07 ม.ค. 2025
เจาะลึกลงทุน ‘ประเทศไทย 68’ อุตสาหกรรมรุ่งและเทรนด์มาแรง
ปีนี้นับเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญของเศรษฐกิจไทย รัฐบาล "แพทองธาร" เตรียมเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมผลักดันโครงการลงทุนใหม่ หวังดันจีดีพีให้โตเกิน 3% แม้ว่าสถานการณ์โลกอาจถูกสั่นคลอนจาก “ทรัมป์ 2.0” แต่ประเทศไทยยังคงเป็นศูนย์กลางการลงทุนในภูมิภาค และถูกมองว่าเป็นเซฟโซนที่นักลงทุนต่างชาติวางใจขอบคุณภาพจาก กรุงเทพธุรกิจ : https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1140311บีโอไอชูเป้าหมายลงทุน 1 ล้านล้านบาทในปี 2568คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เผยยอดคำขอส่งเสริมการลงทุนปี 2567 พุ่งทะลุ 9 แสนล้านบาท จาก 2,195 โครงการ เพิ่มขึ้น 46% เทียบกับปีที่ผ่านมา ถือเป็นยอดสูงสุดในรอบ 10 ปี สะท้อนศักยภาพทางเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อประเทศไทยการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น เซมิคอนดักเตอร์ ดาต้าเซ็นเตอร์ ยานยนต์ไฟฟ้า และพลังงานหมุนเวียน มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องในปี 2568 โดยรัฐบาลและบีโอไอเดินหน้าเชิงรุก ดึงดูดบิ๊กธุรกิจระดับโลก โดยเฉพาะกลุ่ม Data Center และ Cloud Service ที่แสดงความสนใจเข้ามาลงทุนในไทยขอบคุณภาพจาก PostToday : https://www.posttoday.com/business/426550ดาต้าเซ็นเตอร์และพื้นที่นิคมปี 2568 ตลาดธุรกิจในไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนใหญ่เข้ามาดูพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่ง เช่น อีอีซี สมุทรปราการ และรามคำแหง เนื่องจากศักยภาพของประเทศไทยทั้งในด้านประชากร ระบบสาธารณูปโภค และการส่งเสริมการลงทุนธุรกิจโลจิสติกส์และนิคมอุตสาหกรรมยังคงเติบโต โดยเฉพาะจากการลงทุนของจีนในโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในภาคตะวันออก ทำให้ราคาที่ดินในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมสูงขึ้น ขณะที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่มออฟฟิศและโรงแรมก็มีการเติบโตตามภาคการท่องเที่ยว โดยคาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะเข้ามาแตะ 40 ล้านคนในปีนี้ทองคำผันผวน-หุ้นไทยรับแรงหนุนเมกะเทรนด์ในส่วนของราคาทองคำยังคงผันผวนท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอน โดยปัจจัยหลักที่มีผลต่อราคาทองคำ ได้แก่ ความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และปัญหาการเมืองในสหรัฐ คาดว่าทองคำอาจปรับตัวขึ้น แต่ไม่ร้อนแรงเท่าปี 2567 เนื่องจากแรงขายช่วงต้นปีจากนโยบายการเงินของเฟด คาดการณ์ราคาทองคำอยู่ที่ 2,500-3,000 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองในประเทศอาจปรับลงต่ำกว่า 42,000 บาทต่อบาททองคำส่วนการลงทุนในหุ้นไทย นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจหุ้นในเมกะเทรนด์ที่มีแนวโน้มเติบโต เช่น กลุ่มปิโตรเคมี วัสดุก่อสร้าง และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการกีดกันการค้าของสหรัฐ เช่น นิคมอุตสาหกรรม โรงพยาบาล และค้าปลีก คาดว่าการลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทยจะไม่รุนแรงเหมือนที่ผ่านมา แต่หุ้นในกลุ่มดังกล่าวอาจเติบโตได้ดีคริปโทฯ โอกาสใหม่ในตลาดดิจิทัลตลาดคริปโทเคอร์เรนซีในปี 2568 ยังคงเป็นแหล่งโอกาสสำหรับนักลงทุน หลังจากที่ในปี 2567 บิตคอยน์ทำสถิติราคากระฉูด และได้รับการยอมรับมากขึ้นจากกลุ่มสถาบัน โดยเฉพาะจากการลดดอกเบี้ยของสหรัฐที่อาจกระทบต่อภาพรวมการลงทุนในปีหน้าไม่มากนัก แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังแต่ยังไม่สามารถสร้างความกังวลต่อนักลงทุนได้ ในระยะสั้นปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญคือความแข็งแกร่งของบิตคอยน์โดยเฉพาะจากการที่มีต้นทุนเฉลี่ยของผู้ถือครองสูงถึง 39,000 เหรียญสหรัฐ และการเติบโตจาก Bitcoin spot ETFs รวมถึงการเข้าซื้อจากบริษัท Microstrategy ที่มีเงินลงทุนจากกลุ่มสถาบันซึ่งไม่เคยลงทุนในบิตคอยน์มาก่อน ทำให้ตลาดคริปโทฯ ในปี 2568 มีโอกาสเติบโตอย่างมีนัยสำคัญและน่าจับตามองต่อไปขอบคุณภาพจาก ประชาชาติธุรกิจ : https://www.prachachat.net/politics/news-1686771เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์แสนล้านรัฐบาลเพื่อไทยเตรียมผลักดันโครงการ “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ใน 5 พื้นที่เป้าหมาย ได้แก่ กรุงเทพฯ 2 แห่ง, พัทยา, ภูเก็ต และเชียงใหม่ ด้วยเงินลงทุนแห่งละ 50,000-100,000 ล้านบาท คาดเริ่มเห็นความชัดเจนในปี 2568 หลังร่าง พ.ร.บ. ธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรผ่านการพิจารณากลุ่มทุนยักษ์จากต่างชาติ เช่น MGM Resorts, Galaxy Entertainment และ Las Vegas Sands ต่างเดินหน้าเจรจากับพาร์ตเนอร์ไทยอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน กลุ่มทุนไทย อาทิ ราชตฤณมัยสมาคมฯ เตรียมพัฒนาโครงการ “The Royal Siam Haven” บนที่ดินหนองจอก 3,000 ไร่ และกลุ่มสยามพาร์คซิตี้ ประกาศลงทุน 1 แสนล้านบาท สร้างเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ในย่านมีนบุรีขอบคุณภาพจาก สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร : https://www.landbridgethai.com/คมนาคมเร่งเครื่องเมกะโปรเจ็กต์ 1.8 ล้านล้านบาทกระทรวงคมนาคมภายใต้การนำของ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” เตรียมเดินหน้าโครงการเมกะโปรเจ็กต์ปี 2568 ครอบคลุมทุกโหมดการเดินทาง บก ราง น้ำ อากาศ ด้วยงบลงทุนรวมกว่า 1.8 ล้านล้านบาทไฮไลต์โครงการสำคัญ:รถไฟทางคู่ระยะที่ 2: 6 เส้นทาง ระยะทางรวม 1,312 กม. วงเงิน 298,060 ล้านบาทรถไฟชานเมืองสายสีแดง: ส่วนต่อขยาย วงเงิน 21,754 ล้านบาท ช่วงรังสิต-มธ.ศูนย์รังสิต และช่วงศิริราช-ตลิ่งชัน-ศาลายารถไฟความเร็วสูงอีสานระยะที่ 2: ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย วงเงิน 341,351 ล้านบาททางด่วนและมอเตอร์เวย์: อาทิ สายกระทู้-ป่าตอง, M5 รังสิต-บางปะอิน, M9 บางขุนเทียน-บางบัวทอง รวมมูลค่าเกือบ 120,000 ล้านบาทโครงการทางน้ำ: ท่าเทียบเรือสำราญขนาดใหญ่ที่สมุย ชลบุรี และภูเก็ตโครงการทางอากาศ: ขยายสุวรรณภูมิ, ดอนเมือง, เชียงใหม่ และภูเก็ต รวมมูลค่ากว่า 72,000 ล้านบาทอีกหนึ่งโครงการสำคัญคือ “แลนด์บริดจ์” เชื่อมอ่าวไทย-อันดามัน วงเงิน 1 ล้านล้านบาท คาดเริ่มประมูลไตรมาส 3/2568 และก่อสร้างเฟสแรกต้นปี 2569ที่มาข่าว : https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_4980808