03 ส.ค. 2023
[REVIEW] ‘Meg 2 : The Trench’ ภาคต่อที่บันเทิงแบบปล่อยจอย อัดแน่นด้วยฉลามยักษ์ | GOSSIP GUN
ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีก่อน The Meg กลายเป็นหนังฉลามที่กวาดรายได้ไปแบบเหนือความคาดหมาย ด้วยรายได้ระดับ 500 ล้านเหรียญฯจากทั่วโลก อยู่ๆก็กลายเป็นหนังฉลามที่ทำเงินทั่วโลกสูงสุดตลอดกาลแซง Jaws ไปเป็นที่เรียบร้อย แม้ว่าถ้าจะเทียบกันจริงๆ โดยเอาค่าตั๋วมาดู ก็ยังคงแพ้ Jaws แต่ถ้านับแค่รายได้ ก็เลยชนะไปซะงั้น ทำให้โปรเจกต์ภาคต่อถูกอนุมัติในเวลาไม่นาน และที่น่าสนใจคือ กลายเป็นประเทศจีนที่เป็นประเทศที่ The Meg ภาคแรกทำเงินมากที่สุด ราวๆ 150 ล้านเหรียญฯ แซงอเมริกาที่ทำเงินไปแถวๆ 143 ล้าน จึงไม่แปลกใจเลยที่ภาคต่อนี้ ทางวอร์เนอร์เลยได้ไประดมทุน จับมือกับสตูดิโอในเมืองจีน แถมดึงพระเอกระดับบล็อกบัสเตอร์อย่าง อู๋จิง ที่ปรากฏตัวในหนังทำเงินถล่มทลายอย่าง Wolf Warrior 2, The Wandering Earth และ The Battle of Lake Changjin (ซึ่งล้วนอยู่ใน Top 10 หนังทำเงินสูงสุดตลอดกาลของจีน) มาร่วมแสดงประกบ เจสัน สเตแธม พระเอกจากภาคแรกที่กลับมารับบทนำในภาคต่ออีกครั้งMeg 2 : The Trench เล่าเรื่องราวหลายปีจากภาคแรก กับการผจญภัยครั้งใหม่ของ โจนัส (รับบทโดย เจสัน สเตแธม) ที่นำทีมนักวิจัยลงไปสำรวจร่องสมุทรที่ลึกลงไปในมหาสมุทร สถานที่ซึ่งพวกเขาเจอกับเมกาโลดอน หรือฉลามยักษ์ดึกดำบรรพ์ในภาคแรก ไม่นานอันตรายก็เริ่มเข้าใกล้ เมื่อเมกาโลดอนที่พวกเขาขังเอาไว้เพื่อวิจัยกลับหลุดออกมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ แถมยังมีเมกาโลดอนตัวอื่นโผล่ออกมา รวมถึงพวกเขากำลังจะได้พบกับ โครโนซอรัส สัตว์ลึกลับดึกดำบรรพ์ชนิดใหม่ที่ปรากฏอยู่ใต้ทะเล กลายเป็นจากภารกิจสำรวจใต้ทะเลลึก พวกเขาต้องเอาตัวรอดจากสิ่งมีชีวิตสุดอันตราย ที่ไม่ใช่แค่ทวีจำนวนมากขึ้น แต่เพิ่มความหลากหลายและอันตรายมากขึ้นด้วย หนังภาคนี้ได้ อู๋จิง มารับบทนำประกบกับ เจสัน ในบทจิวหมิง น้องชายของนางเอกจากภาคแรกโดยรวมภาคนี้ มันไปไกลกว่าแค่หนังฉลามแล้ว ดูจะเป็นหนังมอนสเตอร์ที่เน้นสัตว์ประหลาดจากใต้ทะเลลึกเสียมากกว่า จากภาคแรกที่เป็นหนังฉลามแบบติดเว่อร์นิดๆ เพราะเน้นไซส์ที่มโหฬารและที่มาจากดึกดำบรรพ์ แต่ภาคนี้เหมือนกำลังจะตั้งท่าขยายจักรวาลให้ใหญ่โตขึ้น นอกจากเมกาโลดอน ผู้ชมเลยจะได้เจอกับสัตว์ประหลาดจากใต้ทะเลอีกหลายตัว เหมือนกับผู้สร้างเตรียมจะขยายจักรวาลเป็น Sea-Monsterverse อะไรทำนองนั้น ซึ่งมันก็ช่วยทวีความน่าสนใจให้กับหนังมากขึ้นในอีก ในฐานะภาคต่อที่ทั้งขยายเส้นเรื่องและเพิ่มปริมาณเหล่ามอนสเตอร์ให้มากยิ่งขึ้น ใครที่ชอบหนังสัตว์ประหลาดน่าจะสนุกและคุ้มค่ากับการมาดูอยู่ไม่น้อยในขณะเดียวกันสิ่งที่แอบเปลี่ยนไปเล็กน้อยคือ Mood Tone ของหนัง ซึ่งแน่นอนว่ามันยังเป็นหนังแอ็กชันตื่นเต้น แต่ภาคนี้แอบปรับอารมณ์ให้ไม่โหดหรือซีเรียสเท่าเดิม เน้นให้หนังดูเป็นมิตรกับผู้ชมกลุ่มครอบครัวมากขึ้น ยกระดับความแฟนตาซีเพิ่มเข้าไปอีก แทนที่หนังจะขยับเข้าหาหนังสไตล์ Jaws แต่กลับขยับมาใกล้หนังแบบ Jurassic World เสียมากกว่า ซึ่งตรงนี้เองน่าจะเปิดโอกาสให้หนังทำเงินได้มากขึ้น รวมไปถึงเหมาะกับการเจาะตลาดจีนที่ภาคแรกกวาดเงินถล่มทลายไปแล้ว แต่แม้จะไม่ได้โหดเลือดสาดเท่าไหร่นัก แต่ฉากแอ็กชันต่างๆก็ยังทำออกมาได้ตื่นเต้น เร้าใจ และเว่อร์ขึ้นไปอีกสเต็ป เหมือนผู้สร้างจับทางได้แล้วว่าผู้ชมชอบสไตล์ไหน ก็จัดให้แบบนั้นอย่างไม่ยั้งสรุป Meg 2 : The Trench ถือเป็นหนังภาคต่อที่เข้าที่เข้าทางกว่าภาคแรก ยังคงความสนุกแบบดูเพลินได้ตลอดทั้งเรื่อง และทวีคูณหลายๆอย่างเข้าไป ทั้งในแง่ของสัตว์ประหลาด รวมถึงตัวละครฮีโร่ จากเดิมที่ภาคแรกเน้นความเท่ของ เจสัน สเตแธม ภาคนี้พอใส่ อู๋จิง เข้ามา เหมือนเจสันได้คู่หูมาร่วมแท็กทีม ยิ่งทำให้ฝั่งมนุษย์ดูน่าสนใจมากขึ้นไปอีก และไม่แน่อีกหน่อย อาจจะมีการต่อยอดสร้างเป็นภาคแยกฉบับจีนเลยก็เป็นอันได้ เพราะปกติหนังของ อู๋จิง ก็ทำเงินแบบถล่มทลายที่นั่นอยู่แล้ว อีกหน่อยเราคงได้เห็นหนังตระกูล Meg ที่มากขึี้นและหลากหลายขึ้นเป็นแน่แท้ชมตัวอย่าง Meg 2 : The Trench วันนี้ในโรงภาพยนตร์ภาพ : Warner Bros. Thailand