ชวนใส่ใจกับ “bamm” เจ้าของผลงานเพลงสุดน่ารัก “ชอบใส่ใจ”

ENTERTAINMENT NEWS

ชวนใส่ใจกับ “bamm” เจ้าของผลงานเพลงสุดน่ารัก “ชอบใส่ใจ”

30 มี.ค. 2023

"bamm" ศิลปิน Co-ed Group จากค่าย LIT Entertainment กลับมาอีกครั้ง กับผลงานใหม่ล่าสุด เอาใจคนแอบชอบ อย่าง "ชอบใส่ใจ" เพลงจังหวะสนุก ๆ ที่มาพร้อมท่าเต้นสุดน่ารัก วันนี้เราเลยขอชวนทุกคนมาทำความรู้จักกับ "bamm" ให้มาขึ้น พูดคุยถึงความใส่ใจในสไตล์ของ "มาง-อาร์ตี้-เปา" กัน

 

อยากให้เล่าคอนเสปของเพลง “ชอบใส่ใจ” ให้เราฟังหน่อย

เปา – “คอนเสปเพลงนี้จะสดใสมากขึ้นจากเพลงเก่า ๆ จะค่อนข้างอินเลิฟ เป็นการที่เราชอบใครสักคนนึง แล้วก็อยากจะใส่ใจในทุก ๆ ด้าน เราจะได้ให้เขาถูกอย่างที่เขาต้องการ เช่น เขาชอบผู้ชายอบอุ่น เราก็เอาผ้าห่มมาคลุมตัวเอง ร้อนได้เพื่อเธอ อะไรประมาณนั้น”

แต่ละคนชอบท่อนไหนที่สุดในเพลง

มาง – “อันนี้ไม่เรียกว่าเผือก เค้าเรียกว่าชอบใส่ใจ”

เปา – “ชอบท่อน เย่”

มาง – “มีเหรอ”

เปา – “มีครับ ๆ เป็นไฮป์”

มาง – “พูดจริงปะเนี่ย”

เปา – “พูดจริงครับ พูดจริง”

อาร์ตี้ – “ชอบท่อนฮุคละกัน”

คำคมที่ใช้ในเพลงนี้ใครเป็นคิด

bamm – “ช่วยกันหมดเลย”

เปา – “เหมือนจริง ๆ แล้ว ซิกเนเจอร์อีกอย่างนึงของ bamm คือท่อนที่มันเป็นแบรคดาวน์ลงไป มันจะมีแอดลิป หรือมีดนตรี มีจังหวะ มีไฮป์ แต่เพลงนี้คือเรารู้สึกว่ามันเป็น special single เลยอยากทำอะไรที่มันแตกต่างจากเดิม ก็เลยมาสุมหัวกัน เลยได้เป็นคำคมขึ้นมาครับ”

ที่บอกว่า “คนไทยต้องใส่จาน ส่วนคนทานต้องใส่ใจ” อันนี้ตกลงทำไมคนไทยต้องใส่จาน

เปา – “อันนี้คือจริง ๆ ผมขอร้องพี่โดมแล้วนะ พี่โดม ผมขอร้อง เปลี่ยนคำได้มั้ย แต่พี่โดมบอก พี่ชอบอันนี้ เอาเลย มันไม่รู้เรื่องดี”

แต่ละคนเป็นสายชอบใส่ใจคนอื่น หรือชอบให้คนอื่นมาใส่ใจ

อาร์ตี้ – “ผมชอบใส่ใจเขามากกว่าครับ ผมไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับผม”

มาง – “เอ้า สันโดษซะละ สำหรับหนูจริง ๆ ชอบทั้งสองอย่าง ทั้งใส่ใจคนอื่น แล้วก็ชอบให้คนอื่นมาใส่ใจด้วย”

เปา – “ของผมก็ขึ้นอยู่กับว่าวันนั้นอยากจะกินพวกแร่ธาตุเยอะ ๆ หรือเปล่า เวลาเรากินต้มเลือดหมู มันก็ใส่หมู ใส่เลือด ใส่ใจ”

มาง – “ไปเวย์ก๋วยจั๊บต้มเลือดหมูเหรอ”

เปา – “จริง ๆ ผมชอบทั้งสองอย่างครับ ผมรู้สึกว่ามันก็จะมีหลายช่วงเวลา ในช่วงที่เรารู้สึกว่าเราเอเนอร์จี้มากพอ เราพร้อมที่จะให้คนอื่นได้ เราก็อยากให้มากกว่า แต่ถ้าช่วงไหนที่เราอ่อนแอมาก ๆ เราก็ต้องการได้รับจากคนอื่นเช่นกัน มันอยู่ที่ช่วงเวลาครับ”

ในวง bamm ใครเป็นคนที่ใส่ใจคนอื่นมากที่สุด

เปา – “ไม่มีครับ พวกเราใส่ใจตัวเองกัน อันนี้คือเรื่องจริงครับ”

มาง – “ไม่ จริง ๆ ก็แบบ มีเป็นห่วงเป็นใยกัน”

เปา – “ไม่มีนะครับ”

มาง – “แต่ว่าก็จะดูแลตัวเองด้วยมากกว่า ซะส่วนใหญ่”

เปา – “อันนี้เราต้องตอบกันตามความเป็นจริงเลยเหรอ”

มาง – “ก็ตอบตามความเป็นจริง ก็คือหมายถึงว่า ใส่ใจกันบ้างในบางโอกาส”

อาร์ตี้ – “ปีละครั้ง ตามวันหยุดนักขัตฤกษ์”

เปา – “วางโควต้าไว้เป็นปีละครั้ง นัดมาใส่ใจกันซะหน่อย”

แล้วช่วงนี้แต่ละคนใส่ใจกับเรื่องอะไรมากที่สุด

อาร์ตี้ – “การนอน อยากใส่ใจเรื่องนอน แต่ว่าก็ยังทำไม่ได้”

เปา – “ของผมเป็นเรื่องของการออกกำลังกาย ช่วงนี้เห็นข่าวคือสภาพแวดล้อมหลาย ๆ อย่างแย่ ก็เลยรู้สึกว่าเราต้องดูแลตัวเองให้มากขึ้น”

มาง – “สำหรับหนูคือการกิน ช่วงนี้กำลังเอ็นจอยการกิน”

อยากบอกอะไรแฟนคลับมั้ย

มาง – “ขอบคุณ bammboo แล้วก็ขอบคุณแฟนคลับ T-pop ทุกวงเลย ที่ช่วยกันสนับสนุนทั้งพวกเรา แล้วก็วงอื่น ๆ ในวงการ T-pop ช่วยให้พวกเราได้ออกมาเจอกับทุก ๆ คน ได้ทำผลงานใหม่ ๆ ออกมา การที่มีทุกคนรอฟังมันทำให้รู้สึกดีมาก ๆ เป็นแรงใจ เป็นกำลังใจให้พวกเราในการทำผลงานดี ๆ ออกมาให้พวกเขาฟัง”

เปา – “ผมเห็นด้วยกับเขาครับ แล้วก็อยากจะบอกว่า ขอบคุณทุกอย่างเลยครับ ทั้งแฟนคลับ ทั้งศิลปิน ทั้งผู้ใหญ่ในวงการ ที่ทำให้การเดินทางของเรามันเดินมาถึงตรงนี้แล้ว ได้มีเพลง มีอัลบั้มเป็นของตัวเอง รวมไปถึง special single ล่าสุด แล้วก็หวังว่าทุกคนจะชอบเพลงนี้ เพราะว่าเพลงนี้ก็เป็นอีกบรรยากาศนึงที่เราได้ทำงาน แล้วก็ตั้งใจทำมาก ๆ อยากลองทำแบบใส่คำคมก็ได้ใส่ลงไป ก็หวังว่าทุกคนจะชอบครับ”

อาร์ตี้ – “ก็รักนะครับ bammboo”

เปา – “เขามาแนวโอปป้าเกาหลีอีกแล้ว”

มาง – “วันนี้เขามาดี เขามาแนวนี้”

สุดท้ายแล้ว ถ้าไม่ชอบใส่ใจ จะชอบใส่อะไรแทนดี

อาร์ตี้ – “ใส่จาน”

มาง – “ใส่เดี่ยวละกันค่ะ เสื้อใส่เดี่ยว(สายเดี่ยว)”

เปา – “ใส่ไข่ละกันครับ ช่วงนี้ต้องเน้นโปรตีนเป็นหลัก อย่างที่บอกไปว่ากำลังออกกำลังกาย ขอพิเศษใส่ไข่”

 

ฟังเพลงจังหวะสนุก ๆ “ชอบใส่ใจ” (Just Curious) จาก bamm ได้แล้ววันนี้ ทาง YouTube LIT Entertainment และสตรีมมิ่งทุกแพลทฟอร์ม

related ENTERTAINMENT NEWS

Talk with “Jeff Satur” ถึงเบื้องหลังการทำซิงเกิลล่าสุด “Black Tie”

20 ต.ค. 2023

Talk with “Jeff Satur” ถึงเบื้องหลังการทำซิงเกิลล่าสุด “Black Tie”

เมื่อแฟชั่นมาพบกับดนตรี "Jeff Satur" หรือ "เจฟ-วรกมล ซาเตอร์" เซอร์ไพรส์แฟน ๆ ด้วยซิงเกิลภาษาอังกฤษซิงเกิลแรกอย่างเป็นทางการ "Black Tie" ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากคอลเลกชัน Black Tie ของ Valentino ซ่อนนัยยะการใช้ชีวิตในแบบของตัวเองเอาไว้ภายใต้เสียงทรงพลัง และซาวน์ดนตรีอันหนักแน่น เราจึงไม่พลาดชวน เจฟ ซาเตอร์ มาพูดคุยถึงเบื้องหลังในการทำซิงเกิลนี้กันซิงเกิลใหม่ “Black Tie” เริ่มต้นมาจากอะไร“จริง ๆ มันเริ่มมาจากการตั้งคำถามกับสังคม เรื่องของบิวตี้สแตนดาร์ด เจนเดอร์ สแตนดาร์ดต่าง ๆ ที่คนชอบมอบให้กับคนคนนึง ว่า success ต้องเป็นยังไง คนที่สวยงามคนที่ดีต้องเป็นยังไง ก็เลยทำให้เรามีไอเดียตรงนี้อยู่ แล้วพอได้เห็นคอลเลกชัน Black Tie ของ Valentino ก็เลยรู้สึกว่า คอนเสปมันเป็นเรื่องที่เรากำลังคิดอยากจะแต่งเพลงแบบนี้อยู่ เลยกลายเป็นเพลงที่ชื่อว่า Black Tie โดยที่ในเนื้อเพลงจะพูดถึงเรื่องของการตีความคำว่า Black Tie เป็นเรื่องของการที่ต้องอยู่ในกฎระเบียบ การที่ต้องอยู่ในสแตนดาร์ดของอะไรบางอย่าง ที่คนอื่นเป็นคนมาแขวนให้เรา ว่านี่คืออยู่ในกฎระเบียบ ต้องโตแล้ว ต้องทำงาน ต้อง success โดยที่มันไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนั้นก็ได้ เราสามารถมีเส้นทางเป็นของตัวเองก็ได้ มันก็เลยเหมือนคอลเลกชัน Black Tie ที่เป็นการตีความไทด์ในแบบที่ไม่เหมือนกันเลย เป็น Black Tie เหมือนกัน แต่ไม่มี Black Tie ธรรมดาเลย เป็น Black Tie ที่ต่างกันออกไปหมดเลย”สำหรับซิงเกิลนี้ เจฟได้เนื้อร้องหรือเมโลดี้มาก่อน“เป็นเมโลดี้ก่อน ผมขึ้นโครงดนตรีก่อน แล้วผมก็นั่งร้องไปกับดนตรีว่าจะขึ้นว่าอะไรดี ก็เลยขึ้นคำว่า Black Tie มา ที่ใส่ไปตรงท่อนฮุค หลังจากนั้นก็มีท่อนลาลาลาตามมา”เจฟลงคลิปสปอยล์เพลงนี้ใน TikTok ตั้งแต่เดือนมิถุนายนเลย ตอนนั้นแต่งเสร็จหรือยัง“ตอนนั้นก็ยังแต่งไม่เสร็จครับ เพิ่งเอามานั่งแต่งใหม่ตอนช่วงก่อนจะปล่อยเพลง ตอนแรกก็มีแค่ท่อนนั้นแหละครับ (หัวเราะ)”ใช้เวลาทำเพลงนี้นานมั้ย“จริง ๆ ใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือนเลย เพราะมี schedule หลายอย่าง ก็เลยทำบ้าง พักบ้าง แต่ว่าตอนที่ทำจริง ๆ ประมาณ 2-3 วัน ก็เสร็จแล้วครับ”ทำไมครั้งนี้ถึงเลือกทำเป็นเพลงภาษาอังกฤษ“ผมรู้สึกว่าอะไรที่มันเป็นครั้งแรก มันควรจะเป็นการบ่งบอกตัวตนเราได้ดีที่สุด ก็เลยกลายเป็นว่า เพลงนี้มันเป็นการรวมกันของแฟชั่น งานศิลป์ วิชวล งานเพลงทั้งหมด แล้วก็เป็นภาษาอังกฤษ ปกติเราก็ฟังเพลงสากลใช่มั้ยฮะ แล้วเราก็อยากจะเขียนเพลงฟีล ๆ แบบนี้มานานแล้ว แล้วก็เล่าเรื่องของตัวเราให้ออกมาชัดที่สุด แล้วผมก็อยากจะเปิดเพลงแรกที่มันเป็นภาษาอังกฤษด้วยเพลงที่ค่อนข้างเร็ว”เจฟได้ใส่เสียงเอื้อนและเสียงดนตรีไทยมาในเพลงด้วย ใช้เครื่องดนตรีชนิดไหน แล้วทำไมถึงเลือกทำออกมาในรูปแบบนี้“ก็จะมีเป็นกลอง คือการที่เราต้องการจะเล่าเรื่องในเพลงสากลเพลงแรก เราอยากให้มันมีความเป็นตัวเรามากที่สุด คือเสียงพวกนี้เราเคยเรียนมาตอนนาฏศิลป์ เราเคยฟังมา ยังไงคนไทยก็ต้องได้ยินอะไรแบบนี้สักครั้งนึงในชีวิต เพราะฉะนั้นการที่เราเล่าเรื่อง แล้วก็การที่เราจะแตกต่างจากคนอื่น สร้างเพลงสากลขึ้นมาโดยที่มันไม่เหมือนใคร มันจะต้องเป็นตัวเองมากที่สุด เล่าเรื่องตัวเองมากที่สุด เราก็เลยเอา element พวกนี้มาใส่”คิดว่าอะไรเป็นสิ่งที่ยากหรือท้าทายที่สุดในเพลงนี้“ผมว่าเป็นการทำเพลงสากลยังไงก็ได้ ที่ไม่ได้เป็นการบังคับให้เมโลดี้ต้องเป็นไปตามคอนเสปของเพลง เพราะว่าพอเราไปอิงคอนเสปมาก ๆ บางทีเราไปยึดเนื้อร้อง จนทำให้เมโลดี้หรือโครงสร้างมันเสียหาย คืออันนี้ผมยึดเมโลดี้หรือดนตรีเป็นหลักไว้ก่อน ส่วนคอนเสปมันจะมาเองในวันที่ดนตรีกับเมโลดี้มันพร้อมแล้ว”เจฟชอบท่อนไหนที่สุดในเพลง ทำไมถึงชอบท่อนนี้“Now I’m in the wedding of my tears and my despair ตอนนี้ผมอยู่ในงานแต่งงานของน้ำตาและความสิ้นหวัง Soon I’d be at the funeral of all the things I care หลังจากนั้นผมจะไปงานศพที่มีแต่สิ่งที่ผมแคร์ เพราะทั้งสองที่ ทั้งงานแต่งงาน และงานศพ เราต่างใส่ Black Tie ครับ”'มีท่อนที่ร้องว่า “Seven years old losing that part of my soul” ทำไมต้องเป็น 7 ขวบ“เพราะว่า 7 ขวบ เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในชีวิตของทุกคน ถ้าสมมุติ 7 ขวบที่เราเติบโตมา เราเติบโตมาดี หลังจากนั้นเราจะเป็นคนที่มี positive energy แต่ถ้าเราโตมาแบบครอบครัวทำร้าย โดนกดขี่ ก็จะโตมาอีกแบบ ซึ่งผมรู้สึกว่า 7 ปีมันสำคัญที่สุด ถ้ามันหายไปจากชีวิตเลย ในช่วงเวลาวัยเด็กอะไรแบบนี้ หมายความว่าเราก็จะกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่มีความเป็นเด็กเลย ก็ต้องโตแล้ว ต้อง success แล้วก็ไม่มีเวลาที่จะเล่น ไม่มีความคิดสร้างสรรค์หรือความครีเอทีฟเลย”มาที่ MV บ้าง สตอรีของ MV นี้เป็นยังไง“MV นี้ เราจะได้เห็นคนที่ทำตามกันมาก ๆ อย่างแดนเซอร์หลายคนที่ทำท่าคล้าย ๆ กัน เหมือนอยู่ในคำสั่ง อยู่ใน norm ของอะไรบางอย่าง ที่บังคับให้ทุกคนต้องทำตามแบบเดียวกันหมด ส่วนเราก็คือคนที่หลุดออกมาจากกรอบ เราอยู่อีกที่นึงกับพวกเขาแล้ว เรา wear my own black tie เราเลยไม่จำเป็นต้องทำตามใคร เป็นมาสเตอร์ เหมือนพอคนที่มันหลุดออกมา มันก็จะมีคนที่จะตามคนเหล่านั้นไป เพราะฉะนั้นจริง ๆ สแตนดาร์ดมันไม่มี มันมีแค่ว่าสแตนดาร์ดที่เราถูกสร้างขึ้นมาจากคนที่แยกออกมาจากสแตนดาร์ดเก่า มันก็จะกลายเป็นสแตนดาร์ดใหม่ไปเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้นเราไม่จำเป็นต้องแคร์เรื่องสแตนดาร์ด ฉะนั้นในแต่ละพาร์ทของ MV มันก็จะมีสัญลักษณ์หรืออะไรบางอย่างที่บ่งบอกเรื่องนั้น”ลุคใน MV ดีทุกลุคเลย มีลุคไหนเป็นลุคโปรดของเจฟมั้ย“สองลุคที่ Valentino เขา customize ให้แล้วกัน Pierpaolo เป็นคนที่ลงมาดูงานตรงนี้ด้วยตัวเอง แล้วก็มันเป็นเกียรติมาก ๆ ที่จะมีชุด customize ของตัวเอง มีชื่อ Jeff Satur อยู่บนหลัง เป็นอะไรที่ภูมิใจมาก ๆ ครับ”มีเรื่องเล่าสนุก ๆ หรือเรื่องเซอร์ไพรส์อะไรตอนถ่าย MV บ้างมั้ย“เรื่องเซอร์ไพรส์นี่เล่าทุกที่เลย เป็นเรื่องระหว่างถ่ายทำครับ ซีนสุดท้าย เพราะว่ามันหมดเวลาแล้ว จะไปถ่ายอีกซีนนึงที่ต้องย้ายโลไปถ่าย แล้วมันใกล้จะเช้าแล้วด้วย เราก็เลยตัดสินใจถ่ายซีนสุดท้ายเป็นซิงค์เอา แล้วถ้าถ่ายซีนสุดท้ายเป็นซิงค์เอามันก็จะแห้งมาก ๆ เพราะว่ามันจะไม่มีอะไรเลย แต่ปรากฏว่าอยู่ดี ๆ ฝนตก ฝนตกในซีนแรก ตอน verse มาตกปรอย ๆ แล้วไดเรคเตอร์เขาก็ถามว่า เจฟไหวหรือเปล่า แต่ก็ถ่ายต่อไปเรื่อย ๆ เพราะผมคิดว่ามันคงจะดีถ้ามันมีฝนตก ช่วงท่อนฮุคแรกก็ฝนตกหนักประมาณนึง แล้วก็หายไปในช่วงท่อน verse 2 ตามดนตรี พอดนตรีหนักขึ้น ฝนก็ตกหนักขึ้นตามดนตรี จนสุดท้ายก็คือตกหนักเลย แล้วพอถ่ายเสร็จฝนก็หยุดตกเลย ตกแค่ในจังหวะ 2 นาทีนั้นที่เราถ่าย”ก็คือสมฉายาลูกพระพิรุณ“ครับ (หัวเราะ)”ซิงเกิลนี้ก็ซิงเกิลที่ 8 แล้ว ยังไม่มีเพลงรักที่สมหวังเลย ในอนาคตจะมีมั้ย“มีแน่นอนครับ อาจจะเป็นซิงเกิลต่อไปก็ได้”มีแพลนจะรวมเป็นอัลบั้มเต็มมั้ย จะปล่อยออกมาช่วงไหน“น่าจะช่วงต้นปีหน้าครับ ตอนนี้เพลงใกล้ครบแล้ว”บอกได้มั้ยว่าจะมีทั้งหมดกี่เพลง“น่าจะประมาณ 12 เพลงครับ”พูดอะไรถึงคุณวันเสาร์ที่ติดตามเจฟอยู่หน่อย“อยากขอบคุณจริง ๆ เพราะตอนนี้เราก็อยู่กันมานานมาก บางคนก็เพิ่งได้รู้จักกัน ก็ขอบคุณที่สนับสนุนมาโดยตลอด ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่เราสามารถสนุกไปด้วยกันได้อีก มีอีกหลายโปรเจคที่ยังพูดไม่ได้ แล้วก็เป็นอะไรที่ผมตื่นเต้นด้วย แล้วก็ขอให้ทุกคนมีสุขภาพที่แข็งแรง แล้วเราสนุกไปด้วยกัน journey ไปด้วยกันครับ”ฝากอะไรถึงคนที่กำลังทำตามความฝันแบบเจฟหน่อย“ผมเคย give up ไปหลายรอบแล้ว แล้วก็มันเป็นเรื่องปกติที่เราจะ give up เราก็เป็นมนุษย์ ถ้าเราทำไปแล้วมันไม่ work สักที อยากให้มองว่าความฝันมันค่อย ๆ ทำไปได้ มันไม่จำเป็นต้องอายุเท่านี้อายุเท่านั้นถึงจะทำสำเร็จ แล้วถ้าทำไม่สำเร็จก็ไม่จำเป็นต้องผิดหวัง ความฝันมันไม่จำเป็นต้องมีแค่อันเดียวนะครับ เราอาจจะทำอย่างอื่นด้วยก็ได้ แต่ลองทำมันดูก่อน แต่ถ้าเฟลก็ไม่เป็นไรนะ ผมก็เคยคิดอย่างนั้นแหละ มันก็เลยไม่มีแรงกดดัน แล้วก็ทำไปดู ได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร”ฝากผลงานหน่อย ช่วงนี้เจฟมีอะไรให้ติดตามกันบ้าง“ก็มีเพลง Black Tie นะครับ ฟังได้ใน YouTube และทุก Music Streaming แล้วก็มี Wuju Bakery เป็นซีรีส์ที่ไปถ่ายที่ประเทศเกาหลีกับบาร์โค้ด แล้วก็หนังกับ GDH น่าจะเป็นช่วงปีหน้า แล้วก็อัลบั้ม สุดท้ายจะเป็นทัวร์ 6 ประเทศ อ่อ แล้วก็มี Call Me by Fire เป็นเรียลลิตี้ที่จีน กำลังออนแอร์อยู่ครับ”ทำหลายอย่างมาก เจฟได้นอนมั้ย“ไม่ค่อย นี่ก็อยากนอนอยู่ แต่กินกาแฟดำไปแล้ว ก็เลยนอนไม่ได้แล้ว (หัวเราะ)”สุดท้าย บอกเราหน่อยว่า “Black Tie” ในแบบของ “Jeff Satur” เป็นยังไง“Black Tie ในแบบของเจฟ คือ Black Tie ที่ไม่เหมือนคนอื่นเลย แล้วผมก็อยากให้ทุกคนมี Black Tie ที่ไม่เหมือนคนอื่นเลย เพราะว่า Black Tie ที่สวยงามที่สุด ก็คือ Black Tie ในแบบของเรา อะไรก็ตามที่เรามองกระจกแล้วรู้สึกว่ามันดูดีที่สุด มันก็ดูดีที่สุดแล้ว ไม่จำเป็นต้องดีที่สุดสำหรับคนอื่น แต่ดีที่สุดสำหรับเรา เราเป็นสแตนดาร์ดของตัวเอง”

Exclusive Talk กับผู้กำกับ แวววรรณ-วรรณแวว และนักแสดงนำ โทนี่-ใบปอ จาก 'เธอกับฉันกับฉัน You & Me & Me'

15 ก.พ. 2023

Exclusive Talk กับผู้กำกับ แวววรรณ-วรรณแวว และนักแสดงนำ โทนี่-ใบปอ จาก 'เธอกับฉันกับฉัน You & Me & Me'

Exclusive Talk กับสองผู้กำกับฝาแฝด 'แวววรรณ-วรรณแวว หงษ์วิวัฒน์' พร้อมสองนักแสดงนำ 'โทนี่-อันโทนี่ บุยเซอเรท์' และ 'ใบปอ-ธิติยา จิระพรศิลป์' จากภาพยนตร์เรื่อง 'เธอกับฉันกับฉัน You Me Me' ภาพยนตร์รักโรแมนติกเรื่องแรกแห่งปีจาก GDHรู้สึกยังไงที่ได้รับเลือกให้เล่นภาพยนตร์เรื่องนี้ใบปอ: "ดีใจมาก เพราะเป็นการร่วมงานกับ GDH แต่ก็ดีใจได้ไม่นาน เพราะเป็นบทฝาแฝด (หัวเราะ) แล้วก็กดดันด้วยเหมือนกัน เพราะยังไม่เคยมีผลงานการแสดง เหมือนเรื่องนี้เป็นการเดบิวต์ในงานแสดงเลย ก็รู้สึกแบบเราจะทำได้มั้ย แถมต้องเล่นเป็นสองคนด้วย กดดันมาตั้งแต่ตอนช่วงเวิร์คชอปเลย แต่ขั้นตอนการทำงานที่นี่เขามืออาชีพกันมาก ๆ เลยค่ะ"สำหรับใบปอ ระหว่างยูกับมี ตัวละครไหนแสดงยากกว่ากันใบปอ: "ถ้าช่วงแรก ๆ จะรู้สึกว่ายูยากกว่า เพราะยูค่อนข้างที่จะไกลจากตัวหนู ส่วนมีจะมีความเป็นตัวหนูมากกว่า แต่ว่ายูจริง ๆ มันก็คือมุมนึงในตัวเราแหละค่ะ แค่ไม่ได้หยิบออกมาใช้บ่อย"วรรณแวว: "ถ้าเจอกันครั้งแรก ใบปอจะเป็นคนไม่ค่อยพูด มีความนิ่ง ๆ เงียบ ๆ แต่เวลาสนิทก็จะพูดเก่งขึ้นมา ยิ้มแย้ม น่ารัก เพราะฉะนั้นเวลาเป็นมีมันจะง่ายกว่าสำหรับน้อง ถ้าเป็นยูเหมือนจะต้องไปดึงพลังงานมาใช้เยอะกว่า แต่พอเล่นไปเรื่อย ๆ แล้วรู้สึกเปลี่ยนมั้ย สลับกันมั้ย"ใบปอ: "ใช่ค่ะ พอเล่นไปเรื่อย ๆ จะรู้สึกว่าการเป็นมียากกว่าตรงที่มีเป็นคนซับซ้อน"วรรณแวว: "มีเขาจะไม่ค่อยแสดงออก แต่ยูคือรู้สึกอะไรก็พูดเลย"โทนี่ล่ะ รู้สึกยังไงที่ได้มาเล่นภาพยนตร์เรื่องนี้โทนี่: "ก่อนจะมาเป็นนักแสดง ผมคิดเอาไว้เสมอว่า ถ้าจะเล่นหนังสักเรื่องก็อยากจะมาเล่นของ GDH ครับ สุดท้ายก็ได้มาร่วมงานกับ GDH เร็วกว่าที่คิดไว้อีก ก็ต้องขอบคุณพี่วรรณ พี่แวว และพี่โต้ง บรรจง คือผมไม่รู้ว่าผมจะได้รับโอกาสได้แสดงบทอีสาน เด็ก ๆ ใส ๆ แบบนี้อีกหรือเปล่า ก็รู้สึกว่าเป็นโอกาสที่ดีมาก ดีใจมาก ๆ ครับ"สำหรับโทนี่ อะไรเป็นสิ่งที่ยากที่สุดในการเล่นเรื่องนี้โทนี่: "การที่ต้องล้างความเก๊ก แล้วก็พูดอีสาน เพราะผมเป็นคนที่พูดไทยได้ แต่ไม่ได้คล่องขนาดนั้น การที่ต้องใช้สำเนียงอีสานในเรื่องคือค่อนข้างยาก"ถ้าให้เลือกซีนที่ชอบที่สุดสำหรับทุกคน คิดว่าเป็นซีนไหนกันบ้างใบปอ: "ของหนูเป็นซีนงานวัด ถ้าได้เห็นในตัวอย่างก็จะเห็นเลยว่ามันสวยมาก จริง ๆ ทีมโปรดักชันเซตขึ้นมาใหม่ คือมันเหมือนจริงแล้วก็สวยมาก ซีนนั้นทุกอย่างมันดีมาก ๆ เลย แต่ว่าเต็ม ๆ จะเป็นยังไง ก็ต้องไปดูในโรงภาพยนตร์ค่ะ"โทนี่: "ตอนแรกก่อนที่ผมจะไปดู คือชอบซีนที่มองฝนดาวตก แต่พอไปดูเต็ม ๆ แล้ว มันคือซีนที่พูดไม่ได้ครับ ต้องไปดูในโรงเอา"วรรณแวว: "ของเราก็เป็นซีนที่พูดไม่ได้เหมือนกัน เป็นแถว ๆ เถียงนา ช่วงท้าย ๆ เรื่อง"แวววรรณ: "ชอบซีนดาดฟ้าที่อยู่ในเทรลเลอร์ เพราะรู้สึกว่ามีส่วนผสมที่ลงตัวในซีนนั้น จริง ๆ เป็นซีนแรกที่ถ่ายของวันนั้น น้อง ๆ ยังสดใส ยังไม่ยมนั่นเอง (หัวเราะ) แล้ววันนั้นท้องฟ้าสวยมาก และเนื้อหาในซีนนั้นก็ดีด้วย"ถ้าโลกจะแตกขึ้นมาจริง ๆ ตามคำทำนาย อยากทำอะไรก่อนที่โลกจะแตกใบปอ: "จริง ๆ มันเป็นคำถามที่คุยกันบ่อยมาก หนูถามทุกคนเลยว่า ถ้าพรุ่งนี้โลกจะแตกอยากทำอะไร คือก่อนเรื่องนี้จะฉาย หนูเคยบอกว่าหนูจะเดินเข้าไปใน GDH แล้วขอดูเธอกับฉันกับฉัน เพราะตอนนั้นยังไม่ได้ดู (หัวเราะ) แต่ว่าตอนนี้ได้ดูแล้ว ก็เลยคิดว่าหนูจะไปกินข้าวเยอะ ๆ กินชาบูค่ะ"โทนี่: "ผมจะบินไปอังกฤษ ไปดูลิเวอร์พูลครับ แต่ไม่รู้ว่าจะเสียน้ำตาก่อนที่โลกจะแตกหรือเปล่า เพราะช่วงนี้ฟอร์มก็ไม่ค่อยดี"แวววรรณ: "อยากอยู่นิ่ง ๆ อยู่บ้าน แล้วก็ใช้ชีวิตกับครอบครัว ใช้ชีวิตให้เรียบง่ายที่สุด ไม่ต้องออกไปวุ่นวายข้างนอก"วรรณแวว: "เหมือนกัน ขออยู่บ้านดีกว่า"อยากบอกอะไรถึงตัวละครที่เราเล่นมั้ยใบปอ: "เยอะมากเลยค่ะ มีหลายอย่างที่อยากบอก แต่อย่างแรกคืออยากขอบคุณพี่วรรณกับพี่แววที่ทำให้หนูได้มารู้จักกับตัวละครนี้ เพราะเป็นสองคนที่ทำให้หนูโตขึ้นเยอะมาก ๆ ในเวลาแค่ไม่กี่เดือน ตั้งแต่คิวแรกถึงคิวสุดท้าย เราผูกพันกับตัวละครมาก แล้วก็รู้สึกโตขึ้นไปพร้อม ๆ กับตัวละครจริง ๆ"โทนี่: "จริง ๆ ตัวละครหมากเป็นตัวละครที่เอาเข้ายากมาก แต่เอาออกง่ายมาก เลยรู้สึกว่าเป็นตัวละครที่ค่อนข้างยากสำหรับผม คือครั้งนึงก็ดีใจที่ได้เป็นตัวละครที่เราไม่คิดว่าเราจะได้มาเป็น มันทำให้ผมเข้าใจคำว่าเป็นนักแสดงมากขึ้น ตอนแรกผมก็เข้าใจว่าเป็นนักแสดงที่ดี ก็คือเป็นตัวเราในแบบที่โฟลว์ ๆ ตามบท แต่พอได้มารับบทหมาก มันต้องเปลี่ยนหลายอย่างเลย ก็คือดีใจที่ได้มาเป็นตัวละครนี้ครับ"ในมุมมองของผู้กำกับ อยากให้คนดูได้อะไรกลับออกไปหลังจากดูภาพยนตร์เรื่องนี้แวววรรณ: "เราอยากให้คนดูสบายใจ มีความสุขหลังจากออกจากโรง มีคำนึงที่มีคนเขียนรีวิวแล้วเราชอบมาก เขาบอกว่าเป็นการไปดูหนังที่เหมือนไปนวดคอบ่าไหล่ คือออกมาจากโรงแล้วความรู้สึกเป็นบวก"วรรณแวว: "เราก็อยากให้คนดูออกมาแล้วนึกถึงชีวิตของเขาเอง ถ้าเขาโตแล้ว เขาอาจจะหวนนึกถึงวัยที่เขากำลังสับสน ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง ตั้งคำถามกับชีวิต แต่ถ้าเขายังเด็กอยู่ เขาก็คงรู้สึกมีเพื่อน เพราะคนทุกยุคก็ผ่านความสับสนแบบนี้มาหมด มันจะมีคนที่สับสนไปพร้อม ๆ กับเราทุกคนแหละ"สุดท้ายแล้ว อยากให้ฝากภาพยนตร์เรื่อง เธอกับฉันกับฉัน หน่อยใบปอ: "ฝากภาพยนตร์เรื่อง เธอกับฉันกับฉัน ด้วยนะคะ เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของทุก ๆ คน ไม่ใช่แค่หนู แต่หลาย ๆ ฝ่ายเลยค่ะ เพราะฉะนั้นทุกคนใส่ความตั้งใจ ใส่ทุกอย่างลงไปในหนังเรื่องนี้แล้ว ก็อยากให้ทุกคนไปดูในจอใหญ่ เพราะมันถูกทำขึ้นมาเพื่อที่จะฉายในจอภาพยนตร์จริง ๆ"ย้อนวันวาน หวนคืนถึงความรู้สึกเมื่อครั้งมีรักแรกกันได้แล้ววันนี้ กับภาพยนตร์เรื่อง 'เธอกับฉันกับฉัน You Me Me' ทุกโรงภาพยนตร์

LIT Entertainment ชวนทุกคนมาสนุก ใน “สนามเด็ก LIT Concert”

30 มิ.ย. 2023

LIT Entertainment ชวนทุกคนมาสนุก ใน “สนามเด็ก LIT Concert”

LIT Entertainment เตรียมแผลงฤทธิ์ ชวนทุกคนมาสนุกในคอนเสิร์ตใหญ่ "สนามเด็ก LIT Concert” ที่กำลังจะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 19 ส.ค. 66 ที่ Union Hall, Union Mall เปิดจำหน่ายบัตรวันเสาร์ที่ 1 ก.ค. เวลา 10.00 น. ทาง The Concert วันนี้เราจึงได้ชวนศิลปินทั้ง 9 คน PiXXiE, bamm, Proo Thunwa และ DIDIxDADA พูดคุยถึงงานนี้กันทำไมถึงเป็นสนามเด็ก LITพิมมา – “สนามเด็ก LIT มันเป็นเล่นคำมาจากคำว่า สนามเด็กเล่น มันเหมือนเป็นพื้นที่ของพวกเรา เด็กค่าย LIT ที่จะมาแสดงความสามารถ แล้วก็มาสนุกกับเพื่อน ๆ กับคนดู”ไฮไลท์ของคอนเสิร์ตนี้คืออะไรอิงโกะ – “ไฮไลท์ของคอนนี้ก็จะเป็นความหลากหลายของโชว์ที่เราจะเอามาให้ทุกคนได้ดูค่ะ มีหลากหลายรสชาติ ทั้งเศร้า ทั้งสนุก หรือว่าจะเป็นช่วงการพูดคุย ก็น่าจะทำให้คนดูรู้สึกว่าน่าสนใจ”เปา – “อีกอย่างนึงคือเรื่องของคอนเสปครับ สิ่งนี้น่าจะเป็นไฮไลท์ได้เลย เพราะว่าเราก็ยึดคอนเสปจากคำว่า สนามเด็ก LIT ที่มาจากสนามเด็กเล่น ทุกคนน่าจะนึกภาพออกว่าสนามเด็กเล่นมันน่าจะสนุกประมาณไหน นี่ก็ถือเป็นไฮไลท์ที่เราดึงคอนเสปจากสนามเด็กเล่นมา”อาร์ตี้ – “แล้วก็ครั้งนี้ เราโชว์ในที่ของเราเอง จัดการทุกอย่างได้ในแบบที่เราอยากจะทำ ก็น่าจะเป็นโชว์ใหม่ ๆ ที่ยังไม่เคยเห็นที่ไหนแน่นอนครับ”เตรียมโชว์กันไปถึงไหนแล้วมาง – “ช่วงนี้ยังเป็นช่วงที่กำลังเตรียมตัว จัดการ จัดตารางของทุกคนอยู่”พิมมา – “มีการประชุมเกี่ยวกับลำดับการโชว์ หรือว่าเพลงที่เราจะต้องร้องในแต่ละพาร์ท แล้วก็อาจจะมีศิลปินรับเชิญมาด้วย”ใบ้ได้มั้ยว่าเกสต์คือใคร?เปา – “พิมมาครับผม”พิมมา – “พี่โดมค่ะ (หัวเราะ) เอาเป็นว่าเป็นคนที่หลาย ๆ คนน่าจะต้องตกใจ”มาง – “เพราะว่าพวกเราก็ตกใจเหมือนกัน”คิดว่าโชว์ของใครมี LIT ที่สุดอิงโกะ – “มีฤทธิ์ทุกคนเลยค่ะ เพราะว่าทุกคนเป็นเด็กมี LIT ไงคะ”อาร์ตี้ – “มีฤทธิ์เป็นกรดหรือเป็นเบสก็ไม่รู้นะครับ”ขอ 3 คำ ให้คนที่กำลังจะกดบัตรวันเสาร์นี้หน่อยอาร์ตี้ – “early bird”เปา – “ลดราคา”พรู – “ใส่ code ด้วย”มาง – “10 เปอร์เซ็น”พิมมา – “The concert”อิงโกะ – “วันที่ 1”ดีดี้ – “เจอกันนะ”ดาด้า – “ชวนเพื่อนมา ด้วยนะคะ”มาเบล – “ต้องมาดู”แอบสปอยล์โชว์ของตัวเอง เป็นท่าโพสสัก 1 ท่าพูดเชิญชวนให้ทุกคนมา "สนามเด็ก LIT Concert” หน่อยดีดี้ – “มันเป็นคอนเสิร์ตครั้งแรกของพวกเราเลยนะคะ ก็อยากให้ทุกคนมาดูพวกเรา เพราะเป็นคอนเสิร์ตรวมทั้งค่ายด้วย เราไม่ได้เจอกันแบบนี้ง่าย ๆ”อิงโกะ – “แล้วก็คอนเสิร์ตนี้เป็นความตั้งใจของทุก ๆ คนในค่าย LIT Entertainment ไม่ว่าจะเป็นพวกเราศิลปินทั้ง 9 คน พี่ ๆ ทีมงาน ผู้บริหาร ทีมงานที่อยู่เบื้องหลังต่าง ๆ ทุกฝ่ายก็ตั้งใจกัน ที่จะทำคอนเสิร์ตนี้ออกมาให้ทุกคนได้เข้ามารับชม แล้วก็ได้รับความสุขกลับไปอย่างเต็มที่ค่ะ”พิมมา – “อยากให้ทุก ๆ คนลองเปิดดูกับค่าย LIT นะคะ ก็เป็นเหมือนที่ทุก ๆ คนบอกเลยว่า เป็นคอนเสิร์ตแรกของพวกเรา แล้วหนูกล้ายืนยันได้เลยว่า เด็ก LIT ทุกคนมีความสามารถมากกว่าที่ทุกคนเคยเห็นจริง ๆ ยังไงก็หวังว่าจะได้เจอกันในคอนเสิร์ตนะคะ”

พูดคุยแบบมันส์ ๆ กับ 5 หนุ่ม “Project M.O.N”

29 ก.พ. 2024

พูดคุยแบบมันส์ ๆ กับ 5 หนุ่ม “Project M.O.N”

ชวนทุกคนมาพูดคุยกับ "Project M.O.N" หรือ "MEN OF NO1R" โปรเจคที่รวมศิลปินชายจากค่าย NO1R Entertainment ที่มีความสามารถและคาแรคเตอร์ที่แตกต่างกันมาปล่อยของร่วมกัน ประกอบไปด้วยสมาชิก 5 คน “หลุยส์-ณรงค์ฤทธิ์ สุขะเสวต” , “แบงก์-ธนาธิป ศรีทองสุก” , “ตะแตม-สิรวุฒิ สายคําติ่ง”, “เจลเลอร์-กฤติมุก จันทร์ชื่น” และ “ปอส-ณัฐกิตติ์ รุ่งสวัสดิ์มงคล” เราจะพามาทำความรู้จักกับทั้ง 5 หนุ่มให้มากขึ้นกันแนะนำให้เรารู้จักหน่อยได้มั้ย “Project M.O.N” คืออะไรเจลเลอร์ – “Project M.O.N เกิดจากการออดิชันหาเด็กหนุ่มที่มีความหลากหลายทางผลงาน จะไม่ได้ฟิกว่าเป็นกรุ๊ปอย่างเดียว จะมีทั้ง Duo Trio หรือแม้แต่ซิงเกิลเดี่ยว โดย Project M.O.N จะอยู่ภายใต้สังกัด NO1R Entertainment ครับ”แต่ละคนคาแรคเตอร์ยังไง เมนอะไรกันบ้างหลุยส์ – “เมนเท่”ปอส – “เมนร้อง”เจลเลอร์ – “เมนเทน (หัวเราะ) ของเจลเหรอ all rounder ละกัน”แบงก์ – “เมนร้อง”ตะแตม – “ผมวิชวลเอฟเฟคครับ”เจลเลอร์ – “จริง ๆ แต่ละคนสามารถทำได้หลายอย่างครับ”ซิงเกิลแรกที่ปล่อยมา “ไม่ได้คิด” (Rizz) ออริจินอลคือของพี่ ๆ ยูโฟร์ ตอนนั้นเราเกิดกันหรือยังหลุยส์ – “หลุยส์น่าจะเกิดแล้ว จริง ๆ รู้จักวงยูโฟร์อยู่แล้ว ตอนโตมาก็ยังพอเห็นผลงานพี่ ๆ เขาอยู่บ้าง”เราได้มีการตีความใหม่มั้ยว่า “ไม่ได้คิด” เวอร์ชั่น “Project M.O.N” เป็นยังไงหลุยส์ – “จริง ๆ แทบไม่ได้ตีความใหม่เลยครับ เพราะด้วยตัวเพลงของพี่ ๆ ยูโฟร์ มาในแนวทางที่เราอยากจะทำกันอยู่แล้ว มันตรงกับสิ่งที่เราอยากทำ เลยไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลย แต่ได้เพิ่มท่อนแรปเข้าไป”MV “ไม่ได้คิด” มาในคอนเสปอะไรตะแตม – “เป็นคอนเสปของเครื่องดื่มครับ ก็คือพวกเรา 5 คน มี 5 คาแรคเตอร์ของเครื่องดื่มที่เข้ากันได้ อาจจะเป็นโซดา วิสกี้ อะไรต่าง ๆ ที่เป็น combination ของพวกเรา 5 คนครับ”บรรยากาศในการถ่ายทำเป็นยังไงบ้างหลุยส์ – “ฝุ่นเยอะ เพราะเราถ่ายในโกดัง แต่เพลงนี้มีน้องหมีพูห์ FLI:P มาช่วยแจมด้วย ก็สนุกครับ ได้น้องหมีพูห์มาช่วยเพิ่มเอเนอร์จี้ของเพลงนี้ เพราะน้องหมีพูห์ก็จะอิ๊อ๊ะ ๆ ส่วนพวกผมก็จะเป็นคนอ๊อง ๆ แต่มีพลังอยู่ข้างใน นิ่งแต่มีพลัง”มีส่วนไหน หรือฉากไหน ที่รู้สึกว่าท้าทายเราที่สุดมั้ยหลุยส์ – “ผมว่าน่าจะเป็นพาร์ทที่เราทำให้ตัวลอยกันครับ ที่ออกมาแว๊บนึงแต่แบบว่าสุดว้าว”ฉากนั้นถ่ายยังไง ใช้กำลังภายใน?หลุยส์ – “ใช่ ๆ หน้าสั่นมากตอนนั้น หน้าสั่น หน้าแดง ไหนจะแสงที่ลงมาอีก มันแบบว่าร้อนผ่าว”มาที่อีกเพลง “Z-drugs” (คืนนี้ต้องทำไง) เพลงนี้เล่าเกี่ยวกับอะไรเจลเลอร์ – “เพลงนี้จะต่างจากอีกเพลงที่ปล่อยออกมา เพลงนั้นจะจังหวะเร็ว มีแรป มีเต้นหนัก ๆ ของเราก็จะเป็นมีเดียม ฟังสบาย RB อ้อน ๆ เซ็กซี่เบา ๆ”แล้วสตอรี MV “Z-drugs” เป็นยังไงแบงก์ – “สตอรีหนุ่มขี้เหงา คิดถึงเธอจนนอนไม่หลับ”เจลเลอร์ – “มันเปิดมาด้วยภาพย้อนกลับไปว่าเมื่อคืนเราทำอะไร ประมาณว่าตื่นขึ้นมา แล้วก็คิดว่าเขาคนนั้นคือใครนะ คิดถึงเธอจังเลย”บรรยากาศในการถ่ายทำ MV นี้ เป็นยังไงบ้างเจลเลอร์ – “นัดกันเช้ามากวันนั้น ผมว่าซีนที่หนักน่าจะเป็นซีนของปอสที่อยู่กลางแดด”ปอส – “ตากผ้าตอนเช้า คนแรกเลย เริ่ม 6 โมง แล้วก็แดดกำลังมาเรื่อย ๆ"เจลเลอร์ – “แต่ผมว่าเป็น MV ที่ถ่ายสบายนะ มีเตียงให้นอนตลอดเลย”มีเรื่องสนุก ๆ ในกองที่สามารถแชร์ได้บ้างมั้ยเจลเลอร์ – “มันไม่ได้อยู่ในซีนอะครับ”แบงก์ – “เราถ่ายเล่นกันแล้วก็เตียงหัก เราก็ไปนั่งพร้อมกันสามคนแล้วก็ถ่ายชาเลนจ์ ก็ไม่รู้ว่ามันจะหักได้ ใครจะไปคิด”มีมุมไหนของเพื่อนใน Project M.O.N ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน จนกระทั่งมาร่วมงานกันบ้างมั้ยเจลเลอร์ – “มุมตลกของพี่แบงก์ ด้วยลุคภายนอกของพี่แบงก์ เขาจะเป็นคนนิ่ง ๆ เท่ ๆ พระเอก ๆ ดูเป็นผู้ใหญ่ที่สุดในนี้ สรุปพอมาวันแรก เขาเล่นมุกใส่พวกผมเลย เขาจะมาเป็นมุกแนวชอต ๆ หน่อย หรือบางทีก็เป็นมุกแนวฉีกแนวใหม่ อย่างที่บอกว่า Project M.O.N เป็นความผสมผสาน เอาความสดใหม่ ความแปลกใหม่ มาให้กับวงการ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งเหมือนกัน ตลกพรสวรรค์ นี่ถ้าผมชี้อะไร เขาเล่นได้หมดเลยนะ อย่างไฟ”แบงก์ – “นีออน”เจลเลอร์ – “อันนี้เผื่อจะไม่เชื่อนะ ผมชี้อีกอย่าง เขาก็ได้เหมือนกัน อย่างโต๊ะ”แบงก์ – “เครื่องแป้ง”เจลเลอร์ – “อะไรแบบนี้ คือไม่คิดว่าเขาจะเล่นอะไรแบบนี้ได้”หลุยส์ – “นี่ว่าพี่แบงก์อะฝึกทุกคืน”เจลเลอร์ – “ผมว่าเขานั่งฝึกหน้ากระจกแล้วก็ขำตัวเอง”แบงก์มีอะไรแก้ตัวมั้ยแบงก์ – “ก็ ไม่ครับ”ไหนแบงก์ลองพูดถึงคนอื่นบ้างสิแบงก์ – “คนอื่นเหรอครับ จริง ๆ ก็พอรู้จักกันบ้าง พอมาสนิทกันแล้วก็เป็นคนสไตล์คล้าย ๆ กันส่วนมาก ก็ตลกโปกฮากันไปเรื่อย แต่พอเป็นโหมดซีเรียสก็ซีเรียส ซีเรียสจนเกินไปก็มีบ้าง ปกติผมเป็นคนไม่ค่อยซีเรียสเท่าไหร่ พอมาเจอเพื่อนที่ดูซีเรียสนะ เราก็ต้องโอเค ๆ”เจลเลอร์ – “ซีเรียสนี่อาหารเช้าปะ”ทุกคน – “นั่นซีเรียล!”ใน Project M.O.N ใครซีเรียสสุดเจลเลอร์ – “ถ้าซีเรียลสุดเนี่ยผมว่า”ทุกคน – “ซีเรียส!”เจลเลอร์ – “ผมว่าถ้าทำงานจริงจังเลยน่าจะเป็นแตม เพราะถ้าเล่นปุ๊บ กูเล่นด้วย (หัวเราะ) ถ้าสมมุติว่าเราซ้อมอยู่ แล้วเขารู้สึกว่ามันไม่ใช่ เขาก็จะมาละ ไม่ได้นะ ๆ”ในอนาคต Project M.O.N จะมีเพลงรวมครบทั้ง 5 คนบ้างมั้ยเจลเลอร์ – “มีครับ มีแน่นอน”สปอยล์ได้มั้ยว่าเพลงหน้าจะเป็นยังไงเจลเลอร์ – “จริง ๆ ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของการพัฒนาตัวศิลปินเองให้เก่งมากขึ้น เพื่อที่ผลงานต่อไปที่จะออกมาในเร็ว ๆ นี้เนี่ย จะได้มีประสิทธิภาพมากที่สุดครับ”พูดอะไรถึงแฟนคลับที่ติดตามกันอยู่หน่อยหลุยส์ – “ก็ฝากแฟนคลับทุกคนด้วยนะครับ ทั้งแฟนคลับเก่าและใหม่ที่เข้ามา ขอบคุณทุกคนที่คอยซัพพอร์ตพวกเรา Project M.O.N ทั้ง 5 คน แล้วก็ฝากติดตามผลงานที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตต่อไปนี้นะครับ รอกันนะครับว่าพวกเราจะทำอะไรออกมาให้ติดตาม ฝากเป็นกำลังใจ เป็นกำลังภายใน เป็นแรงของพวกเราในการทำผลงานใหม่ ๆ ออกมา ขอบคุณมากครับ”

album

0
0.8
1