พี่ภูมิใจในตัวน้องมากปุ้ปๆๆๆ สักพัก เอ้ยย…เริ่มแปลกๆ พอเขาเริ่มพูดแบบอ้อมๆ ก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาหน่อย พอเขาประกาศก็รู้สึกเหมือน มันช็อก ตอนนั้นมันเหมือนไม่รู้ว่าต้องรู้สึกอะไร มันแบลงค์ไปหมด ดีใจจนบอกไม่ถูก จินอุค : จริงๆตอนนั้น หลังจากจบประกาศว่าเดบิวต์ 12 คน หลายวันผ่านไปคนก็บอกว่า เอาจริงวันนั้นมันดูออกเพราะว่า พี่ต่อล่ก แต่ว่าวันนั้น ตั้งแต่ชื่อจินไม่มาสักที จินก็เริ่มเศร้านิดนึงนะ แบลงค์มาก ตื่นเต้นด้วย เศร้าด้วย ไม่ได้ยินอะไรเลย ภาษาไทยคือยิ่งไม่เข้าใจกว่าเดิม แต่พอได้ยินคำสุดท้ายของพี่ย้ง “พี่อยากลองทำสิ่งที่ยากดู” ตอนนั้นดีใจมากครับ ดีใจจนร้องไห้สิ่งแรกที่แต่ละคนทำหลังจากจบคอนเสิร์ต ของ 789 คือ… ภู : หลังจบ มีผม มาร์ค แล้วก็พี่ฮาร์ท เราไปนวดกัน แต่จริงๆผมไม่เคยนวดมาก่อน แต่ว่าพอเข้ามาทำรายการแล้วก็มีคอนเสิร์ตด้วย มันก็เริ่มใช้ร่างกายหนัก ก็เลยว่างเมื่อไหร่ก็ไปนวดกัน อลัน : ของผมคือหลังจากที่จบคอนเสิร์ต แบบจบเลยตอนนั้นเลย 1 วิ ผมคือวิ่งไป backstage แล้วผมกินทุกอย่างที่ผมหาได้ ผมกินพิซซ่า เบอร์เกอร์ พุดดิ้ง สปาเกตตี้ ผมกินหมดเลยเพราะว่าผมหิวมากๆ เพราะก่อนหน้านั้นต้องกินอาหารที่เซฟต่อการร้องเพลงด้วย ถ้ากินเยอะเกินไปก่อนขึ้นคอนก็อาจจะจุก เราก็เลยกินไปไม่เยอะมาก จะมีแค่กล้วยเติมพลังนิดหน่อย ก็เลยหิวมากหลังจบคอนก็คือ ตอนที่เพื่อนๆยังอยู่ on stage ถ่ายรูปกัน ผมอยู่ backstage ในห้อง canteen คนเดียว กินพิซซ่าอยู่คนเดียว เน็กซ์ : 1วัน หลังจากจบคอนผมก็กลับไปเก็บของกลับบ้านครับ คือตอนช่วงคอนเสิร์ตผมนอน 789 home แล้วตอนนี้เขาต้องรีโนเวทบ้าน เพื่อให้ 12 คนเดบิวต์เข้าไปอยู่ใหม่ วันแรกก็ไม่ได้ทำอะไรนอนตื่นสายแล้วก็เก็บของกลับบ้านเลยครับ จัดห้อง เก็บห้องให้เรียบร้อยครับผม ภีม : ตอนนั้นถ่ายรูปเสร็จน่าจะตี 1 วันนั้นเพื่อนผมมาดูพอดีเลยไปเจอกันที่คอนโดเพื่อนแปปนึง เพื่อไปหาอะไรกิน แต่ว่าตอนนั้นมันหิวจน เลยจุดคำว่าหิวไปแล้ว ผมก็เลยไปกินสุกี้กับเพื่อน ผมบอกกับเพื่อนว่า สั่งมาเยอะๆเลยก็ได้ แล้วเดี๋ยวผมกินให้เอง แต่ว่าผมไม่รู้ว่า มันเกินลิมิตความหิวไปแล้วอะ คือผมอิ่มไปแล้ว อิ่มอะไรก็ไม่รู้ แล้วก็กินไม่หมด ตี 4 กลับไปนอน แล้วก็ตื่นมาอีกทีบ่ายสาม แล้วก็นอนต่อครับ จินอุค : วันนั้น ครอบครัวมาดูด้วยครับ หลังจบคอนเสิร์ตครอบครัวก็มารับกลับคอนโดแล้วก็สั่งเบอร์เกอร์มากินกัน วันนั้นอยากกิน fast food มาก คือใน stage อยากดูดีเพราะว่า แฟนคลับมาดูเยอะ ก็อยากดูดีที่สุดเท่าที่ทำได้ เอเอ : หลังคอนเสิร์ตเสร็จก็กลับบ้านไปนอนครับ แต่ว่าก็ได้พัก 1 คืนแล้วหลังจากนั้นก็ต้องกลับมาตามงาน แต่ว่าก็สนุกดีได้นอน 1 คืน ขุนพล : ผมจะสายวิชาการหน่อยครับ ผมกลับไปอ่านหนังสือต่อครับ คือช่วงนี้เป็นช่วงสอบมิดเทอมพอดีที่มหาลัย ความจริงผมมีเรื่องเล่า คือตอนวันแรกของคอน ผมต้องไปสอบด้วย ผมต้องนั่งรถจากเมืองทองไปที่มอ แล้วก็ไปสอบตอนเช้า สอบพูดภาษาอังกฤษ 20นาที แล้วก็นั่งกลับไปที่เมืองทองอีกรอบนึงเพื่อขึ้นคอนเสิร์ตวันแรก แล้วก็จบคอนเสิร์ตปุ้ปป วันต่อมาสอบเลย เสร็จคอนเสิร์ตอ่านหนังสือแปปนึงแล้วก็สอบเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำผมแยกประสาทยังไง แต่มันเป็นเหมือน auto pilot ไปแล้ว ความจริงวันนี้ผมก็พึ่งไปสอบมา 2 วิชาตอนเช้า ฮาร์ท : จบคอนผมก็รีบกลับบ้านไปอ่านหนังสือ แต่ว่า พอตอนเช้าตื่นไปสอบ ค้นพบว่าสิ่งที่อ่านมาไม่ได้ใช้ เพราะฮาร์ทหลับ หลับตอนสอบ ฮาร์ทตื่นมาเหลือ 10 นาที ทำใจอย่างเดียวเลยตอนนั้น คอปเปอร์ : วันต่อไปเปอร์พาครอบครัวไปกินข้าว อันนี้เลี้ยงข้าวด้วย เป็นไม่กี่ครั้งที่เปอร์เลี้ยงข้าว เพราะว่าครอบครัวเปอร์อยู่โคราช แล้วทีนี้มากันหลายคนมาก เปอร์เลยถือโอกาส เลี้ยงไปมื้อนึง มาร์ค : ผมนอน แล้วก็ตื่นมาส่งไฟล์งานให้เพื่อนนิดหน่อยครับ แล้วก็ไปนวดต่อ แล้วก็ไปกินชาบูตอน 4 ทุ่ม แล้วก็ไปนวดต่อ นวดเสร็จก็ไปกินต่อ ไทย : ของผมก็จะแหวกแนวหน่อย เพราะว่า เราใช้ชีวิตแบบใช้แรงโน้มถ่วงเพราะเราเต้นเราอะไรแบบนี้ ผมก็เลยไปว่ายน้ำ เพราะอยากลองใช้ร่างกาย ไม่ต้องมีแรกโน้มถ่วง ปล่อยใจ ปล่อยร่างไปแช่ ลอยเฉยๆ เหมือนการนอนอีกแบบคนที่คิดว่าเป็นตัวตึงที่สุดใน 789คอปเปอร์ To… ภีม คนนี้ตึงเรื่องความพูดมากแล้วก็ความกวน ทุกคนก็น่าจะรู้ ก็คือ ภีมวสุ เวลาคอนเสิร์ตที่คนอื่นเขานอนกัน จะมีเขาที่คอยมาพูดนู่นนี่นั่น alert ตลอดเวลา ซึ่งก็ดีบ้างไม่ดีบ้าง เพราะว่าบางทีเปอร์มาถึงก่อน แล้วเปอร์นอนรอ เขาแบบเข้ามาก็ถ่ายนู่นนี่นั่นตอนคนอื่นนอนกัน แล้วก็ซูมหน้า ภูธัชชัยอยู่ในเหตุการณ์ ภีม : ภูธัชชัย ผมถ่ายอยู่ แล้วเขาเหมือนนอนมา 2 ชั่วโมงวันนั้น แล้วผมเข้าไปถ่ายเขา เขาเอามือปัดกล้องผมเกือบร่วงอ่ะ แล้วผมก็เลยงอนกับเขาไปวันนึง เพราะว่าผมไปแกล้งเขา เขาก็เดินมาบอกผมว่านอนไปสองชั่วโมงเองอะไรแบบนี้ ผมไม่ได้ตั้งใจครับ ภู : มันเริ่มเช้ามาก แล้วเหมือนทุกคนก็นอนมาน้อย มาถึงก็เลยรีบมานอนต่อ ถ้าเปิดเข้าห้องไปก็คือมีแต่ศพ ภีม : เหมือนศพเลยครับพวกนั้นอะ เข้าไปได้ยินเสียงเหมือนอยู่คอกหมูอะ แบบ คร่อกกกกกก (ฮาขนาดไหนตามไปดูใน YouTube : ATIME)ภีม To …ภู ตัวตึงด้านความเสียงดัง คือ ภูธัชชัยครับ เรียกได้ว่าเขาซุ่มซ้อม เหมือนที่ทุกคนรู้ว่าเขาซุ่มซ้อมไฮโน๊ตตลอด ก็ให้เขาเป็นที่สุดของไฮโน๊ตที่ไม่รู้คุณภาพดีไม่ดีแต่ว่าเขาดังที่สุดครับ ในนี้ผมไม่ติดใครเลยนอกจากเขา เพราะว่าหนึ่งเลยคือเขาชอบแกล้งผม เวลาเขางอนผม แล้วก็เขาชอบแย่งของกินผมด้วย แล้วผมค่อนข้างซีเรียสเรื่องกินนิดนึงครับ ผมว่าเขาก็แกล้งไปทั่วครับคนนี้ แล้วก็จริงแล้ว เขาเป็นคนกินเยอะมาก เวลาไปออกงานเราก็จะมีข้าวคนละกล่อง แต่ว่าเขาจะชอบเบิ้ล เวลาเขาแจกข้าวก็จะมีหายไปกล่องนึง เพราว่ามีคนชอบเบิ้ลครับ มาร์ค : คือวันดูสเตจ ผมไม่ได้กินข้าวเลย เพราะว่าออกมาข้าวหาย ผมก็ทำไมไม่มีข้าวนะ แล้วภีมก็จะแบบ ข้าวอยู่ในปาก แล้วก็จะหันมอง ข้าวซุกอยู่ตรงตักอีกกล่องนึง ผมก็ต้องรออีกเซทนึง มื้อต่อไป ฮาร์ท : พี่ย้ง ฮาร์ทให้เป็นคนที่ซนที่สุด คอนเสิร์ตทุกคนจะเห็นว่ามันมีช่วงที่เรา quick change เปลี่ยนเสื้อผ้าเร็วๆ แต่ว่าเราวิ่งกันเร็วมากแล้วนะแต่พอไปถึงเต็นท์ที่เปลี่ยนเสื้อผ้ามีพี่ย้งยื่นอยู่ตลอด แล้วก็ตอนขอบคุณในคอนเสิร์ตสี่ด้านของเวที พอเราหันด้านนึง พี่ย้งก็ถ่ายอยู่ด้านนึง พอเราเปลี่ยนถ่ายอีกด้านนึง พี่ย้งก็ต้องวิ่งแล้วก็ถ่ายด้านนี้ ไปเรื่อยๆ เราก็เอ๊ะ พี่ย้ง นี่ก็พี่ย้งเน็กซ์ To…จินอุ คนนี้เอาให้เป็นตัวตึงด้านการ alert ในตอนเช้าแล้วกันครับผม พี่จินอุคครับผม คือเวลาเราซ้อมเช้าพี่จินจะ… เฮ้ย ทุกคนตื่นหน่อยเว้ย เร็วๆๆๆๆ (เลียนแบบพี่จินอุค) แล้วแกก็จะแบบช่วย hype ทุกคนกันหมดเลย จะชอบ hype ทุกคนตอนที่แบบยมๆ ช่วงเย็นๆปุ้ป พอถึงเวลาแอคทีพ ที่ทุกคนแอคทีพ มันมีรอบนึงที่มันจะมีท่านึง แต่พี่จิน “ทำไมกระโดดไม่ขึ้น ทำไมพี่กระโดดไม่ขึ้น” ฮาร์ท : คือตอนนั้นจินบอกว่ากระโดดแล้ว พี่คิดว่าขาพี่ลอยนะ แต่ทุกคนเห็นมันอยู่กับที่เลย ภีม : พี่บังคับร่างกายตัวเองไม่ได้เลย พี่ไม่รู้ว่าทำไม (เลียนเสียงพี่จินอุค) อลัน : จินกับมาร์คจะตรงข้ามกันมาก จินคือแอคทีพตอนเช้ามากๆพอดึกๆเขาก็จะแบบหายๆ ฮาร์ทพอพระอาทิตย์ตกดินเมื่อไหร่ เอเนอร์จี้เต็มร้อย ไทย : เวลาจะคุยกับพี่มาร์คต้องคุยหลังเที่ยงคืนเท่านั้นครับ ก่อนเที่ยงคืนพี่มาร์คจะไม่ตอบเราจินอุค To… มาร์ค พี่มาร์คแล้วกัน เอาจริงถ้าให้พูดถึงก็พูดได้ทั้งคืนทั้งวัน แต่ขอพูดแค่บางอย่างแล้วกันครับ ก็ ตัวตึงไม่ตื่นครับ คือพี่มาร์คเป็นคนนอนค่อนข้างดึกครับเมื่อก่อนผมก็นอนดึกกับพี่มาร์คเหมือนกัน แต่คนที่ส่วนใหญ่ปลุกพี่มาร์คประจำอะ เป็นผม เพราะว่าคนอื่น ยอมแพ้ที่จะปลุกพี่มาร์ค ผมเป็นคนปลุกเก่งสุดแล้ว แต่ว่าล่าสุดโดนถีบครับ คือเขาไม่รู้ตัวเลย ผมเพลอจั๋กจี๋เขา แล้วเขาก… ฮึ้ยจึ อ่อกกก(โดนถีบ) ผมก็ทำตัวไม่ถูกเดินออกจากห้อง แอบนอยด์นิดนึง แต่ว่าพี่มาร์ค เขาไม่ตั้งใจ ก็ทักมา “จินได้ยินมาว่าเมื่อกี้ถีบหรอ” แล้วก็เขาก็ขอโทษ ไม่ค่อยเจ็บร่างกายครับ แต่เจ็บใจนิดนึง เป็นน้องชายมาตั้งเกือบปีมาถีบเราได้เอเอ To… จั๋ง ตัวตึงของการเต้น TikTok ใส่ชุดนักเรียน ให้จั๋งครับ เน็กซ์ : มาจากเปอร์บอกว่าใส่ชุดนักเรียนเต้น TikTok แล้วจะแมส จั๋งก็เลยทำตามขุนพล To… ไทย อันนี้ตัวตึงสายช็อตฟิล ไทย ชญานนท์ ฮะ ผมจำได้เวลา พูดๆอยู่ ไทยจะเฮ้ยพี่ๆๆๆๆ แล้วไทยคือพูดเร็วมาก สมมุติผมกำลังพูดอยู่ไทยก็จะ เฮ้ยพี่ใช่ๆๆๆๆ ไทย : ก็จริงครับไม่เถียงครับ แต่ผมบอกเลยว่า ผมเป็นคนขัดคนอื่นเก่ง แต่มีคนขัดผมได้อีกครับ คุณเน็กซ์ ณัฐกิตติ์ครับ ผมพูดอะไรผมไม่เคยถูกครับพูดกับคนนี้ คนนี้ขัดผมตลอดครับ ทุกอย่าง ผมแพ้คนนี้ตลอด โดนขัดตลอด เป็นไทยก็ผิดครับ ผมขอแก้พี่ขุนครับ ผมแค่พูดเร็ว สมองผมมันเร็วอะ บางทีสมองมันไปแล้วแต่ปากมันยังไม่ไป ก็เลยช้า เวลาดูยูทูปผมดูคูณ 2 เพราะว่าเวลาผมดูข่าวเกี่ยวกับฟุตบอล ข่าวมัน 20 นาที ตอนเช้าผมไปโรงเรียนผมมีเวลาบนรถ 10 นาที ผมก็กดคูณ 2 ไปเลย ผมฟังให้รู้เนื้อเฉยๆอลัน To… เน็กซ์ คนที่เจ้าระเบียบกว่าผมแล้วกัน ผมว่าผมเจ้าระเบียบแล้วนะ คนนี้เจ้าระเบียบกว่า คือ เน็กซ์ ณัฐกิตติ์ครับ เน็กซ์ : ก็ มันเป็นเรื่องที่ใครๆก็รู้กันอยู่แล้วครับ ผมคงไม่ต้องพูดอะไรมาก ขุนพล : ถ้านอนด้วยกันนี่ ทุกคนไม่อยากนอนกับเน็กซ์ เพราะว่า จำได้จินอุคเล่าให้ฟังว่า ได้เป็นรูมเมทพี่เน็กซ์ ล้วแบบว่า หึ้ยยไม่อยากนอนกับพี่เน็กซ์เลยพี่เน็กซ์ปลุกเช้า ปกติเราจะมีเวลาตื่นของเราที่เราชอบ แต่เน็กซ์จะตื่นก่อนเวลา จินอุค : ผมได้เป็นรูมเมทกับเน็กซ์ช่วงคอนเสิร์ต จริงๆก็ค่อนข้างดีอยู่นะครับ เพราะเน็กซ์จะตื่นอาบน้ำก่อน แล้วผมก็จะสลับกัน Menage เวลาได้ดี เน็กซ์ : ผมเคยบอกกับพี่ย้งว่า ผมรู้สึกโชคดีมากที่ผมไม่เคยเป็นรูมเมทเปอร์กับมาร์คเลย เพราะว่าถ้าผมอยู่ ผมน่าจะปวดหัวมากๆใกล้จะมีชื่อวงแล้วว…. อลัน : ตอนนี้พวกเรากำลังเตรียมตัวการเดบิวต์อยู่นะครับแล้วก็พวกพี่ๆทีมซันเรย์วางแผนการต่างๆอยู่สำหรับการเดบิวต์ ซึ่งชื่อวงก็จะเป็นหนึ่งในซึ่งมี่เราจะแถลงให้ทราบเร็วๆนี้ครับ ซึ่งหนึ่งที่บอกได้ก็คือ พวกเราจะเดบิวต์ภายในปีนี้แน่นอนครับแน่นอนว่าหนุ่มๆ มารายการเราล้นห้องจัดขนาดนี้ ทางรายการ EFM FANDOM LIVE ของเรามีเกมให้ 789DEBUTGROUP ได้เล่นชวนเขินกันสุดๆ กับเกมที่ชื่อว่า “ก่อนเข้านอนคืนนี้ สัญญากับผมนะว่า…” (เข้าไปชมได้ใน YouTube : ATIME )มาต่อในช่วง QAQ. ถ้าต้องสลับร่าง 1 คนอยากลองเป็นใครและเพราะอะไร คอปเปอร์ : อยากลองสลับร่างกับพี่อลัน เพราะว่า อยากรู้ว่ามุมมองจากคนสูงๆอะ มันจะเป็นยังไง แล้วก็เวลาส่องกระจกเราจับหน้าท้องตัวเองเบ่งกล้ามอะไรแบบนี้เราอยากรู้มันเป็นยังไง เน็กซ์ : ผมอยากลองสลับร่างกับพี่ขุน เพราะว่า เห็นพี่ขุนชอบพูดว่า อึ้ยยเหนื่อยว่ะ ไปเรียนไปซ้อมนู้นนี่นั่นมันเหนื่อยว่ะ ผมก็อยากจะรู้ครับว่ามันเหนื่อยสักแค่ไหน อลัน : อยากสลับร่างกับมาร์คครับ อยากรู้ว่าเวลาร้องเพลงแล้วมีเสียงที่ดีขนาดนั้นอ่ะ จะตกคนได้มากแค่ไหน ขุนพล : ผมอยากสลับร่างกับไทยครับ เพราะ ไทยเคยแร็พว่า สวัสดีครับผมไทยชญานนท์ คุณคงไม่ชอบผมหรอกเพราะผมไม่หล่อเหมือนขุนพล แต่ผมอยากลองเป็นไทยเพราะผมอยากลองเป็นคนที่ดูขุนพล อยากดูว่าตัวเองจะหล่อแค่ไหนQ. ชอบอะไรของคนทางขวาของตัวเอง ไทย : ชอบรอยยิ้มภู เพราะว่ารู้สึกรอยยิ้มภู รู้สึกน่ามันเขี้ยว น่าหยิกแก้ม ดูมุจุ้ ไอ้ต้าวมุจุ้ ฮาร์ท : เปอร์ ชอบใบหน้าเขาครับ เพราะว่าเราหน้าตาเหมือนกัน หล่อเหมือนกัน มาร์ค : ชอบเสียงไทยครับ ไทยเป็นคนที่ร้องเพลงสูงได้ดีมาก ผมร้องแล้วมันดูฝืนๆ คนนี้ร้องแล้วดูสบายมาก ไทย : เอาจริงอยากสลับเสียงกับพี่มาร์คมาก เพราะว่าชอบเสียงพี่มาร์คมาก ฟังทีแล้วละลายมาก มันเพราะมากQ. ถ้าได้ไป Road Trip ด้วยกันทั้ง 12 คนอยากไปเที่ยวที่ไหนกัน เอเอ : อยากไปเกาหลีครับ เพราะเรามีพี่จิน อยู่เกาหลีจะได้อยู่ง่าย แล้วก็ไปวัดครับ ไปทำบุญเยอะๆ ภู : ผมอยากไปอเมริกาให้คนนี้พาเที่ยวคับ (จิ้มไปที่ไทย) เพราะว่าเขาเคยไป Road Trip มาแล้ว เลยคิดว่าไปกัน 12 คนน่าจะสนุกดีครับQ. ให้บอกความลับของคนที่อยู่ข้างซ้าย 1 อย่าง จินอุค : มันมีช่วงที่เอเอกับพี่ขุนอยู่ห้องเดียวกัน แล้วตอนนั้นพี่ขุนเสียงดังมาก ปกติเอเอจะไม่ยอมนอนกับใครเลยนอนคนเดียว แต่ตอนนั่นเอเอมาบอกว่า“พี่จิน เอเอไม่ไหวแล้วขอนอนด้วยได้มั้ย” ผมงงมากคนอย่างเอเอเนี่ยนะมานอนกับผม 4-5วันติดเลย เอเอก็แบบ พี่จินพี่ขุนเสียงดังอีกแล้วขอนอนด้วยได้มั้ย เอเอ : ก่อนนอนพี่ขุนชอบดูวิดีโอแล้วอยู่ดีๆก็พูดอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ อย่าง โอ้มายก้อดด อะไรแบบนี้ เอเอก็นอนไม่หลับเลยเพราะสิ่งนี้ อลัน : อันนี้จริงครับ เพราะเราต้องไปนอนกับขุนพล บางทีผมกำลังจะหลับ ผมใกล้จะหลับแล้ว แล้วขุนก็ดูของขุนอยู่แล้วก็ ฮึ้ยย!! ตลกอ่ะ! เขาอินๆQ. เวลาเหนื่อยหรือท้อมีวิธีฮิลใจกันอย่างไง อลัน : ผมฟังเพลงครับ แนว EDM ฟิลแบบปาร์ตี้เลย มันเป็นไทป์ที่ผมชอบ ก็เลยฟังแล้วแบบรู้สึกเป็นตัวเอง ฮิลใจตัวเองได้ดี หรือไม่อีกอย่างนึงก็คือขับรถ ภู : นอนครับ การนอนคือการลืมทุกอย่าง ตื่นมาก็คือวันใหม่ ขุนพล : ใช้ตังครับ รู้สึกว่า โป๊ะะ หายเลย รู้สึกว่าต้องให้รางวัลชีวิตหน่อย แบบว่า เอ้ยย ช่วงนี้เราเบื่อมากเลย เครียดมากเลย ก็ไปกินข้าวนิดนึง หรือไปซื้ออะไรให้ตัวเองนิดนึง มันจะช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้ ภีม : ดูสตอรี่ที่แฟนคลับแท็กมาครับ พยายามอ่านแล้วก็มีกำลังใจมาว่า วันนี้เหนื่อยมั้ยเขาก็เหนื่อยมันกัน ก็ฮิลใจผมได้เยอะเพราะว่าอย่างน้อยผมเหนื่อยก็มีคนเหนื่อยเป็นเพื่อน ไม่ได้เหนื่อยคนเดียว คอปเปอร์ : ส่องทวิตเตอร์ที่แฟนคลับแท็กมา แล้วก็ ไปกินของอร่อยครับ กินยังไงก็ได้ให้เยอะที่สุดให้อิ่มที่สุด มันจะมีความสุขมากๆ ผมชอบกินราเมงบะหมี่เย็นอะไรแบบนี้คับ จริงๆกินอะไรก็ได้ ขอให้แบบว่าเยอะๆแล้วก็อิ่ม มันจะเหมือนว่าหนังท้องตึงหนังตาหย่อนแล้วก็นอนเลย จะหายเครียดฮิลใจได้เลย สุดท้ายนี้... รายการ EFM FANDOM LIVE ขอบคุณ 789DEBUTGROUP ทั้ง 12 คนมากๆเลยน้าที่มาร่วมส่งความสุข ความสนุกให้เหล่าแฟนๆก่อนเข้านอนกัน ฝากเพลง BLIND SPOT, FORGET ME NOT และ ROAD TRIP และฝากติดตาม 789DEBUTGROUP ที่จะเดบิวต์ภายในปีนี้แน่นอน! ฝากทุกคนเอ็นดูเด็กๆกันด้วยนะคะสามารถเข้าไปรับชมกันได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

FANDOM AWARDS ของ “ออฟ - กัน” กับรางวัลความสัมพันธ์ที่น่ารักที่สุดในโลก! และ ‘หมอเท็น’ จะดูแล ‘เชฟเปรม’ ดีขนาดไหน! ตามไปดูกันในซีรีส์ “Cooking Crush อาหารเป็นยังไงครับหมอ”

24 ม.ค. 2024

FANDOM AWARDS ของ “ออฟ - กัน” กับรางวัลความสัมพันธ์ที่น่ารักที่สุดในโลก! และ ‘หมอเท็น’ จะดูแล ‘เชฟเปรม’ ดีขนาดไหน! ตามไปดูกันในซีรีส์ “Cooking Crush อาหารเป็นยังไงครับหมอ”

EFM FANDOM LIVE [18 มกราคม 67] คืนนี้ต้อนรับ “ออฟ - กัน” กับซีรีส์คู่ล่าสุด “Cooking Crush” พร้อมอัปเดตพูดคุยไปกับ 2 สาว “ดีเจดาว และ ดีเจแนน”ในช่วงแรกของรายการ เป็นการคัดเลือกชื่อ FANDOM AWARDS จากที่แฟน ๆ เสนอและเปิดให้โหวต1.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “ความสัมพันธ์ที่น่ารักที่สุดในโลก” อยากมอบรางวัลความสัมพันธ์ที่น่ารักที่สุดในโลกให้ “ออฟ – กัน” เพราะ ออฟ – กัน เป็นคู่ที่คอยซัพพอร์ตดูแลกันเสมอ เติบโตมาด้วยกัน ผ่านหลาย ๆ เรื่องตลอด 8 - 9 ปีนี้มาด้วยกัน เวลาไปออกงานหรือสัมภาษณ์ที่ไหน ถึงจะไปคนเดียวก็เหมือนไปสองคนเพราะพูดถึงอีกคนตลอด เป็นพื้นที่สบายใจของกันและกัน เหมือนที่น้องกันเคยบอกว่า “มีป่าปี๊อยู่ก็อุ่นใจ” เป็นคนที่เล่นอะไรขำ ๆ ด้วยกัน เวลาเล่นมุกหรือเล่นเกมอะไร ก็เป็นสองคนที่ทันกันแบบสุด ๆ จากปีแรก ๆ ที่อาจจะมีที่ไม่พอใจกันบ้าง วันนี้ก็ค่อยๆ ปรับจนแทบจะเรียกว่ามองตาก็รู้ใจ จากที่ไลฟ์สไตล์ต่างกันแบบสุด ๆ ก็ค่อย ๆ แชร์พื้นที่แบ่งเวลามาให้กัน “ออฟ - กัน” เป็นทั้งเพื่อนร่วมงานที่ดีแล้วยังเป็นพี่น้องที่น่ารัก เป็นความสัมพันธ์ที่ทําเบบี๋อย่างเราอบอุ่นหัวใจสุด ๆ ขอมอบรางวัลนี้เพื่อบอกเจ้าตัวและคนทั้งโลกว่า “ออฟ-กัน” เป็นความสัมพันธ์ที่น่ารักที่สุดในโลกเล้ยยย2.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “Best Grow Together Infinity” สำหรับแนวคิดชื่อรางวัลนี้ เพราะว่า ออฟ – กัน เป็นคู่ที่เติบโตมาด้วยกัน ปีนี้เข้าสู่ปีที่ 9 แล้วที่ทั้งคู่เดินเคียงข้างกันมา อยากให้ออฟกันเดินไปด้วยกันเติบโตไปด้วยกัน แบบนี้ไม่มีที่สิ้นสุดเหมือนสัญลักษณ์ infinity (อีกอย่างโลโก้ออฟกัน OG มีลักษณะเหมือนสัญลักษณ์ Infinity ด้วย)3.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “Comfort zone” ฟังดูเหมือนเป็นพื้นที่สบาย ๆ อบอุ่น ดูเหมือนว่าจะชัดเจนที่ความสัมพันธ์เชิงโรแมนติกแบบสบาย ๆ อีกรูปแบบหนึ่ง และหากพูดถึงความสัมพันธ์รูปแบบนี้เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงไม่คุ้นหูเท่าไหร่นัก ชอบความสัมพันธ์ในรูปแบบของ “ออฟ – กัน” มาก ความสัมพันธ์ที่เขาคอยเป็นห่วงกัน คอยดูแลกัน คอยให้คำปรึกษากัน คอยซัพพอร์ต มีเรื่องอะไรก็เล่าให้กันฟัง คอยบอกคอยเตือนกันตลอด เอาจริงไม่รู้ว่าชีวิตนี้จะได้เจอความสัมพันธ์ที่น่ารักอบอุ่นมาก ๆ แบบนี้ไหม ประทับใจในตัว “ออฟ – กัน” ทุกอย่าง ทุกเรื่อง “ออฟ – กัน” เป็นคนเก่งพัฒนาตัวเองให้ทุกคนได้เห็น เป็นคนที่ตั้งใจทำงานเป็นคนที่ใส่ใจ แสนดีกับเบบี๋และคนรอบข้างตลอด ทั้งคู่ก็เป็น Partner ที่ดีต่อกันมาก ๆ เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของกันและกัน เติมเต็มส่วนที่ขาดให้กันและกัน เป็นที่ปรึกษา คอยใส่ใจกัน เป็นความสัมพันธ์ที่น่ารักมาก ๆ ก็อยากให้มีคนรักเขาเพิ่มขึ้นทุก ๆ วัน “ออฟ – กัน” รักแฟนคลับมาก ๆ รักแบบบรรยายไม่ได้จริง ๆ คอยซัพพอร์ตแฟนคลับอยู่ข้าง ๆ คอยเล่นกับแฟนคลับ “ออฟ – กัน” จะคอยปกป้องแฟนคลับอยู่เสมอ และจะไม่ชอบคนที่ว่าแฟนคลับของตัวเอง ‘เราโตมาด้วยกัน เราร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน ทำงานมาด้วยกัน มีวันนี้ก็มีด้วยกัน’ ถ้า OG กำลังรู้สึกขอบคุณพวกเรา ได้โปรดรับรู้ไว้ว่าเราเองก็รู้สึกขอบคุณ OG อยู่ตลอดเหมือนกัน ขอบคุณที่เกิดมาบนโลกนี้ และขอบคุณความพยายามของคุณที่พาคุณมาถึงจุดนี้ จนทำให้เราได้พบได้รู้จักและได้รักคุณ อยากจะบอก OG ว่า “อยู่ตรงนี้เสมอหันมาเมื่อไหร่ก็เจอ”4.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “MY PERFECT COUPLE” กว่าจะได้มาเป็น "ออฟ - กัน" ในวันนี้ ทั้งคู่ผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะมาก ถึงแม้จะมี Personality ที่ต่างกัน แต่ทั้งคู่ก็พร้อมที่จะปรับตัวและเรียนรู้ไปพร้อมกันเสมอ ชอบความสัมพันธ์ของทั้งคู่มาก ชอบที่ทั้งคู่คอยซัพพอร์ตกันในทุก ๆ เรื่อง มีแต่ความหวังดีให้กันตลอด เป็นความสบายใจของกันและกัน พร้อมอยู่ข้างเสมอเมื่ออีกคนต้องการ หันมาเมื่อไหร่ก็เจอแน่นอน เป็นความสัมพันธ์ที่น่ารักมาก นี่แหละ MY PERFECT COUPLE คู่ที่สมบูรณ์แบบของจริง5.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “THE BEST ACTOR(S) IN A SUPPORTING ROLE FOR BABII.” รางวัลนี้ เป็นรางวัลที่สามารถตีความได้ 3 ความหมาย โดยความหมายแรก “THE BEST ACTOR(S)” เพราะออฟกันเป็นนักแสดงคนเก่งของเบบี๋ ไม่ว่าจะเล่นหนัง ละคร หรือซีรีส์เรื่องไหน ออฟกันก็ไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเองให้อยู่กับที่เลยสักวินาทีเดียว ทำให้เบบี๋ทึ่งได้ตลอด เพราะคาแรกเตอร์ สายตา น้ำเสียงไม่เคยซ้ำกันเลยสักครั้งและมีความสุดใหม่ ไม่เบื่อเลย นอกจากนี้ออฟกันยังเป็นศิลปินที่ดี จากวันแรกที่ออฟกันเต้น ร้องเพลง มาวันนี้ออฟกันก็พัฒนาตัวเองขึ้นมาเรื่อย ๆ สามารถร้องได้เพราะขึ้นจากที่เพราะอยู่แล้ว สามารถเต้นได้เก่งขึ้น แข็งแรงขึ้นจากที่เต้นเก่งอยู่แล้ว เซียนเวทีขึ้นกว่าเดิม เอนเตอร์เทนดี ตลกแบบไม่ประดิษฐ์ จนทุกคนเอ็นดู ความหมายที่สอง “SUPPORTING ROLE FOR BABI” เพราะออฟกัน เป็นสองคนที่ทำอยู่ในช่วงชีวิตของเบบี๋หลาย ๆ คน ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเรียน โดยออฟกันจะเป็นแรงผลักดัน กำลังใจ เป็นคนที่อยากทำให้เบบี๋หลาย ๆ คนพัฒนาตัวเองไปให้ดีกว่าเดิมเพื่อให้ออฟกันภูมิใจ นอกจากนี้ยังเป็นคนที่พาเบบี๋หลาย ๆ คนขึ้นมาจากช่วงที่เหนื่อย ช่วงที่ท้อ ช่วงที่เครียด จนเหมือนไม่มีแสงสว่าง แต่ก็จะมีออฟกันเป็นแรงซัพพอร์ตให้ผ่านพ้นเรื่องราวต่าง ๆ ได้ และความหมายสุดท้าย ความหมายโดยรวมของรางวัลนี้คือการที่ออฟกันเป็น Best Partner กัน คอยให้กำลังใจ ซัพพอร์ตกันและกันและการที่เบบี้ซัพพอร์ตออฟกันเหมือนกัน ถ้าใครคนใดคนนึงหายไปก็อาจจะไม่สมบูรณ์จนเป็น The Best ได้ และถ้าวันใดวันนึงออฟกันอยากที่จะลองทำอะไรใหม่ ๆ ออฟกันสามารถหันมามองรางวัลนี้ และมั่นใจได้เลยว่าในทุกการเดินทางใหม่นั้น ออฟกันจะมีกันและกัน และเบบี๋เดินซัพพอร์ตเคียงข้างเสมอถึงเวลาที่เบบี๋รอคอย~ เข้าสู่ช่วงที่สองของรายการ เราจะมาพูดคุยกับ “ออฟ - กัน”ถ้าพูดถึงความสัมพันธ์ที่น่ารักที่สุดในโลก.. ออฟ : คิดว่าเป็นความสัมพันธ์ที่เราเข้าใจกัน ไม่ค่อยทะเลาะกัน คือยิ่งอยู่ด้วยกันมันต้องยิ่งเข้าใจกัน รู้สึกว่ามันต้องเป็นแบบนั้น ซึ่งคู่เราก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาทำงานด้วยกันมาประมาณ 8 ปี เราทะเลาะกันอยู่สองครั้ง ครั้งแรกคือ เราเคยไปวิ่งงานนึงมา แล้วเขาก็มาเล่นกับเรา แล้วเราก็ปัดมือไปโดนหน้าเขา อันนี้คือทะเลาะกันเรื่องความร้อนเพราะเราเพิ่งไปวิ่งกันมาต่างคนก็ต่างเหนื่อย และเรื่องที่สองคือ “ตด” คือเราซ้อมเต้นคอนเสิร์ตนึงกันอยู่ มันมีกลิ่นไม่พึ่งประสงค์มากระแทกจมูกแล้วเหม็นมาก แล้วเราก็แบบ “ใครตด ๆ ” ด้วยความเราก็ “ไอกันตด ๆ แน่เลยยย” กันก็บอกว่า “กันไม่ได้ตด!” เริ่มโมโหขึ้นเรื่อย ๆ แล้วก็ทะเลาะกัน จนถึงวันนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าใครตด.. กัน : ความสัมพันธ์ที่น่ารักสำหรับกันก็รู้สึกว่าอย่างงี้แหละ อยู่ซัพพอร์ตกันไปเรื่อย ๆ แล้วก็เหมือนเรื่องที่ป่าปี๊บอกก็คือ เข้าใจกัน และกันก็รู้สึกว่ากันกับป่าปี๊พักหลังไม่ค่อยมีเรื่องที่ไม่ค่อยเข้าใจกัน ก็จะช่วยกันตลอดอย่างเช่น ป่าปี๊เขาจะรู้ว่ากันถ้าเล่นคอนเสิร์ต กันจะเป็นคนที่ตื่นเต้น เครียด ลืมที่ฝึกมาลืมหมด เขาก็จะช่วยกันตลอด ออฟ : อย่างคอนเสิร์ตล่าสุด “STARLYMPIC” ที่เขาติดไปงานแต่งเพื่อนไม่ได้มาบล็อคกิ้ง เราก็ช่วยจำว่าพอถึงท่อนนี้ต้องรวมนะ อะไรอย่างงี้ก็จำเผื่อแล้วลากเขาไปเวลาทะเลาะกันปกติใครเป็นคนง้อ.. ออฟ : ผม! กัน : กันไม่ค่อยง้อ ออฟ : เพราะว่าอีกวันมันต้องถ่ายละครใช่ไหม แล้วถ้าเราทะเลาะกัน ความที่มันจะต้องเข้าด้วยกัน สายตาที่เวลามองมันจะไม่ได้ เราก็เลยคิดว่าเคลียร์เลยดีกว่า เราไม่อยากให้ข้ามคืนด้วยเพราะรู้สึกว่ามันจะคาราคาซังไปเรื่อย ๆFEEDBACK จาก ‘ซีรีส์ Cooking Crush อาหารเป็นยังไงครับหมอ’ ออฟ : เราชอบอ่านจาก X ว่าเขาพิมพ์ถึงเราว่ายังไง แล้วในทุกEP.ที่ออนแอร์ เราก็พยายามดูแล้วสื่อสารกับเขา ณ ตอนที่ออนแอร์อยู่ กัน : ที่จริงเรื่องนี้แฟน ๆ เขาชอบแซวว่าแบบ “ให้ทำอาหารให้หน่อย” เพราะมีช่วงนึงกันเคยเปิดร้านในไอจีชื่อร้านว่า ‘หิวไหมอะ’ ตอนนั้นทำข้าวคลุกกะปิ ขายเมนูเดียวแล้วปิดเลย เป็นช่วงโควิดแล้วอยากหาอะไรทำอยู่บ้าน พอออเดอร์มันเยอะจริง ๆ แล้วข้าวคลุกกะปิมันใช้วัตถุดิบเยอะมาก กันก็เลยทำแค่รอบเดียวพอเลย กัน : ซีรีส์เรื่องนี้ตอนเราทำอยู่บ้าน เราอาจทำแบบผิด ๆ ถูก ๆ แต่พอเรามาเรียนต้องเป็นเชฟจริง ๆ มันมีวิธีเยอะ ต้องทำแบบนี้ หั่นแบบนี้ เวลายืนต้องหลังตรง การทำอันนี้ต้องเตรียมอันนี้ไว้ก่อน.. ออฟ : คือคนเป็นเชฟจริง ๆ แล้วมันต้องยืน 8 - 12 ชั่วโมงต่อวัน ถ้ายูหลังงอเมื่อไหร่แล้วยูติดเป็นนิสัย หลังยูจะมีปัญหาแน่นอน5ถ้าถาโถมเป็นปี ๆ ไปเรื่อย ๆวันเกิด “ออฟ” 20 มกราคม นี้แล้ว ~ ออฟ : ปีนี้ตั้งใจจะลงเสาบ้านให้สำเร็จ! พูดมาปีกว่าแล้วยังไม่ได้ลงสักที กัน : ก็ขอให้ป่าปี๊มีความสุขมาก ๆ คิดอะไรอยากจะทำอะไรก็ขอให้สมหวัง สุขภาพร่างกายแข็งแรง มีงานมาเยอะ ๆ ออฟ : ให้เยอะ ๆ คู่ดีเลย ขอบคุณค้าบ สาธุ ๆการร่วมงานกับ ‘พี่ตั้ม พี่โดม พี่ส้วม’ ในซีรีส์ Cooking Crush กัน : สนุก~ ออฟ : กันชอบเข้ากับพี่ส้วม กัน : กันชอบเพราะพี่ส้วมเขาจะแบบเล่นมุก ทั้งพี่ตั้ม พี่โดมด้วย ทุกคนเก่งหมด เวลาเราเข้าซีนด้วยกันแล้วมันต้องจริงจัง กันก็จะขำตลอด ออฟ : คือพี่ส้วมแค่พูดธรรมดาก็ขำแล้ว พูดธรรมดาไม่ต้องบทเลย แล้วพอไปอยู่ในซีน ซีนครึ่งชั่วโมงขำอีกประมาณครึ่งชั่วโมงตอนแรกซีรีส์อาจมีความคอมเมดี้ แต่ตอนหลังมีความโรแมนติกมาก ออฟ : มีความโรแมนติก มีดราม่านิดหน่อย มันก็ต้องมีโรแมนติกอยู่แล้ว ไม่งั้นแบบหนังตลก ๆ อย่างเดียว คนก็จะรู้สึกว่ามันจะตลกไปไหม ต้องมีอะไรมาตัดความตลกบ้าง มีความรักมาเกี่ยวข้องบ้าง ซึ่งใน EP.7 มันเหมือนเราต้องห่างกัน แล้วพอ EP.8 ที่จะถึงมันเหมือนเป็นบททดสอบของเราแล้วว่าหลังจากนี้พอเราห่างกันแล้วแต่ละคนจะเป็นยังไงบ้างวันนี้ทางรายการ EFM FANDOM LIVE ของเราก็มีเกมให้ “ออฟ - กัน” เล่นกันด้วย กับเกมที่ชื่อว่า “อาการเป็นยังไงครับหมอ” โดยเปิดสตูแห่งนี้ให้เป็นห้องตรวจของหมอออฟ และให้กันเป็นคนไข้มาหาคุณหมอด้วยอาการต่าง ๆ สนุกสนานกันแน่นอน! (เข้าไปชมได้ใน YouTube: ATIME)เดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย รายการได้เปิดโอกาสให้เหล่าเบบี๋ ได้โทรเข้ามาพูดคุยกับ “ออฟ-กัน” เป็นเบบี๋ตอนช่วงทฤษฎีจีบเธอ ไปโดนน้ำตาน้องกันใน EP. สุดท้ายตก ที่พี่ค่ายไปขอเติร์ดเป็นแฟนบนเวที อยากขอบคุณทั้งพี่ออฟ แล้วก็น้องกันมาก ๆ ที่เป็นกำลังใจให้กับเบบี๋หลาย ๆ คน ให้ผ่านเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิตมาได้ พอมาชอบ ออฟ-กัน ก็อยากตั้งใจเรียนให้มากขึ้น ไม่อยากให้ทั้งพี่ออฟและน้องกันผิดหวังในตัวเรา พอวันนี้สอบติดก็ดีใจเพราะถึงเราติ่งไปด้วยมันก็ไม่ได้ทำให้การเรียนเราแย่ อยากบอกว่ารักทั้งคู่ แล้วก็อยากให้อยู่ด้วยกันด้วยความสัมพันธ์ที่ดีแบบนี้ไปเรื่อย ๆ มันดีมันน่ารักมาก ๆ แล้ว ช่วยกันส่งเสริมทั้งเรื่องส่วนตัวเรื่องการงานให้มันเจริญรุ่งเรืองไปเรื่อย ๆ ตั้งแต่ได้รู้จักน้อง ๆ มา น้อง ๆ เป็นเด็กที่น่ารัก เป็นเด็กที่ทำงานเก่ง แล้วก็เป็นที่รักของแฟนคลับ ก็อยากขอบคุณทั้งคู่ที่เป็นความสุขให้แฟนคลับ เป็นความสุขให้กันและกันในแต่ละวัน เป็นห่วงน้อง ๆ ในเรื่องสุขภาพ เพราะอย่างที่เห็นกันคือ น้องทั้งคู่ทำงานหนัก ทั้งถ่ายละคร แฟนมีต ไหนจะอีเว้นท์ อยากให้น้อง ๆ พักเยอะ ๆ แล้วก็กินให้อิ่มนอนให้หลับ มีความสุขมาก ๆ ในการใช้ชีวิตในแต่ละวันรางวัล “ความสัมพันธ์ที่น่ารักที่สุดในโลก” กัน : ขอบคุณทุกคนที่โหวตรางวัลนี้ให้กันกับป่าปี๊ เราสองคนก็จะรักษาความสัมพันธ์แบบนี้ที่น่ารักที่สุดในโลกไปเรื่อย ๆ ออฟ : ยินดีมาก ๆ ที่ได้รับรางวัลนี้ ถือว่าเป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่ของเราทั้งสองคนมากสุดท้ายนี้ EFM FANDOM LIVE ขอขอบคุณ “ออฟ-กัน” ที่มาร่วมพูดคุย สร้างความสุข ความน่ารักให้กันในรายการ และก่อนที่จะจบรายการกันไป ฝากติดตามซีรีส์ “Cooking Crush อาหารเป็นยังไงครับหมอ” ทุกวันอาทิตย์ เวลา 20:30 น. ทางช่อง GMM25 และเพลง What's Zabb ซึ่งเป็นเพลงที่สามที่ออฟกันได้ร้องคู่กัน ไปติดตามกันได้เลยยย!สามารถเข้าไปรับชมกันได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

ขอบคุณ “เบ๊บ – ชาลี” ที่เป็นความสดใสในซีรีส์ ทำให้มันออกมาถึงชีวิตจริงของ “พูห์-พาเวล” จนได้รับรางวัล EFM FANDOM AWARDS ในสาขา “Be shine on your way”

30 ม.ค. 2024

ขอบคุณ “เบ๊บ – ชาลี” ที่เป็นความสดใสในซีรีส์ ทำให้มันออกมาถึงชีวิตจริงของ “พูห์-พาเวล” จนได้รับรางวัล EFM FANDOM AWARDS ในสาขา “Be shine on your way”

สัปดาห์ที่สองของรายการ EFM FANDOM LIVE [25 มกราคม 2567] ซึ่งคืนนี้ “ดีเจดาว และ ดีเจแนน” เปิดสตูดิโอต้อนรับ “พูห์ พาเวล” กับซีรีส์คู่เรื่องแรก “PIT BABE The Series”ในช่วงแรกของรายการเป็นการคัดเลือกชื่อ “EFM FANDOM AWARDS รางวัลพิเศษ เพื่อคนพิเศษ” จากที่แฟน ๆ เสนอและเปิดให้โหวตกัน1.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “บุคคลที่ควรได้รับความรักแห่งปี ( Love Award )” ที่เสนอรางวัลนี้ส่วนตัวรู้สึกว่าทั้งสองคนควรได้รับความรักมาก ๆ เลยถึงตอนนี้จะมีคนรักเขามาก ๆ แล้วแต่เราก็อยากให้รางวัลนี้อยู่ดีเพราะตั้งแต่วันแรกที่ทั้งสองคนคิดจะทำตรงนี้ทั้งคู่ตั้งใจมากพยายามมาตลอดระหว่างทางอาจจะมีคนเห็นบ้างไม่เห็นบ้างแต่ก็ยังพยายามอยู่จนถึงตอนนี้ทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิมยังพัฒนาตัวเองเรื่อย ๆไหนจะความAppreciateในความรักของแฟนคลับอีกทุกครั้งที่เขาได้รับมาเขาจะตอบแทนความรักของแฟนคลับได้ดีเสมอแล้วจะเหลือเหตุผลอะไรที่จะไม่รักคนแบบนี้ เลยขอเสนอรางวัลLove Awardที่หมายถึงบุคคลที่ควรได้รับความรักแห่งปีให้ ถ้าใครยังคิดลังเลว่าจะรักเขาดีมั้ย?เราก็จะบอกไปเลยว่ารักเหอะเขาควรได้รับความรักจากทุกคนจริง ๆ2.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “The Perfect Blend”​ แตกต่างแต่ลงตัว คือนิยามของคู่นี้ ด้วยความต่างของอายุที่ก็มากอยู่นะตั้ง 6 ปี ต่างวัฒนธรรมที่เติบโตกันคนละประเทศ เส้นทางที่ผ่านมาก็ดูเหมือนว่ายากมากที่จะได้มาบรรจบกันพอดี แต่วันนี้มันก็เกิดขึ้น และที่น่ารักกว่าก็คือทั้งสองคนBlendความต่างนั้นให้สามารถเข้ากันอย่างลงตัว ไม่มากไปไม่น้อยไป สิ่งที่ทั้งสองคนเล่าผ่านสื่อให้ได้เห็นบางส่วนของความสัมพันธ์พี่น้องที่กว่าจะพัฒนาจนแข็งแรงขนาดนี้ ต้องผ่านทั้งการพูดคุย เปิดใจ ขออนุญาต และอนุญาตให้รู้จักอย่างตั้งใจในมุมที่คนพี่เข้มแข็งเป็นที่ปรึกษาในหลายอย่างที่เคยเจอมาก่อน แต่ในขณะเดียวกันคนน้องก็เป็นความสดใสเป็นที่พึ่งทางใจเพราะมีพื้นฐานหัวใจที่แข็งแรงมาก ๆ มันเป็นอะไรที่น่ารักจนคนข้างนอกมองเข้าไปก็ชื่นใจไปด้วย ส่วนตัวเชื่อนะว่าต่อให้เส้นทางข้างหน้าที่ไม่รู้ว่ามีอะไรรออยู่บ้าง ทั้งสองคนก็จะยังสามารถคงความสัมพันธ์พี่น้องที่ดีต่อกันนี้เอาไว้ได้ในชีวิตจริงแน่ๆ เป็นอีกหนึ่งทฤษฎีความสัมพันธ์ที่โชว์ให้เห็นว่าหลังจากผสมกันจนเข้าที่แล้วมันจะกลายเป็นสีที่ลงตัวและพอดี เป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้ทุกคนที่ผ่านเข้ามารู้จักพูห์กับพาเวลจะต้องประทับใจในสิ่งที่ทั้งคู่ปฏิบัติต่อกันอย่างเคารพซึ่งกันและกันแน่นอน3.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “คู่จิ้นติดเทอร์โบ” แนวคิดคือ มี 2 เหตุผล 1. เป็นคู่ที่แมสไวมาก จากคนที่ไม่เคยรู้จักน้องทั้งคู่มาก่อนเลยจริง ๆ เพิ่งมารู้จักจากพิษเบ๊บนี่แหละ และรู้จักตอนที่ซีรีส์ฉายยังไม่ทันครึ่งเรื่องเลย แต่ตอนนี้หลงรักและติดตามน้องทั้งคู่ ซัพพอร์ตทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เลยค่ะ 2. เป็นคู่ที่พูห์พาเวล เป็นกัปตันที่ชงโมเม้นเก่ง จีบกันเก่ง จนสาววายสมองไหลอย่างเราไม่ต้องใช้ไม้พาย ทำแค่นั่งอยู่บนเรือที่ติดสปีดเทอร์โบ จิบไวน์สวย ๆ ดูเค้าจีบกันค่ะ4.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “Be shine on yourway” เปล่งประกายในแบบของคุณ (พูห์-พาเวล) You’re my Starlightเพราะคุณคือแสงสว่างของเรานะ​รางวัลนี้ได้แรงบรรดาลใจจาก ความสัมพันธ์ของพี่พาเวลและน้องพูห์ ทั้งสองเป็นคู่พาร์ทเนอร์ที่ดีในทุก ๆ ด้าน เขาคอยซัพพอร์ตกันทุกช่วงเวลาตลอดการเดินในเส้นทางนี้ พี่พาเวลให้ความเอ็นดู เป็นทั้งพี่ชาย เพื่อนสนิท เพื่อนร่วมงาน ที่คอยให้คำปรึกษา ให้คำแนะนำกับน้องพูห์เสมอ และน้องพูห์ก็ยังเป็นเด็กดื้อคนโปรด ที่ให้คำปรึกษาทั้งเรื่องงาน เรื่องส่วนตัว และยังเป็นความสบายใจของกันและกัน สัมผัสได้ถึงความหวังดีที่ทั้งสองคนมีให้กันมันออกมาจากความรู้สึกข้างในจริง ๆ ทั้งสองคนมีความพยายามและตั้งใจสร้างสรรค์ผลงานนี้ออกมา จนเป็นที่รู้จัก มีคนติดตาม ชื่นชมผลงานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ความพยายามที่ผ่านมามันเหมือนแสงสว่างที่ค่อย ๆ เปร่งประกายออกมาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ความน่ารัก ความธรรมชาติของทั้งสองคน จะทำให้มีคนรักเพิ่มขึ้นเยอะกว่านี้แน่นอน ถึงเวลาที่ทั้งสองคนจะต้องถูกค้นพบแล้วLight in your mind Shine on your way5.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “The Polaris” Polarisคือดาวเหนือ เป็นสัญลักษณ์ของการนำทาง เพราะไม่ว่าจะเป็นกลางวันที่พระอาทิตย์ฉายแสง หรือ กลางคืนที่พระจันทร์ส่องสว่าง ดาวเหนือก็จะอยู่ที่จุดเดิมเสมอ เป็นสัญลักษณ์แทนความมั่นคง สม่ำเสมอไม่เปลี่ยนแปลง เราชอบแนวคิดที่ว่าไม่ว่าเราจะเดินทางไปไหน มาจากเส้นทางอะไร แต่ดาวเหนือก็ยังอยู่ที่เดิมรอการค้นพบ ส่องสว่างและนำทางให้กับผู้พบเห็นเสมอ เราคิดว่าทั้งคู่ก็เหมือนกับดาวเหนือของแฟนคลับ ไม่ว่าคุณจะหลงทาง เหน็ดเหนื่อย หรืออยากจะส่งมอบความสุขให้ ทั้งคู่ก็ยังอยู่ตรงนั้นในที่ที่เราต่างมองเห็นกันและกันในสายตา ส่องสว่างเป็นสัญลักษณ์ในการนำทางพาแฟนคลับไปเจอสิ่งดี ๆ ที่รออยู่ หรือในอีกด้าน แฟนคลับเองก็จะเป็นดาวเหนือของทั้งคู่ที่จะคอยส่องแสงนำทางให้ แม้ไม่ได้สว่างที่สุดในจักรวาล แต่ก็จะอยู่ตรงนั้น ตรงที่เดิมที่พูห์กับพาเวลจะหันมาแล้วเจอเสมอ ที่เดิม..ไม่เคยเปลี่ยนแปลงถึงเวลาที่ทุกคนรอคอยแล้ววว! เข้าสู่ช่วงที่สองของรายการ เราจะมาพูดคุยกับ “พูห์ พาเวล”รางวัล “Be shine on yourway”ความสว่างในชีวิตของกันและกัน พาเวล : เรื่องของเอนเนอร์จี้ น้องพูห์เป็นคนที่มีเอนเนอร์จี้ที่บวกมาก เวลาอยู่ด้วยจะแฮปปี้ตลอดเวลา เหมือนเขาเข้ามา เขาจะบ๊อกแบ๊กๆ ของเขาอยู่แล้ว แต่ผู้ชายนิสัยบ๊อกแบ๊ก ๆ บอกเลยว่าอยู่ด้วยแล้วจะมีความสุข พูห์ : สำหรับผมคงเป็นเรื่องการทำงานในวงการบันเทิง เพราะว่าตั้งแต่อยู่ด้วยกันตอนซีรีส์ พี่เขาก็ช่วยผมหลายอย่าง ตั้งแต่เวิร์คช็อป ต่อบท แอคติ้งต่าง ๆ จนทุกคนได้ดู “PIT BABE The Series” อย่างที่ทุกคนได้เห็นรางวัล “คู่จิ้นติดเทอร์โบ”คะแนนความเต็มที่ของ “พูห์ พาเวล” ในซีรีส์นี้ พูห์ : ประเด็นคือผมเล่นเรื่องแรก เรื่องแรกมันต้องใส่สุด เต็ม 10 ก็ใส่ 10 กว่าจะได้โอกาสที่มายืนตรงนี้ก็เลยอยากทำให้มันเต็มที่ที่สุด พาเวล : สำหรับผมก็น่าจะเหมือนกัน เพราะว่าก่อนที่ผมจะมาเล่นเรื่องนี้ ผมเคยเล่นอีกเรื่องหนึ่งมาก่อน แล้วหลังจากนั้นโควิดก็มา ก็พักหายไปยาว ๆ ไม่รู้จะทำอะไร ชีวิตกลับมาได้แคสเรื่องนี้ ก็ได้โอกาสที่เป็นโปรเจกต์ใหญ่มากก็ใส่ไปเต็มแมกซ์ เรื่องแอคติ้ง เรื่องทุกอย่าง แต่หลังจากนี้ก็จะพัฒนาต่อไปเรื่อย ๆสิ่งที่อยากทำร่วมกันในวงการบันเทิง พาเวล : แล้วแต่ผู้ใหญ่ใจดี 2 ท่านที่อยู่ห้องถัดไปเลยฮะ555 ถ้ามีซีรีส์ด้วยกัน สักเรื่องก็ดี หลาย ๆ เรื่องเลยก็ได้ไม่ติด ตอนนี้ยังออนแอร์อยู่ยังไม่จบ เดี๋ยวพอหลังจากนั้นก็มีโปรเจกต์อีกแน่นอน แต่ตอนนี้ก็ฮึบไว้ก่อน พูห์ : เอาจริงผม ผมรู้สึกว่าแค่ตรงนี้มันก็ใหม่กับผมมาก ๆ ไม่รู้พี่เคยเจอหรือยัง แต่ของผมมันใหม่ทุกอย่างด้วยความที่ “พูห์ พาเวล” ติดเทอร์โบทุกอย่าง พูห์ : ชีวิตเปลี่ยนไปเหมือนแบบมีคนคอยซัพพอร์ต เหมือนมีอีกครอบครัวหนึ่งที่คอยดันหลังเรา คอยซัพพอร์ตเรา จากตอนแรกที่เป็นนักเรียนธรรมดา อยู่มหาลัยวิ่งเล่นกับเพื่อน ตอนนี้มันก็มีชีวิตการทำงานเข้ามาด้วย แต่ผมว่าทำทุกอย่างไปพร้อมกันสนุกสุด พาเวล : ของผมก็…เคยอยู่ในวงการนี้มาละ แต่ว่ามันก็ไม่ขนาดนี้ พอตอนนี้เวลาไปไหนก็ต้องแต่งตัวให้ดูดีหน่อย เมื่อก่อนเราจะชิลล์ไง ๆ ใส่ขาสั้น ออกไปข้างนอกก็ใส่รองเท้าแตะ เดี๋ยวนี้ก็ต้องเต็มหน่อย เผื่อไปเจอแฟน ๆ ข้างนอกพูห์โดนเพื่อนที่มหาลัยแซวชื่อฉ่ำ พูห์ : มันแซวไปเรื่อยเลย ชาลีนี่ก็มี ลูกหมาก็มี ดาราก็มี555 เพื่อนล้อจนชินละ ตอน “PIT BABR the series First Premiere” EP.1 ผมชวนเพื่อนมางาน เพื่อนก็มา ซึ่งทั้งแถบ 30-40 คน เพื่อนผมวิศวะหมดเลย พาเวล : ตอนนั้นบัตรเรายังไม่เต็ม555 พูห์ : แต่บัตรตอนสุดท้ายของเรา พาเวล : หมดภายใน 5 นาทีน้ารางวัล“บุคคลที่ควรได้รับความรักแห่งปี ( Love Award )”วิธีสัมผัสถึงความรักที่แฟน ๆ มอบให้ พูห์ : เหมือนความรักเขาค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกรอบ พาเวล : มีหลายอย่างมาก อย่างแรกเวลาเราไปออกงาน เขาก็จะช่วยดันหลังเรา ปั่นเทรน คอยซัพพอร์ตเรา เพื่อให้งานออกมาดีและลูกค้าแฮปปี้ เขาก็จะช่วย ๆ เรา แล้วเวลาไปออกงานเขาก็จะคอยเซ็ต จัดออแกไนซ์กันเองภายในบ้าน รู้สึกตื้นตันที่เขาออแกไนซ์กันแบบรวมพล อเวนเจอร์ แล้วเขาทำงานเป็นระบบกันมาก พูห์ : ใช่ แล้วเขาจัดการทุกอย่าง พาเวล : แบบเสร็จเก็บของ เก็บขยะทุกอย่าง พูห์ : อย่างที่ผมบอกมันค่อย ๆ เพิ่มขึ้น ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของเรา อย่างงานครั้งแรกของผม ตอนมีคนมาจัดให้คืองานวันเกิดปีที่แล้ว ประมาณเดือนกรกฎาคม ตอนนั้นจัดที่ตึกแกรมมี่ ก็มีคนกลุ่มหนึ่ง ตอนนั้นดีใจมาก แฮปปี้มากที่มีคนมาจัดงานวันเกิดให้ แล้วมันก็เหมือนมองภาพจากวันนั้นมาถึงวันนี้ มันค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนแบบตกใจทุกครั้งที่ได้เจอ พาเวล : ขอเล่าเรื่องเหตุการณ์หนึ่ง คือพวกเราได้เจอแฟนคลับตอนที่ซีรีส์ออนไปแล้วประมาณ 1-2 รอบ ก็ได้เห็นจำนวนที่เพิ่มขึ้น แต่จะมีอยู่ตอนหนึ่งที่ EP.6 และมีไปเก็บโปรเจกต์ที่ MBK พูห์ : โห สะพานแทบพัง! พาเวล : จริง เกือบพัง คนเยอะมากกกกกรางวัล “The Perfect Blend”จากเรื่องที่ Blend ไม่เข้ากัน จนกลายมาเป็นความลงตัว พูห์ : ตอนแรก ๆ ก็เหมือนคน 2 คนที่ไม่รู้จักกัน แล้วก็ค่อย ๆ รู้จักกันเรื่อย ๆ เจอครั้งแรกตอนงานวันเกิดพี่ฉอด เจอเขาใส่แจคเก็ตลายสก็อต และก็เดินแอค ๆ เท่ ๆ ตอนนั้นก็ยังไม่รู้ว่าต้องทำงานร่วมกัน ยังไม่รู้จักใคร พาเวล : ตอนนั้นที่เจอกันผมอยู่ข้างหน้า เพราะผมรู้จักทีมงาน เพื่อน ๆ ที่เป็นนักแสดงด้วยกันแล้ว แต่น้องพึ่งมาใหม่ ผมหันไปน้องก็ทำตัวไม่ถูก คนอื่นก็จอย ๆ กินข้าวกัน ปาร์ตี้กัน น้องก็ยืนงง ๆ ก็หันกลับไปเห็นเด็กชายคนหนึ่งที่หน้าเล็ก ๆ หน้าเป๊ะ ๆ หล่อ ๆ คนหนึ่ง ก็พยายามชวนเขามาจอย ๆ ยังไม่ค่อยได้คุยกันมากตอนนั้น ยังไม่ค่อยรู้จัก แต่เหมือนตอนนั้นเขาไม่ค่อยคุยกับใคร พูห์ : วันที่ได้คุยจริงจังคือวันที่แคส จะมีรอบแรกแนะนำตัว และตอนบ่ายมีเข้าคู่ เราก็ได้มาคู่กัน และได้เล่นบท บทหนึ่งก็คือบทซีนเปิดของ PIT BABE นั่นแหละ พาเวล : คือเขาให้จับเข้าคู่กันและก็ไปเล่น พวกผมได้สลับคู่ประมาณ 7 คนที่ต้องสลับไปสลับมา ผมได้เล่นเป็นบทเบ๊บ 7 ครั้ง หลายคนมากก็เข้ากับน้อง พอเข้ากับน้อง น้องก็ทำอะไรไม่ค่อยถูก เพราะเป็นซีรีส์เรื่องแรกก็ยังไม่ค่อยกล้า บทมันให้แบบว่า ‘งั้นมึงก็ลองมาทำดิ ผมก็ปิดปากทำเองเลย’ แล้วคลิปนั้นดันไวรัล หลังจากนั้นก็ได้เวิร์คช็อปด้วยกัน พูห์ : หลังจากนั้นก็มี ‘Boys Journey ภารกิจพิชิตใจ’ ด้วย ไปเล่นกิจกรรมต่าง ๆ อันสุดท้ายก็มาออกกล้อง เปิดกองอันนี้อยู่ด้วยกัน 2-3 เดือนแทบจะทุกคิวรางวัล “The Polaris”ความมั่นคงและความเสมอต้นเสมอปลายของทั้งคู่ พูห์ : ผมว่าน่าจะเป็นแพชชั่นเขา แพชชั่นเขาคงที่มาก เต็มที่กับทุกอย่าง เพราะด้วยความที่เขาเต็มที่กับทุกอย่างนั่นแหละ เขาเลยสามารถช่วยผมได้เยอะมากในการทำงาน พาเวล : ของน้องก็เหมือนกัน เรา 2 คนมีเป้าหมายเดียวกันที่อยากทำให้มันดีที่สุด น้องเขาก็ใหม่ แต่เขาอยากเล่นบทชาลีออกมาให้ดีที่สุด อยากให้ทุกคนทั้งโลกได้เห็นเขาเป็นลูกหมาที่น่ารัก เขาก็ตั้งใจมาปรึกษาผมว่าต้องทำยังไง บทนี้ต้องเล่นยังไง เราต้องลองหลายวิธีกันไหมเวลาเล่น แล้วพอซีรีส์ออนไป เขาก็ยังมีแพชชั่นที่ทำงานต่อ เวลาไปออกงานก็ปรึกษากันตลอดว่าต้องทำยังไงความผูกพันของ “พูห์ - พาเวล” กับ “เบ๊บ ชาลี” พาเวล : ตอนอ่านบทมันเห็นเป็นตัวหนังสือ แต่พอเรามาเล่นจริง ๆ แล้วทุกซีนมันปะติดปะต่อกัน สงสัยเหมือนกันว่าทำไมเบ๊บขี้วีนจัง แต่ผมก็คิดนะว่ามันก็มีเหตุผล คือเบ๊บเป็นคนที่โดนอะไรมาเยอะ ทั้งพ่อบุญธรรม พ่อแท้ ๆ ก็ทิ้งเขาไป เพื่อนก็หักหลัง มันมีหลายปัจจัย และผมอยากบอกตัวละครเบ๊บว่า ‘แข็งแรงให้พอ...’ พูห์ : อยากบอกชาลีว่า ‘ขอบคุณที่เป็นความสดใสในซีรีส์ให้กับคุณพี่เบ๊บ และก็ทำให้มันสดใสออกมาถึงชีวิตพวกเรา 2 คนเลย’ มันทำให้ผมมีความสุขแบบเดียวกับในซีรีส์เลยและวันนี้ทางรายการ EFM FANDOM LIVE ของเราไม่ได้แค่มาพูดคุยกับ “พูห์ – พาเวล” แต่ทางรายการก็มีเกมมาให้ทั้งคู่เล่นกันด้วย กับเกมที่มีชื่อว่า ‘พี่เบ๊บพาผมไป... หน่อยนะค้าบบบ’ บอกเลยว่าโคตรสนุก งานนี้พลาดไม่ได้แน่นอน! (เข้าไปชมได้ใน YouTube : ATIME)เดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย รายการได้เปิดโอกาสให้ #เด็กเบ๊บทุกคนได้โทรเข้ามาพูดคุยกับ “พูห์ - พาเวล” น้องพูห์เป็นแรงบันดาลใจสำหรับตัวของเราเอง น้องมีรอยยิ้มที่สดใสมาก มองทีไรแล้วรู้สึกสบายใจ ทำให้เรารู้สึกว่าต้องเดินต่อไปให้ได้ ไม่ว่าข้างหน้าจะเจอเรื่องอะไรก็ตามที่ทำให้เราไม่สบายใจ พาเวลก็เหมือนกัน น้องเก่งมากที่ทำได้ขนาดนี้ อยากให้น้องเติบโตไปเรื่อย ๆ ตัวเราเองอยากเป็นแรงซัพพอร์ตให้น้องทั้ง 2 คน ไม่ว่าน้องจะเดินไปทางไหนก็ตาม เราจะเป็นกำลังใจให้ ไม่ว่าพวกแกจะไปในทิศทางไหน เราพร้อมที่จะซัพพอร์ตให้แกไปทุก ๆ ทาง และหวังว่าจะประสบความสำเร็จในจุดที่สูงที่สุดของสิ่งที่คาดหวัง ขอบคุณที่เป็นความสุขให้เรามาโดยตลอด ตั้งแต่ติ่งพวกเขามามีความสุขทุกครั้งเลย เวลาทำงาน เวลาเหนื่อย แค่มองภาพพวกเขาก็มีความสุขแล้วก่อนจะจากกันไป “พูห์-พาเวล” ขอบคุณสำหรับรางวัล “Be shine on yourway” พาเวล : ขอบคุณที่ช่วยกันโหวตให้พวกเราได้รางวัลนี้มา “พูห์-พาเวล” รางวัลแรกและพวกเราจะทำตัวน่ารัก เป็นเด็กดีของพวกคุณตลอดไป และก็จะอยู่ด้วยกันไปนาน ๆ พูห์ : ขอบคุณทุกคน การที่ทุกคนมาอยู่ตรงนี้ มาร่วมดูไลฟ์ มาร่วมโหวต มันมีค่ามากกว่ารางวัลที่เราได้ การที่ทุกคนมาอยู่ด้วยกันมันดีมาก ๆ อยู่ด้วยกันไปนาน ๆ นะเธอ...สุดท้ายนี้ EFM FANDOM LIVE ขอขอบคุณ “พูห์-พาเวล” ที่มาร่วมพูดคุย สร้างความสุข ความน่ารักให้ #เด็กเบ๊บทุกคน และเหล่าแฟนๆรายการ ฝากติดตามซีรีส์ “PIT BABE The Series” ทุกวันศุกร์ เวลา 21:15 น. ทางช่องวัน 31 ฝากเพลง “BETTER ME” ซึ่งเป็นเพลงคู่ระหว่าง “พูห์ – พาเวล” และ “แข็งแรงไม่พอ” เพลงจาก “พาเวล” กันด้วยน้าาาสามารถเข้าไปรับชมกันได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

album

0
0.8
1