ไม่มีความเป็นผู้นำ หรือ ขี้เกียจกันแน่?? สาวสุดหนักใจ... คบกับแฟนมา 4 ปี แฟนให้คำปรึกษาไม่ได้เลย เวลาปรึกษาเรื่องใหญ่ๆที่ต้องตัดสินใจ ชอบพูดคำว่า แล้วแต่เธอเลย ตอนนี้เขาลาออกจากงานประจำมาช่วยงานเรา แต่เที่ยงยังไม่ตื่น...

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ไม่มีความเป็นผู้นำ หรือ ขี้เกียจกันแน่?? สาวสุดหนักใจ... คบกับแฟนมา 4 ปี แฟนให้คำปรึกษาไม่ได้เลย เวลาปรึกษาเรื่องใหญ่ๆที่ต้องตัดสินใจ ชอบพูดคำว่า แล้วแต่เธอเลย ตอนนี้เขาลาออกจากงานประจำมาช่วยงานเรา แต่เที่ยงยังไม่ตื่น...

11 ส.ค. 2023

ไม่มีความเป็นผู้นำ หรือ ขี้เกียจกันแน่?? สาวสุดหนักใจ... คบกับแฟนมา 4 ปี

แฟนให้คำปรึกษาไม่ได้เลย เวลาปรึกษาเรื่องใหญ่ๆที่ต้องตัดสินใจ

ชอบพูดคำว่า แล้วแต่เธอเลย ตอนนี้เขาลาออกจากงานประจำมาช่วยงานเรา

แต่เที่ยงยังไม่ตื่น และ ชอบมาขอเงินเรา อ้างว่า เงินไม่พอใช้ ขอยืมทีละนิดๆ

ตอนนี้หนูอยากจะเลิก แต่ติดตรงที่มองหน้าเขาแล้วสงสาร ควรทำยังไงดี?

          “คุณแพท (นามสมมติ)” อายุ 30 ปี สายแรกในรายการ “พุธทอล์ค พุธโทร” เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [2 ส.ค. 66] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาแฟนไม่มีภาวะเป็นผู้นำ ไม่ขยันทำงานหาเงิน ไม่คิดสร้างอนาคตไปด้วยกัน

          โดย “คุณแพท (นามสมมติ)” เริ่มเล่าว่า ‘หนูคบกับแฟนมา 4ปีแล้ว แฟนอายุเท่ากัน ยังไม่ได้แต่งงาน แต่อยู่ด้วยกัน คือ... แฟนหนูไม่มีความเป็นผู้นำเลย เวลาที่เราต้องตัดสินใจอะไรเรื่องใหญ่ๆ หนูจะปรึกษาเขาไม่ค่อยได้ เขาจะพูดแค่คำว่า แล้วแต่เรา ตอนที่ซื้อบ้านด้วยกัน หนูก็ถามเขาว่า เธอเราซื้อตรงนี้ดีไหม หรือว่าราคาอย่างนี้เธอโอเคไหม เขาก็จะตอบแล้วแต่เธอ  หรือแม้แต่ภาระค่าใช้จ่ายทุกอย่างในบ้าน เราตกลงกันตั้งแต่แรกแล้วว่า เราจะแยกเงินคนละกระเป๋า เราจะไม่ยุ่งกับเงินเขา เขาก็จะไม่มายุ่งกับเงินของเรา ช่วงแรก ๆมันได้ แต่ช่วงหลัง ๆมาเขาก็จะมาขอเรา ในแต่ละครั้งไม่เยอะมากแต่ระยะเวลา ถ้าทบรวมๆกันก็เยอะ ครั้งละ 10,000-8,000 บาท

            บางทีเขาก็จะบอกเงินไม่พอจ่ายค่างวดรถ ไม่พอจ่ายค่านู้นค่านี่ ซึ่งจะเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวของเขาเอง อย่างเช่น รถเป็นชื่อเขา แต่เราก็ใช้ด้วยกัน คือแพทจะทำงานอยู่ที่บ้าน เขาจะเป็นคนที่ใช้รถคนเดียว แพทก็จะไม่ค่อยได้ใช้ แต่รถออกเป็นชื่อเขาเพราะว่าชื่อแพทติดแบล็คลิสต์ออกรถไม่ได้ เขาจะมีขอจุกจิก บางทีก็ขอน้ำมันเติมค่ารถ 1,000-2,000 บาท ขอจุกขอจิกเราก็จะถามเขาว่า เงินเดือนเธอไม่พอหรอ? เขาก็จะบอกว่า ไม่พอ ไม่พอจริง ๆ

            แพททำงานอยู่ที่บ้าน เปิดเป็นร้านเบเกอรี่ แล้วทีนี้หลังๆมา ด้วยความที่เขาคิดว่าอยากมาช่วยเรา เขาก็ลาออกจากงานประจำ แต่เอาจริงๆ ร้านหนูเปิด 10 โมง เที่ยงเขายังไม่ตื่นเลย ตอนนี้เขาออกจากงานได้ 2 ปีแล้ว แต่ก็ไม่ได้มีรายได้ หลักๆก็มาจากหนูกับคุณพ่อของหนู เพราะหนูก็ไปคุยกับคุณพ่อ คุณพ่อก็เลยให้เขามาทำงานกับพ่อ เพราะพ่อเปิดร้านขายอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ให้เขาไปเฝ้าร้านให้ แล้วพ่อก็ให้เงินเดือนกับเขาต่างหาก เขาก็ทำงานแต่ไม่ค่อยดี เหมือนที่เขาทำก็อาจจะเกรงใจพ่อหนูด้วย แต่พ่อจะชอบโทรมาบ่นว่า เขาชอบหนีไปเข้าห้องน้ำนาน ๆ ชอบไปสูบบุหรี่หลังร้านนาน ๆ พอไปทำงานกับคุณพ่อแล้ว เขาก็ยังมีปัญหาการเงินเหมือนเดิม ยังมาขอเงินหนูเหมือนเดิม แต่ไม่ได้เยอะเท่าเดิม คือก่อนหน้านี้หนูเคยแต่งงานมาแล้วครั้งนึง หนูมีลูกกับแฟนเก่า หนูก็เลยบอกเขาไปว่า เรามีลูกนะ การที่เราจะเอาใครสักคนเข้ามา ถ้าจะให้เรารับผิดชอบเธอด้วย รับผิดชอบลูกด้วยเราก็ไม่ไหว...

            แพทก็มีความรู้สึกอยากจะเลิกกับเขานะ แต่มันติดตรงที่เขาก็มีความดีของเขาอยู่ เขาไม่เคยนอกใจเรา แล้วเราสัมผัสได้ว่าเขาก็รักเรา เขาทำกับข้าวให้กิน ทำงานบ้านให้หนู เวลาที่หนูจะบอกเลิกเขา แล้วหันมองหน้าเขา มันก็เลยกลายเป็นสงสารเขา แต่มันก็ไม่ใช่ทุกวันที่เขาทำให้เรานะ ในสายตาเราก็นับว่าเขาเป็นคนขี้เกียจในระดับนึง แต่ในความรู้สึกก็ยังว่า...เหมือนเขาเป็นคนดีคนหนึ่งอยู่ เพราะไม่เคยโกหกเรา ไม่เคยไปเที่ยว หรือไม่เคยไปเมาเละเทะที่ไหน และหนูก็เคยบอกเขาให้ไปทำงานเพื่อหาเงิน แต่เขาก็ถามหนูกลับมาว่า จะให้เราไปทำอะไร?

            เขาก็ดูเหมือนจะรักลูกติดของหนูนะ อย่างเวลาไปเดินห้าง เขาก็จะบอก เห้ยเธอชุดนี้สวยจัง ซื้อแล้วก็ส่งไปให้ลูกไหม? ซึ่งลูกของหนูคุณแม่จะเป็นคนเลี้ยงให้อยู่ที่ต่างจังหวัด แต่เขาก็ไม่เคยถามเลยว่า เธอเดือนนี้ส่งเงินให้ลูกหรือยัง มีเงินพอส่งให้ลูกไหม? เขาไม่เคยถามแบบเป็นห่วง เป็นใย อย่างคำถามที่ว่า ลูกเป็นไงบ้าง ลูกเปิดเทอมหรือยัง ลูกปิดเรียนวันไหน เขาจะไม่เคยมีคำถามพวกนี้เลย เขาเคยเจอลูกของหนู ความสัมพันธ์ก็ปกติ เจอกันก็พาไปซื้อขนม อยากได้อะไรซื้อให้  

            ตอนนี้หนูกำลังอยากสร้างครอบครัว อยากได้คนที่แบบมาเป็นคู่คิด ซึ่งเขาเป็นคู่คิดให้หนูไม่ได้ เขาจะคอยต้านหนูตลอด สมมติถ้าบอกว่าอันนี้ได้นะ เขาก็จะแย้งขึ้นมาทันทีว่าอันนี้ไม่ได้ อย่างหนูเคยทำขนมออกมาชิ้นนึง คิดแล้วว่ามันต้องขายได้แหละ เขาก็จะสวนขึ้นมาทันทีเลยว่า มันขายไม่ได้หรอก ทั้ง ๆที่ยังไม่ได้ลองขายเลย แค่ทำออกมาชิมกัน มันก็เลยเหมือนเขามาบั่นทอน

            ปีแรกๆ เขาดีมาก คือทำงานตลอด OT ยันดึกดื่น เขาดูเป็นคนขยันมาก จนหนูรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้เราฝากชีวิตได้แหละ ก็เลยตัดสินใจย้ายมาอยู่ด้วยกันกับเขา จุดเปลี่ยนเขา เอาจริงๆแพทก็ไม่รู้ เพราะแพทก็ไม่ทันตั้งตัวเหมือนกัน อยู่ดีดีเขาก็เปลี่ยนไปเลย แพทยังเคยคุยกับเขาเลยว่า แพทรู้สึกว่าตอนนี้เขาไม่เหมือนคนเดิมคนนั้นเลยนะ เขาก็บอกว่า เราก็เป็นของเราแบบนี้แหละ เธอไม่สังเกตเอง

            เขาไม่ได้ทำให้เราเสียใจ แต่เขาก็ไม่ได้ซัพพอร์ตความรู้สึกเราเหมือนกัน เขาเป็นคนไม่ทำอะไรผิดร้ายแรง แล้วก็ไม่ได้ทำอะไรดีด้วย ทนมาประมาณ2ปี ตั้งแต่เขาลาออกจากงาน เลยอยากถามว่า แพทอยากเลิกค่ะ แต่ตัดความสงสารที่มีต่อเขาไม่ได้ ควรทำยังไงดี?

            งานนี้ในความคิดเห็นของผู้ชายอย่าง “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘จริงๆแล้วเคสอย่างคุณแพท น่าแปลกใจตรงมีประสบการณ์ความรักมาแล้ว พอเป็นความรักครั้งที่สอง การจะมีครอบครัวผมว่า ส่วนใหญ่มันจะทำให้เราตัดช้อยส์ง่ายขึ้น เมื่อตอนพ่อของลูกเลิกกันเพราะเขานอกใจ เขาไปมีผู้หญิงคนอื่น ทำให้คุณแพทมีปม พอคนนี้ไม่นอกใจเขาเลยได้คะแนนบวกเป็นพิเศษ เพราะฉะนั้นอันนี้เลยเป็นข้อเสียที่คุณแพทยังไม่เคยเจอ บวกกับข้อดีที่มันไปคลายปมของคุณแพทในความรักครั้งแรก เขาไม่มาซ้ำในแผลเดิม เราก็เลยรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้บวกมาก แต่จริงๆแล้วถ้าคุณแพทย์ยังรู้สึกสงสาร นั่นแปลว่าคุณแพทยังสงสารตัวเองไม่มากพอ เลยยังมีแรงไปสงสารเขาอยู่ ก็คงต้องทน ก็คือถ้าให้ผมบอกนะ ถ้าไม่เปลี่ยนแปลงอะไร ก็ต้องทน ทนจนกว่าคุณแพทจะเริ่มสงสารตัวเองและครอบครัว ถึงเวลานั้นคุณแพทจะรู้ว่าควรทำอย่างไร

            จริงๆมันควรเป็นวัยและเวลาที่เราไม่อยากเสียเวลาแล้ว เราเคยผ่านความรักครั้งแรกมา แล้วมันก็ล้มเหลว ความรักครั้งที่สองมันควรจะชัดเจนขึ้น อะไรที่ไม่ใช่ไปให้เร็ว ไม่มาอารัมภบทให้วุ่นวาย ไม่มาดราม่ากันแบบไร้สาระ ไม่ใช่ก็แยกย้าย มันควรจะเป็นอย่างนั้น นั่นแปลว่าความสงสาร คุณแพทยังชั่งน้ำหนักแล้วรู้สึกยังทนกับข้อเสียของเขาได้ และข้อดีของเขายังชนะอยู่ หรือมันเสมอกันแล้ว ถ้าอย่างนั้นผมก็ว่าเหลือเวลาไม่นานที่ความอดทนครั้งนี้มันจะหมดลง มันอาจจะเป็นฝางเส้นสุดท้ายก็ได้ ผมว่าคุณแพทไม่ต้องกังวล ถ้าความรู้สึกนี้ค่อย ๆก่อตัว เดี๋ยววันนึงมันก็จะชัดเจน อยู่ที่ว่าแต่ละคนจะมีวิธีจบเรื่องนี้ไม่เหมือนกัน บางคนเตือนก่อน บางคนระเบิดบึ้มแล้วไปเลย คุณแพทเองก็เคยยื่นคำขาดมาหลายทีแล้ว แต่เขารู้ไหมว่าเขาอยู่ในสถานะที่ค่อนข้างวิกฤต แล้วก็คุณแพทมีทางเลือกที่จะเลิก

            ไปต่อกันที่ “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาต่อว่า ‘คุณแพท คือต้นหอมเวอร์ชั่นเก่า ที่ยังไม่ตรัสรู้ เพราะหอมเคยเป็น หอมเคยมีแฟนที่นอกใจ พอวันที่เรามีแฟนที่นอกใจ เราจะมีปมเลยหนึ่งอย่างว่า ครั้งหน้าขอแค่ข้อเดียว ขอคนที่ไม่นอกใจ พอแล้วเพราะว่ามันเจ็บกับสิ่งนี้มาก ขอคนที่ไม่นอกใจ แล้ววันนึงเจอผู้ชายที่ไม่นอกใจ แค่คำว่า ไม่นอกใจ เรากลายเป็นเราตกเป็นทาสคำนี้เลย ที่เหลือผู้ชายแม่งเห็นแก่ตัว ขี้เกียจ เอาเปรียบสารพัด แล้วอยู่ก็ไม่มีความสุข แต่เขาไม่นอกใจ คิดแบบนี้อยู่ จนไม่มีความสุข หรือเป็นที่ตัวเราเอง เราปรับเปลี่ยนตัวเองทุกอย่าง สุดท้ายคือ เราไม่ได้ต้องการแค่ไม่นอกใจ เรามีผู้ชายในแบบที่เราต้องการ และ ผู้ชายที่เราไม่ต้องการ ซึ่งเขามีสิ่งที่คุณแพทไม่ต้องการ เมื่อใครก็ตาม ที่ไปแตะสิ่งที่คุณแพทไม่ต้องการ แปลว่าคนนี้ไม่ใช่ คุณแพทกำลังอยู่กับจิ๊กซอว์ที่ไม่ใช่

            ฉะนั้นวันนี้จะไปถามหาความสุขจากคนที่เขาไม่มีสิ่งนั้นให้คุณแพท คุณแพทก็จะอยู่ไม่มีความสุข คือเขาไม่ใช่ แล้วก็สิ่งที่คุณแพทบอก ลุกไปทำงานหรืออะไรก็ตาม เขาไม่ทำเพราะเขาไม่ใช่คนแบบนั้น เขาปรับเปลี่ยนไม่ได้ มันเป็นตัวเขาไปแล้ว แล้วคุณแพทก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทน แต่ในเมื่อมองหน้าเขา เห็นหน้าเขาแล้วสงสาร คุณแพทก็แค่ลองหันกระจก แล้วมองหน้าตัวเองดูบ้าง ฉันสงสารตัวเองอยู่หรือเปล่าทุกวันนี้ ที่ต้องทนอยู่กับคนแบบนี้ ถ้าแพทคิดว่าการเลิกกับเขามันยากที่สุด เดี๋ยวแพทจะทำใจไม่ได้ ไม่ใช่นะ หอมบอกเลยว่า ผู้ชายทรงแบบนี้ไล่ไม่ไป เพราะเขาอยู่สบายแล้ว อันนี้หนักกว่า ทำอย่าไงให้คนนี้ไปเถอะ ปัญหาใหญ่ที่สุดคือการทำอย่าไงให้เขาออกไปจากบ้าน อันนี้ยากมาก คนแบบนี้ไม่ออก

            และคนสุดท้ายของค่ำคืนนี้ “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘งั้นพี่พูดในเชิงที่ว่า จะทำให้หนูเวลามาคิดแล้วสงสารเขาดีกว่านะ ว่าจะเอาความรู้สึกนี้ออกไปยังไงดีกว่าเนอะ พี่รู้สึกว่าอยากให้แพทถามตัวเองว่า ถ้าหนูจะมีคนรัก จะมีสามีหนูต้องการอะไรจากสถานะนี้ ต้องการคนที่เป็นผู้นำ ต้องการคนที่เป็นกำลังใจ ต้องการคนที่มีความรับผิดชอบทั้งตัวเขาเองและครอบครัว หรือหนูต้องการแค่แบบทำกับข้าว คนดูแลบ้าน คนที่ไม่นอกใจ ซึ่งถ้าต้องการแค่นี้ หนูจ้างแม่บ้านดีดีสักคนก็ได้เลยนะ แล้วทำแบบFULL-TIME ไม่แบบ 3วันดี 4วันไข้ด้วย

            แต่เรากอดแม่บ้านไม่ได้ แสดงว่าหนูต้องการที่พึ่งทางใจ ที่จะให้ความรัก การดูแล ความรับผิดชอบ ซึ่งแสดงว่าในตัวผู้ชายคนนี้ มันไม่มี แล้วหนูต้องหาคนอื่นมาทำหน้าที่แทนเขา สำหรับพี่ คือ ก้อนที่เขาทำได้ ตอนนี้ที่หนูบอก ทำกับข้าว ดูแลบ้าน ไม่นอกใจ ก้อนนี้มันหาคนมาทำแทนเขาได้เลย มันแล้วแต่ว่า คนรักที่หนูต้องการจะมี หนูอยากให้เขาเป็นอะไรสำหรับหนูในตอนนี้ เท่านั้นเอง

            เพราะว่าถ้าหนูสงสารเขาไป แต่เขาไม่หยุดเอาเงิน มันสงสารตัวเองดีกว่าไหม เพราะแพทไม่ใช่คนที่มีฐานะร่ำรวยถูกไหม ที่แบบอยากได้เท่าไหร่ เปย์ เปย์ ขอแค่อยู่กับฉัน ไม่นอกใจฉัน ไม่ใช่อะ หนูก็ทำมาหากิน เขาที่ตอนนี้อายุ 30 แล้วอยู่จะทำงานเลย อย่างที่พี่บอก ผู้ชายคนนี้ยังรับผิดชอบชีวิตตัวเองไม่ได้เลย แล้วเขาจะไปรับผิดชอบชีวิตใครได้ แล้วเขาไม่ใช่เด็กอายุ 15-16 ที่เหมือนกำลังเรียนรู้ชีวิตที่ต้องการอะไร ตอนนี้เขาอายุ 30 ที่มีหนูอยู่ข้าง ๆแล้ว ในฐานะสามีภรรยากัน ทุกครั้งถ้าจะสงสารเขา ลองคุยกับตัวเองว่าสิ่งที่เราเจอแบบนี้ถ้ามันต้องเจอไปอีก 5ปี 6ปี 7ปี ใครกันที่น่าสงสาร หนูตื่นมาทำขนม ตื่นมาทำมาหากินของหนู ในขณะที่เขานอนตื่นเที่ยง แล้วให้ไปทำงานไม่ทำ สำหรับพี่ตอนนี้นะ ถ้าพี่คิดไวๆ พี่จะบอกให้เขาไปทำงาน ถ้าเขาไม่ทำ พี่ก็บอกว่า งั้นเธอก็ไม่มีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับเงินแพทแล้วนะ แพทมีลูกต้องเลี้ยง แพทย์มีที่บ้านต้องดูแล เขาควรดูแลชีวิตตัวเองให้ได้ก่อนด้วยซ้ำในตอนนี้ ซึ่งถ้าทำไม่ได้ ก็ไม่ควรจะเก็บคนแบบนี้ไว้ในฐานะคนรักนะคะ หรือถ้าเขาบอกว่าเขาอยากอยู่ ก็มาเป็นคนงานที่บ้านไหมหละ

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

สาวรอแฟนมารับ กลับจากงานศพเพื่อนสนิท คืนนั้นมีเบอร์แฟนโทรมาหาตอนตี 3 แต่เป็นสายจากเพื่อนบ้าน บอกว่า ‘แฟนเราเสียชีวิตแล้ว’...

24 มี.ค. 2023

สาวรอแฟนมารับ กลับจากงานศพเพื่อนสนิท คืนนั้นมีเบอร์แฟนโทรมาหาตอนตี 3 แต่เป็นสายจากเพื่อนบ้าน บอกว่า ‘แฟนเราเสียชีวิตแล้ว’...

ช็อคเรื่องไหนก่อนดี? สาวรอแฟนมารับ กลับจากงานศพเพื่อนสนิท คืนนั้นมีเบอร์แฟนโทรมาหาตอนตี 3 แต่เป็นสายจากเพื่อนบ้านบอกว่า ‘แฟนเราเสียชีวิตแล้ว’ รู้เพราะมีเพื่อนแฟนมาปลุกให้ไปช่วยดู มารู้ทีหลังว่าเพื่อนคนนั้น เป็นผู้หญิง ทำงานที่เดียวกับแฟน...และแอบมานอนกับแฟนเรา ที่สำคัญเค้ามีสามี แต่งงานมาแล้ว 8 ปี ทำเอา 3 ดีเจอึ้งกันทั้งห้องจัด! เมื่อ “คุณอุ้ย (นามสมมุติ)” อายุ 36 ปี สายแรกในรายการพุธทอล์ค พุธโทรเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (22/03/2023) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาแฟนเสียชีวิตแต่มีเรื่องที่มารู้ทีหลัง โดย “คุณอุ้ย (นามสมมุติ)” ได้เล่าว่า ‘คบกับแฟนมา 3 ปี จะเข้าปีที่ 4 แล้ว ระหว่างที่คบกันก็สร้างครอบครัว ซื้อบ้านด้วยกันมา ซึ่งเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว เรามีปัญหาทะเลาะกันบ่อย หนูก็กลับไปอยู่บ้านตัวเอง แต่เราก็ยังไม่ได้เลิกกัน ยังคุยกันทุกวัน เขาก็มารับพาไปนู้นไปนี่ตลอด ไปกินข้าวด้วยทุกอาทิตย์ เจอกันเหมือนเดิม ใช้ชีวิตเหมือนแฟนกันปกติ แต่เราแค่ห่างกันเพื่อปรับ เมื่อวันที่ 18 กุมภาที่ผ่านมา เพื่อนสนิทของเราเสียชีวิต แฟนเราก็ยังขับรถพาไปเดินเรื่องที่เพื่อนเสียให้อยู่เลย ทีนี้เราจะต้องไปต่างจังหวัดเพื่อไปร่วมงานศพเพื่อนคนนี้ แฟนเราก็ไปด้วย แต่พอเสร็จพิธี เราจะกลับแล้วแต่พ่อของเพื่อนยังไม่อยากให้เรากลับ เขากลัวบ้านเหงาก็เลยขอให้เราอยู่ต่อ เราก็นัดกับแฟนว่าให้มารับเราวันเสาร์ หลังจากนั้นแฟนก็เลยขับรถกลับบ้าน แต่เราก็ยังคุยโทรศัพท์กันปกติ วันศุกร์เขาก็ยังส่งคลิปรายการพุธทอล์ค พุธโทรมาให้เราดูอยู่เลยว่าคลิปนี้ตลกนะ แต่พอวันเสาร์ เวลาประมาณตี 3.49 น. เบอร์ของแฟนก็โทรเข้ามา แต่คนที่โทรมาเป็นผู้หญิง ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของเรา เขาแจ้งว่าแฟนเราเสียแล้ว เราถามเขาว่ารู้ได้ไง เขาก็เลยบอกว่าเพื่อนของแฟนเราวิ่งไปปลุกเขา ไปกดออดที่บ้านเรียกเขาให้ไปดูแฟนเราหน่อย เหมือนแฟนเรานอนละเมอแล้วปลุกไม่ตื่น แต่ตอนที่เพื่อนบ้านเข้ามาในบ้านเรา ขึ้นไปบนห้องนอนก็เห็นว่าแฟนเราหยุดหายใจไปแล้ว จริงๆบ้านหลังนั้นแฟนเราอยู่คนเดียว แต่เราเข้าใจว่าเพื่อนของแฟนคงไปสังสรรค์แล้วนอนค้างที่บ้าน เพราะเป็นเรื่องปกติที่เพื่อนเขามานอนค้าง พอเพื่อนบ้านโทรมา เราก็เลยขอคุยกับเพื่อนแฟน เพราะเราอยากรู้อาการว่าเป็นอะไร ยังไง กลับกลายว่าเพื่อนที่ไปอยู่กับเขาเป็นผู้หญิง แล้วก็อยู่กันสองคนในห้องนอนของเรา ตอนนั้นเราช็อค ไม่อยากถามอะไรมาก เราเป็นห่วงแฟน จนสักพักพยาบาลโทรมาหาเราบอกว่าตอนนี้เขาปั้มหัวใจไปได้ 20 นาทีแล้วนะ เหลืออีก 10 นาที ถ้ายังไม่กลับมาเขาจะทำการหยุดปั้มหัวใจ เขาก็รายงาน บอกเราตลอด เราก็รีบกลับมาที่บ้านเลย พอกลับมาถึง ศพก็ถูกเคลื่อนย้ายไปชันสูตรที่โรงพยาบาลแล้ว และทางญาติแฟนก็เอาศพกลับบ้านเกิด เราก็ข้องใจเลยโทรไปหาผู้หญิงคนนั้น แล้วก็ถามว่าเขาเป็นอะไรกัน คบกันหรือเปล่า ถ้าเป็นแฟนกันบอกพี่ได้นะ พี่จะขอไปงานศพแค่วันเผาวันเดียวเพื่อไปอโหสิกรรมให้เขา ผู้หญิงก็บอกว่าหนูไม่ได้เป็นแฟนกัน ไม่ได้เป็นอะไรกัน หนูเป็นเพื่อนกันค่ะ เราก็บอกว่าเป็นเพื่อนกันเอากันไม่ได้นะหนู เพราะเขาเล่าให้เราฟังว่า เขานัดเจอกัน ไปกินข้าวด้วยกันแล้วก็มีอะไรกัน เผลอหลับไป และก็เกิดเรื่อง เรามาเปิดดูกล้องวงจรปิดในบ้านย้อนหลัง เราเห็นตอนที่ผู้หญิงเข้ามาในบ้านเรา เขาก็กลัวคนอื่นจะรู้ คือนั่งเบาะหลังคนขับมา แล้วตอนเข้าบ้านก็เอารองเท้าเข้ามาซ่อนในบ้าน ปิดเงียบทุกอย่าง ไม่ให้ใครรู้ แล้วอีกคลิปก็เหมือนเขานอนดูหนังอยู่ด้วยกันบนโซฟา แฟนเรานอนดูหนังจริงๆ ไม่ได้กอด หรือหอมผู้หญิงคนนั้นเลย แต่ผู้หญิงพยายามกอด พยายามหอมแฟนเรา กลิ้งนอนทับตัวไปมา เราไม่รู้ว่ามันนานแค่ไหนแล้ว แต่เราเจ็บมาก ซึ่งผู้หญิงคนนี้เป็นเพื่อนร่วมงานกับแฟนเรา เขาบอกว่าเขาก็หวังว่าแฟนเราจะเลือกเขา เขารู้มาตลอดว่าแฟนมีเรา แต่เราไม่เคยรู้เลยว่าแฟนมีเขา ตอนแรกที่เราทะเลาะกัน เราก็เคยบอกว่าถ้าจะมีใครใหม่ให้บอกกันนะ แต่แฟนเราเขาเป็นคนบอกเองว่าไม่เอา ไม่เลิก เราห่างเพื่อปรับกัน เรายังคบกันอยู่นะ เราก็เลยคิดว่ามันเป็นแบบนั้นมาตลอด และหลังจากวันที่แฟนเราเสียชีวิต โทรศัพท์ของแฟนก็อยู่ที่เรา แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ทักแชทไลน์มาหาแฟนเราว่าคิดถึงจังเลย เราก็ตอบกลับไปบอกว่าโทรศัพท์อยู่กับพี่นะ เขาบอกว่าเขาขอคลิปตอนที่ช่วยชีวิตแฟนเราหน่อยได้มั้ย เขาคิดถึง คือเพื่อนบ้านเขาถ่ายคลิปเป็นหลักฐานไว้ว่าเขามาช่วยนะ เราก็เลยบอกว่าเอาเบอร์พี่ไปนะ แอดไลน์พี่มา เดี๋ยวส่งให้ทางเครื่องของพี่ เพราะเครื่องนี้มันส่งยาก แล้วเราก็ส่งให้ปกติ และเราก็บอกกับเขาไปว่าตอนนี้พี่ยังคุยกับหนูไม่ได้ทุกเรื่องนะ เพราะพี่ยังทำใจไม่ได้ พี่ยังสับสนอยู่ ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่เรากำลังตัดสินใจว่าเราจะไปงานศพเขาดีมั้ย ถ้าเราไป แล้วเราไปในฐานะอะไร เราควรไปหรือไม่ไปดี พอวันที่ 2 ผู้หญิงคนนั้นเขาไลน์มาบอกอีกว่าวันนี้กินข้าวกับอะไร จนเราไม่ไหวแล้วก็เลยพิมพ์กลับไปบอกว่าถ้ามาพิมพ์อะไรแบบนี้ เขารับรู้ไม่ได้หรอก หนูไปจุดธูปบอกเขาเองนะ ยิ่งเขาทำแบบนี้ เรายิ่งทำใจไม่ได้ เรายิ่งไม่อยากไปงานศพเขาเลย แต่ทางญาติแฟนก็ตามให้เราไปงานศพสักที อยากให้ลูกเขาหมดห่วง ให้เราไปร่วมงานไปอโหสิกรรม เราก็พิมพ์ไปบอกผู้หญิงว่า อย่าทำแบบนี้นะ พี่ไม่ไหวจริงๆ มันเป็นการตอกย้ำว่าเขาหักหลัง ทำร้ายเราจนวินาทีสุดท้ายจริงๆ และเราก็ไปร่วมงานศพของเขา แต่ไปวันสุดท้าย ก็มีทั้งคนที่เข้าใจและไม่เข้าใจ คนที่เขาไม่รู้เรื่องเขาก็มองว่าแบบเป็นแฟนภาษาอะไร ทำไมเพิ่งมาร่วมงาน เราก็ตอบทุกคนว่าเขาเสียด้วยโรคประจำตัว เราก็ไม่รู้จะตอบแบบไหนที่จะไม่สะเทือนใจญาติพี่น้องของเขา ส่วนผู้หญิงคนนั้นก็ไปร่วมงานศพด้วย แต่การกระทำในงานศพเขาล้ำเส้นเรามาก ล้ำเส้นจนกระทั่งวันเผา ทางญาติของเขามาตามให้เราไปทำพิธีตัดกรรมตามประเพณีของบ้านเขา ซึ่งเราจะต้องขึ้นไปบนเมรุคนเดียว ระหว่างที่เราขึ้นไป เราได้ยินเสียงลุงสัปเหร่อที่อยู่ข้างบน เขาพูดว่า อ้าว เมียเขาคนนี้หรอ? ตอนเปิดโลงเขาก็ยืนร้องไห้ เอาหน้าถูโลง อยู่ตั้งแต่คนแรกจนลงคนสุดท้าย แต่หนูขึ้นไปแปปเดียวเพราะหนูทำใจไม่ได้ ญาติเขารู้วันที่แฟนเสียว่ามันมีเรื่องแบบนี้ แล้วก็รู้ว่าเป็นผู้หญิงคนนี้ แต่ก็เข้าใจว่าเขาไปร่วมงานก็ไม่ได้อะไร แต่พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เราก็เลยทำในสิ่งที่ไม่ดีอย่างนึง คือ ผู้หญิงคนนั้นเขามีสามีแล้ว เขาเคยผูกข้อไม้ข้อมือด้วยกัน ตอนแรกเราจะไม่ยุ่งเลย อยากให้มันจบๆไป แต่สิ่งที่เขาทำเหมือนไม่ให้เกียรติเราเลย เราเลยทักไปหาแฟนเขา ไปเล่าให้แฟนเขาฟังเรื่องที่เกืดขึ้น แฟนเขาก็บอกว่าเขาสองคนยังไม่ได้เลิกกันนะ เขายังคบกันดีอยู่ ซึ่งเขาคบกันมา 8 ปีแล้ว วันนั้นที่ผู้หญิงแอบมาหาแฟนเรา คือแฟนของผู้หญิงเขาไปทำงาน เข้ากะดึก คือเขาไม่รู้เรื่องเลย และเราก็บอกว่าถือว่าฝั่งพี่หมดกรรมแล้ว พี่จะไม่ขอยุ่งอะไรแล้ว แต่พอเสร็จจากงานศพ ผู้หญิงคนนั้นโทรมาหาเรา เขาน่าจะรู้เรื่องว่าเราโทรไปบอกแฟนเขา เขาบอกว่าสิ่งที่เขากลัว คือกลัวโดนเราประจาน เขาอาย เราก็เลยบอกว่าอย่ามายุ่งกับเราเลย เราอโหสิกรรมให้ แต่ถ้ายิ่งมายุ่งวุ่นวายกับเรา เรายิ่งทำใจไม่ได้ ตอนนี้มันไปต่อไม่ได้เลย มันคิดวนอยู่ในหัวว่ามันเกิดอะไรขึ้น แฟนเราเขาหักหลังเราอย่างนั้นจริงๆใช่มั้ย ผู้หญิงคนนั้นก็ไปบอกแฟนเขาว่าแฟนเราเป็นคนไปจีบเขาก่อน เราก็เหมือนมูฟออนไม่ได้ บางทีอยากจะอโหสิกรรมให้เขา แต่บางทีมันก็ปรี๊ดขึ้นมาว่าตกนรกแน่ๆ แต่บางทีเราก็ยังคิดถึง โหยหาเขา แบบทั้งรักทั้งแค้น มันงงไปหมด เพราะสิ่งที่เรารับรู้คือได้แค่ฝั่งผู้หญิงคนนั้นว่ามันเป็นอย่างนั้น อย่างนี้... แฟนเราเพิ่งเสียไปเมื่อวันที่ 25 กุมภาที่ผ่านมา อยากได้แนวคิดดีๆที่มันไปต่อได้ ตอนนี้คือเราสะดุ้งตื่นตอนตี 3 ทุกวัน กินยาไปแล้วก็ยังสะดุ้งตื่น มันวนเวียนอยู่ในหัว บางทีทำงานไม่ได้ มันคิดวกไปวนมา ทั้งๆที่เขาก็ตายไปแล้ว 3 ดีเจให้คำปรึกษาว่า ‘ให้คิดว่าเขาตายไปแล้ว ไม่ว่าเค้าจะนอกใจ หรืออะไรก็ตาม ณ ตอนนี้ เค้าเสียชีวิตไปแล้ว ปกติที่จะเป็นความลังเลว่าควรจะเสียใจดีไหมที่เขาจากเราไป แต่ในคณะเดียวกันการจากไปครั้งนี้ เขาก็นอกใจไปมีอะไรกับคนอื่น ณ วันนี้ ไม่จำเป็นต้องรีบบังคับตัวเองว่าจะต้องอโหสิกรรม หรือให้อภัย เพราะเรื่องมันเพิ่งเกิด คงต้องใช้เวลามากกว่านี้ มองปัจจุบันว่าคนที่อยู่คือเรา ตัวเขาไม่อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องแบกเรื่องนั้นไปตลอด เพราะยังไงเขาก็มาให้คำตอบเราไม่ได้แล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือโฟกัสที่ตัวเอง อย่าให้เขามาส่งผลต่อความรู้สึกของเราตอนนี้เลย ท่องไว้เลยว่า มันไม่มีเขาแล้ว จากนี้ไปเราจะเป็นคนกำหนดเองว่าชีวิตเราต่อจากนี้จะเป็นยังไง... คนที่ให้คำตอบเราได้วันนี้คือตัวเขา ซึ่งไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะไปหาคำตอบ หาเหตุผล หรือ สิ่งที่มันเกิดขึ้นจากใครทั้งนั้น เพราะมันมีแต่จะทำให้เราเสียใจเปล่าๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันยุ่งเหยิง วุ่นวายไปหมด จึงเป็นเรื่องที่จะต้องรอเวลา ใช้เวลาเยียวยาที่นานกว่าคนปกติ รอให้เวลาผ่านไปก่อน ณ วันนี้เป็นเรื่องปกติมากที่เราจะยอมรับความจริงอะไรไม่ได้ เพราะเป็นกลไกความคิดที่คนเราต้องเจอ ทำความเข้าใจกับมันว่า ช่วงนี้คือช่วงที่หนักสำหรับเรา แต่สักพักมันต้องดีขึ้น จะช้าจะเร็วก็แล้วแต่คน แต่อยากให้เชื่อว่า ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว มันต้องดีขึ้น... ‘ความคิด’ ของเราเอง คือสิ่งที่กำหนดทุกอย่าง ถ้าเรามีสติและมองให้ลึกมากพอ เราจะรู้ว่าความคิดของเราเป็นสิ่งสำคัญมากๆที่จะกำหนดว่าเราจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร อย่าเพิ่งมองถึงอนาคตว่าจะทำอะไรยังไง มองปัจจุบันก่อน ตื่นมาทำอะไร อยากกินอะไรก็กิน ร้องไห้จนไม่ไหวก็ร้องไป อยากนอนก็นอนไป อย่างน้อยการร้องไห้มันก็เป็นการเผาความเศร้าออกไปได้ รอวันที่เรายอมรับความจริงได้ เราก็รู้ว่าเขาไม่ได้ซื่อสัตย์กับเรา ณ ตอนนี้ การที่เขาเอาผู้หญิงเข้าบ้านขนาดนั้น มันคือการนอกใจแล้ว โทษสูงสุดของการนอกใจคือการเลิก แต่ขั้นกว่าคือ ตายไปเลย!! วันนี้คิดซะว่าถ้าจะลงโทษเค้าเรื่องการนอกใจ คิดซะว่า ณ ตอนนี้เขาได้รับโทษไปแล้ว เป็นโทษที่สูงสุดด้วย ควรถามตัวเองดีกว่าว่า เราเสียใจมากกว่า หรือ โกรธมากกว่า ถ้าวันนี้ตามที่คุณอุ้ยบอกมาว่า เสียใจมากกว่า ให้ตัดเรื่องการนอกใจออกไปเลย หันกลับมาทำความเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น ยังไงสักวันหนึ่งคนเราก็ต้องจากกันไป ไม่ว่าจากเป็นหรือจากตายอยู่แล้ว วิธีที่อยากจะแนะนำคือ หยุดเอาคำถามเรื่องที่เกิดขึ้นมาใส่ในหัว แล้วบอกตัวเองว่าเราจะอยู่ให้ได้ ช่วงนี้ก็หลีกเลี่ยงการอยู่คนเดียว อยากพูด อยากทำอะไรทำ ปลดปล่อยตัวเอง แล้วให้เวลาเยียวยาเรา ตัดเรื่องผู้หญิงคนนั้นออกไปเลย ความแค้นมันทำให้เราเป็นทุกข์ เรื่องที่คุณอุ้ยเจออยู่มันไม่ง่ายเลย แต่บอกตัวเองว่าฉันจะผ่านไปให้ได้ และเรื่องที่เกิดความสูญเสีย เจอกับเหตุการณ์ช็อคๆแบบนี้ อยากจะแนะนำให้ไปปรึกษา พูดคุยกับจิตแพทย์ดู อย่าปล่อยให้ตัวเองดิ่งนานๆ มันอาจจะเป็นสัญญาณสู่ ‘โรคซึมเศร้า’ ได้ และถ้าการไปหาจิตแพทย์แล้วไม่เวิร์ค อย่าเพิ่งถอดใจไป ให้ลองเปลี่ยนจิตแพทย์คนอื่นดูก่อน ขอร่วมส่งกำลังใจให้คุณอุ้ย ผ่านเรื่องนี้ไปได้เร็วๆ...’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

มาร่วมแชร์ความคิดเห็น... สาววัย 30 โทรปรึกษาในรายการ หนูมีคำถามอยู่ในใจ คำว่า “มีลูกเมื่อพร้อม” ที่หลายๆคนพูดกัน แค่ไหนของแต่ละคนเหรอคะ?? ถึงเรียกว่า “พร้อม” และอยากรู้ว่า... “การส่งลูกเรียนอินเตอร์” จำเป็นแค่ไหนในยุคปัจจุบัน ??

23 พ.ค. 2023

มาร่วมแชร์ความคิดเห็น... สาววัย 30 โทรปรึกษาในรายการ หนูมีคำถามอยู่ในใจ คำว่า “มีลูกเมื่อพร้อม” ที่หลายๆคนพูดกัน แค่ไหนของแต่ละคนเหรอคะ?? ถึงเรียกว่า “พร้อม” และอยากรู้ว่า... “การส่งลูกเรียนอินเตอร์” จำเป็นแค่ไหนในยุคปัจจุบัน ??

“คุณนนท์ (นามสมมติ)” อายุ 30 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (17 พ.ค. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับความพร้อมในการมีลูก โดย “คุณนนท์ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูค่อนข้างสับสนที่เวลาหลายๆคนชอบพูดว่า มีลูกเมื่อพร้อม หนูก็เลยอยากรู้ว่าคำว่าพร้อม มันคือยังไง แล้วเอาอะไรมาเป็นเกณฑ์ในการวัด คำถามแรกหนูอยากถามว่า ถ้าสมมติมีลูก การส่งลูกเรียนโรงเรียนอินเตอร์ มีความจำเป็นมาก น้อยขนาดไหน? แล้วค่าเรียนลูกควรจะคิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของรายได้? อีกเรื่องนึง Facilities (สิ่งอำนวยความสะดวก) ในประเทศไทย ถ้ามองในหลายๆมุมก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันเอื้อต่อการมีลูกอะไรขนาดนั้น แล้วแบบนี้การมีลูกเป็นการเห็นแก่ตัวมั้ย? ที่เกิดมาในยุคแบบนี้... ซึ่ง 3 ดีเจก็ได้ให้คำแนะนำว่า ‘พร้อมสำหรับพวกพี่คือ เมื่อลูกออกมาแล้ว ใครเป็นคนเลี้ยง มีเงินแค่ไหน แล้วเรามีเวลาขนาดไหน และพร้อมจะเปลี่ยนเป้าหมาย เปลี่ยนความสำคัญ พร้อมสละทุกอย่างในชีวิตเพื่อเด็กคนหนึ่งหรือยัง? ส่วนโรงเรียน ไม่จำเป็นต้องเรียนอินเตอร์ แต่ถ้าอยากให้ลูกได้ภาษาอังกฤษ ให้ไปเรียนเพิ่มเติมเอาได้ เพราะภาษาก็โคตรสำคัญในโลกนี้และโลกอนาคต มันเป็นโอกาสที่จะเพิ่มมากขึ้นเมื่อคุณได้ภาษา และเราดูเอาว่าลูกเราไปในทางไหน สายวิชาการ หรือสายครีเอทีฟ แล้วลองหาโรงเรียนที่เหมาะกับลูก เพราะลูกจะโชว์ออกมาให้เห็นเลยว่าถ้าเขาเป็นสายครีเอทีฟ เขาจะมีความคิดสร้างสรรค์ เขาจะจับนู้นจับนี่มาประดิษฐ์กัน อยากเรียนรู้เรื่องราวใหม่ๆ อยากเป็นผู้ใหญ่ แต่ถ้าเด็กท่องจำจะไม่มีอะไรที่เป็นครีเอทีฟเลย ไม่ได้อยากเรียนรู้อะไรใหม่ๆ เด็กพวกนี้อาจจะเป็นสายวิชาการ มันจะมีบางอย่างบอกออกมาเลย ซึ่งพี่กับน้องก็ไม่เหมือนกันด้วย มันจะเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเด็กเลย ถึงเวลานั้นเราค่อยเลือกโรงเรียนที่เหมาะกับลูก ถามว่าเห็นแก่ตัวมั้ย? ตอบไม่ได้เหมือนกัน แต่ถ้าดูเหมือนเห็นแก่ตัวก็ต่อเมื่อเราดูแลเขาได้ไม่ดี เราไม่ได้มีความพร้อมในการดูแลเขา แล้วการที่เอาเขาออกมาเพียงหวังว่าจะให้เขาเลี้ยงเราในยามแก่ นั่นก็คือความเห็นแก่ตัว จากที่เราไม่เคยห่วงใคร แต่ความห่วงของเรามันจะไปลงที่เขาคนเดียวเลย แต่มันเป็นความสุขทางใจที่ยิ่งใหญ่เหลือเกิน เพราะความรักของเขามันไม่มีเงื่อนไข การมีลูกมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ถ้าชีวิตนี้ไม่ต้องการมีห่วงกับใครเลยก็อย่ามีลูกเลย เพราะมันเป็นห่วงที่เราไม่มีทางถอดออกจากชีวิตได้ และหน้าที่แม่มันลาออกไม่ได้...เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ก็งานเสร็จแล้ว จะนั่งต่อเพื่อ ?? สาวออฟฟิศสุดกลุ้ม ถึงเวลาเลิกงานแล้ว แต่หัวหน้าชอบยื้อเวลาให้อยู่ต่อ ทั้งๆที่ไม่มีอะไรต้องทำแล้ว สงสัยจัง ทำไมจะกลับตรงเวลา ถึงเป็นเรื่องยากขนาดนี้ !! พี่ๆในแผนกก็เจอเหมือนกันหมด

27 มิ.ย. 2023

ก็งานเสร็จแล้ว จะนั่งต่อเพื่อ ?? สาวออฟฟิศสุดกลุ้ม ถึงเวลาเลิกงานแล้ว แต่หัวหน้าชอบยื้อเวลาให้อยู่ต่อ ทั้งๆที่ไม่มีอะไรต้องทำแล้ว สงสัยจัง ทำไมจะกลับตรงเวลา ถึงเป็นเรื่องยากขนาดนี้ !! พี่ๆในแผนกก็เจอเหมือนกันหมด

“คุณมน (นามสมมติ)” อายุ 25 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [21 มิ.ย. 66] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาเวลาการเลิกงาน โดย “คุณมน (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูเพิ่งเข้ามาทำงานที่นี่ได้ 2 เดือนกว่าแล้ว ที่นี่ไม่ใช่บริษัทใหญ่ ตอนแรกหนูคุยกับเขา เขาบอกเข้างาน 09.30 น. เลิกงาน 18.30 น. แล้วเขาก็พูดทิ้งท้ายว่า แต่กลับสักทุ่มครึ่งก็ดีนะ หนูก็เอ๊ะ! แต่ตอนนั้นหนูอยากออกจากงานเก่าเต็มที แล้วเขาก็ให้เงินเดือนหนูเยอะเกินความคาดหมาย หนูก็เลยตัดสินใจทำงานที่นี่ พอเข้ามาทำงานจริงๆแล้ว ในช่วงเดือนแรกๆหนูก็กลับบ้านตรงเวลาอยู่ เพราะหนูเป็นคนกลับบ้านตรงเวลามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่หนูงงว่าทำไมในออฟฟิศไม่มีใครกลับเลย หนูก็เลยค่อยๆตะล่อมถามคนในออฟฟิศว่า เอ้อ...ทำไมไม่มีใครกลับเลย เขาก็เล่าให้หนูฟังว่าเจ้านายเขาไม่ค่อยอยากให้กลับตรงเวลา เขาจะดึงให้ทำงาน บางคนไม่ได้มีอะไรทำ แต่เขาก็ดึงเพื่อให้อยู่ด้วยกันแล้วเขาก็จะบอกว่าเดี๋ยวซื้อข้าวให้กิน พอช่วงหลังๆมาหนูก็ไม่ได้กลับตรงเวลา เพราะว่าจะมีงานให้บ้าง ที่หนูกลับดึกที่สุดตอนนี้ประมาณ 2 ทุ่ม – 2 ทุ่มครึ่ง ซึ่งเป็นการที่หนูกลับเอง คือไม่ไหวแล้ว อยากกลับแล้ว ก็ลาเขาแล้วก็ออกไปเลย ไม่ได้รอเขาตอบกลับอะไร วันที่อยู่ดึกๆกลับช้าหนูก็ไม่ได้โอที แต่มีคนเคยบอกว่าถ้าเกิดวันไหนทำถึง 4 ทุ่ม หนูก็จะได้โอที 200 บาท ส่วนเรื่องอื่นๆ หนูเคยถามว่าลาพักร้อนมีกี่วัน เขาก็ตอบหนูไม่ชัดเจน แล้วเขาก็บอกว่าแต่ต้องทำงานให้ครบปีก่อนนะ ถึงจะได้วันลาพักร้อน แต่เขาก็ไม่บอกจำนวนวัน บรรยากาศในการทำงานมันเป็นสภาวะที่อึดอัด ทุกคนทำงานเหมือนอยู่ในสถานปฏิบัติธรรม เงียบมาก เจ้านายก็นั่งอยู่ในห้องทำงาน แต่พอเจ้านายเดินออกจากห้องทำงาน ทุกคนก็เฮฮาหัวเราะ หนูก็เลยคิดว่าทำไมบรรยากาศมันแตกต่างจังเลย หนูเคยทำที่อื่นมาก่อน แต่ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เลย และล่าสุดที่เจอมา คือ มีเพื่อนคนนึงเขาป่วยหนักหลายวัน เจ้านายก็เลยให้เรียกรถมายกคอมไปให้ทำที่บ้านเลย การกลับบ้านของเจ้านายแต่ละวันก็แล้วแต่เขาเลย บางวันเขากลับเร็วก็เร็ว บางวันเขากลับดึกก็ดึก วันไหนที่เขากลับเร็วก็เหมือนเป็น Lucky ของพนักงานที่จะได้กลับเร็ว แต่ก็จะมีอีกกรณีนึงที่คนเก่าเขาเล่ามา คือ บางตำแหน่งที่เขาต้องคุยกับลูกค้า แล้วลูกค้าโทรมาให้ทำงานให้ตอนดึกๆ เจ้านายก็จะโทรมาบอกให้อยู่ทำงานก่อน ทำงานให้เสร็จ บางคนเลิกเที่ยงคืน ตี 1 ก็มี ส่วนค่าตอบแทน ที่นี่เขาให้เงินเดือนสูง คนอื่นๆก็ได้เงินเดือนสูงเหมือนกัน ได้โบนัสดี แต่เจ้านายคนนี้เขาก็ดี แค่เรื่องเวลาที่รู้สึกไม่ค่อยโอเค... “คุณมน (นามสมมติ)” อยากถามพี่ๆ ดีเจว่า ควรจะออกจากที่ทำงานนี้เลยมั้ย หรือ ทำต่อไป เพราะเราอยากได้ประสบการณ์ “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำแนะนำว่า ‘เมื่อ15 ปีที่แล้ว ผมก็เคยทำงานออฟฟิศมาก่อน แต่ของผมเป็นออฟฟิศค่อนข้างใหญ่แบบ WorldWide ตอนนั้นก็สัมผัสได้ว่ามันเป็นวัฒนธรรมของงานในสายงานนี้ เมื่อคุณเสร็จงานประจำในช่วงเวลาปกติแล้ว หลังจากนั้นคุณสามารถทำอะไรต่อได้อีกเยอะเลย คุณสามารถทำงานเพื่อส่งประกวด เพื่อแคมเปญต่อๆไป ผมเลิกงานช้าสุดก็ตี 3 - 4 ไปเลย เน้นงานเสร็จไม่ได้เน้นเวลาการทำงาน ก่อนที่จะเลือกช้อยส์ 1 หรือช้อยส์ 2 ต้องถามตัวเองก่อนว่า มนมีทางเลือกหรือเปล่า? มีตัวเลือกอื่นที่จะทำให้มนย้ายและเงินเดือนเพิ่มขึ้น ได้งานที่รับผิดชอบที่สนุกสนานมากขึ้น หน้าที่การงานเติบโตขึ้นก็ย้าย แต่ถ้ารู้สึกว่าตัวเลือกนี้เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด จากเงินเดือนที่เขาให้มาค่อนข้างสูงและจากที่ฟังมนเล่ามา เขาไม่ได้ดูเป็นคนเลวร้ายอะไร แค่เขาอาจจะขี้เหงา และเป็นหัวหน้าที่บ้างาน บางครั้งหัวหน้าที่บ้างานมักจะเอาความเป็นตัวเองใส่มาให้ลูกน้องด้วย แต่ถ้าไม่มีทางเลือก การที่อยู่เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ มนอาจจะได้เจออะไรที่เลวร้ายกว่า 2 เดือนแรกอีก เดี๋ยวอยู่ต่อไป มีถึงตี 1 – 2 วันที่ต้องปิดงานเพื่อจะต้องส่ง นั่นแหละต้องเจออีกแน่ ถ้าไม่มีทางเลือกก็อยู่ต่อไป มีทางเลือกเมื่อไหร่ก็บายบ๊าย เงินเดือนเพิ่มขึ้น ธรรมชาติของงานแบบนี้ย้ายกันบ่อยอยู่แล้ว ยิ่งย้าย มีผลงานเป็นที่พิสูจน์ ยิ่งอัพเงินเดือนเพิ่มขึ้น ถ้าเป็นพี่เมื่อ 15 ปีที่แล้วพี่ยังคงทำ...’ ‘ดีเจเติ้ล’ ให้คำแนะนำว่า ‘มนต้องถามตัวเองว่าเป็นคนประเภทไหน แน่นอนมันจะมีคนที่สู้เพื่องาน จะเหนื่อยเท่าไร จะไม่สบายยังไง แต่ถ้าทำงานแล้วงานมันดี มันทำให้เราเจริญเติบโตก้าวหน้ายอมเสียสละ ถ้าเอาแค่ปัญหาที่อยู่แล้วไม่มีงานทำ ก็อาจจะลองถามคนอื่นว่ามีอะไรให้ช่วย เพราะว่างานที่หนูทำอยู่มันไม่ใช่งานที่ทำแล้วจบ มันสามารถทำอย่างอื่นเพื่อเพิ่มสกิล ทักษะอื่นๆได้ ถ้าหนูอยากหาประสบการณ์ คือ มันอยู่ที่ทัศนคติของหนูในการทำงานว่าจะทำให้มันดีกับตัวเองได้หรือเปล่า หรือแค่มานั่งว่างๆเพื่อรอให้คนอื่นกลับ แล้วฉันจะกลับ อันนี้พี่ว่ามันไม่มีประโยชน์ เอาจริงๆ มันควรต้องแก้ที่ตัวหัวหน้า ที่จะให้เขารู้ว่า เวลาในการทำงานมันไม่ได้เท่ากับประสิทธิภาพในการทำงานนะ มันไม่ได้เสมอไปว่า ถ้าทำงานดึกๆ มันจะได้งานที่ดี แต่ถ้าเขาเป็นแบบนี้ เราไปเปลี่ยนเขาไม่ได้อยู่แล้ว เพราะเราไปเป็นลูกน้องเขา ตอนนี้มันก็มีแค่มนที่ต้องปรับ อยู่แบบนี้ให้ได้ โดยที่อยู่ยังไงให้ดีกับตัวเรา เหมือนที่พี่ถามมนตั้งแต่แรกว่ามนเป็นคนประเภทไหน มันแล้วแต่เลยว่าเราอยากเห็นชีวิตเราเป็นแบบไหน เราเลือกเป็นแบบไหน ซึ่งมันไม่มีถูก ไม่มีผิด มันแล้วแต่ว่าเราแฮปปี้หรือไม่แฮปปี้เท่านั้นเอง ตอนนี้มนต้องถามตัวเองว่ามนแฮปปี้มั้ยที่เป็นแบบนี้ แต่ก็ต้องดูองค์ประกอบอื่นๆด้วยว่า ถ้ามนออก ที่อื่นจะยังไง จะรับเข้าทำงานมั้ย ตอนนี้เงื่อนไขชีวิตเป็นยังไง หรือถ้าทนได้ แล้วไม่มีอะไรทำก็หาอะไรทำได้ ถ้างานมันยังดี เจ้านายดี ติดแค่เวลาการทำงานที่ชอบให้อยู่ดึก ลองชั่งน้ำหนักดูแล้วถ้าข้อดีมันมีเยอะกว่าก็อยู่ต่อ...’ ‘ดีเจต้นหอม’ ให้คำแนะนำว่า ‘ถ้าพี่เป็นเจ้านายแล้วลูกน้องกลับก่อนคนอื่น พี่จะเช็คว่างานเขาเสร็จหรือยัง เพราะฉะนั้นมันจะฟ้องด้วยผลงาน ถ้าเกิดงานหมดมันเสร็จแล้ว มันก็สามารถกลับได้ เราก็เคยไปบอกเขาว่ากลับก่อนนะคะ เขาก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร พี่ว่าเราอาจจะยังไม่ต้องคิดอะไรไปก่อนก็ได้ คือ ถ้ามนทำงานแล้วคุณภาพมันไม่ได้ลดลง มนกลับได้! เจ้านายไม่ไล่ออกหรอก ถ้าคุณภาพการทำงานของมนดี ทำงานเกินเงินเดือน ถึงเวลาเราทำงาน เราทำเต็มที่ วัดกันที่คุณภาพ แต่ถ้าวันไหนที่เขามีเคสเร่งด่วนหน่อย เราก็มีน้ำใจในการช่วยเหลือเขา คนละครึ่งทาง มันก็คือการเอื้ออาทรต่อกัน ถามว่าจะอยู่ต่อหรือพอแค่นี้ เอามวลความสุขของเราว่าการที่เราอยู่ที่นี่เรารู้สึกมีความสุขมั้ย บางทีมันไม่ใช่เรื่องหัวหน้า ไม่ใช่เรื่องเวลาอย่างเดียวหรอก เพื่อนร่วมงาน องค์ประกอบทุกอย่าง เราอยู่แล้วเราโอเคมั้ย แล้วเงินมันจำเป็นมั้ยที่ต้องได้เท่านี้ มันมีปัจจัยให้มนตัดสินใจได้อีกเยอะ 2 เดือนยังตัดสินใจอะไรไม่ได้ ให้เวลากว่านี้หน่อย...’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ว่างเกิ๊นนน! ผมทำงานบริษัทเกือบปี แต่ไม่ค่อยมีงานให้ทำ ล่าสุดเข้างานตั้งแต่ 8 โมงเช้า จนถึง 5 โมงเย็น แต่ได้ทำแค่ยกของให้พี่ในแผนก ตอนนี้เบื่อมาก... อยากรู้ว่าพนักงานออฟฟิศอื่น ว่างๆทำอะไรกันบ้าง?

04 เม.ย. 2023

ว่างเกิ๊นนน! ผมทำงานบริษัทเกือบปี แต่ไม่ค่อยมีงานให้ทำ ล่าสุดเข้างานตั้งแต่ 8 โมงเช้า จนถึง 5 โมงเย็น แต่ได้ทำแค่ยกของให้พี่ในแผนก ตอนนี้เบื่อมาก... อยากรู้ว่าพนักงานออฟฟิศอื่น ว่างๆทำอะไรกันบ้าง?

“คุณแบงค์ (นามสมมุติ)” สายที่สี่ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (29 มีนาคม 2566) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาที่ว่าควรจะทำอะไรแก้เบื่อในเวลาว่างงาน โดย “คุณแบงค์ (นามสมมุติ)” ได้เล่าว่า ‘ผทมีปัญหาเรื่องที่ทำงาน แต่จริงๆแล้วก็เหมือนจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่สักเท่าไหร่ เพราะปัญหาที่ว่าคือ การว่างงานมากเกินไปในช่วงเวลาที่ทำงาน มันเหมือนกับไม่ค่อยได้มีงานที่ตัวเองต้องรับผิดชอบมาก ผมเพิ่งมาทำงานที่นี่ได้ประมาณ 10 - 11 เดือน เกือบๆปีแล้ว ซึ่งตำแหน่งงานของผมเกี่ยวกับฝ่ายบุคคล ส่วนมากเป็นงานที่ต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับเอกสาร ส่วนงานอื่นๆก็แล้วแต่พี่ๆในแผนกจะมอบหมายให้ว่าต้องทำอะไรอย่างเช่นวันนี้ ผมนั่งที่โต๊ะทำงานของผมตั้งแต่ 8 โมงเช้า จนถึง 5 โมงเย็น ผมได้รับมอบหมายงานให้ทำแค่อย่างเดียวคือ ลงไปยกของให้พี่ในแผนก แต่บางครั้งเวลาที่คณะกรรมการหรือกลุ่มผู้บริหารในบริษัทนัดประชุมกัน บริษัทผมก็จะได้รับหน้าที่ให้ช่วยทำเอกสารเกี่ยวกับการประชุมตรงนั้น ซึ่งงานเหล่านี้ก็ไม่ได้มีทุกวัน แต่จะมีเป็นรอบๆไป ทำให้ตัวผมเองแอบเบื่อช่วงเวลาที่ว่างงานอยู่นิดหน่อย โดยผมจะหาวิธีแก้เบื่อด้วยการเล่นเกมหรือดู YouTube ที่โต๊ะทำงานของตัวเองเป็นประจำ และสามารถทำได้แบบเปิดเผย ไม่ต้องแอบไปทำสิ่งเหล่านี้ในห้องน้ำ และผมอยากจะมีการพบปะพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานบ้าง แต่ก็ไม่เคยมีโอกาสได้ทำ เนื่องจากภายในแผนกของผมไม่ค่อยจะมีผู้ชาย มีแต่ผู้หญิงเกือบหมดทั้งแผนกแต่ช่วงประมาณกลางปีหลังจากนี้ทางบริษัทจะมีการหมุนเวียนเปลี่ยนงาน ซึ่งเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจเพราะตัวผมเองจะได้ไปเรียนรู้งานของแผนกอื่นๆบ้าง อาจจะได้ไปเจอกับเพื่อนร่วมงานใหม่ๆ ที่พร้อมจะให้เราได้อยู่ในทีมทำงานและให้เราได้ช่วยเหลืองาน หรือให้เราได้แสดงความคิดเห็นบ้าง ภายในอนาคตหากทางบริษัทมีการปลดหรือเลิกว่าจ้างพนักงานขึ้นมา ตัวผมเองก็ไม่ได้กังวลขนาดนั้นและคิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะว่าบริษัทนี้ค่อนข้างที่จะมั่นคง โดยก่อนหน้านี้ผมก็เคยไปปรึกษาคนอื่นๆ แล้วคำตอบที่ได้คือ ก็ดีแล้วนิ อยู่ตลอด ผมอยากถามพี่ๆว่า พนักงานออฟฟิศ ถ้ามีเวลาว่าง เขาทำอะไรกัน เพราะตอนที่ผมยังเรียนหนังสืออยู่ ผมก็จะค่อนข้างยุ่งอยู่ตลอด ทั้งเรียน ทั้งอ่านหนังสือ หรือทำงานทำวิจัย แต่ตอนนี้ผมเบื่อมากๆงานนี้ทั้ง 3 ดีเจ ก็ได้ให้คำแนะนำว่า สถานการณ์ที่คุณแบงค์เป็นอยู่ ณ ตอนนี้ค่อนข้างดีอยู่แล้ว ถ้าให้ช่วยแนะนำกิจกรรมยามว่างก็คงจะเป็นการหาความรู้รอบตัวเพิ่มดีกว่า เช่น การดูสารคดีที่เกี่ยวกับการวิเคราะห์จิตวิทยา, คดีลึกลับหรือคดีฆาตรกรรมต่างๆ เพื่อให้รู้ลึกถึงความคิดของฆาตกรแต่ละคน, หรือ จิตวิทยาแบบเชิงวิทยาศาสตร์ รับรองความรู้รอบตัวจะเพิ่มขึ้นอีกเยอะมากแถมฆ่าเวลาได้ดีอีกด้วย เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1