โนโรไวรัส (Norovirus) ตัวการท้องเสียระบาดในเจ้าตัวเล็ก

Beauty & Health

โนโรไวรัส (Norovirus) ตัวการท้องเสียระบาดในเจ้าตัวเล็ก

10 ม.ค. 2025

โนโรไวรัส (Norovirus) เป็นไวรัสที่ทำให้เกิดการอักเสบของระบบทางเดินอาหาร ไวรัสชนิดนี้ระบาดได้ง่าย และรวดเร็วแม้ร่างกายได้รับเชื้อในปริมาณเพียงเล็กน้อย ที่สำคัญทนต่อความร้อน และน้ำยาฆ่าเชื้อต่าง ๆ ได้ดี ดังนั้นเมื่อเกิดการปนเปื้อนของโนโรไวรัสในอาหาร และน้ำดื่ม จึงทำให้เกิดอาการท้องเสีย อาเจียน และสามารถติดต่อกันได้ง่าย เนื่องจากใช้เวลาเพียงไม่นานในการแพร่กระจายเชื้อ ไวรัสนี้พบระบาดได้มากในฤดูหนาว ติดต่อได้ง่ายในสภาพอากาศเย็น และทำให้เกิดโรคทั้งในเด็กและผู้ใหญ่

  • อาการที่พบบ่อยหากได้รับเชื้อโนโรไวรัสภายใน 24 – 48 ชั่วโมง ได้แก่
    • ถ่ายเหลวเป็นน้ำ
    • ปวดท้อง
    • คลื่นไส้
    • อาเจียน
    • ปวดศีรษะ
    • ไข้ต่ำ
    • ปวดเมื่อยตามร่างกาย
    • อ่อนเพลีย

 

  • การตรวจและรักษา

ตรวจวินิจฉัยการติดเชื้อโนโรไวรัส ทำได้โดยการเก็บตัวอย่างอุจจาระเพื่อส่งตรวจพิเศษกับห้องปฏิบัติการ หากพบว่าติดเชื้อโนโรไวรัส แพทย์จะทำการดูแลรักษาตามอาการเป็นสำคัญ หากเด็กมีภูมิต้านทานที่ดีอาการจะดีขึ้นและหายได้เองภายใน 2 – 3 วัน แต่หากเด็กเกิดการขาดน้ำอาจทดแทนด้วยการดื่มน้ำเกลือแร่หรือการให้น้ำเกลือทางหลอดเลือด รับประทานอาหารอ่อน ๆ หรือให้ยาแก้อาเจียน และยาแก้ปวดท้อง แต่ถ้าเด็กภูมิต้านทานต่ำ มีอาการรุนแรงถึงขั้นถ่ายตลอดเวลาต้องนำส่งโรงพยาบาลทันทีและอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด เพราะอาจเกิดการช็อก ความดันต่ำ และเสียชีวิตได้

 

  • การติดต่อของโรค
    • รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่มีเชื้อโนโรไวรัส พบบ่อยในน้ำดื่ม น้ำแข็ง ผักผลไม้สด หอยนางรม เป็นต้น
    • เด็กจับหรือสัมผัสกับสิ่งของที่มีเชื้อโนโรไวรัสแล้วเอานิ้วเข้าปาก
    • สัมผัสกับผู้ป่วยโดยตรง

 

  • ป้องกันระวังติดเชื้อ
    • ก่อนทานหรือหยิบจับอาหารและหลังเข้าห้องน้ำต้องล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง
    • การล้างมือให้สะอาดต้องล้างด้วยน้ำสบู่ โดยให้น้ำไหลผ่านไม่ต่ำกว่า 15 วินาที
    • ดื่มน้ำที่สะอาด เลือกรับประทานอาหารที่สุก สะอาด สดใหม่
    • เลี่ยงการหยิบจับหรือทำอาหารให้ผู้อื่น
    • ใช้ช้อนกลางหากต้องรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น

 

เพราะเชื้อโนโรไวรัสสามารถติดต่อได้ง่าย และปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกัน รวมถึงยังไม่มียาที่กำจัดเชื้อไวรัสชนิดนี้โดยเฉพาะ จึงควรดูแลเจ้าตัวเล็กอย่างใกล้ชิดในเรื่องของการรับประทานอาหาร และน้ำดื่มที่สะอาด ที่สำคัญล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง คือสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ห่างไกลจากเชื้อโนโรไวรัส

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Bangkok Hospital โรงพยาบาลกรุงเทพ

related Beauty & Health

เชื้อไวรัส hMPV ไวรัสสายพันธ์ุใหม่ที่เด็ก ๆ ต้องระวัง

10 ม.ค. 2025

เชื้อไวรัส hMPV ไวรัสสายพันธ์ุใหม่ที่เด็ก ๆ ต้องระวัง

เตือนผู้ปกครอง ให้ระวังบุตรหลานของท่านเสี่ยงติดเชื้อไวรัส Human metapneumovirus (hMPV) หรือเชื้อไวรัสฮิวแมนเมตะนิวโม ไม่ได้เป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่แต่อย่างใด ฤดูกาลที่พบการติดเชื้อมาก จะมี 2 ช่วง คือ ช่วงฤดูฝน และฤดูหนาว ซึ่งเป็นช่วงที่เด็กๆมักมีอาการหวัด ติดเชื้อทางเดินหายใจได้บ่อย ซึ่งการตรวจหาเชื้อนั้นทำได้โดยมีวิธีการเดียวกับไข้หวัดใหญ่และ RSV โดยวิธีการ swab โดยมักพบอาการในกลุ่มเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 5 ปี และผู้สูงอายุอาการของผู้ติดเชื้อไวรัส hMPVผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะมีอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ คือ มีอาการไข้ มีน้ำมูก เจ็บคอ ซึ่งพบมากในเด็กเล็กแต่ในผู้ใหญ่ และเด็กโต มีภูมิต้านทานที่ดีหากติดเชื้อนี้ อาจมีอาการเหมือนกับเป็นไข้หวัดธรรมดา หรืออาจไม่มีอาการก็ได้ ถึงอย่างไรก็ตามไวรัส hMPV เป็นโรคกลุ่มเดียวกันกับเชื้อไวรัส RSV เป็นสาเหตุหนึ่งของอาการปอดอักเสบในเด็กเล็ก และผู้สูงอายุ จึงควรระมัดระวังบุตรหลาน และผู้สูงอายุในบ้านการป้องกันโรคไวรัส hMPVเนื่องจากในปัจจุบัน ยังไม่มีวัคซีน หรือยาต้านไวรัสที่ใช้รักษาเชื้อนี้โดยตรง สามารถรักษาแบบประคับประคองเหมือนไข้หวัดใหญ่และ RSV ทั่วไป ใช้หลักการเดียวกับการป้องกันโรคติดเชื้อทางเดินหานใจอื่นๆ คือ ล้างมือให้สะอาด ไม่เอามือไปแคะจมูกหรือเอาเข้าปาก ไม่ไปคลุกคลีกับคนที่มีอาการป่วย ใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่อไปในที่มีชุมชนคนอยู่เยอะ ๆ ทั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อทางเดินหายใจขอขอบคุณข้อมูลจาก Bangkok Hospital โรงพยาบาลกรุงเทพ