Talk with "NONT TANONT" ถึงซิงเกิลล่าสุด "คลั่งเธอ (Dopamine)"

Chill Talk

Talk with "NONT TANONT" ถึงซิงเกิลล่าสุด "คลั่งเธอ (Dopamine)"

หลังจากออกทัวร์คอนเสิร์ต 4 ภาค "นนท์ ธนนท์" ก็ไม่ปล่อยให้แฟน ๆ รอนาน ส่งซิงเกิลใหม่ล่าสุด อย่างเพลง "คลั่งเธอ (Dopamine)" มาให้แฟน ๆ ได้โยกตามกันเบา ๆ ซึ่งงานนี้ได้ "แอ้ม อัจฉริยา" นักแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์คู่หูของนนท์ มาร่วมทำงานด้วยกันอีกครั้ง พร้อมควง "หลิน มชณต" มาร่วมแสดง MV ที่เป็นการถ่ายแบบ One-take ครั้งแรก เราจึงได้ชวนนนท์มาพูดคุยถึงเบื้องหลังการทำงานในซิงเกิลนี้ และโมเมนต์ดี ๆ ระหว่างเส้นทางการเป็นศิลปินของเขากัน

ซิงเกิลใหม่ "คลั่งเธอ" มาในคอนเซ็ปต์อะไร

“คอนเซ็ปต์ของมันคือคนที่ไม่ได้คลั่งรัก แต่ว่าคลั่งเธอ ไม่ได้คลั่งทุกความรักที่เข้ามา แต่เราคลั่งแค่กับคนคนนี้”

แล้วปกติชีวิตจริงของนนท์ เป็นคนคลั่งรักไหม

“ในมุมผมก็รู้สึกว่าเป็นคนปกตินะ เวลาที่เรารักหรือแคร์ใครสักคน เราก็อยากที่จะให้เขามีความสุขมาก ๆ มันเป็นปกติ ในที่นี้คือไม่ได้พูดถึงความสัมพันธ์แบบแฟนเท่านั้น ครอบครัว คุณพ่อ คุณแม่ เราก็อยากให้เขามีความสุข แข็งแรง”

MV นี้ เป็นการเล่น One-take ครั้งแรกของนนท์ด้วย ยากไหม ใช้เวลาเตรียมตัวนานหรือเปล่า

“ทำการบ้านนาน เพราะตอนที่เราเริ่มขึ้นคอนเซ็ปต์ของตัว MV นี้ เป็นช่วงที่นนท์เริ่มทัวร์คอนเสิร์ต 4 ภาค เพราะฉะนั้นมันก็เลยทำให้เวลาที่เราจะไป on site ทำบล็อกกิ้งเนี่ยมันน้อย ทีนี้เราก็จะต้องทำการบ้านเยอะมาก ๆ ผมต้องดูมุมกล้องหลาย ๆ มุมกล้อง ว่าเราอยู่ตรงไหน ต้องไปตรงไหน แต่ถึงเวลาจริง ๆ มันก็ต้องมาซ้อมอีก ซึ่งโดยรวมถือว่าเป็นงานที่หนักมาก ๆ หนักกว่าที่คิดไว้สำหรับการถ่าย One-take เพราะว่าเมื่อเราพลาดหนึ่งคน ทุกคนต้องกลับไปเริ่มใหม่ เพราะฉะนั้นมันก็เลยเป็นอะไรที่กดดัน แล้วก็เหนื่อยทีมงานทุกคน”

ใช้เวลาในการถ่ายทำ MV นานไหม

“รวมเทคซ้อม ผมว่าประมาณ 15 เทค แต่ว่าถ่ายจริง ผมว่าไม่ถึง 10 เทค”

ร่วมงานกับ “หลิน มชณต” เป็นยังไงบ้าง

“พี่หลินเป็นคนที่เก่งมาก สนุกมาก แล้วก็ตั้งใจมากในการถ่าย Long-take เขาบอกว่าเขาอยากลองมาก แล้วตัวผมก็รู้สึกดีใจ ผมรู้สึกว่า พอเราอยู่กับคนที่มีไฟในการทำงานมาก ๆ ทำให้เราอยากไปด้วยกัน เอาจริง ๆ เราอยู่ในฝั่งของเสียงมากกว่าภาพเนอะ เราอาจจะไม่ได้เข้าใจในทุก process แต่ว่าเราก็รู้สึกสนุกไปกับมันได้ แล้วก็ท้ายที่สุดผลลัพธ์มันออกมาดีกว่าที่เราคิดไว้มากครับ”

บรรยากาศในการถ่ายทำวันนั้นเป็นยังไง มีอุปสรรคอะไรไหม

“ดุเดือดกว่าที่คิดไว้มาก ทุกคนต้องทำงานเป็นทีม เมื่อมีเทคนึงที่มันอาจจะยังไม่ดีเท่าไหร่ ทีมงานก็ต้องมาเซตสิ่งที่ทุกคนเพิ่งดึงกันออกไป รีเซตของออกจากฉากนู่นนี่นั่น แล้วทำภายในเวลาสั้น ๆ เพราะเราอยากให้ยังอยู่ในช่วงเวลาที่แดดออก แสงยังมี ซึ่งมันก็กดดัน แค่ลำพังเราถ่ายกันปกติ ถ่ายให้ทันแสง day light มันก็ยากอยู่แล้วเนอะ แต่อันนี้เป็น Long-take อีก ที่ถ้าเราเสีย ต้องกลับมาเริ่มที่จุดเริ่มต้นใหม่ มันก็กดดันอะครับ แต่ผลลัพธ์ออกมาคือเราเสร็จก่อนเวลานานมาก เพราะได้เทคที่เรารู้สึกว่าใช้ได้แล้ว”

ปกติเพลงของนนท์มักจะเล่าเรื่องความรักเป็นส่วนใหญ่ มีอยากทำเพลงที่เล่าเรื่องราวอื่น ๆ อีกบ้างไหม

“เรื่องอื่นเหรอครับ จริง ๆ ผมว่าความรักมันก็เป็นแง่มุมนึงของชีวิตนะ อย่างตัวผมเองก็จะมีเพลงที่เราไม่ได้พูดถึงความรักซะขนาดนั้น เราพูดถึงชีวิตหลังจากที่เราเสียใครไปสักคน อย่างเพลง ‘memories’ ก่อนหน้านี้ ที่ผมเคยทำอยู่ในอัลบั้ม หรือว่า ‘ทุกนาทีที่สวยงาม’ มันเป็นสิ่งที่เมื่อความรักมันไม่มีอะ มันอยู่ยังไงต่อ แต่ผมมักจะวาดรูปหัวใจฉาบเอาไว้ในทุกเพลง เพราะว่าจริง ๆ ผมว่ามนุษย์ขับเคลื่อนด้วยความรักเป็นส่วนมาก มันดูเป็นอะไรที่นุ่มนิ่ม และดูเป็นคำตอบที่คลิเช่มาก แต่มันเป็นอย่างงั้นจริง ๆ เรากินสิ่งนี้ เพราะเรารักที่จะกินมัน เราชอบที่จะกินมัน เรากินซ้ำเพราะเรารักมันมากใช่มั้ย เราทำสิ่งนี้เพราะเราอยากทำมัน ในขณะเดียวกัน เราทำสิ่งที่เราไม่ชอบ เช่น สมมุติเราทำงานนี้ เราไม่ชอบเลย แต่เราต้องทำ เพราะเรามีคนที่รักรอให้เรากลับไปดูแลอยู่ มันขับเคลื่อนทุกอย่าง”

“ผมว่าผมก็มีวิธีของเราแหละที่จะเล่ามัน ในอนาคตผมอาจจะไม่รู้ว่าหีบห่อของความรักมันจะน้อยลงมั้ย หรือมากขึ้น หรือเท่าเดิม แต่ว่า ณ ปัจจุบัน ผมรู้สึกว่า ผมก็ไม่ได้เล่าในมุมที่เป็นรักซะขนาดนั้น อย่างแม้แต่ความรู้สึกของเพลง ‘คลั่งเธอ’ เราไม่ได้รู้สึกถึงความรักแบบรักเอยเตยหอม เราพูดถึงการที่เราสังเกตตัวเองว่ามันเปลี่ยนไป แล้วเราก็ใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า ‘Dopamine’ มันคือสารแห่งความสุขชนิดนึง ที่ถ้าเรามีมากจนเกินไปจะเกิดอาการเสพติด นั่นแปลว่าก็ให้มอนิเตอร์ตัวเองกันด้วยในเวลาที่เราคลั่งใครสักคน ซึ่งมันไม่ได้พูดในแง่มุมความรักอย่างเดียว พูดถึงการที่เราต้องดูตัวเองกันดี ๆ ด้วย”

ผลงานที่ผ่านมาในชีวิตของการศิลปิน นนท์คิดว่างานชิ้นไหนถือเป็นมาสเตอร์พีซสำหรับเราเลย

“จริง ๆ สำหรับผมเหรอครับ หลาย ๆ ชิ้นงานที่เราได้ทำ ก็เป็นมาสเตอร์พีชของเราในแต่ละเวอร์ชันนะ แต่ถ้าถามถึงชิ้นงานที่เป็นมาสเตอร์พีซที่สุด ก็คงจะเป็นอัลบั้ม ‘Cigarette Candy & Vanilla Sky’ อะครับ ถึงแม้จะเป็นชิ้นงานที่ทำภายใต้ข้อจำกัดที่เยอะมาก แต่มันคือมาสเตอร์พีซที่สุดแล้วสำหรับทุกข้อจำกัดตอนนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโควิดที่ทำให้เราไม่สามารถทำงานสตูดิโอเดียวกันได้ ฟังก็ฟังลำโพงคนละตัวกัน ได้ความรู้สึกที่ต่างกัน อยู่กันคนละบรรยากาศกัน ไม่สามารถเดาได้ว่ามันจะสื่อสารยังไง แต่หลังจากที่ได้รางวัลนู่นนี่ มันก็ยิ่งตอกย้ำว่าสิ่งที่เรารู้สึก เราไม่ได้คิดไปเอง งานของเรามันดีนี่นา พอมีรางวัลเข้ามาการันตี เรายิ่งรู้สึกว่ามันดีจริง ๆ เพราะเราไม่ได้มั่นใจในตัวเองขนาดนั้น แต่เราเชื่อมั่นในทีมงานของเราที่เราดึงมาทำ ที่เป็นระดับอาจารย์ทั้งนั้น”

“ถ้าถามว่ามาสเตอร์พีซที่สุด คือทุกชิ้นงานแหละครับ ที่ได้มาทำกับทาง LOVEiS โดยเฉพาะอัลบั้ม ‘Cigarette Candy & Vanilla Sky’ ก็เป็นชื่อที่ผมก็คิดเองด้วย เป็นเดโม่ที่ตอนแรกเรากะจะไม่ได้ใช้จริงด้วยซ้ำ แต่ก็รู้สึกว่าเป็นชิ้นงานที่สนุก ไม่ว่าจะเป็นชิ้นงานอื่นหลังจากทำอัลบั้มนี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นเพลง อย่าง ‘ดอกไม้ที่รอฝน’ ก็เป็นมาสเตอร์พีซ เพราะว่าเรากับทอยได้มีโอกาสเจอกันบ่อยมาก ๆ เลย แต่ว่าการได้เจอกันครั้งนี้ มันมีความหมายมาก ๆ เพราะทอยจะหยุดทำงานเพลงแล้ว เรารู้สึกว่าเราอยาก bring up ทอยกลับมา ให้ทุกคนได้ยังโอบกอดทอยไว้ อยากให้เพื่อนรู้สึกถึงความรักที่มันยังรายล้อม มันก็เป็นมาสเตอร์พีซในการคอแลปอีก หรือว่าชิ้นนี้ ‘คลั่งเธอ’ มันก็หวานขึ้น ซึ่งก็เป็นเฉดสีที่เราไม่ค่อยได้หันออกมาให้คนเห็นมากนัก ก็เป็นมาสเตอร์พีซในแต่ละมุมครับ”

ในบรรดาเพลงของนนท์ทั้งหมด เพลงไหนที่ตรงกับชีวิตนนท์ หรืออธิบายตัวตนของนนท์ได้มากที่สุด

“สำหรับผมคือ ‘ทุกนาทีที่สวยงาม’ หรือว่า ‘memories’ ก็ได้ สองเพลงนี้มันเป็นเพลงที่ค่อนข้าง personal เราเลยพยายามเอาไปซ่อนในลำดับท้าย ๆ ของอัลบั้ม ถ้าคนได้ฟังไปจนถึงเพลงสุดท้ายในอัลบั้ม ก็จะรู้สึกว่าเราเล่าเรื่องราวที่มันจริงกับเรามาก ๆ โดยเฉพาะเพลง ‘memories’ ก็เป็นเพลงที่ผมเล่นได้ลำบากมากในทุกครั้งที่ต้องหยิบขึ้นมาเล่น”

นนท์ก็อยู่ในวงการมานาน มีงานอะไรที่เรายังไม่เคยทำแล้วอยากทำอีกไหม

“จริง ๆ ก่อนหน้ามีบางช่วงที่รู้สึกว่าเราอยากเบรกชิ้นงานของเราไว้ เบรก career ของเราไว้แป๊บนึง เพราะรู้สึกว่าเราทำมาหลายอย่างแล้ว จนนี่แหละ ได้กลับมาทำชิ้นงานอื่น ๆ ต่อ หรือแม้แต่การได้ทำคอนเสิร์ต 4 ภาค ที่ไม่ค่อยได้เกิดขึ้นในบ้านเรามาก ทั้งที่ตัวผมเองก็ได้ไปเล่นคอนเสิร์ตที่ต่างประเทศบ่อยมากในหลาย ๆ ที่ แล้วก็นานมาก แล้วก็งงว่าทำไมเราไม่มีคอนเสิร์ต 4 ภาคในบ้านเรา รวมไปถึงศิลปินไทยคนอื่น ๆ ด้วย ทำไมการทัวร์ในไทยที่ศิลปินกับค่ายจัดเองไปกันเองอะ มันถึงยากเย็นนัก ในขณะที่คนดูก็ต้องมาดูในกรุงเทพเท่านั้น เราเลยลองทำสิ่งนั้น แล้วเราเจอเลยว่าเราตกหล่นไปเยอะมากครับ เรายังไม่รู้อะไรอีกเยอะเลย”

“บวกกับยุคที่มันกำลังเปลี่ยนเข้าไปอีก เราอยู่ในยุคที่ซีดีเสร็จปั๊บ มาเป็นดิจิตอลใช่มั้ยครับ ดิจิตอลเสร็จ เราสามารถจัดเพลย์ลิสต์ในดิจิตอลของเราได้อีก หรือฟังเพลย์ลิสต์ของคนอื่นได้อีก เราอยู่ในยุคที่อินดี้มันไม่ได้อินดี้ขนาดนั้น อินดี้จริง ๆ คือแค่เพลงที่คุณไม่รู้จักแล้ว แต่ไม่ใช่แนวเพลงที่มันชัดเจนตายตัว ผมก็เลยรู้สึกว่ามันมีหลายสิ่งให้ผม explore ก็รู้สึกว่าก็ยังอยากทำสิ่งเดิมเนี่ยแหละครับ ด้วยความรู้สึกใหม่ ๆ และมุมมองที่ใหม่มากขึ้น”

พูดถึงทัวร์ 4 ภาคที่เพิ่งจบไปหน่อย มีโมเมนต์ไหนที่ประทับใจเป็นพิเศษบ้าง

“จริง ๆ ตั้งแต่ต้นจนจบอะ ผมได้รับรู้ข่าวสารอยู่ตลอด ว่าคนดูที่มาดูเขาประทับใจตั้งแต่ต้นจนจบ ตัวเราก็อยากจะฝากแมสเสจไปแหละ ว่าตัวเราเองก็ประทับใจตั้งแต่ต้นจนจบเลย เพราะเราก็ไม่เคยไปเล่นคอนเสิร์ตแล้วมีคนแต่งตัวประหลาดขนาดนี้มาดูคอนเสิร์ต หรือว่าทุกคนสนุกกันได้เหมือนเป็นคอนเสิร์ตใหญ่อย่าง EP.01 EP.02 เลย มันดีอะครับ มันดีกว่าที่ผมคิดไว้มาก แล้วก็ทุก ๆ ที่ที่เราไป คนดูมันเต็มไปหมด ทุกคนต้อนรับเราอย่างดี ทุกคนภูมิใจกับการที่เราไปบ้านเขา”

“อย่าง ‘NONT TOUR EP 0.2 เล็ก ๆ แต่ลึก’ เนี่ย เราพูดถึงเพลงที่มันลึกมาก ๆ ครับ บางเพลงเราค่อนข้างฟันธงด้วยซ้ำ ว่าคนดูร้องไม่ได้แน่ ๆ แต่กลายเป็นว่าคนดูร้องได้หมดเลยทุกเพลง จนบางทีเราต้องมานั่งคำนวณ หรือว่าเราต้องลึกกว่านี้อีกนะ นั่นแหละครับ นั่นคือสิ่งที่ผมว่า เท่าที่นักร้องคนนึงจะได้รับอะครับ ผมได้รับจากทุกคนแล้ว ก็ขอบคุณทุกคนอีกครั้งนึงครับ เพราะว่าถ้าไม่มีทุกคนมาสร้างโมเมนต์แบบนี้ มันก็เป็นแค่การซ้อมดนตรีบนเวทีครั้งนึงเอง แต่ว่ามันเป็นคอนเสิร์ตที่ดีได้ ด้วยไวบ์ของคนดู ด้วยการอ้าแขนรับของคนดู ที่ทำให้เรารู้สึกว่าในมุมของดนตรี มันยังมีอีกหลายแง่มุมเลยที่ผมกับเพื่อน ๆ อยากจะไป”

มีลุคไหนของแฟนคลับที่เราประทับใจเป็นพิเศษไหม

“จริง ๆ ชอบคุณย่าคนนึงครับ น่าจะที่ขอนแก่น เขาแต่งตัวเป็นขอนไม้ ขอนไม้เป็นจุดเริ่มต้นของจังหวัดขอนแก่นครับ ซึ่งเขาอาวุโสมากแล้วอะครับ แต่เขาต้องมาแต่งตัวอะไรอย่างงี้ เรารู้สึกผิดมาก เพราะว่าถ้าเขาชอบศิลปินคนอื่น เต็มที่เขาอาจจะแค่ถือบงมาโบกเฉย ๆ แต่ทำไมเขาต้องแต่งตัวเป็นต้นไม้มานั่งดูเรา เราก็เกรงใจเขาอะ แต่คุณย่าก็น่ารักมาก คุณย่าก็ยืน แล้วก็มั่นใจในคอนเซ็ปต์ที่คิดมามาก แล้วทุกคนก็ขำกันหมด ผมชอบมาก ไวบ์ แอตติจูดเขา ชุด คอนเซ็ปต์ แล้วก็คาแรคเตอร์”

ชาวเน็ตบอกต่อกันว่า นนท์ ธนนท์ ช่วยหาที่จอดรถได้ เพลงไหนใช้หาที่จอดรถได้ดีที่สุด

“อันนี้ไม่รู้ เพราะสำหรับผมก็ไม่ค่อยเวิร์คเลย ยังไงผมว่าที่นี่ควรเปิดโหวตกันว่าเพลงไหนใช้แล้วเวิร์ค แต่ส่วนมากคนมักจะใช้ ‘โต๊ะริม’ กัน แล้วตอนนี้เราก็มีเพลงใหม่เข้ามาแล้ว ที่เป็นเพลงมีเดียมเพลงเร็วเหมือนกัน ก็เปิด ‘คลั่งเธอ’ วน ๆ ก็ได้ครับ ผมว่าน่าจะเวิร์คอยู่”

พูดอะไรถึงแฟนคลับที่ติดตาม นนท์ ธนนท์ กันอยู่หน่อย

“ไม่มีอะไรนอกจากคำว่าขอบคุณเลยครับ ผมว่าเราทำดีที่สุด แต่ว่าชิ้นงานมันจะไม่เดินทางไปไหนเลย ถ้ามันไม่มีคนดูคอยผลักดัน มันเหมือนเราทำตุ๊กตาตัวนึงอะ ที่มันขยับเองไม่ได้ เราสร้างมาให้หน้าตามันเป็นแบบที่เราพอใจ ถึงเวลาเราก็ไปวางไว้ มันจะขับเคลื่อนไปทิศทางไหน มันอยู่ที่คนดู แล้วก็ผมเดินทางมา ถือว่ายาวนานมากครับสำหรับศิลปินในยุคดิจิตอล ก็ถือว่าเป็นอะไรที่มันมีแต่กำไรของความสุขแล้วอะ ณ โมเมนต์ตอนนี้ แล้วก็ผมพยายามอยู่ในวงการ โดยที่นึกตลอดว่าสามารถให้อะไรพวกเขาได้บ้าง เพราะตลอดเวลาที่เราอยู่ด้วยกันมา เรา give and take กันมาตลอด แล้วก็จะยังคงเป็นแบบนั้นแหละอยู่ตลอด อย่างการทำชิ้นงาน ก็ยังไม่เคยมีโน้ตไหนที่เราร้องด้วยความมักง่ายเลยสักครั้งเดียวในตลอด 12 ปีนี้ แล้วก็จะยังคงเป็นต่อไปแหละ ตราบใดที่เรายังคงเป็นนักร้องอยู่นะ อย่าง ‘คลั่งเธอ’ ตรงคำว่า ‘หัวเราะคนเดียว’ ก็หลายเทคอยู่ครับ เพื่อให้ได้เสียงหัวเราะด้วย แล้วก็ฟังชัดด้วย คือเราไม่มองข้ามสิ่งนั้นเลย แล้วก็ต้องขอบคุณแฟน ๆ ที่ซัพพอร์ต รวมไปถึงคนเบื้องหลังด้วยครับ ที่ช่วยทำให้งานของเราออกมา”

สุดท้ายให้นนท์ฝากผลงานหน่อย ช่วงนี้เรามีอะไรให้แฟน ๆ ติดตามกันบ้าง

“ก็ฝากเพลง ‘คลั่งเธอ’ ไว้ด้วยนะครับ เป็นอีกหนึ่งผลงานเพลงที่อยู่ในพาร์ทของสีสันที่มันสนุกมากขึ้น ซึ่งไม่ได้ทำสีสันแบบนี้มาพักใหญ่แล้วครับ หลังจากเพลง ‘โต๊ะริม’ ซึ่งก็หวังว่าทุกคนจะชอบกัน เพลงนี้เราพูดถึงโมเมนต์ของคนที่หลุดทรง ยังไงก็ขอให้ทุกคนคลั่งเธออย่างปลอดภัย แล้วก็คลั่งรักต่อไปอย่างมีความสุขครับผม”

สามารถสปอยล์ได้ไหม จะมีผลงานอะไรในอนาคตอีกบ้าง

“หลัก ๆ ก็เหมือนเดิมแหละครับ ยังคงวุ่นอยู่กับคอนเสิร์ต แล้วก็เฟสติวัลต่าง ๆ แล้วก็คอนเสิร์ตใหญ่ EP.03 ปีหน้าเจอกัน ก็ดูแลสุขภาพกันให้ดี แล้วก็เตรียมตัวเก็บเงินกันเอาไว้ตั้งแต่ตอนนี้”

ต้องเตรียมแต่งตัวอีกไหมสำหรับคอนเสิร์ต EP.03

“คอนนี้ไม่น่าต้องแต่งตัวแล้ว คนที่ต้องแต่ง จะต้องกลับมาเป็นผมเหมือนเดิมนะครับ”

you may also like

album

0
0.8
1