ลาออกตอนนี้เลยดีไหม? สาวออฟฟิศอึดอัดใจ เจอเพื่อนร่วมงาน
ลางานบ่อย ล่าสุดลาไปเที่ยวอีก 2 อาทิตย์ พอมีงานด่วน
หัวหน้าก็ให้เราทำงานแทน แต่พอเพื่อนคนนั้นกลับมา
รู้ว่าเราทำงานแทนก็ไม่พอใจบอกว่า จะมาทำแทนทำไม?
ตอนนี้ไม่โอเคมากๆ รู้สึกเหมือนโดนเอาเปรียบ อยากลาออกเลย
“คุณแอร์ (นามสมมุติ)” อายุ 26 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (25 ต.ค. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจพี่อ้อย’ เกี่ยวกับปัญหาต้องลาออกจากออฟฟิศในฝัน เพราะเพื่อนร่วมงานลาเที่ยว 2 อาทิตย์ จนเราต้องทำงานแทน พอเขากลับมา ดันไม่พอใจที่เราทำแทน!
โดย “คุณแอร์ (นามสมมุติ)” ได้เริ่มเล่าว่า ‘ขอเกริ่นก่อนว่าออฟฟิศที่หนูทำงานอยู่ เรียกได้ว่าเป็นออฟฟิศในฝันของใครหลาย ๆคน ถ้าใครอยากจะลางานก็สามารถลาได้เลย ทุกคนสามารถคุยกันได้ แต่เรื่องของเรื่องคือเพื่อนร่วมงานคนนี้ เค้าลางาน 2 อาทิตย์ ไปเที่ยวต่างประเทศ แล้วทีนี้ดันมีงานเร่งเข้ามา จำเป็นต้องทำให้เสร็จ ทางเจ้านายก็เลยบอกให้หนูทำงานแทนเค้า หนูเลยทำแทนไปตามปกติ เพราะคิดว่ามันก็ไม่น่าจะมีอะไร แล้วพอเค้ากลับมา เค้าไม่พอใจที่หนูทำงานแทนเค้า ในตอนแรกเค้าก็ไม่ได้พูดอะไรตรง ๆ มีออกท่าทีสีหน้าท่าทาง ตัวหนูเองก็ไม่ได้คิดอะไร คิดว่าเค้าหงุดหงิดเพราะอากาศร้อนอะไรทำนองนั้นไป โดยส่วนตัวเค้าเป็นคนขี้เหวี่ยงอะไรแบบนี้อยู่แล้ว ก็เลยไม่คิดอะไร เพราะไม่ได้คิดว่าตัวหนูทำผิดอะไร แล้วหนูก็คิดว่าเพราะเค้าอาจจะรู้ว่าเจ้านายเป็นคนให้ทำเค้าเลยพูดอะไรมากไม่ได้
หนูก็บังเอิญไปได้ยินเค้าคุยกับเพื่อนอีกกลุ่มในออฟฟิศประมาณว่าหนูไปเจ๋องานเค้า โดยตัวงานก็ไม่ได้มีค่าแรงเพิ่มขึ้น หรือกระทบให้ค่าแรงเค้าลดลงแต่อย่างใด แล้วหนูก็ไม่รู้ว่าเค้าวีนใคร หรือวีนอะไร แต่ครั้งนี้คือหนูได้ยินเค้าพูดออกมากับหูตัวเอง ตอนแรกหนูคิดว่าทำอะไรผิดหรอ การที่หนูทำแบบนี้คือหนูไม่ควรจะทำงานแทนเค้าหรอ แล้วงานที่หนูทำให้มันมีปัญหาหรือมีฟีดแบคไม่ดีกลับมาหรอ แล้วหนูไปถามคำถามกับเค้า มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรืองานเสียหายอะไร
ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจคิดว่าชั่งมันเถอะ เดี๋ยวมันก็ผ่านไปแต่หลัง ๆมาก็เริ่มเยอะขึ้นเรื่อย ๆแล้วเจ้านายก็เห็นว่าเราทำได้ เจ้านายก็เริ่มผลัดใช้เราบ้าง ใช้เค้าบ้าง หนูรู้ว่ามันไม่ได้รุนแรงมากแต่ว่ามันบ่อย ๆเข้าก็เริ่มรำคาญ หนูก็เลยแพลนไว้ว่าจะลาออก เลยไปคุยกับเพื่อนอีกคนนึงประมาณว่าคิดไว้ว่าจะไม่อยู่ต่อ แล้วบังเอิญเจ้านายมาได้ยินและเรียกหนูเข้าไปคุยว่าให้ตัดสินใจใหม่อีกทีนะ จะลาออกจริง ๆหรอ เจ้านายก็ถามถึงเหตุผลว่ามันเกิดอะไรขึ้น หนูไม่ได้ตอบหรือเล่าให้เจ้านายฟังเพราะกลัวว่าจะเป็นปัญหาใหญ่
หนูเลยอยากมาปรึกษาว่าหนูควรจะลาออกเลยโดยไม่ต้องพูดอะไร หรือว่าหนูควรบอกว่ามันเกิดอะไรขึ้นแล้วค่อยลาออก หรือหนูไม่ควรลาออก และสุดท้ายถ้าไม่ลาออกหนูต้องทำยังไงกับเหตุการณ์พวกนี้ ที่จะไม่ทำให้เรารู้สึกว่าปัญหาเล็กก็จริงแต่โดนบ่อยครั้งมันก็กลายเป็นพลังงานลบกับเรา ”
“ดีเจเผือก” เริ่มให้คำปรึกษาว่า ‘มีงานใหม่ยัง ถ้ายังไม่มีอย่าเพิ่งลาออก ชั่วโมงนี้เนอะพี่รู้สึกว่าเทรนด์หรือทิศทางของการทำงานในปีหรือสองปีที่ผ่านมาเราไม่ค่อยสนใจงานประจำกันเยอะ แต่ในช่วงปีนี้ที่ผ่านมาเริ่มรู้สึกว่าการมีงานประจำหรืองานที่มั่นคงเนี่ย เริ่มมีคนมองหามากขึ้นแล้ว ด้วยเศรษฐกิจที่มันตีกลับเป็นแบบนี้ อะไรที่มั่นคงเลยต้องมาก่อน แล้วถ้าจะไปต้องมีทางไปที่แน่นอนก่อน อย่าออกไปว่าง ๆแล้วค่อยหา เราไม่ควรทิ้งรายได้ตัวเองกับแค่ความรำคาญตรงนี้ แล้วคนที่เจ็บคือเรา ถามว่าเค้าได้รับบทเรียนอะไรไหม พี่ไม่เชื่อว่าเค้าจะได้อะไรนะ กลายเป็นเราที่ต้องออกไปตกระกำลำบาก ถ้าจะออกแอร์ต้องมีทางไปที่แน่นอน
เอาเป็นว่าสิ้นเดือนนี้ออก เริ่มงานที่ใหม่เลยอันนี้พี่โอเค แต่ถ้ายังไม่มี อย่าเพิ่ง แล้วทีนี้สามข้อแรกที่ว่าจะไปแล้วจะบอกอะไรไว้ไหม สมมุติว่าจะไปแน่ ๆให้เลือกระหว่างไปเงียบ ๆกับไปแบบทิ้งระเบิดไว้ เป็นพี่พี่ทิ้ง มันต้องไปแบบให้เค้าได้บทเรียนหรืออะไรสักอย่างอะ มันไม่ใช่ว่าเราไปแบบพ่ายแพ้ ไม่ได้สร้างแรงกระเพื่อมในที่ทำงาน หรือเกิดความเปลี่ยนแปลง หรือไม่ได้หย่อนระเบิดไว้สักตูมนึง มันไม่คุ้มอะ เป็นพี่พี่จะบอกว่าปัญหาคืออะไรที่จะออก หนูไม่จำเป็นต้องอดทนกับอะไรแบบนี้
หนูมีงานที่ใหม่แล้วก็ฝากพี่เอาไว้ ‘วันนี้พี่ก็ได้รักษาพนักงานที่ดีมาก ๆแต่ลาบ่อยแค่นั้นเอง หนูไปเอง’ ถ้าให้เลือกระหว่างลาไปเฉย ๆกับบอกพี่จะบอก แต่ถ้ามีคำว่ายังไม่ออกมาเทียบ กลับมาที่คำว่าเรามีทางไปหรือยัง ถ้ายังไม่มีพี่ไม่ออกแน่นอน แล้วทีนี้ถ้าตัดทุกอย่างออกไปถามว่าปัญหานี้ ถ้าเป็นพี่พูดยากเหมือนกันเพราะไม่ได้เจอกับตัวเอง เพราะว่าแอร์บอกว่ามันเหมือนจะเรื่องเล็กนะคะ แต่พอเจอบ่อย ๆมันก็ไม่ไหวเหมือนกัน หนักเหมือนกัน ซึ่งตรงเนี้ยมันยังไม่ได้เจอกับตัวไง พี่ก็ยังพอบอกได้ว่ามันเป็นปัญหาที่ยังไม่หนักพอที่แอร์ต้องออกนะ แต่ถ้าสำหรับแอร์แล้วมันเป็นอะไรที่ Toxic เหลือเกินไม่อยากตื่นไปทำงาน จะออกก็ได้แต่มันต้องมีทางหนีที่ไล่ พี่ไม่อยากให้ไปว่างเดือนเดียว ไม่มีรายได้เดือนเดียวเพราะว่าคนเป็นโรคประสาทคนนึง เราไปเราต้องไม่เดือดร้อน ไปแบบดีขึ้นกว่าเดิม เงินเดือนมากกว่าเดิมนะอันนี้คือทางเลือกของพี่”
ต่อมาที่ “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘แม้ว่าน้องแอร์จะพูดว่ามันเป็นเรื่องรำคาญใจ แต่สำหรับพี่ ถ้าให้มองจากมุมมองของพี่ พี่คิดว่า Level ที่น้องแอร์เจอไม่ควรออกเพราะว่ามันเป็นเรื่องที่พี่คิดว่ามันจัดการได้ พี่จะออกก็ต่อเมื่อหัวหน้าให้ทำงานแทนคนนั้นจนแบบไม่ไหวแล้ว แล้วยังจะให้แอร์ทำแล้วคนนั้นก็ลาอยู่นั่นแหละ ถ้าเหตุผลนี้เป็นพี่พี่จะลาออก เหมือนแบบหัวหน้าไม่แฟร์ เอางานมาให้ทำ สมมุติเงินก็ไม่ขึ้นให้แล้วเราต้องทำงานโหลดอยู่คนเดียว แต่ให้คนนั้นไปเที่ยวแล้วไม่ว่าอะไรมัน อย่างเนี้ย
ถ้าไปคุยกับหัวหน้าแล้วหัวหน้าไม่เปลี่ยน อันนี้พี่จะออก คือพี่รู้สึกว่าอันนี้ยังอยู่ในปัญหาที่เราสามารถคุยและจัดการได้เพราะวันนั้นหัวหน้าถามแอร์แล้วว่าเป็นอะไรถึงจะออก หนึ่งเลยการที่เค้ามอบหมายงานให้เราทำ แสดงว่าเค้าเห็นความสามารถเรานะว่าเราทำได้ แล้วเก่งด้วยนะทำของตัวเองได้แล้วทำแทนคนนั้นได้ กับสองเค้ามาถามเราแสดงว่าเค้าก็ต้องมีความกังวลว่าคนนี้จะออก มันเกิดอะไรขึ้น จริง ๆวันนั้นแอร์ควรพูดไปเลยนะว่าเหตุการณ์มันเป็นอะไรเกิดอะไรขึ้น คือถ้าจะไม่ให้ชนกันให้อีกฝ่ายเสียน้ำใจก็บอกหัวหน้าไปตรง ๆว่าถ้าเค้าไม่แฮปปี้ หัวหน้าก็ไม่ต้องให้แอร์ทำแทนเค้าก็ได้ แต่ว่าถ้าเค้าลาจนทำงานไม่ได้อันนั้นหัวหน้าก็ต้องไปจัดการเค้า ไม่ใช่ให้หนูมาทำแทนเค้าแล้วมันก็เกิดปัญหา เหมือนหนูต้องมารับกรรมแล้วยังเสียสุขภาพจิตเพราะเค้ามาบ้าบอใส่
มันเป็นจังหวะที่แอร์ควรพูดกับหัวหน้าแล้วคิดว่าถ้าแอร์ตัดสินใจที่จะออกจริง ๆแอร์ควรพูดกับหัวหน้าก่อน เพราะว่ามันอาจจะมีสิ่งที่เหมือนเรากลัวไปเองว่าเราพูดมาแล้วมันจะไม่ดี แต่ว่าถ้าพูดแล้วเจ้านายอาจจะบอกว่า เออผมเห็นนานแล้วผมจะเอาเค้าออกสิ้นเดือนหน้าหรืออะไรอย่างนี้อยู่แล้วอะ มันก็คือคดีพลิกเลยนะ เพราะฉะนั้นการออกของแอร์ก็คือเสียเปล่าเลยนะ ไม่ได้อะไรขึ้นมาเลยถูกไหม เพราะเราไปนอยด์เอง เราทำงานหนักมาด้วย ยังไม่ได้อะไรตอบแทนเลย เราออกไปแล้วเพราะว่าเราพ่ายแพให้กับคนนั้น ที่มันมาวีน มาเหวี่ยงใส่แอร์อะ มันจัดการได้นะคะพี่ว่าแค่ต้องคุยให้รู้เรื่องกับหัวหน้าเลยว่าจากนี้จะเป็นยังไง เพราะตัวแอร์เองรู้สึกว่าทำอันนี้แล้วมันโหลดด้วยหนูรู้สึกไหม หรือหนูทำได้หมดเลย แต่พี่แค่รู้สึกว่าอย่ามาด่วนตัดสินใจตอนนี้เพียงแค่เรารำคาญใจเลย งานมันไม่ได้หาได้ง่าย ๆช่วงนี้ ยิ่งเศรษฐกิจมันเป็นแบบนี้ด้วย แล้วแอร์พูดเองนะว่านี่เป็นบริษัทในฝันนะ ดังนั้นทำไมเราต้องออก ในเมื่อคนนั้นเป็นคนไม่ดีนะ เราต้องทำงานดีจนเจ้านายต้องเอาคนนั้นออกนะ”
สุดท้าย “ดีเจพี่อ้อย” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่างานเลือกได้ แต่เพื่อนร่วมงานเลือกไม่ได้เลย และหนูมั่นใจได้ยังไงว่าที่ทำงานใหม่ของหนูจะไม่เจอคนแบบนี้อีก เพราะพี่เชื่อว่าในทุกที่ทำงานจะมีคนประเภทนี้แฝงตัวอยู่เรื่อย ๆแล้วมันไม่มีทางอยู่แต่เฉพาะสังคมที่มีแต่คนที่ฉันชอบเท่านั้น ไม่มีวัน พี่ถึงชอบประโยคนี้มากที่พี่ไปอ่านเจอ ‘เราเลือกคนที่เราเจอไม่ได้ แต่เราเลือกวางเขาไว้ตรงไหนในชีวิตได้’ วันนี้น้องกำลังให้คุณค่าของคนคนนั้นเลอเลิศมากเกินไป ถึงขั้นจะยอมตกงานก็ได้นะ เพราะฉะนั้นวันนี้พี่ว่าเราต้องปรับ Mindset เราก่อนในที่สุดแล้ววันนี้การที่คนคนนึงมานั่งทำงานในพื้นที่คนที่เราชอบ คนที่เราไม่ชอบ นี่คือเรื่องปกติมากเลยและที่เมื่อไหร่ก็ตามทีที่เกิดความรู้สึกถึงแสดงออกถึงความไม่พึงพอใจ
ซึ่งตอนนี้เรายังไม่รู้เลยว่าไม่พึงพอใจอะไร พี่ว่าเราคุยกับเค้าได้นะอย่างพี่คะหนูทำอะไรไม่โอเคหรือเปล่า พี่บอกหนูได้นะ คือบางทีปัญหาเรื่องงานกับความรักเหมือนกันเลยอันดับหนึ่งคือ การสื่อสาร มีอะไรแล้วไม่พูดกับพูดไปแล้วอีกฝ่ายไม่ฟังก็มีแต่เมื่อกี้ที่เราคุยกันเจ้านายบอกคิดดี ๆก่อนนะตอนนั้นหนูควรพูดเลยเพราะเป็นจังหวะดีสุด ๆเราไม่ได้ตั้งใจจะฟ้องใครแต่แค่รู้สึกว่าพอดีอย่างนี้ค่ะ หนูรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนิดนึง คือเวลาที่ทำงานไปแล้วเกิดบังเอิญมันไม่ใช่งานของหนู เค้าอาจจะมองก็ได้ว่าหนูก้าวก่ายหรือเปล่า หนูล้ำเส้นหรือเปล่าเท่านั้นเอง หนูเลยรู้สึกว่าคืองานเหนื่อยด้วย
ถ้ามี 5 งานหนูทำออกมาได้ดี แต่พองานคนอื่นด้วยทำให้หนูมี 10 งาน มันจะกลายเป็นหนูทำงานทั้ง 10 งานให้มันเสร็จ ๆไปแล้วตอนนี้หนูเริ่มรู้สึกว่าแล้วเจ้าของงานก็ไม่แฮปปี้ หนูเลยไม่แน่ใจว่าความขยันของหนูเนี่ยจะไปทำให้เค้าไปพึงพอใจหรือเปล่า อันเนี่ยเป็นสิ่งนึงที่หนูก็อยากถามพี่ด้วยเหมือนกันว่า พี่มองตรงนี้ยังไง คือพี่อ้อยเองรู้สึกว่าเราต้องสื่อสาร วันนี้พี่เข้าใจนะบางคนบอกปิดทองหลังพระ แต่ตอนนี้พระมีเยอะมาก จนถ้าหนูไปติดหลังพระแล้วหนูไม่อะไรเลยบางทีคนที่เป็นคนฝ่ายบริหารจะไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นในองค์กรเพียงเพราะเราไม่สื่อสาร ลาออกหนูหนีไม่ได้หรอก สังคมอื่นก็มีคนรูปแบบเนี่ยมีทั้งคนเห็นแก่ตัว มีทั้งคนที่สามารถโวยวายคนอื่นทั้งที่ก็ผิด ลาเยอะหรือแม้แต่ถ้าเราเองรู้สึกว่าเราทำงานเองเรายังเห็นว่าคนนั้นทำไมลาเยอะขนาดนี้แล้วคนที่เป็นฝ่ายบริหารเค้าไม่เห็นหรอ ที่นี้สามารถลาได้เยอะขนาดนี้จริง ๆหรือ และถ้าตราบใดก็ตามเราก้มหน้าก้มตาทำแล้วดันทำสำเร็จด้วย ครั้งต่อไปบริษัทไม่ต้องกลัวอะไรเพราะว่า ลาเลย ๆนี่ไงแอร์ทำได้เดี๋ยวฝากแอร์ทำ ไม่ได้สิเราก็ต้องมีพื้นที่เขาเราเองเช่นกัน’
เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง
ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION
รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin