เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว ระวังเป็นโรคซึมเศร้าตามฤดูกาล

HEALTHY LIFESTYLE

เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว ระวังเป็นโรคซึมเศร้าตามฤดูกาล

01 พ.ย. 2022

       ตื่นเช้ามาอากาศเย็นๆ  พอเที่ยงๆเริ่มแดดออก ตกบ่ายฟ้าครึ้มเหมือนฝนจะตก…ปรับการใช้ชีวิตกันไม่ทันแล้วค่ะ แล้วอารมณ์ของเราจะปรับทันหรอ จริงมั้ยคะ ?

      บางวันแอดตื่นมาก็รู้สึกเหนื่อยๆ มองท้องฟ้าครึ้มๆยิ่งรู้สึกเศร้าใจ โดยไม่มีสาเหตุ บางวันแดดร้อนมากๆก็รู้สึกหงุดหงิด นั้นเป็นเพราะอากาศส่งผลต่ออารมณ์ของเรานั้นเอง

ภาพจาก pixabay.com

      ในทางการแพทย์กล่าวว่า อุณหภูมิที่อยู่ภายนอกมักจะส่งผลต่อระบบการทำงานในร่างกายของตัวเราด้วย

ยิ่งอากาศลดต่ำลงการทำงานของร่างกายก็จะช้าลง และยังสอดคล้องในเรื่องของระยะเวลาการเกิดกลางวันกลางคืนอีกด้วย ซึ่งช่วงฤดูหนาวเวลากลางวันจะสั้นกว่าช่วงกลางคืน ทำให้ส่งผลต่อนาฬิกาในการใช้ชีวิตของเรา หรือการดำเนินชีวิตของเราก็จะแตกต่างกันออกไปด้วย ทำให้ร่างกายมีการทำงานและมีกลไกบางอย่างที่ทำงานผิดปกติไป หรือไม่สามารถปรับตัวได้ทันกับอุณหภูมิภายนอก ก็จะส่งผลให้เกิดอาการทางจิตเวชตามมา

ภาพจาก brandinside.asia

หรือที่เรียกว่าโรคซึมเศร้าตามฤดูกาล Seasonal affective disorder (SAD) คือ โรคทางอารมณ์ชนิดหนึ่งที่จะเกิดในช่วงเวลาเดียวกัน ในแต่ละปี และมักจะเกิดขึ้นในหน้าหนาว อาจจะทำให้มีอากาศ ซึมเศร้า  เก็บตัว รู้สึกเหนื่อยล้า

แล้วแบบนี้มีวิธีแก้ไหมนะ?

ภาพจาก sunawaythailand.com

หากไม่อยากอารมณ์เปลี่ยนไปตามอากาศแบบนี้ก็ต้องดูแลตัวเองมากขึ้น ง่ายๆ

1.เปิดม่าน ให้ร่างกายได้โดนแดดอ่อนๆในยามเช้า เพราะแสงแดดมีสารที่ชื่อว่า เซโรโทนิน ทำให้อารมณ์ดีขึ้น

2.เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น กล้วย ถั่ว ป๋นอาหารที่ช่วยสร้าง เซโรโทนิน ทำให้เราอารมณ์ดี

3. ควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ 30-60 นาทีต่อวัน นอกจากจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังทำให้เราเห็นคุณค่าในตัวเอง ทำให้เรามีความสุขกับการใช้ชีวิตมากขึ้นค่ะ

            ถ้ามีอาการ บางทีก็เศร้าซึมแบบไม่ทราบสาเหตุ อย่าพึ่งคิดมากนะทุกคน บางทีอาจจะเป็นเพราะ สาเหตุข้างต้นได้ เพราะฉนั้น ลองแก้ไขตามวิธีที่แอดให้ไปก่อน หรือวิธีที่ง่ายที่สุด เปิดเพลงฟังให้สบายหู ที่ Green Wave 106.5 FM ก็จะช่วยให้อารมณ์ดีได้นะคะ และหากบทความนี้เป็นประโยชน์ก็แชร์ให้เพื่อนๆได้รู้กันได้เลยน้า

 

แหล่งอ้างอิง : https://www.gqthailand.com/lifestyle/article/men-improve-sex-life-doing-household 

แหล่งอ้างอิง :  https://nph.go.th/?p=4758

แหล่งอ้างอิง :  https://www.alljitblog.com/?p=3710

 

related HEALTHY LIFESTYLE

ฝันร้าย ผลเสียของร่างกาย

22 ธ.ค. 2022

ฝันร้าย ผลเสียของร่างกาย

ใครฝันร้ายบ่อยๆ แสดงถึงสุขภาพไม่ดีฝันร้ายเป็นภาวะที่เกิดขึ้นขณะนอนหลับ คนที่ฝันร้ายเรื้อรังจะทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่นๆได้ด้วย เช่น โรคซึมเศร้า โรคหัวใจ โรคปวดหัวไมเกรน หลายคนถึงขนาดมีภาวะอ้วนดังนั้นผู้ที่ประสบภาวะวิตกกังวล หรือเป็นโรคซึมเศร้าด้วย อาจจะชอบฝันเป็นประจำ ถ้าหากผู้ที่ฝันร้ายอันเป็นผลจากการเป็นโรคไม่ได้รับการรักษา ป่วยเป็นโรคเครียดหลังเกิดเหตุสะเทือนขวัญ อาจจะมีปัญหาของภาวะหยุดหายใจในขณะหลับได้ มีผลกระทบทั้งทางร่างกายและจิตใจ เนื่องจากภาวะดังกล่าวจะส่งผลต่อคุณภาพการใช้ชีวิตทำไมถึงชอบฝันร้ายฝันร้ายจัดเป็นภาวะของการนอนหลับที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน อาจจะมีปัจจัยดังนี้ค่ะคนที่ชอบรับประทานอาหารก่อนเข้านอนผู้ที่รับประทานอาหารหรือขนมก่อนเข้านอนอาจหลับฝันร้ายได้ เนื่องจากการรับประทานอาหารก่อนนอนส่งผลให้การทำงานของระบบเมตาบอลิซึมเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังส่งสัญญาณให้สมองตื่นตัวมากกว่าเดิม ในแพทย์แผนจีนจะพูดถึงม้ามไม่แข็งแรง ถ้าหากรับประทานอาหารจะทำให้ท้องอืด ลมตีขึ้นกระทบหัวใจ ทำให้นอนไม่หลับ และฝันร้ายเสมอๆค่ะเจ็บป่วย ผู้ที่ล้มป่วยและมีไข้ร่วมด้วยอาจฝันร้ายได้คนที่นอนบ่อยๆเป็นประจำ จะทำให้หัวใจพร่อง ก็จะทำให้ฝันร้ายได้เช่นกันนอนน้อย การนอนหลับไม่เพียงพอก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดฝันร้ายได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ยังไม่อาจชี้ชัดได้ว่าการนอนน้อยจะทำให้เกิดการฝันร้ายจนส่งผลต่อปัญหาสุขภาพ การนอนน้อยในแพทย์แผนจีนจะทำให้หัวใจร้อน และทำให้ฝันร้ายบ่อยๆดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากเกินไป นับเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดภาวะฝันร้ายแพทย์แผนจีนพูดถึงการนอนหลับฝันว่าอย่างไร?ความฝันอาจจะเป็นเรื่องธรรมดาที่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่ฝันร้ายเป็นประจำ อาจจะกลายเป็นความผิดปกติ ซึ่งอาจจะบ่งบอกถึงสภาวะการทำงานต่างๆของอวัยวะภายในร่างกาย เกี่ยวกับ หัวใจ ม้าม ไต และตับ ซึ่งในทางการแพทย์แผนจีน ให้มุมมองเกี่ยวกับการนอนหลับว่าเป็นการสร้างสมดุลให้กับร่างกายของเราให้แข็งแรง เป็นการพักผ่อนของวัน แต่ถ้าหากเราเกิดอาการนอนไม่หลับหรือฝันเป็นประจำ หรือฝันร้ายทุกคืน ก็อาจจะเป็นอาการที่สามารถบ่งบอกความผิดปกติของอวัยวะภายในเหล่านี้ได้ค่ะและถึงแม้ว่าเรื่องของการนอน และการหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ เป็นเรื่องที่สามารถสร้างสมดุลให้กับร่างกาย ช่วยให้ร่างกายเราสดชื่น มีพลังงาน สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ แต่สำหรับบางคน สิ่งนี้กลับกลายเป็นปัญหา เนื่องจากบางคนอาจจะเกิดอาการเหนื่อยล้าจากการนอนหลับพักผ่อน ซึ่งถึงแม้ว่าจะนอนหลับมาแล้ว 8 - 10 ชั่วโมง มีความฝัน และทำให้นอนไปรู้สึกไม่เพียงพอ หรือว่าบางคนอาจจะนอนมากจนเกินไปแต่สุดท้ายแล้ว ก็ยังคงรู้สึกง่วง อยากนอนอยู่ตลอดเวลา บางคนเกิดอาการนอนไม่หลับ ซึ่งอาจจะมีสาเหตุหลักมาจากเป็นปัญหาที่ตับการถูกกระตุ้นด้วยอารมณ์โกรธหรือโมโห ทำให้สภาวะสมองแปรปรวนแสดงว่าเป็นปัญหาที่ตับเป็นปัญหาที่ม้ามกระเพาะอาการอาหารไม่ย่อย ทำให้ระบบย่อยทำงานมากขึ้นในระหว่างที่เรากำลังนอน รวมไปถึงการกินดึกจนเกินไป จนทำให้ระบบย่อย ซึ่งทางการแพทย์แผนจีนจะเรียกการนอนไม่หลับจากสาเหตุที่อาหารไม่ย่อย มีการตกค้างของอาหารเป็นต้นเหตุเป็นปัญหาที่หัวใจเกิดจากความวิตกกังวลหรือจิตใจหมกมุ่นกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งจนเกินไปจนกระทบกระเทือน ต่อม้าม ซึ่งเป็นอวัยวะที่ควบคุมระบบการย่อย ทำให้พลังและเลือดจะลดลงจนไม่สามารถย่อยอาหาร หรือดูดซึมได้อย่างเต็มที่ ไม่สามารถส่งพลังไปยังหัวใจ ทำให้หัวใจอ่อนแอเป็นปัญหาที่ถุงน้ำดีและหัวใจในแพทย์แผนจีน หัวใจและถุงน้ำดี ซึ่งจะส่งผลต่อการควบคุมความฝันโดยตรง ซึ่งอาจจะทำให้เราฝันร้ายบ่อยๆ จนทำให้เกิดอาการหวาดกลัวในการหลับ เช่น ไม่กล้านอนคนเดียว หรือมีภาวะจิตประสาท เป็นสภาวะที่จะทำให้นอนไม่หลับทั้งคืน บางคืนอาจจะมีอาการป่วยทางจิต มีอาการร้องไห้สลับกับหัวเราะ ซึ่งอาจจะมีปัจจัยแวดล้อม หรือเกิดมาจากสาเหตุต่างๆจนทำให้เกิดโรคจิตประสาทได้เช่นกันแล้วเราจะป้องกันภาวะฝันร้ายแบบนี้ได้อย่างไรสร้างสุขลักษณะการนอนการสร้างสุขลักษณะที่ดีในการนอนหลับ จะช่วยให้ไม่หลับฝันร้าย ควรเริ่มเข้านอนและตื่นนอนให้เป็นเวลาอย่างสม่ำเสมอ ไม่ควรงีบหลับระหว่างวัน ในกรณีที่ไม่ได้ป่วยหรือพักผ่อนไม่เพียงพอ ทั้งนี้ไม่ควรรับประทานอาหารหรือออกกำลังกายตอนช่วงใกล้เข้านอน และเลี่ยงการอ่านหนังสือหรือดูภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาน่ากลัวออกกำลังกายผู้ที่ฝันร้ายจากอาการวิตกกังวล หรือความเครียดควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อบรรเทาภาวะฝันร้าย โดยอาจเลือกเล่นโยคะหรือทำสมาธิ เพื่อช่วยให้จิตใจสงบขึ้นจัดสภาพแวดล้อมสำหรับการนอนให้หน้านอนควรจัดห้องนอน และเตียงนอนให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ให้มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนเลี่ยงและจำกัดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือเครื่องดื่มที่ผสมคาเฟอีน เนื่องจากสารกระตุ้นทั้งสองอย่างอาจตกค้างอยู่ในร่างกายมากกว่า 12 ชั่วโมง ส่งผลให้รบกวนการนอนได้ฝันดี ฝันร้าย บ่งบอกถึงสุขภาพได้อย่างไรแพทย์แผนจีนกล่าวถึงความฝันของคนเราเอาไว้ว่า ความฝันสัมพันธ์กับหัวใจ กำกับสติและความรู้สึกนึกคิด ถ้าหัวใจพร่อง เลือดไม่พอ อินพร่อง หยางพร่องก็ทำให้หัวใจ ขาดพลัง ทำให้หัวใจมีปัญหา และทำให้สติและความรู้สึกนึกคิดของเรามีปัญหาด้วย ฉะนั้นการรักษาฝันต้องพึ่งการนอนหลับให้ดี ลดความกังวล บำรุงเลือด และลดไฟในหัวใจ แต่ถ้าเรามีภาวะจิตใจว้าวุ่นแปรปรวนมาก ทำให้สติและความรู้สึกนึกคิดทำให้เกิดความฝัน ทำให้ระบบประสาทตื่นตัวจนมีความฝันเกิดขึ้น ขาดความสดชื่น ขาดพลังสติปัญญา ทำให้รู้สึกอ่อนล้า อ่อนเพลียอยู่ตลอดเวลา ซึ่งลักษณะของความฝันเป็นประจำ ทำให้หัวใจอ่อนล้า และอาจจะทำให้เกิดความผิดปกติของอวัยวะภายในต่างๆได้อีกด้วยค่ะใครฝันร้ายบ่อยๆ อาจจะไม่ได้น่ากลัวแค่ในฝันแล้วนะคะ เพราะแสดงถึงสุขภาพที่ไม่ดี ต้องรีบดูและเรื่องการนอนพักผ่อนให้เพียงพอนะคะ ถ้านอนไม่หลับเปิดฟัง Green Wave ฟังก่อนนอนได้นะคะ Zzzขอบคุณข้อมูลและความรู้ดีดีจากคุณหมอตี้ค่ะ Facebook : ดร เยาวเกียรติ แพทย์จีน ฝังเข็มCollector by รุ่งโนรี ’Girl Music Travel Lover

สวยจากภายใน ไม่ต้องพึ่งมีดหมอ

01 พ.ย. 2023

สวยจากภายใน ไม่ต้องพึ่งมีดหมอ

เราทุกคนอยากดูเด็ก ชอบให้คนอื่นทักยิ่งมองยิ่งสวยนะทำอะไรมา? ทำอย่างไรให้สวยแบบธรรมชาติที่สุดโดยไม่ต้องพึ่งสารเคมี ฉะนั้นเราควรรู้ว่าอวัยวะภายในของเราทำงานอย่างไร มันทำให้เราสวยได้ยังไง สวยอยู่แล้วต้องบำรุงแบบไหน ตรงจุดไหม แล้วความสวยของเรานั้นมันเกี่ยวอะไรกับอวัยวะของเรา วันนี้แพทย์แผนจีน มีคำตอบค่ะ1. ใบหน้างามด้วยหัวใจที่สดใส หน้าที่ของหัวใจจะเกี่ยวข้องกับการสูบฉีดเลือดโดยตรง คือพลังของหัวใจนั้นจะผลักดันให้เลือดไหลเวียนไปหล่อเลี้ยงร่างกาย ใบหน้านั้นเป็นบริเวณที่มีเส้นเลือดไปหล่อเลี้ยงมาก ถ้าหากระบบการทำงานของหัวใจไม่ดีจะแสดงออกมาในรูปสีบนใบหน้า เช่นพลังหัวใจแข็งแกร่งเลือดลมไหลเวียนดี ก็จะทำให้ใบหน้าผิวแดง ดูสดใส หากพลังของหัวใจไม่เพียงพอ เลือดลมไหลเวียนไม่ดี ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าดูหมองคล้ำ ไม่สดใสหัวใจพลังไม่พอ อาจจะมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น นอนไม่หลับ ใจสั่น ใจหวิว ฝันบ่อย ปัสสาวะเหลืองมาก แนะนำให้ทาน ลำใยแห้ง เมล็ดบัว อย่างละ30g ข้าวเหนียว 100g ต้มรวมกัน ทำเป็นโจ๊ก แล้วรับประทานบ่อยๆ จะช่วยในการบำรุงหัวใจ บำรุงเลือด ให้ความชุ่มชื่นกับผิว ทำให้ผิวแดงดูสดใส2. สวยได้ถ้าตับไม่ร้อน ในแพทย์แผนจีนตับมีหน้าที่เก็บเลือด ช่วยในเรื่องการขับเคลื่อนของชี่(气机คือพลังของร่างกายที่ เคลื่อนที่ ขึ้น ลง เข้า ออก ในร่างกาย) รักษาสมดุลของอารมณ์ ใบหน้าของเราเลือดลมไหลเวียนดี จะทำให้ใบหน้าแดงเรืองๆ ดูมีชีวิตชีวา หากตับมีปัญหา การขับเคลื่อนของชี่หยุดชงักเลือดลมไม่เดินเลือดคลั่งอยู่บริเวณใบหน้า ทำให้หน้าดูหมองเขียว เป็นสาเหตุให้เกิดฝ้าที่ใบหน้าได้ เลือดในตับพร่องทำให้ใบหน้าดูซีดเหมือนขาดเลือด ผิวแลดูไม่ชุมชื้น ผิวไม่มีประกาย อาจจะมีอาการของตาแห้งง่าย มองวัตถุไม่ค่อยเห็นอาการที่เกี่ยวกับตับ เช่น อารมณ์หงุดหงิดง่าย ปวดด้านข้าง เรอบ่อย พายลมบ่อย ตาแห้ง แนะนำให้ทาน เห็ดหูหนูขาว ดอกเก๊กฮวย อย่างละ 10g ต้มน้ำรับประทานบ่อยๆ หรือใส่น้ำผึ้งเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความหวาน จะสามารถช่วย รักษาตับบำรุงเลือดแก้ปวดหัวที่มาจากความร้อนในตับสูงทำให้ดวงตาสว่าง บำรุงผิว และยังรักษาฝ้าได้อีกด้วยค่ะ3. บำรุงม้ามทำให้ผิวสวย หน้าไม่เหลือง สิ่งที่เป็นคุณค่า สารอาหาร ต่างๆ ที่รับประทานและส่งไปทั่วร่างกาย ล้วนมาจากพลังม้ามทั้งสิ้นม้ามจะเป็นที่ผลิตพลังและเลือดให้กับร่างกายด้วย(ม้ามในหลักของแพทย์จีน)จะเห็นได้ว่าเมื่อเลือดลมไหลเวียนได้ดีแล้ว จะทำให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่ง ความยืดหยุ่นของผิวจะดี ผิวไม่แห้งกร้านและไม่เหี่ยวง่าย ถ้าหากม้ามไม่แข็งแรง การส่งอาหารให้กับร่างกายก็จะช้าลง เลือดลมไหลเวียนได้ไม่ดีเท่าที่ควร ไม่อาจจะไปหล่อเลี้ยงผิวหนังบนใบหน้าได้อาการที่เกี่ยวข้องกับม้ามพร่อง เช่น หน้าดูซีดเหลือง ไม่มีชีวิตชีวา เหนื่อยง่าย อาหารไม่ย่อย มีเสียงดังในลำไส้บ่อยๆ แนะนำให้ทาน พุทราแดง วันละ 10 เม็ด เพราะพุทราแดง จะช่วยบำรุงม้ามบำรุงเลือดจะทำให้ผิวพรรณดูแดงสดใส4. บำรุงปอดหน่อย ผิวจะได้ไม่แห้งกร้าน หน้าที่ของปอดคือหายใจ แต่ในทางแพทย์แผนจีนปอดจะช่วยนำพลังชี่(พลังจากสารอาหาร น้ำ)ส่งลงล่างเพื่อให้ เลือดลม น้ำ สารอาหารต่างๆกระจายสู่ร่างกาย ถ้าหากปอดทำงานผิดปกติ จะทำให้ผิวหนังของเราแห้งง่าย กระด้าง ใบหน้าดูหมองหม่น และขาวซีดผิดปกติอาการที่ร่วมกับปอดเช่น หายใจสั่น ติดขัด ผิวหนังแห้ง ไอ บ่อย เป็นภูมิแพ้ แนะนำให้ทาน ดอกแปะฮะหรือดอกลินลี่(百合หาได้ตามร้านยาจีนทั่วไป) 15g เห็ดหูหนูขาว30g ใบเตย 2 ใบ น้ำตาลกรวด 1 ก้อน พอให้หวาน ต้มรวมกัน ทานแทนน้ำ สรรพคุณจะทำให้ร่างกายเย็นบำรุงปอดทำให้ผิวชุ่มชื้นขับเสมหะ แก้ไอได้5. ถั่วดำต้มบำรุงไต ตามหลักแพทย์จีนไตทำหน้าที่เก็บสารจิง(精คือ สารจำเป็นพื้นฐาน ช่วยพยุงร่างกายให้ดำรงชีวิตและทำกิจกรรมต่างๆ และยังหมายถึงสารจำเป็นต่อการสืบพันธุ์) ถ้าหากไตมีสารจิงเพียงพอ อวัยวะในร่างกายก็จะสมบูรณ์ไปด้วย เลือดลมก็จะไหลเวียนดี หน้าจะไม่แก่ง่าย ผมก็จะไม่ขาวเร็ว ฟันจะไม่ร่วงง่าย และไม่แก่ก่อนวัยถ้าหากไตพร่องสามารถทาน ข้าวเหนียวถั่วดำ เพราะ ข้าวเหนียว จะช่วยบำรุงเลือดลมช่วยกระตุ้นเลือดลมให้ไหลเวียนดีขึ้น ถั่วดำมีฤทธิ์ช่วยบำรุงไตเสริมหลังอินในไต ในกะทิจะมีไขมันดี ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว และใบหน้าของคุณได้ค่ะ หลายคนที่มองตัวเองแล้วรู้สึกใบหน้าดูแล้วไม่เปล่งประกาย ไม่บริ้ง รู้สึกว่าตัวเองหน้าแก่ ขาวซีด หรือใบหน้าคล้ำลง ผิวหนังไม่รื่นเรียบเหมือนสมัยก่อน ใบหน้ามีทั้งฝ้าทั้งกระ สิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนแล้วมาจากอวัยวะต่างในร่างกายที่ขาดสมดุลทั้งสิ้น ฉะนั้นถ้าอยากจะสวย ต้องเพิ่มพลังให้กับอวัยวะนั้นๆ จะได้สวยโดยที่ไม่ต้องพึ่งมีดหมอนะคะ ^^ขอบคุณข้อมูลและความรู้ดีดีจากคุณหมอตี้ค่ะ Facebook : ดร เยาวเกียรติ แพทย์จีน ฝังเข็มCollector by รุ่งโนรี ’Girl Music Travel Lover

ตดเหม็นไม่ใช่เรื่องน่าอาย อาจจะมีอันตรายกับลำไส้

13 ม.ค. 2023

ตดเหม็นไม่ใช่เรื่องน่าอาย อาจจะมีอันตรายกับลำไส้

ตดเหม็นอันตรายไหมการผายลม หรือ การตด ฟังดูแล้วเป็นเรื่องน่าอาย และน่าขบขันไม่น้อย แต่มันก็เป็นเพียงกระบวนการทางธรรมชาติของร่างกาย ในการขับไล่ลมหรือแก๊สผ่านลำไส้ใหญ่เท่านั้นค่ะ ทุกครั้งที่เรากินอาหาร ดื่มเครื่องดื่ม หรือแม้กระทั่งพูดคุยทั่วไป เรากลืนอากาศเข้าไปด้วย การตดในชีวิตประจำวันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่หลายคนก็ยังคงมีข้อข้องใจว่า ตดบ่อยแค่ไหนเรียกว่าปกติ? ตดดัง และเหม็นเป็นสัญญาณอันตรายเกี่ยวกับสุขภาพหรือไม่? บทความนี้จะช่วยไขข้อข้องใจเกี่ยวกับปัญหาการผายลมเหล่านี้เองค่ะตดบ่อยแค่ไหน เรียกว่าปกติ? โดยปกติแล้ว ผู้ที่มีร่างกายอุดมสมบูรณ์และแข็งแรงดี จะตดประมาณ 14 - 23 ครั้งต่อวัน เมื่อใช้เกณฑ์นี้เป็นตัววัดแล้ว การผายลมที่มากกว่า 23 ครั้งภายในหนึ่งวันถือว่าผิดปกติค่ะ โดยความผิดปกตินี้อาจเกิดจากการรับประทานอาหาร หรือเครื่องดื่มที่ทำให้เกิดแก๊สในร่างกายมากเกินไป เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ นม ถั่ว ชีส กระหล่ำปลี หัวหอม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และน้ำอัดลม หรืออาจเกิดจากภาวะความผิดปกติอย่างใดอย่างหนึ่งภายในร่างกายการผายลมบ่อยมากเกินไปนั้น เป็นสัญญาณที่บ่งบอกสุขภาพภายในได้เป็นอย่างดี ซึ่งภาวะหรือโรคที่เกี่ยวข้องกับการผายลมมีด้วยกันดังนี้ค่ะ• โรคมะเร็งลำไส้• โรคลำไส้แปรปรวน• ระบบดูดซึมอาหารทำงานผิดปกติ• การแพ้อาหารที่มีส่วนประกอบของแลคโตส (lactose) เช่น นมวัวและโยเกิร์ต• ภาวะที่เกี่ยวของกับกระเพาอาหาร เช่น การที่อาหารเป็นพิษ เราควรหมั่นนับจำนวนครั้งที่เราผายลมในแต่ละวัน เพื่อสังเกตการทำงานที่เกี่ยวข้องกับกระเพาะอาหารและลำไส้ หากมีการผายลมที่บ่อยครั้งเกินไปติดต่อกันเป็นเวลานาน ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร โดยหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดแก๊สได้ง่าย แต่หากยังไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริง และหาทางแก้ไขอย่างเร็วที่สุดนะคะตดดังและตดเหม็น อันตรายหรือไม่?การผายลมที่มีเสียงดัง เกิดจากการที่แก๊สถูกขับออกมาด้วยแรงดันอากาศหรือแรงเบ่งที่สูงมาก หรืออาจเกิดจากการที่แก๊สต้องแทรกตัวผ่านกล้ามเนื้อหูรูดที่บีบตัวแน่น เสียงที่มาพร้อมกับการผายลมจึงไม่ได้บ่งบอกถึงความผิดปกติอะไร ส่วนกลิ่นตดนั้น ขึ้นอยู่กับอาหารที่เรารับประทานเข้าไป ส่วนใหญ่แล้วอาหารจำพวกโปรตีนจะก่อให้เกิดแก๊สที่มีกลิ่นเหม็นมาก เช่น อาหารกลุ่มเนื้อสัตว์ ไข่ ชีส และนม รวมไปถึงถั่วชนิดต่างๆด้วย อีกทั้งแก๊สเหล่านี้ต้องเดินทางผ่านลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ ซึ่งเป็นศูนย์รวมของอาหาร และกากอาหารที่ถูกย่อยสลายแล้ว จึงมีกลิ่นเหม็นเป็นธรรมดาและไม่ถือว่าเป็นสัญญาณของความผิดปกติของสุขภาพแต่อย่างใด ในแพทย์แผนจีนการที่ตดบ่อย และมีกลิ่นเหม็นมากๆนั้น คืออาการของลำไส้ กระเพาะอาหาร ม้ามทำงานไม่ดี กลิ่นเหม็นยิ่งมาก มักจะมาจากความร้อนชื้น การที่จะลดความร้อนชื้นได้นั้น เราไม่ควรรับประทานเนื้อสัตว์เยอะ ไม่รับประทานอาหารที่มีฤทธิ์เผ็ดร้อน พยายามดื่มน้ำมากๆ ก็อาจจะช่วยลดอาการตดเหม็นได้ค่ะ ขอบคุณข้อมูลและความรู้ดีดีจากคุณหมอตี้ค่ะ Facebook : ดร เยาวเกียรติ แพทย์จีน ฝังเข็มCollector by รุ่งโนรี ’Girl Music Travel Lover

3 สัญญาณบ่งบอกว่า เลือดของคุณกำลังไหลเวียนได้ไม่ดี

10 ส.ค. 2022

3 สัญญาณบ่งบอกว่า เลือดของคุณกำลังไหลเวียนได้ไม่ดี

คนที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง โดยเฉพาะสาวๆ จะเห็นได้ชัดจากรูปร่างและผิวพรรณที่ดูมีน้ำมีนวล อิ่มเอิบ เพราะมีระบบไหลเวียนเลือดดี แต่ก็ยังมีวิธีสังเกตอาการที่กำลังบอกเราได้ว่า ระบบไหลเวียนเลือดไม่ดี ต้องรีบบำรุงเลือดด่วนเลยนะคะ1.ผิวพรรณไม่มีน้ำมีนวล อยู่ดีๆ ผิวพรรณก็ดูหมองคล้ำ ไม่มีน้ำไม่มีนวล เป็นสิว ไม่สดใส อาจมีสาเหตุมาจากระบบหมุนเวียนเลือดไม่ดี ซึ่งเลือดทำหน้าที่ขนถ่ายสารอาหาร และออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ทั่วร่างกาย และพาเอาของเสียออกจากเซลล์ ถ้าระบบไหลเวียนเลือดไม่ดี เลือดนำพาของเสียออกไปทิ้งไม่ได้ หรือไม่มีประสิทธิภาพ เซลล์ก็จะหมองเพราะมีของเสียตกค้าง อีกทั้งเซลล์ยังไม่ได้รับสารอาหารกับออกซิเจนที่เพียงพอจากระบบไหลเวียนเลือดอีกด้วยค่ะ2.ประจำเดือนมาไม่ปกติ ประจำเดือนมากกว่าปกติ หรือนานกว่าปกติ เช่น ประจำเดือนมามากกว่า 7 วัน, ต้องใช้ผ้าอนามัยมากกว่า 1 แผ่นต่อชั่วโมง หลายชั่วโมงติดต่อกัน, ประจำเดือนปนลิ่มเลือดขนาดใหญ่, รู้สึกอ่อนเพลียระหว่างการมีประจำเดือน อาการเหล่านี้ล้วนแต่ควรต้องไปปรึกษาแพทย์นะคะ เพราะการที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ แบบมามากเกินไป หรือมีอาการข้างต้นด้วยแบบนี้ อาจเป็นสัญญาณของปัญหาทางสุขภาพอื่นๆ และอาจทำให้เกิดภาวะซีดจากการเสียเลือดมากกว่าปกติ อันนำไปสู่ภาวะโลหิตจางอีกด้วย ประจำเดือนมาน้อยผิดปกติ คือ เลือดที่ออกมาในช่วงที่คุณมีประจำเดือน แต่มีปริมาณน้อยกว่าปกติ หรือมาไม่เกิน 2 วัน โดยอาจจะเป็นเลือดหยดๆ หรือเปื้อนผ้าอนามัยเพียงเล็กน้อย แบบนี้เป็นอาการประจำเดือนมาไม่ปกติที่อาจเกิดจากความไม่สมดุลของฮอร์โมน ความเครียด หรือการขาดสารอาหารบางชนิด ที่มีส่วนช่วยในการบำรุงเลือด3.เหนื่อยง่ายกว่าปกติ ทำกิจกรรมประจำวันปกติ แต่กลับรู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ไม่สดชื่น หายใจลำบากขณะออกแรง มึนงง วิงเวียนศีรษะ ปวดหัว มือเท้าเย็น ผิวซีดเหลือง เจ็บหน้าอก ใจสั่นไหว ฯลฯ เป็นอาการของผู้ที่มีภาวะโรคโลหิตจาง ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้กับผู้หญิงที่มีประจำเดือนมาไม่ปกติ โดยสูญเสียธาตุเหล็กออกไปกับประจำเดือนนั่นเองค่ะ คุณมี 3 สัญญาณนี้อยู่รึเปล่า อย่าลืมสังเกตอาการตัวเองนะคะ ด้วยความปรารถนาดีจาก Green Wave ค่ะ ^^ขอบคุณข้อมูลและความรู้ดีดีจากคุณหมอตี้ค่ะ Facebook : ดร เยาวเกียรติ แพทย์จีน ฝังเข็มCollector by รุ่งโนรี ’Girl Music Travel Lover

album

0
0.8
1