ใจกลางย่านราชเทวี-พญาไท ซึ่งเต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุดนิ่ง มีร้านเช่าหนังสือเล็กๆ ที่ยังคงยืนหยัดผ่านกาลเวลาและกลายเป็นพื้นที่แห่งความทรงจำของใครหลายคน ร้านนั้นคือ "ร้านเช่าหนังสือวราสาส์น" ที่เต็มไปด้วยชั้นหนังสือเรียงรายและกลิ่นหนังสือเก่าที่อบอวลต้อนรับผู้มาเยือน
วราภรณ์ เชฎฐาวิวัฒนา เจ้าของร้านวัย 70 ปี เล่าถึงจุดเริ่มต้นของร้านที่หยั่งรากมาจากความรักการอ่านตั้งแต่วัยเด็ก เธอเติบโตมาในครอบครัวที่มีวัฒนธรรมการอ่านเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ด้วยความใกล้ชิดกับหนังสือที่พ่อของเธอถ่ายทอดให้ เธอจึงหลงใหลการอ่านตั้งแต่วัยเยาว์ พอเข้าสู่วัยทำงาน แม้จะต้องทำงานหนักจนได้ฉายา "หญิงเหล็ก" แต่ความรักในหนังสือก็ยังคงอยู่ ทำให้เธอตัดสินใจเปิดร้านเช่าหนังสือเพื่อสานต่อความหลงใหลนี้

การเปิดร้านหนังสือในช่วงที่ผู้คนเริ่มหันเหไปหาความบันเทิงรูปแบบใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ด้วยความมุ่งมั่นและใจรัก วราภรณ์และสามีได้ร่วมมือกันสร้างร้านเช่าหนังสือแห่งนี้ขึ้นมา พวกเขาตระเวนหาซื้อหนังสือจากบ้านต่าง ๆ ประกาศรับซื้อและค่อย ๆ สะสมหนังสือจนกลายเป็นคลังหนังสือขนาดใหญ่ที่มีหนังสือหลายหมื่นเล่ม
แม้ว่าโลกจะหมุนไปอย่างรวดเร็ว แต่ร้านเช่าหนังสือวราสาส์นยังคงรักษาเสน่ห์และกลิ่นอายของความคลาสสิกไว้ได้อย่างมั่นคง ความอบอุ่นของร้านและความใส่ใจของเจ้าของร้านดึงดูดลูกค้าประจำให้กลับมาเสมอ บางคนแวะมาหาหนังสือที่เคยอ่านในวัยเด็ก บางคนมาเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับหนังสือเล่มโปรด ร้านนี้จึงเปรียบเสมือนศูนย์กลางของชุมชนเล็กๆ ที่คนรักการอ่านมารวมตัวกัน

ในยุคดิจิทัลที่การอ่านผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นที่นิยม ร้านเช่าหนังสือวราสาส์นยังคงมีเสน่ห์ในแบบที่เทคโนโลยีไม่อาจแทนที่ได้ กลิ่นหนังสือเก่า การสัมผัสหน้ากระดาษ และความทรงจำที่เชื่อมโยงกับหนังสือเล่มโปรดคือสิ่งที่ทำให้ลูกค้าหลายคนยังคงแวะเวียนมา แม้จะมีความท้าทายมากมาย แต่ร้านเช่าหนังสือแห่งนี้ยังเป็นพื้นที่ที่เชื่อมโยงอดีตกับปัจจุบันไว้อย่างงดงาม

วราภรณ์เชื่อว่าร้านเช่าหนังสือมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการอ่าน เธอเล่าว่า "หนังสือเล่มหนึ่ง คนอ่านได้เป็นร้อยเป็นพัน เป็นวิทยาทานที่เราต้องการเผยแพร่" แม้ว่าร้านเช่าหนังสือจะให้ผลตอบแทนไม่สูงนัก แต่เธอยังคงยืนหยัดทำด้วยความสุขที่ได้เห็นคนเข้ามาหยิบหนังสือและได้แบ่งปันความรู้ให้กับเยาวชน

นอกจากการให้บริการเช่าหนังสือ วราภรณ์ยังจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการอ่านเป็นประจำ เช่น การจัดมุมอ่านฟรีสำหรับเด็กๆ หรือการลดราคาหนังสือในโอกาสพิเศษ เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงหนังสือได้ง่ายขึ้น เธอมองว่าการปลูกฝังนิสัยรักการอ่านตั้งแต่วัยเยาว์จะช่วยเสริมสร้างทักษะการคิดวิเคราะห์และจินตนาการ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการเรียนรู้ตลอดชีวิต

วราภรณ์มีมุมมองที่ชัดเจนต่ออนาคตของการอ่าน แม้เทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวัน แต่เธอเชื่อว่าหนังสือมีคุณค่าในแบบที่ดิจิทัลไม่สามารถทดแทนได้ เธอมองว่าการอ่านหนังสือช่วยสร้างสมาธิ กระบวนการในการคิด และการเชื่อมโยงอารมณ์กับเนื้อหาได้มากกว่า เธอหวังว่าความรักในการอ่านจะถูกส่งต่อไปยังคนรุ่นใหม่ผ่านประสบการณ์ที่จับต้องได้ เช่น การพลิกหน้ากระดาษและการแบ่งปันความรู้ระหว่างกัน

นอกจากนี้ เธอยังเน้นว่าร้านเช่าหนังสือเป็นพื้นที่ที่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงความรู้ ด้วยราคาที่จับต้องได้ ทำให้ผู้มีรายได้น้อยสามารถมีโอกาสอ่านหนังสือดีๆ ได้ วราภรณ์เชื่อว่าการส่งเสริมการอ่านในชุมชนเล็กๆ สามารถสร้างผลกระทบในวงกว้างและช่วยพัฒนาสังคมให้ก้าวหน้า

การดำเนินร้านเช่าหนังสือในยุคนี้เต็มไปด้วยความท้าทาย ทั้งต้นทุนที่เพิ่มขึ้นและจำนวนผู้อ่านที่ลดลง วราภรณ์พยายามปรับตัวอยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นการขยายประเภทหนังสือให้หลากหลาย หรือการสร้างความสัมพันธ์อันอบอุ่นกับลูกค้าประจำ ร้านวราสาส์นจึงไม่ได้เป็นเพียงธุรกิจ แต่เป็นพื้นที่ที่รวบรวมความรักและความมุ่งมั่นในการรักษาวัฒนธรรมการอ่าน

ทุกๆ ปีในวันเด็ก วราภรณ์จะเปิดให้เด็กๆ อ่านหนังสือฟรี เพื่อปลูกฝังนิสัยรักการอ่าน แม้เด็กที่เข้าร้านจะลดน้อยลง แต่เธอก็ยังคงยึดมั่นในความตั้งใจนี้ เพราะเชื่อว่าการอ่านจะช่วยสร้างอนาคตที่ดีให้กับสังคม เธอหวังว่าภาครัฐจะมีนโยบายสนับสนุนร้านเช่าหนังสือขนาดเล็กเช่นนี้ เพื่อรักษาสังคมแห่งการเรียนรู้และเสริมสร้างวัฒนธรรมการอ่านให้คงอยู่ต่อไป
ร้านเช่าหนังสือวราสาส์นจึงไม่ใช่แค่ร้านเช่าหนังสือธรรมดา แต่เป็นพื้นที่แห่งความทรงจำและความรักการอ่าน ที่เปิดโอกาสให้คนทุกวัยได้เข้ามาสัมผัสเสน่ห์ของหนังสือ และเป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นและใจรักที่ไม่เสื่อมคลายของเจ้าของร้านผู้เปรียบเสมือน "หญิงเหล็ก" ที่ต่อสู้เพื่อความสุขเล็กๆ ของตัวเองและเพื่อแบ่งปันความสุขนี้ให้กับผู้อื่น
วราสาส์น
ผู้เขียน : จิตรกร ปะวะโข
ภาพ : เบญญาภา แนบเนียน