[REVIEW] ‘Hunger คนหิว เกมกระหาย’ หนังไทยสุดเชือดเฉือนของคนหิวอำนาจ ! | GOSSIP GUN

HOLLYWOOD GOSSIP

[REVIEW] ‘Hunger คนหิว เกมกระหาย’ หนังไทยสุดเชือดเฉือนของคนหิวอำนาจ ! | GOSSIP GUN

07 เม.ย. 2023

เตรียมจัดเข้ากลุ่มหนังไทยระดับท็อปแห่งปีแน่นอน สำหรับ 'Hunger คนหิวเกมกระหาย' หนังไทยเรื่องล่าสุดที่เป็นออริจินัลของ Netflix ที่พร้อมประกาศศักดาฉายพร้อมกันทั่วโลกสุดสัปดาห์นี้ ด้วยพล็อตที่เชือดเฉือน การแสดงสุดเข้มข้น และการชำแหละสังคมอย่างไม่ประนีประนอม นี่คือผลงานล่าสุดของ คงเดช จาตุรันต์รัศมี (จาก ตั้งวง, Where We Belong) ที่ลงมือเขียนบทและทำหน้าที่อำนวยการสร้าง พร้อมดึงผู้กำกับรุ่นใหม่มากฝีมืออย่าง สิทธิศิริ มงคลสิริ จาก แสงกระสือ มากำกับภาพยนตร์ เล่าถึง ออย (รับบทโดย ออกแบบ-ชุติมณฑน์) แม่ครัวสตรีทฟู้ดที่ถนัดทำอาหารประเภทผัด แต่ด้วยฝีมือและเซ้นต์ในการทำอาหารที่ไม่ธรรมดา ทำให้เธอได้รับการชักชวนให้เข้ามาร่วมงานกับ เชฟพอล (รับบทโดย ปีเตอร์-นพชัย) เชฟชื่อดังระดับประเทศ ที่โด่งดังจากการทำอาหารแบบ Fine Dining ซึ่งมีเฉพาะมหาเศรษฐีและบุคคลระดับวีไอพีเท่านั้น ที่จะได้ลิ้มรสอาหารของเขา และเมื่อออยก้าวเข้าสู่โลกของการทำอาหารในอีกขั้นนึง เมื่ออาหารไม่ใช่แค่สิ่งประทังชีวิต แต่เป็นสิ่งบ่งบอกสถานะทางชนชั้น ชีวิตของออยจึงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป..

'Hunger คนหิวเกมกระหาย' คือหนังที่แม้ว่าหน้าหนังจะเล่าเหตุการณ์ในห้องครัว แต่อันที่จริงมันกลับพูดถึงเรื่องที่ใหญ่กว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นชนชั้นในสังคม สภาพอันน่ารังเกียจของคนกระหายอำนาจในโลกของการเมือง หนังพาผู้ชมไปดูสังคมจำลองในห้องครัวของเชฟพอล สถานที่ซึ่งคำว่าประชาธิปไตยไม่มีอยู่จริง ณ ที่แห่งนี้คืออำนาจเผด็จการล้วนๆ ทุกคนล้วนต้องทำตามคำสั่งของเขาอย่างเคร่งครัด และผลผลิตทุกจาน ล้วนถูกตอบแทนด้วยเงินมหาศาล อาหารชั้นเลิศที่ไม่มีเชฟคนในนอกจากเชฟพอล พอจะมีเงินจ่ายเพื่อรับประทานได้ หลังจากนั้นหนังค่อยๆขยายเรื่องราวให้กว้างขึ้นเรื่อยๆ พาผู้ชมเข้าไปสู่โลกของสังคมชั้นสูง ทั้งในแวดวงการเมือง และไฮโซ ผ่านมุมมองของออย เชฟสาวที่มาจากข้างถนน นี่คือหนังที่ถ่ายทอดประเด็นความแตกต่างทางชนชั้นได้อย่างชัดเจน และสื่อสารกับคนดูแบบไม่ประนีประนอม ไม่อ้อมค้อม แถมหลายฉากยังคล้ายคลึงกับเหตุการณ์จริงในหน้าข่าว จนระหว่างดูแอบอึ้งไปหลายจังหวะอยู่เหมือนกัน

นอกจากประเด็นและเส้นเรื่องอันเข้มข้นแล้ว นี่คือหนังไทยที่มาพร้อมกับคำว่า "คุณภาพ" ในแทบทุกองค์ประกอบ เริ่มจากงานสร้าง นี่คือหนังที่ภาพรวมสามารถกล่าวได้ว่าเป็นโปรดักชั่นระดับโลก ทุกฉากดูเนี้ยบ ไม่มีจุดไหนหนังของที่ดูเป็นงานCheap หรืองานลวกๆเลย ทุกอย่างถูกดีไซน์มาอย่างดี ทั้งการออกแบบงานสร้าง การบันทึกภาพ การตัดต่อ และอีกส่วนที่เสริมหนังขั้นสุด คือ ดนตรีประกอบ ที่ยิ่งฟังยิ่งขนลุก ยิ่งฟังแล้วยิ่งเร้าอารมณ์ และหลายท่อนถูกออกแบบมาให้เข้ากับหนังที่มีธีมเกี่ยวกับการทำอาหาร มีกลิ่นอายแบบเสียงเคาะของเครื่องครัว กลายเป็น Score ที่ทั้งเพิ่มอารมณ์ร่วมและสร้างเอกลักษณ์ให้กับหนังได้อย่างดีจริงๆ

และที่สำคัญที่สุด สิ่งที่ส่งให้ 'Hunger คนหิวเกมกระหาย' คือหนังต้องดูแห่งปี คือการแสดงของ ออกแบบ และพี่ปีเตอร์ ทุกฉาก (ย้ำว่า ทุกฉาก) ที่ทั้งสองคนปรากฏตัวร่วมกันบนจอ มันโคตรจะ Intense เต็มไปด้วยความตึงเครียด การส่งพลังการแสดงของทั้งคู่ เหมือนสงครามประสาทที่ทำเอาผู้ชมรู้สึกบีบอารมณ์ตามไปด้วย หรือแม้แต่ฉากเดี่ยวๆของทั้งคู่ ก็ยังยอดเยี่ยม ออกแบบ ทำให้ผู้ชมเข้าใจความรู้สึกอันซับซ้อนของตัวละคร ออย ได้ จากคนธรรมดาที่เริ่มเห็นภาพความเหลื่อมล้ำทางสังคม เหตุการณ์บางอย่างที่บีบบังคับให้เธอกระหายความเป็นคนพิเศษ จนถึงจุดที่เธอเริ่มเห็นว่า โลกของคนชั้นบนมันเป็นอย่างไร ออกแบบสามารถแสดงออกผ่านสีหน้าและอารมณ์ได้อย่างดี เธอสามารถตรึงคนดูให้อยู่กับตัวละคร ออย ได้ตลอดเวลาจริงๆ เสริมทัพด้วยการแสดงที่เป็นธรรมชาติสุดๆ ของทั้ง กรรณ สวัสดิวัตน์ ณ อยุธยา และ เอม ภูมิภัทร ยิ่งทำให้หนังสมบูรณ์แบบมากขึ้น (รายหลังนี่ ปรากฏตัวในหนังไทยเป็นเรื่องที่ 3ของปีนี้แล้ว ต่อจาก ขุนพันธ์ ๓ และ แสงกระสือ 2

โดยรวม 'Hunger คนหิวเกมกระหาย' คือหนังไทยที่ทำให้คนดูยังศรัทธาและเชื่อมั่นว่า หนังไทยยังไปได้อีกไกล ยิ่งเรื่องนี้ลงใน Netflix และดูได้พร้อมกันกว่า 190 ประเทศทั่วโลก ยิ่งเป็นงานที่ไปฉายโชว์ให้คนข้างนอกดูได้อย่างน่าภูมิใจ (แต่ก็อับอายในประเด็นความเหลื่อมล้ำที่ชัดเจนเช่นกัน) แต่ก็น่าเสียดายที่จะไม่ได้ดูในโรงกัน เพราะงานโปรดักชั่นระดับนี้เหมาะกับการเข้าโรงมาก และถ้าเข้าโรงก็น่าจะกลายเป็นหนังตัวเต็งรางวัลในต้นปีหน้าได้แบบสบายๆ แต่ข้อดีของการดูผ่าน Netflix ที่บ้าน คือผู้ชมสามารถกด Pause เพื่อไปทำอาหารหรือสั่งอะไรมากินได้ เพราะหนังเรื่องนี้จะทำให้คุณน้ำลายไหลอย่างแน่นอน แม้แต่ข้าวผัดธรรมดาๆ หนังก็สามารถทำให้คนดูหิวได้ (อันนี้เรื่องจริงนะ เตรียมของกินรอไว้เลย)

ชมตัวอย่าง Hunger คนหิวเกมกระหาย 8 เมษายนใน Netflix ทั่วโลก

ภาพ : Netflix Thailand

related HOLLYWOOD GOSSIP

[REVIEW] ‘The Super Mario Bros. Movie’ แอนิเมชั่นที่เต็มไปด้วย Nostalgia เหมือนไปเล่นสวนสนุก | GOSSIP GUN

11 เม.ย. 2023

[REVIEW] ‘The Super Mario Bros. Movie’ แอนิเมชั่นที่เต็มไปด้วย Nostalgia เหมือนไปเล่นสวนสนุก | GOSSIP GUN

ไม่มีใครไม่รู้จักเกม Mario นี่คือเกมที่ได้รับการขนานนามว่า เป็นวีดีโอเกมที่มียอดขายสูงสุดตลอดกาล จากต้นกำเนิดครั้งแรกเมื่อ 40 ปีก่อน Nintendo ได้พัฒนาเกมนี้ ออกมาอย่างหลากหลายรูปแบบหลายยุคหลายสมัย จาก 2D สู่แบบ 3D และมีการขยายลักษณะของเกมออกไปมากมายอย่างไม่จบสิ้น ซึ่งแน่นอนว่าเกมฮิตระดับนี้ ก็ต้องมีความพยายามจะนำมาสร้างเป็นหนัง ซึ่งความพยายามแรกเกิดขึ้นในปี 1993 กับการนำมาดัดแปลงเป็นหนังฉบับคนแสดง ซึ่งคว่ำไม่เป็นท่า ด้วยองค์ประกอบที่ดูประหลาดที่แตกต่างจากเกมอย่างสิ้นเชิง จนในที่สุดหนังที่คู่ควรสำหรับแฟนเกม Mario ก็มาถึง เมื่อ Nintendo ได้จับมือกับ Illumination สตูดิโอที่สร้างแอนิเมชั่นรายได้ถล่มทลายอย่าง Minions, The Secret Life of Pets และ Sing จากความถนัดในการทำหนังสนุกของค่ายหลังมาผนวกกับต้นฉบับมาริโอ้ของค่ายที่ให้กำเนิด ทำให้ The Super Mario Bros. Movie คือหนังเวอร์ชั่นที่ตอบโจทย์แฟนเกมที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในหนังแอนิเมชั่นฉบับนี้เล่าถึงสองพี่น้องนักซ่อมท่อ มาริโอ้ และลุยจิ (พากย์เสียงโดย คริส แพรตต์ และ ชาร์ลี เดย์) จากโลกมนุษย์ที่ดันหลุดเข้าไปในดินแดนมหัศจรรย์ผ่านท่อวิเศษ มาริโอ้หลุดเข้าไปในดินแดนเห็ด แต่สำหรับลุยจิ กลับหลงไปในดินแดนแห่งความมืดที่เต็มไปด้วยความอันตราย ซึ่งสถานที่แห่งนี้ถูกปกครองโดย บาวเซอร์ (พากย์เสียงโดย แจ็ค แบล็ค)ตัวร้ายสุดอำมหิตที่วางแผนจะถล่มทุกอาณาจักรรอบข้างและยึดครองให้เป็นของเขา หลังจากมาริโอ้พลัดพรากจากน้อง จึงไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าหญิงพีช (พากย์เสียงโดย อันยา เทย์เลอร์-จอย) เธอจึงผนึกกำลังกับมาริโอ้ เพื่อบุกไปยังดินแดนแห่งความมืด โดยนอกจากจะช่วยเหลือลุยจิแล้ว ยังต้องปกป้องดินแดนเห็ดจากภัยรุกรานครั้งนี้อีกด้วยสำหรับผู้ใหญ่ที่ผ่านการเล่นเกมMario มาหลายยุคสมัย หนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยความ Nostalgia นั่นคือการที่ความทรงจำในสมัยก่อน มันถูกดึงกลับมาให้รู้สึกอีกครั้งตลอดการดูหนังเรื่องนี้ เพราะ The Super Mario Bros. Movie อัดแน่นด้วยองค์ประกอบต่างๆจากเกม ที่หลายคนอาจจะลืมไปแล้ว หลายคนอาจจะคิดถึง ทั้งหมดมันถูกหยิบมาใส่ไว้ในหนัง ทำให้ผู้ชมจะได้รู้สึกย้อนวัยไปผจญภัยกับตัวละครเหล่านี้ โดยหนังเลือกที่จะเล่าหลายซีนให้เหมือนผู้ชมกำลังเล่นเกมไปด้วย ยิ่งเพิ่มความสนุกและเรียกความทรงจำเก่าๆกลับมาได้เพียบ และอีกพาร์ทที่ Nostalgia มากๆคือ Score หรือดนตรีประกอบ ซึ่งหยิบเอาทำนองจากในเกมมาทำใหม่ แล้วใส่ไว้ในฉากที่ตรงกับในเกม ยิ่งเพิ่มความรู้ใช่ระหว่างดูเข้าไปอีกการเข้าไปดู The Super Mario Bros. Movie ในอีกอารมณ์หนึ่งเหมือนผู้ชมกำลังเดินเข้าสู่สวนสนุกที่เรารู้ทันทีว่าความสนุก(โดยเฉพาะกับเด็กๆ) รออยู่มากมาย ไม่ว่าจะได้เจอกับเหล่าคาแรคเตอร์ที่พวกเราคิดถึง ได้เจอกับอาณาจักรต่างๆที่เต็มไปด้วยความตื่นตา เหมือนเรากำลังเดินเข้าไปใน Theme Park ต่างๆในสวนสนุก รวมถึงฉากแอ็กชันจำนวนมากที่ถูกออกแบบมาเหมือนเกม เหมือนผู้ชมกำลังอยู่ในฉากนั้นๆด้วย ยิ่งเหมือนว่าคนดูได้ขึ้นไปเล่นในเครื่องเล่นต่างๆ เพิ่มความสนุกให้กับหนังขึ้นไปอีก (ตรงจุดนี้เชื่อว่า การดูในระบบ 4DX น่าจะยิ่งเพิ่มอรรถรสได้มาก น่าจะเป็นหนังที่เหมาะกับระบบนี้จริงๆ)ในขณะที่เสียงพากย์นั้น แม้จะมีคำวิจารณ์ออกมาก่อนหน้านี้ เรื่องเอานักแสดงมาพากย์แล้วไม่เหมาะสมกับบท แต่ปรากฏว่า ทั้ง คริส แพรตต์, อันยา เทย์เลอร์-จอย และชาร์ลี เดย์ ต่างถ่ายทอดบท มาริโอ้ เจ้าหญิงพีช และลุยจิ ออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติมากๆ แต่ที่ขโมยทุกซีนไปเลยคือเสียงพากย์ของ แจ็ค แบล็คกับบทตัวร้ายหลักที่แสดงอารมณ์และเพิ่มความฮาผ่านเสียงได้อย่างหลากหลายรูปแบบมากๆ ยกให้เป็นที่สุดตัวตึงในทีมนักพากย์เลย นอกจากนี้อีกคนที่อยากกล่าวถึงมากๆ คือ เซธ โรแกน ในบทดองกี้คอง ที่รายนี้ก็ขโมยซีนหนักไปแพ้กัน – โดยรวมนั้น The Super Mario Bros. Movie เป็นหนังที่ตอบโจทย์แฟนเกมต่างๆ แต่สำหรับคนดูทั่วไปก็สามารถเอ็นจอยได้ แม้เส้นเรื่องจะไม่มีอะไรซับซ้อน แต่ฉากต่างๆล้วนสนุกและบันเทิง ถือเป็นแอนิเมชั่นอีกเรื่องที่ทำเงินทั่วโลกหนักแน่ๆชมตัวอย่าง The Super Mario Bros. Movie วันนี้ในโรงภาพยนตร์ภาพ : UIP Thailand

[REVIEW] ‘Faces of Annes แอน’ ใครคือแอนตัวจริง หนังชวนฉงน ชวนสะพรึงแห่งปี | GOSSIP GUN

12 ต.ค. 2022

[REVIEW] ‘Faces of Annes แอน’ ใครคือแอนตัวจริง หนังชวนฉงน ชวนสะพรึงแห่งปี | GOSSIP GUN

ฮือฮาตั้งแต่เปิดตัวไปแล้วสำหรับภาพยนตร์ไทยน่าจับตามองแห่งปีอย่างFaces of Anneหรือชื่อไทยสั้นๆ ว่า"แอน"ด้วยทีมนักแสดงสุดหวือหวา เพราะน่าจะเป็นหนังไทยเรื่องแรกที่รวมนักแสดงหญิงวัยรุ่นน่าจับตามองไว้เยอะที่สุดขนาดนี้ ทั้งที่เปิดเผยออกมาแล้วถึง10คน ตามรายชื่อบนใบปิด ประกอบด้วย ออกแบบ ชุติมณฑน์,อิ้งค์ วรันธร,วี วิโอเลต,มินนี่ ภัณฑิรา,ก้อย อรัชพร,ปันปัน สุทัตตา,เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ,มิวสิค แพรวา,อุ้ม อิษยา และ นานา ศวรรยา ยังไม่รวมที่ยังไม่ได้โปรโมตอีก ซึ่งความพีกยิ่งกว่าคือคอนเซปต์ของหนัง เพราะนักแสดงทั้งหมดที่เอ่ยนามมานี้ ต่างเล่นเป็นตัวละครที่ ชื่อว่า แอน พวกเขารับบทเป็นหญิงสาวที่ตื่นขึ้นมาในห้องหนึ่ง ในชุดสีเหลืองเหมือนกัน ทุกคนต่างถูกคุมขังไว้ในสถานที่แห่งนี้ด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่อันตรายกำลังจะมาถึง หลังจากการปรากฏตัวขึ้น ของ ปีศาจกวาง ที่ออกไล่ฆ่าพวกเธออย่างอำมหิต ท้ายที่สุดแล้ว พวกเธอจะมีชีวิตรอดหรือไม่ แล้วทำไมทุกคนถึงชื่อแอน เกิดอะไรขึ้นกันแน่ในที่แห่งนี้ ต้องไปหาคำตอบกันในหนังสิ่งที่ดึงดูดกลุ่มคนดูหนังมากที่สุด นอกจากลิสต์รายชื่อนางเอกรุ่นใหม่ และพล็อตสุดแปลกแล้ว คือ ชื่อของผู้กำกับ อย่าง คงเดช จาตุรันต์รัศมี เจ้าของผลงานเกรดเออย่าง เฉิ่ม,ตั้งวง, Snapแค่ได้คิดถึง และล่าสุดอย่างWhere We Belongที่ตรงนั้นมีฉันหรือเปล่า(นอกจากนี้ คงเดช ยังเขียนบทให้กับหนังรักคุณภาพล้นอย่างThe Letterจดหมายรัก และMe..Myselfขอให้รักจงเจริญ อีกด้วย)ด้วยงานกำกับที่คุมคนดูอยู่หมัดมาโดยตลอด และไม่ว่าเขาจะเล่าเรื่องอะไร มักแฝงประเด็นสถานการณ์บ้านเมืองไว้เสมอ โดยเฉพาะ3เรื่องล่าสุดที่ เอ่ยถึงทั้งอย่างตรงไปตรงมา และในนัยยะแฝง เฉกเช่น ผลงานล่าสุดอย่างFaces of Annesแม้ตัวหนังเองจะทำท่าเป็นPsychological Thrillerหรือหนังทริลเลอร์จิตวิทยา ที่มีกลิ่นของหนังสยอง และหนังไล่เชือด แต่ในเส้นเรื่องที่ลึกกว่านั้น เชื่อว่าผู้กำกับได้แฝงอะไรบางอย่างไว้อย่างแน่นอน เพราะระหว่างทางมีอะไรให้คิดไปทางนั้นอยู่ไม่น้อยโดยรวมบรรยากาศของFaces of Annesทั้งชวนสะพรึง ชวนสยอง และชวนฉงนไปพร้อมๆกัน ในพาร์ทที่ทำให้รู้สึกสะพรึงนั้น หนังสามารถทำได้ตั้งแต่วินาทีแรกๆ ที่คุมคนดูอยู่ แม้จะเคลื่อนตัวไปช้าในระดับหนึ่ง แต่ด้วยอารมณ์ของหนังทำให้ผู้ชมติดอยู่กับสถานการณ์นั้นได้ตลอด นำมาสู่จังหวะที่หนังชวนสยอง เมื่อFaces of Annesเพิ่มดีกรีความระทึกขึ้น นับตั้งแต่ตัวละคร"ปีศาจกวาง"โผล่ออกมา ไล่ฆ่าพวกเธอ แม้เหล่าแอนจะพยายามหนีแต่ก็ไม่มีทางออก นำไปสู่พาร์ทชวนฉงน การดูหนังเรื่องนี้เหมือนการต่อจิกซอว์อยู่ไม่น้อย เมื่อคนดูค่อยๆปะติดปะต่อเรื่องราว คนสร้างก็ค่อยๆเผยโครงสร้างพล็อตออกมา เผยความจริงบางอย่าง ทำให้หนังน่าติดตาม และชวนให้อยากรู้ว่าท้ายที่สุดแล้ว มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ในหนังเรื่องนี้?แน่นอนว่าFaces of Annesไม่ใช่หนังสยองขวัญที่เล่าเรื่องชั้นเดียว นอกจากการไขปริศนาที่เกิดขึ้นในเส้นเรื่องหลักแล้ว การมองหนังด้วยแว่นตาที่ต่างออกไป ทำให้เห็นอะไรบางอย่างมากขึ้น โดยเฉพาะแว่นตาของการเมือง ซึ่งปรากฏในหนังคงเดชอยู่บ่อยครั้ง ในเรื่องนี้ก็แฝงไว้ซึ่งสัญญะเช่นกัน(ต่อจากนี้ไม่ได้สปอยล์เรื่องนะครับ)เริ่มจากตัวละครแอน และปีศาจกวาง ที่เปรียบเปรยถึง คน หรือ กลุ่มคนบางกลุ่ม สามารถสังเกตได้ด้วย สิ่งที่พวกเธอเผชิญ เสื้อผ้าที่เธอสวมใส่ ในขณะที่ปีศาจกวางนั้น สามารถสังเกตได้จาก การเลือกให้ตัวละครนี้ สวมหัวกวาง สัตว์ที่ดูสง่างามแต่กลับมาไล่ฆ่าคน อาวุธที่กวางใช้ เพลงที่ถูกเปิดทุกครั้งที่ปีศาจตนนี้ปรากฏตัว พร้อมด้วยรายละเอียดยิบย่อยอีกมากมาย หลายจังหวะถ้าดูหนังด้วยแว่นตาแบบดูเอาบันเทิงอาจจะไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร แต่ถ้ามองอีกแบบ อาจจะเจอคำตอบ สิ่งที่แฝงไว้ในหนังเรื่องนี้ โดย นอกจากในแง่การปกครองที่ถูกเล่าผ่านFaces of Annesแล้ว หนังยังเล่าถึงสังคมคนรุ่นใหม่ในยุคสมัยปัจจุบันอย่างตรงไปตรงมา การใช้ชีวิตในสังคมที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน การถูกครอบงำโดยSocial Mediaลามไปถึงปัญหาด้านจิตเวช ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่วัยรุ่นยุคนี้ต้องเผชิญ ในสภาวะสังคมที่ไม่ปกตินี้ไฮไลต์ที่ไม่เอ่ยถึงไม่ได้ คือเหล่าทีมนักแสดงหญิงรุ่นใหม่มากฝีมือที่ตบเท้าเข้ามาแสดงในFaces of Anneอย่างน่าตื่นตา โดยรวมหนังค่อนข้างบาลานซ์Screen Timeของนักแสดงแต่ละคนได้ค่อนข้างดี แน่นอนว่า เวลาปรากฏบนจอไม่เท่ากัน แต่ทุกคนต่างมีโมเมนต์เป็นของตัวเอง มีจังหวะที่ปล่อยของกันพอสมควร ถ้าจะให้เลือกไปเลยว่าใครคือMVPแทบจะเลือกได้ยากมาก เพราะทุกตัวละครต่างมีความสำคัญ ต่างมีอะไรบางอย่างที่ไม่ง่ายนักในการแสดง ความสนุกของผู้ชมคือการลุ้นว่า ใครจะโผล่มาเมื่อไหร่ นักแสดงที่เราชอบจะปรากฏตัวช่วงนี้ ประโยชน์ของการที่หนังมีดาราเยอะ มันก็สนุกในแบบนี้แฝงไปด้วยโดยรวมFaces of Annesคือหนังชวนขยี้สมองแห่งปี หากจะเข้าไปดูเพื่อความบันเทิง อาจจะได้ความเครียดกลับมาแทน เพราะหนังท้าทายผู้ชม กระตุ้นให้ชวนคิดต่อตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นในแง่เส้นเรื่องปกติ รวมถึงเส้นประเด็นที่แฝงเอาไว้ ทั้งหมดนี้ถูกคุมด้วยบรรยากาศชวนสะพรึงตลอดทั้งเรื่อง แม้จะมีบางจุดที่จังหวะการเล่าค่อนข้างช้า แต่หนังก็สามารถตรึงเราไว้ได้เสมอ และด้วยแคสระดับดรีมทีมแบบนี้ ไม่บ่อยครั้งนักที่เราจะได้ดูหนังไทยที่แปลกใหม่ น่าสนใจ น่าลิ้มลองในแบบที่Faces of Annesนำเสนอ ถ้ามีโอกาส นี่คือหนังไทยอีกเรื่อง ที่อยากให้ลองชมภาพ : M Picturesชมตัวอย่าง แอนFaces of Anneเข้าฉาย13ตุลาคมในโรงภาพยนตร์

[REVIEW] ‘SMILE’ เมื่อรอยยิ้มฆ่าคนตาย หนังสยองสุดตึงเครียด | GOSSIP GUN

27 ก.ย. 2022

[REVIEW] ‘SMILE’ เมื่อรอยยิ้มฆ่าคนตาย หนังสยองสุดตึงเครียด | GOSSIP GUN

จุดเริ่มต้นของหนังสยองขวัญแห่งปีอย่าง Smile เกิดขึ้นจากหนังสั้น Laura Hasn't Slept ของ ปาร์กเกอร์ ฟินน์ ที่คอนเซปต์เจ๋งและสยดสยอง จนถูกใจผู้บริหารของค่ายพาราเมาต์ พิคเจอร์ หนังจึงถูกหยิบมาพัฒนาเป็นหนังใหญ่ โดย ปาร์กเกอร์ ฟินน์ กลับมาสานต่อความหลอนจากหนังสั้นของเขาเอง รับหน้าที่เป็นผู้กำกับหนังใหญ่ครั้งแรก สำหรับ Smile ฉบับยาว เล่าถึง ดร.โรส (รับบทโดย โซซี เบคอน จากซีรีส์ 13 Reasons Why) จิตแพทย์หญิงที่เพิ่งเผชิญเหตุการณ์สุดสยอง เมื่อคนไข้ของเธอฆ่าตัวตายต่อหน้าต่อตา ก่อนตายคนไข้คนนี้คลั่งและบอกว่า มีสิ่งลึกลับที่มีรอยยิ้มไล่ตาม ดร.โรส ยิ่งสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จึงเริ่มสืบและพบว่า มีคนตายจากรอยยิ้มในลักษณะเดียวกันกว่า 20 คนแล้ว และที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือ ดูเหมือนว่าคำสาปสุดอาถรรพ์นี้กำลังไล่ตามเธอเช่นกัน !สิ่งที่ทำให้ Smile มีเอกลักษณ์และแตกต่างจากหนังสยองขวัญเรื่องอื่นๆ คือ คอนเซปต์ ที่หยิบรอยยิ้มมาทำให้กลายเป็นความหลอน แม้เราอาจจะเห็นรอยยิ้มแบบหลอนๆในหนังมากมาย (อาทิ Joker และ Stephen King's It) แต่มันไม่เคยถูกหยิบมาเป็นแกนหลักของเรื่องอย่างจริงจัง บวกกับเส้นเรื่องในสไตล์การแก้คำสาป แบบเดียวกับ The Ring ที่ดูเหมือนจะไม่ได้เห็นกันมาสักพักใหญ่แล้ว ทำให้ Smile มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย และหนังยังมีกลิ่นอายแบบ It Follows หนังเขย่าขวัญที่ทำให้คนยืนนิ่งๆดูน่ากลัวได้ เรื่องนี้มีสไตล์คล้ายๆกัน แต่เพิ่มรอยยิ้มเข้าไป ทำให้ระหว่างดูหนัง แม้แต่คนที่ยืนยิ้มนิ่งๆ ยังชวนขนลุกได้ หนังทำให้เราผวาในแบบที่ไม่คาดคิดได้จริงๆนอกจากจะเป็นหนังสยองขวัญ อันที่จริงแล้ว Smile มีความเป็นหนังจิตวิทยาที่ชัดเจนมาก เพราะหนังเล่นกับตัวละครหลักคือ ดร.โรส ซึ่งเป็นจิตแพทย์ แต่อันที่จริงแล้วเธอเองก็เคยเผชิญปัญหาทางจิตมาก่อน และยิ่งมาเจอกับเหตุการณ์หลอนที่หาทางออกไม่ได้แบบนี้ ยิ่งทำให้เธอสติแตกไปกันใหญ่ ความเก่งกาจของหนัง คือการทำให้ผู้ชมตึงเครียด และเหมือนจะประสาทแดกแบบนางเอกได้เหมือนกัน เมื่อหนังยิ่งดำเนินไป ข้อแม้ต่างๆของหนัง ปมคำสาปจากรอยยิ้ม มันชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ การผูกปมของหนังมันเลยยิ่งแน่นขึ้นไปอีก นั่นทำให้ Smile กลายเป็นหนังสยองขวัญที่บีบหัวใจของคุณช้าๆ แต่เมื่อถึงจุดพีกแล้ว มันยิ่งบีบหัวใจขั้นสุดในส่วนของงานโปรดักชันส่งเสริมความสยองของหนังได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นเสียงประกอบ ที่หลอนจับใจ การเคลื่อนกล้องที่หลายครั้งเลือกใช้ภาพกลับหัว สไตล์การตัดต่อ การเชื่อมโยงแต่ละฉาก หลายครั้งที่โฉ่งฉ่าง ทำให้ผู้ชมกระตุกได้เหมือนกัน และการบิลด์ผู้ชมด้วยความสยองในแบบ Jump Scare หนังใช้วิธีนี้ค่อนข้างเยอะพอสมควร แต่กระนั้นต้องชื่นชมผู้กำกับ ปาร์กเกอร์ ฟินน์ ที่ให้ฉากหลอกเหล่านี้ ดูมีรสนิยม เป็นการหลอกให้เราตกใจ แบบที่น่าสนใจ ไม่ได้ให้สิ่งลึกลับโผล่มาทื่อๆ อย่างไร้ที่มาที่ไปแต่อย่างใด โดยรวม Smile จึงกลายเป็นหนังสยองขวัญอีกเรื่องของปี 2022 ที่ทำได้ดีเกินคาดจริงๆ ใครที่อยากสัมผัสความหลอน ความตึงเครียด ลองชมหนังเรื่องนี้กันดู 29 กันยายนนี้ในโรงภาพยนตร์ชมตัวอย่าง Smile ยิ้มสยอง สัปดาห์นี้ทุกโรงภาพยนตร์ภาพ : UIP Thailand

[REVIEW] ‘Knives Out : Glass Onion’ ฆาตกรรมหรรษาเคสใหม่ สนุกฮาชั้นเชิงเกินร้อย| GOSSIP GUN

22 ธ.ค. 2022

[REVIEW] ‘Knives Out : Glass Onion’ ฆาตกรรมหรรษาเคสใหม่ สนุกฮาชั้นเชิงเกินร้อย| GOSSIP GUN

ยกให้เป็นหนังโคตรสนุกส่งท้ายปีเลยก็ว่าได้ สำหรับภาคใหม่ของ Knives Out หนังตามหาฆาตกรสไตล์ Whodunit ที่มาพร้อมกับความแสบสันต์ และทีมนักแสดงชุดใหญ่ ย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีก่อน Knives Out กลายเป็นหนังระดับโคตรฮิตและกวาดคำวิจารณ์ในแง่บวกไปเพียบ จากทุนสร้างเพียง 40 ล้านเหรียญฯ สามารถทำรายได้ทั่วโลกไปกว่า 300 ล้าน กลายเป็นแฟรนไชส์ใหม่สำหรับพระเอก แดเนียล เคร็ก หลังโบกมือลาบท เจมส์บอนด์ ไปแล้ว เขาก็ได้หนังฮิตชุดใหม่ต่อทันที และเมื่อหนังสามารถเรียกผู้ชมได้มากขนาดนี้ Netflix เลยตาไว ซื้อสิทธิจากค่าย Lionsgate ไปซะเลย และซื้อแบบรวดเดียวทั้งภาค 2 และ 3 ทำให้หนัง Knives Out ภาคใหม่นี้ ผู้ชมจะไม่ได้ดูในโรงเหมือนภาคก่อน แต่จะลงให้ชมใน Netflix เป็นสเต็ปแรกไปเลยหนังภาคใหม่นี้ ใช้ชื่อเต็มๆว่า "Glass Onion : A Knives Out Mystery” พาผู้ชมไปหรรษากับคดีใหม่ของ นักสืบเบอร์นัวห์ บลองค์ ซึ่งรับบทโดย แดเนียล เคร็ก เขาคือนักแสดงคนเดียวจากภาคแรกที่กลับมาแสดงในภาคต่อนี้ โดยเบอร์นัวห์ ได้บัตรเชิญให้ไปร่วมงานปาร์ตี้สุดเอ็กซ์คลูซีฟ บนเกาะส่วนตัวสุดหรู ที่ทะเลในประเทศกรีซ ซึ่งเจ้าของคือมหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยจากเทคโนโลยีใหม่ๆ เมื่อเขามาถึงก็ได้พบว่า แขกทั้งหมดล้วนเป็นเพื่อนที่สนิทสนมกันมานานของ เศรษฐีคนนี้ ซึ่งทั้ง นักการเมืองปากเก่ง ยูทูปเบอร์สุดเพี้ยน อดีตนางแบบสาวตัวแม่ และอีกเพียบ โดยทุกคนจะต้องมาร่วมสนุกกับการไขปริศนาคดีฆาตกรรม แต่ทุกอย่างกลับเข้มข้นขึ้น เมื่อมีหนึ่งในกลุ่มเพื่อน เสียชีวิตจริงๆ แต่ใครคือฆาตกรกันแน่ ?สามารถพูดได้เต็มปากว่า Glass Onion คือหนังที่โคตรสนุก โคตรแสบ และคาดเดาไม่ได้จริงๆ ดูเหมือนองค์ประกอบในหลายๆอย่างจะถูกเพิ่มขึ้นจากภาคก่อน หลังจากที่ Knives Out ภาคแรกกลายเป็นหนังที่ประสบความสำเร็จเกินคาด กลายเป็นจุดที่เพิ่มความมั่นใจให้กับผู้กำกับ ไรอัน จอห์นสัน มากยิ่งขึ้น ว่าเขามาถูกทางแล้ว กับการผสมผสานระหว่างหนังสไตล์ตามหาฆาตกรสุดเข้มข้น กับหนังตลกเสียดสีสุดแสบสันต์ สิ่งที่ผู้ชมชื่นชอบ ดูเหมือนจะถูกเพิ่มดีกรีในภาคนี้หมด สิ่งที่ทำให้หนังสนุกมาก คือชั้นเชิงในการเล่าเรื่องของไรอัน มันไม่ใช่แค่ผู้ชมจะลุ้นว่าใครจะตาย ใครคือฆาตกร แต่ดีเทลต่างๆที่ใส่มา ล้วนมีความสำคัญแทบทั้งหมด มุกเล็กๆน้อยๆที่หยอดไว้ มันอาจจะเชื่อมโยงกับอะไรบางอย่างหลังจากนั้นก็ได้ กลายเป็นหนังที่เล่าอย่างแพรวพราวจริงๆสิ่งที่ถูกเพิ่มดีกรีขึ้นมาใน Glass Onion อย่างชัดเจนอีก คืองานโปรดักชั่น และอารมณ์ขันสุดแสบ หลังจากที่ภาคแรกเน้นการเล่าเรื่องในคฤหาสน์สุดหรูของคุณปู่ ภาคนี้จัดความใหญ่ด้วยเกาะส่วนตัวกันไปเลย ซึ่งมีรายละเอียดของสถานที่ที่อลังการอยู่ไม่น้อย (รวมถึงสถานที่ที่จะเผยว่าชื่อหนัง Glass Onion หมายถึงอะไร) อีกจุดที่เพิ่มดีกรีขึ้นมา คือ ความตลกแบบแสบจี๊ด หลังจากภาคแรกเสียดสี สังคมอเมริกาและการเมืองแบบไม่แตะเบรก ภาคนี้ดูเหมืิอนจะเสียดสีและล้อเลียน กลุ่มคนที่ถูกยกให้เป็น Elite ของสังคม ไม่ว่าจะเป็น เศรษฐีเทคโนโลยี (แบบ อีลอน มัสก์) ผู้ที่โด่งดังจากโลกออนไลน์ โดยมุกต่างๆที่แทรกไว้ ค่อนข้างเวิร์กเลยทีเดียว และจังหวะการเล่น การขยี้ก็ค่อนข้างลงตัว จากรอบปฐมทัศน์ในไทยที่ Netflixจัดฉายพิเศษในโรง สามารถบอกได้ว่า หัวเราะกันลั่นโรงจริงๆพาร์ทสำคัญที่เป็นไฮไลต์ของหนังสไตล์ Whodunit คือ Ensemble Cast หลักจากภาคนี้ ไรอัน จอห์นสัน ชวนนักแสดงดังๆมาร่วมแสดงกันแน่นจอ ภาคนี้แม้ว่าดีกรีความดังของนักแสดงอาจจะเทียบภาคแรกไม่ได้ แต่ว่าแต่ละคนก็มีของแบบไม่ธรรมดา ประกอบด้วย เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน, เคต ฮัดสัน, เดฟ บอทิสต้า, แคทเธอรีีน ฮาห์น แต่ที่โดดเด่นเหนือออกมา คือการแสดงของ จาเนล โมเน่ห์ ในบทเพื่อนรักเพื่อนแค้นของคนกลุ่มนี้ ด้วยคาแรคเตอร์ของเธอทำให้ จาเนล สามารถโชว์สกิลได้อย่างหลากหลาย ส่วนนักแสดงนำอย่าง แดเนียล เคร็ก ภาคนี้ดูเหมือนเขาจะเอ็นจอยกับบทมากขึ้น แดเนียลดูสบาย ดูสนุกกับบท จนทำให้คนดูเพลิดเพลินกับตัวละครนี้ไปด้วย จนอยากจะตามต่อภาคหน้าแล้วว่าเขาจะไปคลี่คลายคดีที่ไหนโดยรวม Glass Onion : A Knives Out Mystery ถือเป็นหนังโคตรบันเทิงมากๆ ผสมผสานระหว่างหนังสืบหาฆาตกรกับตลกเสียดสีอย่างลงตัว จนไม่แปลกใจที่หลายๆสถาบันจะให้เรื่องนี้ติดอันดับหนังยอดเยี่ยมของปีด้วย รวมถึง แดเนียล เคร็ก ก็ได้ชิงรางวัลในหลายๆสถาบัน นอกจากทีมนักแสดงสุดแสบแล้ว Knives Out ภาคนี้ยังแอบใส่นักแสดงรับเชิญไว้หลายคน นอกจากคนดูจะเซอร์ไพรสกับเส้นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้แล้ว ยังจะเซอร์ไพรสกับแขกรับเชิญที่หนังใส่มาอีกด้วย (นักแสดงบางคนมาแต่เสียงก็มี) นี่จึงเป็นหนังที่สนุกและห้ามพลาดส่งท้ายปี แม้ว่าคุณจะยังไม่เคยดูภาคแรกมาก่อน ก็สามารถมาเอ็นจอยกับภาคนี้ได้เลย เพราะเป็นการเปิดคดีใหม่ เส้นเรื่องไม่ได้เกี่ยวโยงกันGlass Onion : A Knives Out Mystery สตรีม 23 ธันวาคมใน Netflix

album

0
0.8
1