Exclusive Talk with “Jeff Satur” ถึงเบื้องหลังเพลง “Dum Dum”

ENTERTAINMENT NEWS

Exclusive Talk with “Jeff Satur” ถึงเบื้องหลังเพลง “Dum Dum”

27 มี.ค. 2023

“เจฟ ซาเตอร์” (Jeff Satur) กลับมาอีกครั้งกับซิงเกิ้ลล่าสุด "Dum Dum" เพลงที่ให้ความรู้สึกแตกต่าง บอกเล่าเรื่องราวการก้าวข้ามความเจ็บปวด ผ่านเนื้อหาอันเข้มข้น และเมโลดี้ที่ติดหูทันทีที่ได้ยิน วันนี้เราจึงได้ชวนเจฟมาพูดคุยถึงตัวตนอีกด้านที่เล่าผ่านเพลงนี้กัน

 

ช่วยเล่าคอนเสปของเพลง Dum Dum ให้ฟังหน่อย

จริง ๆ คอนเสปของเพลงนี้ มันคือความรื่นเริงท่ามกลางความเจ็บปวด ผมรู้สึกว่ามันคือเพลงที่เล่าถึง toxic relationship ที่มันควรจะจบลงได้แล้ว แต่มันยังไม่จบ จนเรารู้สึกว่าเราพอแล้ว แล้วหลังจากนี้เราก็แค่เอ็นจอยกับความเจ็บปวด ไม่ได้รู้สึกอะไรเท่าไหร่แล้ว”

เพลงนี้ใช้เวลาทำนานมั้ย

“ประมาณ 2 เดือนครับ”

เจฟทำเพลงอกหักมาตลอดเลย แต่เพลงอื่นจะมาเวย์เศร้า ทำไมเพลงนี้ถึงเลือกเล่าออกมาในเวย์ที่แตกต่าง

“มันเป็นเวย์อะไรไม่รู้ (หัวเราะ) เป็นเวย์โกรธ เพลงด่าอะไรแบบนี้ ผมก็แต่งตามฟีลผม รู้สึกอยากเล่าอะไรตอนนั้นก็แต่งมันออกมา เรารู้สึกว่าเวลาเราเจออะไรมา เราก็จะเก็บมาเล่าในเพลง แล้วก็ถ่ายทอดมันออกไป”

ได้ใช้ประสบการณ์ส่วนตัวใส่เข้าไปในเพลงมั้ย

“ก็ใส่ประสบการณ์ส่วนตัวนั่นแหละครับ แต่คือจะบอกก็ไม่ได้ไง เดี๋ยวเขารู้ (หัวเราะ) ผมก็ใส่ทั้งหมดนั่นไป แล้วในทุก ๆ คำพูด มันก็ออกมาจากสิ่งที่เคยเจอมา”

ชอบท่อนไหนที่สุดในเพลง แล้วทำไมถึงชอบท่อนนี้

“จริง ๆ เพลงนี้มันก็เริ่มมาจากท่อนดึมดึมเนี่ยแหละ แล้วค่อยแต่งท่อนอื่นต่อ ผมชอบอันนั้นก่อน มองว่ามันควรจะเป็นเพลงได้ และไม่ควรจะเป็นภาษาอะไรเลย มันควรจะเป็นดึมดึมเนี่ยแหละ แล้วหลังจากนั้นก็เลยกลายเป็นทั้งเพลงขึ้นมา ถ้าให้เลือกว่าชอบท่อนไหนที่สุด ก็น่าจะเป็นท่อนนี้”

ทำไมถึงตัดสินใจใส่ดนตรีไทยอย่างพิณเข้าไปในเพลงด้วย

“อย่างที่บอกว่าเพลงนี้ต้องการความดิบมาก ๆ แล้วการที่ใส่ดนตรีพื้นบ้าน มันเหมือนเป็นการดึงรากเง้าของมนุษย์ออกมา คนไทยส่วนมากน่าจะเคยได้ยินซาวน์นี้ ก็เลยรู้สึกว่ามันเหมาะที่จะใช้เครื่องดนตรีนี้”

ช่วยเล่าเรื่องราวของ MV นี้ให้ฟังหน่อยได้มั้ย

“สตอรีของเอ็มวีมันจะเป็นเรื่องของการแก้แค้น ซึ่งการที่เราจะหลุดออกมาจากความเจ็บปวดได้มันจะมีสองชอยส์ ก็คือการที่เราให้อภัยเขาไปเลย หรือไม่เราก็แก้แค้น ซึ่งเอ็มวีจะเล่าถึงสองเรื่องนี้ แต่ว่ามันจะจบยังไง อยากให้ทุกคนไปดูแล้วก็ติดตามกัน”

เราเห็นใน MV ตัวละครเจฟมีหลายตัวเลย แต่ละตัวนี่สื่อถึงอะไร

“แต่ละตัวจะสื่อถึงสิ่งที่ไม่เหมือนกัน ผมจะบอกยังไงดี ถ้าบอกไปมันก็จะสปอยล์เหมือนกันนะ (หัวเราะ) แต่ว่าชื่อมันจะบอกแทนประมาณนึง อย่าง SUNSHINE ก็คือแสงอาทิตย์ MOONSHINE ก็คือแสงจันทร์ แล้ว LOVE DIE ก็เป็นเหมือนความรักที่มันตายไปแล้ว ผมจะเล่าตัว LOVE DIE ละกัน มันก็จะเหมือนคนที่โดนกระทำมา จนรู้สึกว่าความรักมันสิ้นสุดลงแล้ว SUNSHINE ก็เหมือนเป็นอีกมุมนึงที่มีแต่ความสุดโต่ง ไปสุดในทุกทาง ส่วน MOONSHINE ก็เป็นอีกด้านนึงของ SUNSHINE เหมือนเป็นร่างอวตารของ SUNSHINE ซึ่งก็จะ represent อีกแบบนึง แต่ผมก็อยากให้ตีความกันเองมากกว่า เพราะว่ามันตีความได้ค่อนข้างหลากหลายมาก ๆ”

แล้วรอยสัก SUNSHINE MOONSHINE LOVE DIE ก็คือได้แรงบันดาลใจมากจากตัวละครใน MV หรือเปล่า

“เปล่าครับ จริง ๆ คือเขียนคำมาก่อน แล้วค่อยได้ตัวละครมา”

เจฟชอบซีนไหนที่สุดใน MV

“ชอบซีนสุดท้ายที่สุดเลย ที่เป็นซีนที่ขำกับกล้อง ถ้าเคยฟังเพลง Comedy มันจะมีท่อนที่บอกว่า รู้สึกว่าชีวิตมันคือเรื่องตลก ซีนนี้มันก็เหมือนกับการพูดคำนั้น แต่ว่าใช้เป็นแอคชันแทน”

แล้วรู้สึกว่าซีนไหนยาก หรือว่าท้าทายเรามากที่สุด

“ซีนบู๊ครับ เพราะว่าไม่มีเวลาซ้อม มันมีแค่ไปนั่งหน้าเซต แล้วก็จำคิว แล้วก็ต้องถ่ายเลย ซึ่งมันค่อนข้างจะเป็น long take เหมือนกัน มันก็เลยเป็นซีนที่ยากสุด ต้องจำให้เร็วที่สุด ในเวลาที่จำกัดมาก ๆ”

เพิ่งจะมีคอนเสิร์ตแรกของตัวเองไปด้วย รู้สึกยังไงบ้าง

“สนุกมาก แล้วก็ดีเท่าที่มันจะดีได้ในโมเมนต์นั้น ผมมีความสุขมากในทุก ๆ โชว์ แล้วก็รู้สึกว่าครั้งหน้าก็อยากจะทำให้มันเจ๋งกว่านี้”

แสดงว่าจะมีครั้งหน้าใช่มั้ย

“ก็คิดว่าอยากจะมีอีกครั้งนึงนะครับ”

เราจะได้เห็นอัลบั้มเต็มจากเจฟช่วงไหน

“น่าจะปลายปีนี้ ไม่ก็ต้นปีหน้าครับ พยายามอยู่ครับ”

แล้วเราจะได้เห็นเพลงรักที่สมหวังจากเจฟบ้างมั้ย

“ก็คงมีแหละ เดี๋ยวผมไปขุดเรื่องมาเล่าแล้วกัน (หัวเราะ)”

อยากบอกอะไรถึงคุณวันเสาร์มั้ย

“ขอให้ทุกคนมีความสุขเหมือนเดิม ขอให้มีวันที่ดี แล้วก็ขอบคุณที่ซัพพอร์ตมาโดยตลอด ไม่ว่าเพลงผมจะแปลกแค่ไหนก็ตาม เพราะผมทำออกมาก็ไม่เหมือนกันสักเพลง ขอบคุณที่ยังฟัง แล้วก็ตั้งใจฟังมากด้วยนะ มีการตีความกันด้วย ขอบคุณไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ขอบคุณมากครับ”

ให้เจฟฝากผลงานหน่อย ทั้งเพลงนี้ และผลงานในอนาคต

“ก็ขอฝากดึมดึมด้วยนะครับ ฟังได้ในสตรีมมิงแล้วก็ YouTube นะครับผม แล้วในอนาคตก็จะมีเพลงที่ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะออกมาเป็นแบบไหน แต่เชื่อว่าทุกคนน่าจะตื่นเต้นกับมันเหมือนที่ผมตื่นเต้น ส่วนงานแสดงก็จะมี Wuju Bakery ซึ่งเดี๋ยวจะไปถ่ายกันในเร็ว ๆ นี้ ที่ประเทศเกาหลี ก็จะหายไปหนึ่งเดือน ผมเชื่อว่ามันจะมีอะไรให้ตื่นเต้นเรื่อย ๆ แต่ผมยังบอกไม่ได้ไง แต่ก็อยากให้รอติดตามกันครับ”

related ENTERTAINMENT NEWS

Talk with “Mirrr” ถึงเบื้องหลังซิงเกิลล่าสุด “กำแพงหัวใจ (Heartwall)”

08 ก.ย. 2023

Talk with “Mirrr” ถึงเบื้องหลังซิงเกิลล่าสุด “กำแพงหัวใจ (Heartwall)”

เรียกได้ว่าโดนใจคนใกล้ที่ไม่มีทางได้ลงเอยสุด ๆ สำหรับ "กำแพงหัวใจ (Heartwall)” ซิงเกิลใหม่จาก โต-เลอทัศน์ เกตุสุข และ นาว-วิชชานนท์ ว่องวีรชัยเดชา สองหนุ่มวง Mirrr แห่งค่าย What The Duck ที่หยิบเอามุมมองของคนสองคน ซึ่งกำลังตกอยู่ในความสัมพันธ์ที่ต่างคนต่างมีกำแพงในใจของตัวเอง มาเล่าผ่านเพลงที่ฟังง่าย ให้กลิ่นไอเพลงในยุค 2000 วันนี้เราจึงได้ชวนทั้งคู่ มาร่วมพูดคุยถึงเรื่องราวในซิงเกิลนี้กันช่วยเล่าคอนเสปของเพลง "กำแพงหัวใจ" ให้เราฟังหน่อยโต – “คอนเสปมันคือเราอยู่ในความสัมพันธ์ที่เราอยากพัฒนา แต่อีกฝ่ายไม่อยากพัฒนาความสัมพันธ์ ก็เลยสร้างกำแพงขึ้นมา เลยเป็นคอนเสปของเพลงกำแพงหัวใจ”เพลงนี้เริ่มต้นมาจากอะไรโต – “จำไม่ได้ครับ (หัวเราะ) เพราะเพลงนี้อยู่ที่ช่วงที่เขียนเพลงเยอะมาก ๆ เลยครับ แล้วช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่ความจำไม่ค่อยดีเท่าไหร่ จริง ๆ นะครับ บางทีพูดไปเมื่อกี้ ลืมแล้ว ก็เลยจำไม่ได้ว่าเพลงนี้มีที่มาจากอะไร”งั้นพอจำได้มั้ยว่าเพลงนี้ได้เนื้อร้องหรือทำนองมาก่อนโต – “อันนี้ถ้าคิดเอาเองนะ โดยปกติแล้วของตัวผมเองจะมาพร้อมกันครับ สมมุติเล่นกับกีต้าร์ ก็จะไม่ใช่แค่ฮัมขึ้นมา แต่จะร้องมาเป็นคำเลย”คิดว่าอะไรคือสิ่งที่ยากที่สุดในการทำเพลงนี้นาว – “น่าจะเป็นพาร์ทร้องคอรัสครับ เพราะว่าเขาทำคอรัสเยอะมาก มันมีเวลาจำกัด แล้ววันนั้นก็ร้องกันสนุก เพลินไปเรื่อย ๆ เกือบตีห้าอะครับ ก็ไม่เชิงยาก แต่ว่าใช้เวลานาน”โต – “ถ้าในเชิง process น่าจะเป็นเรื่องการอัดร้อง แต่ถ้าในองค์รวมน่าจะเป็นเรื่องการตัดสินใจที่ยากที่สุด เพราะตอนแรกไม่ได้ตัดสินใจจะเอาเพลงนี้มาปล่อยต่อ คือไม่ได้กะจะเอาเพลงนี้มาทำด้วยซ้ำ แต่อยู่ดี ๆ ก็รู้สึกว่า พอไทม์มิ่งมันใช่ กับมู้ดอะไรต่าง ๆ ก็เลยรู้สึกว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่เราสองคนชอบ ณ เวลาตอนนี้พอดี”มีท่อนที่ชอบที่สุดในเพลงนี้มั้ยนาว – “ชอบท่อนพรีครับ เมื่อในทุกค่ำคืน ฉันยืนอยู่ตรงที่เก่า ยังแอบหวังให้เราเป็นมากกว่านี้”โต – “งั้นผมเลือกเป็นท่อนฮุคครับ”ถ้าเจอคนที่กำแพงสูงมาก จะเลือกพยายามทำลายกำแพง หรือไปหาคนอื่นดีกว่านาว – “เลือกอย่างแรกครับ จนกว่าจะไม่ไหวก็ค่อยออกไป”โต – “ผมไม่ชอบทำลายกำแพง แล้วผมก็จะไม่ไปหาคนอื่นด้วย ถ้าผมชอบคนนึง ผมก็คงจริงใจกับเขา ไม่ให้เขาสร้างกำแพงอะครับ คอนเสปของเพลงกำแพงหัวใจ มันคือการที่คนนึงอยากพัฒนาความสัมพันธ์ แต่อีกฝ่ายสร้างกำแพง ผมรู้สึกว่า งั้นการที่อีกฝ่ายอยากพัฒนาความสัมพันธ์ มันอาจจะเร็วเกินไป มันอาจจะไม่ถูกจังหวะ หรือมันอาจจะไม่เหมาะสม ผมก็รู้สึกว่าเราไม่จำเป็นต้องไปทำลายกำแพงเขา สำหรับผมนะ ถ้าเขาโอเคกับเรา เขาจะเปิดเอง เราค่อย ๆ ไปได้ เราไม่จำเป็นต้องรีบร้อนอะไรขนาดนั้น”ส่วนตัวเป็นคนที่มีกำแพงมั้ย แล้วคิดว่าคนแบบไหนถึงจะทำลายกำแพงเราได้นาว – “ปกติถ้าใครเข้ามาก็คงจะลองศึกษาดูใจกันมั้งครับ”โต – “ผมว่าสุดท้ายผมนี่แหละจะเป็นคนทำลายกำแพงลงเอง มันเหมือนผมสร้างเมืองอะครับ ผมจะสร้างกำแพงเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เพราะว่าเมืองของผมต้องปลอดภัย คิดแค่นั้น แต่ฟังก์ชันของผมคือผมไม่จำเป็นต้องไปทำลายกำแพง ถ้ากับคนที่ผมโอเค ผมก็แค่เปิดประตูให้เขาเข้ามา คือผมแค่มีกำแพงกับอันตราย กับหมาป่า กับทุก ๆ อย่าง ผมสร้างกำแพงขึ้นเพียงเพราะผมต้องการปกป้องคนในกำแพง ซึ่งผมมองว่าประชาชนในกำแพงนั่นก็คืออินไซด์ร่างกาย คือจิตใจ คือทุกอย่างของผม ถ้ากับคนที่ผมโอเค ผมจะไม่มีกำแพงเลย เพราะเขาเข้ามาอยู่ในเมืองของผมแล้ว ผมเปิดประตูรับเข้ามาแล้ว มาเอ็นจอย มาแฮงค์เอาท์ด้วยกันได้เต็มที่ในนี้ แล้วเราจะปลอดภัยจากข้างนอกด้วยกันครับ”อยากให้เพลง “กำแพงหัวใจ” เป็นอะไรสำหรับคนฟังนาว – “จริง ๆ เลย ผมอยากให้เป็นแรงบันดาลใจครับ เราคิดอะไรก็ทำในสิ่งที่เราคิด พยายามในสิ่งที่เราเป็น บางทีชีวิตเราก็ลีดด้วยความหวัง แต่ถ้ามันมีแต่ความหวัง ไม่มีความจริงเลย มันก็จะทำให้เราหาทางลงไม่ได้ ผมก็เลยอยากให้เราเอาความจริงมาพูดคุยกันมากกว่า ถ้าเอาความจริงมาพูดคุยกัน ผมว่ามันจะไม่เกิดเหตุการณ์สร้างกำแพงอะไรพวกนี้ มันน่าจะเป็นเรื่องของความชัดเจน ความจริงใจ ฟังก์ชันของมันคือ ในความสัมพันธ์ของเรา เราไม่ take advantage กัน เราไม่พยายามหาประโยชน์จากอีกฝ่าย ทั้งเราและฝ่ายตรงข้าม แต่เราทั้ง give and take กัน อย่างน้อยถ้าหลุดพ้นจากสิ่งนี้ไปได้แล้ว คำว่าหลุดพ้นในที่นี้คือ ไม่ว่าจะเป็นการทำลายกำแพงได้ ได้คบกัน หรือว่าจะแยกย้ายกันไป แต่อย่างน้อยมันไม่ต้องอยู่ในลูปนี้แล้ว ไม่อยู่ในลูปที่เราจะต้องสับสน ฟุ้ง ไม่แน่ใจ ไม่มั่นคง มันเหมือนเป็นแค่ stage แรกของความสัมพันธ์ที่บางคนอาจจะชื่นชอบ เพราะมันตื่นเต้น แต่ step ต่อไปอะครับ มันเป็น step ที่เรากำลังจะพูดถึง มันเป็น step ที่กำแพงกำลังจะเกิดขึ้นละ ซึ่งอันนั้นมันเป็น step ที่เราไม่ควรให้เขาสร้างกำแพงละ เราควรจะจริงใจกับตัวเราและกับเขา ผมไม่แน่ใจว่ามันตอบคำถามนี้ได้มั้ย แต่อย่างน้อยแค่เขาส่งเพลงนี้ไปให้อีกคน แล้วมันเคลียร์ประเด็นความสัมพันธ์เขาได้ ผมว่ามันก็ถือว่าโอเคแล้วครับ”MV เพิ่งจะทะลุ 1 ล้านวิวไปด้วย มีอะไรอยากบอกแฟนคลับที่ติดตามเราอยู่มั้ยนาว – “อยากขอบคุณที่ซัพพอร์ต รอติดตามผลงาน พวกเราดีใจมาก ๆ ที่ได้รับการตอบรับมาอย่างดี”โต – “เราอาจจะพูดด้วยน้ำเสียงโมโนโทน แต่เราดีใจมาก ๆ ครับ”นาว – “ก็คืออยากจะออกไปเจอทุก ๆ คนที่ซัพพอร์ต ถ้ามีโอกาสก็ทักทายกันได้ เพราะว่าพวกเราดีใจที่จะได้คุยแล้วก็ได้เจอทุกคนตลอดครับ”สปอยล์ซิงเกิลหน้าได้มั้ยว่าจะมาแนวไหนโต – “ร็อคครับ ผมก็พูดไปเรื่อย จริง ๆ ตอนนี้เราคุยกันว่า เราอยากจะทำในสิ่งที่เราอยากทำ เราอยากให้เพียวที่สุด ณ ตอนจุดเริ่มต้น เหมือนตอนอยู่ในห้องหลังม. อัดเพลง ไม่ต้องคิดเรื่องที่มันใหญ่เกินตัว คิดแค่ตัวเราสองคนว่าเราอยากทำอะไร เพราะฉะนั้นมันเหมือนกับว่า เพลงเราทำเรื่อย ๆ อยู่แล้ว แต่เราไม่ได้มองว่าทุกอย่างต้องเป็นแบบนี้แบบนั้น มันเหมือนกับว่า วันนี้มึงอยากกินอะไรวะ มา กูกินด้วย วันนี้อยากทำเพลงอะไรวะ มา กูทำด้วย อันนี้กูไม่อยากทำอะ กูอยากทำอันนี้และ เพราะฉะนั้น ถ้าผมบอกตอนนี้ แพลนมันเป็นแบบนี้ใช่ปะ แต่พอไปถึงวันปล่อยจริง ๆ มันอาจจะเป็นอย่างอื่นก็ได้ อย่างเพลงกำแพงหัวใจเนี่ย อยู่ดี ๆ มันมาต่อโดยที่ไม่ได้ตั้งใจด้วยซ้ำ แต่จริง ๆ แล้วมันคือตั้งใจนะครับ คือการทำงานอะ แพลนไว้นานมาก เราตั้งใจที่จะยึดโยงกับตัวแพลนมาก ๆ แต่วิธีคิดของเราอัปเดตตลอดเวลา แล้วพอเราอัปเดตตลอดเวลา มันเลยทำให้บางอย่างมันไม่ up to date ของพวกเราแล้ว”นาว – “ก็คือเราทำอาร์ตด้วยความรู้สึก ด้วยฟีลลิ่ง ตอนที่เราคุยกันว่าเราอยากจะทำ สมมุติเราอยากจะทำแบบนี้ เมื่อประมาณสามเดือนที่แล้ว แต่ความรู้สึกปัจจุบันมันอาจจะใช้ไม่ได้แล้ว เราอาจจะเจอความรู้สึกที่มันเฟรชกว่า น่าสนุกกว่า”โต – “แต่ process เดดไลน์การทำงานมันก็ยังมีอยู่ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องพยายามปรับสองสิ่งนี้ให้มันไปด้วยกันได้”สุดท้าย ฝากถึงคนที่กำลังเจอกับสถานการณ์แบบในเพลง “กำแพงหัวใจ” หน่อยโต – “สำหรับผม ผมอยากให้จริงใจกับตัวเองครับ แล้วค่อยจริงใจกับคนอื่น เราต้องจริงใจกับตัวเองก่อน ถึงจะจริงใจกับคนอื่นได้ จริงใจกับความรู้สึกของตัวเอง จริงใจว่าเรารู้สึกยังไง จริงใจว่าเราต้องการอะไร จริงใจว่าสิ่งที่เราคาดหวังคืออะไร สิ่งที่เราไม่คาดหวังคืออะไร สิ่งที่เราอยากให้เกิดขึ้นคืออะไร แล้วถ้ามันเป็นไปได้ ก็อยากให้ตั้งใจเพื่อตัวเอง ตั้งใจเพื่อสิ่งที่เราจริงใจกับตัวเอง ไม่เกี่ยวกับแค่เรื่องการทำลายกำแพงของใครนะครับ หมายถึงว่าถ้าเรามีแพชชั่นกับสิ่งที่เราทำ กับอะไรก็ได้ เราตั้งเป้าแล้วก็ทำมันไปเลย พรุ่งนี้เราอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้ มันไม่ผิด เราก็ค่อยชัดเจนกับวันพรุ่งนี้ต่อไป มันเป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้ มันไม่เกี่ยวแล้ว เราเอาแค่ปัจจุบัน ดังนั้นผมเลยรู้สึกว่า ในเรื่องนี้มันเป็นแค่พาร์ทพาร์ทนึงในชีวิตของเรา มันเหมือนเป็นสารตั้งต้นของ attitude ทุกอย่าง แล้วเรื่องความสัมพันธ์ของคนที่เราอยากทำลายกำแพงอะ มันก็เหมือนโจทย์ที่ผมบอก คือสุดท้ายแล้วพอเรามีความตั้งใจตรงนั้นอะ มันก็จะโยงไปถึงความสัมพันธ์ที่เราก็จะตั้งใจ ทำตรงนั้นไม่ให้มันเกิดกำแพงขึ้นมา”นาว – “เพลงนี้มันกำลังพูดถึงกำแพงใช่มั้ยครับ ถ้ามันสูง จริง ๆ เราก็แค่พัฒนาตัวเองให้มีความสามารถในการที่จะเดินทางขึ้นไป สมมุติถ้าเขากำแพงสูง เราก็แค่สร้างกำแพงของเราขึ้นมาให้สูงเท่าเขา แล้วก็กระโดดข้ามไปก็ได้ มันก็มีหลายวิธี แต่ว่า core หลัก ๆ ก็คือ ถ้าเราพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด มันน่าจะมีวันที่เราประสบความสำเร็จในเรื่องนั้น”สามารถเข้าไปฟังและชม Music Video เพลง "กำแพงหัวใจ (Heartwall)” จากวง Mirrr ได้แล้ววันนี้บน YouTube: Whattheduck และทุกบริการ Music Streaming

เดินทางไปกับ Jeff Satur ใน Space Shuttle No.8

01 มี.ค. 2024

เดินทางไปกับ Jeff Satur ใน Space Shuttle No.8

เรียกได้ว่าฮอตสุด ๆ สำหรับ “Jeff Satur” ศิลปินมากความสามารถ ที่ได้ปล่อยอัลบั้มแรก “Space Shuttle No.8” พร้อมจัดคอนเสิร์ตเอเชียทัวร์ที่ 6 เมืองใหญ่ ไทเป, ฮ่องกง, มะนิลา, จาการ์ตา, สิงคโปร์ และปิดท้ายที่กรุงเทพ เราจึงได้ชวน Jeff Satur มาพูดคุยถึงเรื่องราวการเดินทางครั้งนี้กันอัลบั้ม Space Shuttle No.8 มีที่มายังไง“คือเราอยากจะรวบรวมเพลง ตั้งแต่เพลงแรก Highway จนมาถึงเพลงนี้ โดยที่เนื้อเรื่องของมันจะเชื่อมโยงกันหมด แล้วก็เราจะมีแกนกลางของเรื่องในอัลบั้มนี้อยู่แล้ว ซึ่งจะค่อย ๆ เห็นออกมาเรื่อย ๆ จากการดู MV จากการฟังสัมภาษณ์ จากการไปดูคอนเสิร์ตต่าง ๆ มันก็จะมี element hint เล็ก ๆ ออกมาเรื่อย ๆ จริง ๆ สิ่งที่อยากให้ทำเวลานั่งฟังอัลบั้มนี้ก็คือ เหมือนเรานั่งอยู่บน Space Shuttle หรือว่ากระสวยอวกาศเนี่ยแหละ นั่งคิดแล้วก็ฟัง แล้วก็ตั้งคำถามกับเพลง กับชีวิตตัวเอง รีเลทตัวเอง เหมือน have conversation กับตัวเอง แล้วก็มาดูว่า พอมันไปถึงปลายทางจริง ๆ มันพาเราไปถึงไหน”อัลบั้มนี้ใช้ระยะเวลาในการทำนานเท่าไหร่“ประมาณ 2 ปีกว่า ๆ ครับ”ทำไมถึงใช้ชื่อ Space Shuttle No.8“เพราะว่าผมรู้สึกวิวที่เราเห็นอยู่ทุกวันอะ เราเคยเห็นแล้วไง Space Shuttle คือการที่เราออกไปเจอสิ่งที่เรายังไม่เคยเห็น การที่ break boundary ว่าทำไมเราจะไม่สามารถไปที่อวกาศได้ล่ะ ในแต่ละสเตชั่นก็จะเป็นภาพวิวที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน ผมก็เลยอยากให้มันเป็นเหมือนการเดินทางไปสู่สิ่งที่เราไม่รู้”แล้วเลข 8 มีความหมายอะไรด้วยมั้ย“เลข 8 มันคล้ายสัญลักษณ์ infinity ครับ ผมเชื่อว่าถ้าผมตายไปแล้ว สุดท้ายแล้วผลงานเหล่านี้ มันก็จะยังคงอยู่ต่อไปเป็นนิรันดร์”เพลง “ซ่อน(ไม่)หา” (Ghost) กระแสตอบรับดีมาก ได้คาดหวังมั้ยว่ากระแสตอบรับจะดีขนาดนี้“ไม่ได้คาดหวังว่าฟีดแบคมันจะดีขนาดนี้ แล้วก็มีคนชื่นชอบขนาดนี้ การที่ได้เห็นศิลปินหลาย ๆ ท่าน หรือหลาย ๆ คนมาคอมเมนต์ ก็รู้สึกว่าเพลงนี้มันทำงานเนอะ เหมือนได้คุยกับพวกเขา ก็รู้สึกภูมิใจครับ”ในมุมมองของเจฟที่เป็นคนทำเพลง เราตีความเพลงนี้ว่ายังไง“ผมรู้สึกว่ามันเป็นเพลงที่เราก็เจ็บปวด แต่เราก็ต้อง let go กับอะไรบางอย่างไป โดยที่ต่อให้เราจะรั้งสิ่งเหล่านั้นไว้ มันก็ไม่ได้ทำให้เรามีความสุขมากกว่าเดิม มันจะยิ่งเจ็บปวดไปอีก มันเหมือนการที่ตัดสิ่งที่มันอยู่ต่อไม่ได้แล้ว ถ้าพูดตามตรงก็คือเหมือนส่วนไหนเน่าแล้วก็ต้องตัดออกไป เพื่อไม่ให้มันลุกลามแล้วก็เจ็บปวดกว่าเดิม คือมันไม่ใช่เพลงรักแน่นอนอยู่แล้ว แต่มันอาจจะเป็นเพลงที่รักตัวเอง อาจจะเป็นเพลงเศร้าในเชิงที่เราต้องเสียใจกับตัวเอง แต่ผมว่ามันก็เป็นเพลงนึงที่จะทำให้เรารักตัวเองมากขึ้น”มาที่ “ส่วนน้อย” (Yellow Leaf) ทำไมเจฟถึงใช้เพลงนี้เป็นซิงเกิลโปรโมทปิดอัลบั้ม“ผมรู้สึกว่าแต่ละเพลงที่เราทำมาตลอด มันมีความบู๊ประมาณนึง มีความรุนแรง มีความ aggressive เศร้าบ้าง ลึกบ้าง ก็เลยรู้สึกว่าอยากให้เพลงสุดท้ายของอัลบั้ม เป็นเพลงที่ซอฟต์ เหมือนได้จิบชาอุ่น ๆ ฟังแล้วรู้สึกว่าสบาย”เจฟออกซิงเกิลที่ 10 ก่อนซิงเกิลที่ 9 ด้วย ตรงนี้มีความหมายอะไรมั้ย“จริง ๆ ด้วยความที่มันเป็น Space Shuttle No.8 ไงครับ คือจบที่เลข 8 เพราะฉะนั้นการเริ่มสิ่งใหม่ ๆ มันจะเริ่มที่เลข 9 มันคือการสิ้นสุด และเริ่มต้นใหม่ที่เลข 9 แล้วก็เราจะได้เห็นว่า เนื้อเรื่องทั้งหมด เดี๋ยวจะได้รู้อีกทีว่าทำไมมันถึงต้องเป็นแบบนี้”เรามีเฉลยเรื่องนี้ด้วยใช่มั้ย“มีเฉลยครับ แต่ว่ายังไม่เฉลยตอนนี้”เฉลยในคอนหรือเปล่า“ไม่ใช่ในคอนด้วย ต้องรอติดตามครับ”อีกหนึ่งเพลงใหม่ในอัลบั้ม “Almost over you” ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยว่าเพลงนี้เกี่ยวกับอะไร“เพลงนี้เนื้อหาของมันคือการที่เราเกือบลืมเธอได้แล้ว สักวันนึงฉันจะลืมเธอได้จริง ๆ แต่อาจจะยังไม่ใช่ตอนนี้ แล้วก็มันพร่ำพรรณนาความเศร้าที่แบบ เธอไปแล้ว ดอกไม้มันเป็นสิ่งเดียวที่เป็นตัวแทนของเธอ ที่จะทำให้ฉันจำเธอได้ เพราะว่าทุกคนรอบข้างฉันลืมเธอไปหมดแล้ว เขาไม่พูดถึงเธอแล้ว สุดท้ายแล้วความเจ็บปวดของเรา มันก็จะเป็นความเจ็บปวดของเรา คนอื่นไม่ได้มีส่วนร่วมในความเจ็บปวดนี้ เพราะฉะนั้นเขาจะลืมความเจ็บปวดนี้ได้เร็วกว่า แล้วเพลงนี้มันถูกแต่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว คือจริง ๆ ทำ song camp กัน ใช้เวลา 4 ชั่วโมง เมโลดี้และคอร์ดก็เสร็จ แล้วก็ส่งต่อไปให้ทีมเขียนเนื้อที่เป็นทีมต่างประเทศเขียน ส่วนโปรดิวเซอร์ที่ทำเพลงนี้คือคุณ Hyuk Shin เป็นโปรดิวเซอร์ที่ทำเพลงให้ EXO ด้วยครับ”เพลงสุดท้าย “Saturdayss” เจฟแต่งให้แฟนคลับ แล้วก็ใช้วิธีการอัดที่แตกต่างจากเพลงอื่นด้วย“ใช่ครับ มันเป็นเพลงที่เหมือนฟังผมเล่นอยู่ในห้องทำงาน ผมกดอัด แล้วผมก็เล่นเลย อยากให้มันเป็นฟีลนั้น”เจฟใช้เวลาทำนานมั้ยสำหรับเพลงนี้“จริง ๆ ช่วงแต่งไม่นาน แต่ช่วงอัดจะนานตอนที่หาวิธีว่าโปรแกรมใช้ยังไง ผมไปเช่าห้องอัดที่ตราด เพราะว่าตอนนั้นผมถ่ายหนัง ก็เลยไม่มีเวลากลับมาอัดที่กรุงเทพ แต่ว่าใช้เวลาจริง ๆ อัดแค่ 10 นาทีเอง”ทำไมถึงเลือกใส่ “Saturdayss” ไว้เป็นแทรคสุดท้ายในอัลบั้ม“ผมรู้สึกว่ามันเป็นเพลงที่เรียบง่าย honest มาก แล้วก็เป็นเหมือนของขวัญ เหมือนเราผ่านอะไรด้วยกันมาในสเตชั่นต่าง ๆ เราไม่รู้ว่าสเตชั่นสุดท้ายมันจะเป็นยังไง แต่รู้ว่าปลายทางมีคนที่รักเราอยู่ สุดท้ายแล้วเราก็จะรอให้ถึงวันเสาร์อยู่เสมอ”ถ้าให้เลือกเพลงในอัลบั้มที่ตรงกับชีวิตหรืออารมณ์ของเจฟในตอนนี้มากที่สุด จะเลือกเพลงไหน“ยากจัง ไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนเลย จริง ๆ ทุกเพลงมันคือ element ที่ดึงออกไปจากชิ้นส่วนของความทรงจำของผม แล้วก็ออกมาเป็นเพลง เพราะฉะนั้นถ้าถามว่าตอนนี้ความรู้สึกของผมตรงกับอันไหนเหรอ ผมเลือก ‘Saturdayss’ แล้วกัน เพราะผมรู้สึกว่า เราได้ความรักจากคุณวันเสาร์เยอะ รู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่ comfort เราเสมอ ไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานการณ์ไหน แล้วก็เป็นแรงใจในการทำงาน ที่เราตื่นมาเดินสายสื่อ 4 วัน โดยที่เรารู้สึกว่ายังไหวอยู่ เพราะเรารู้ว่าพวกเขาเหล่านั้นกำลังรอชมสิ่งเหล่านี้อยู่ แล้วก็เขาให้กำลังใจเราเสมอ”เพิ่งเปิดเอเชียทัวร์มา ไทเป และฮ่องกง เจฟร้องเพลงเวอร์ชั่นภาษาไทยเนอะ เขาร้องตามกันได้มั้ย“ผมร้องเวอร์ชั่นไทยครับ เขาร้องตามได้ทุกเพลงเลย ประทับใจนะ เพราะเราก็ไม่คิดว่าเราออกเพลงมาเป็นภาษาไทยทุกเพลง แล้วเขาจะร้องตามได้ เพราะมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่าย ๆ ที่เขาต้องฝึกร้องได้ทุกคำขนาดนี้ แล้วก็ร้องเสียงดังด้วย ผมรู้สึกประทับใจมาก ๆ แล้วก็มันเติมฟีลในตัวเรามาก”ช่วงเบเนฟิตมีได้พูดคุยกันด้วย รู้สึกยังไงที่ได้คุยกับคุณวันเสาร์ต่างชาติที่เขาอาจจะไม่ได้เจอเราบ่อย ๆ“เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องของการได้เจอกัน มันคือการได้คุยกันจริง ๆ แล้วโมเมนต์มันเป็นของเราจริง ๆ ผมมีความสุขมาก มันไม่เหนื่อยเลย มันแบบว่าหลายคนมากที่ต่อคิว แต่พอทำเสร็จผมรู้สึกไม่เหนื่อยเลยนะ มันเหมือนเป็นการเติมพลังให้กัน เขาอยากพูดอะไร เขาอยากคุยอะไรกับเรา เมสเสจมันมีแค่ 8 วินาที มันมีคุณค่ามาก ๆ ทั้งกับผมและกับเขา”เห็นเจฟเต้นด้วย แล้ว Space Shuttle No.8 Asia Tour in Bangkok จะเต้นด้วยมั้ย“จะเป็นเซิ้งแทนครับ ไม่เต้น แต่จะเป็นเซิ้ง หมอลำแทน”พูดแบบนี้คนเขาคาดหวังนะ“(หัวเราะ) ก็อาจจะมี ครับผม ต้องรอดูว่าเป็นยังไง”เกสต์สำหรับคอนเสิร์ตนี้ล่ะ มีวางไว้หรือยังว่ากี่คน“มี 2 ศิลปินครับ ยังไม่บอกว่าเป็นใคร แต่เป็นคนที่ทุกคนรู้จักแน่นอน”อีกบทบาทที่เจฟทำอยู่ คือเป็นเมนเทอร์รายการ Chuang Asia เป็นยังไงบ้างกับการถ่ายทำรายการนี้“ก็หนักหน่วงนะครับผม เพราะว่าจริง ๆ แล้วการที่เราได้มาอยู่ตรงนี้ คือเราต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากสิ่งต่าง ๆ ที่ทำมา การไกด์น้อง ๆ เราก็ต้องระวังมาก ๆ ตรงที่ว่าคำพูดของเรามันมีความหมายมากสำหรับน้อง ๆ เพราะฉะนั้นการที่เราจะพูดอะไรออกไปสักอย่าง เราต้องคิดมาดี ๆ แล้ว แล้วก็ไม่ใช่ว่าทำให้เขารู้สึกหมดไฟในการทำงาน แต่ทำให้เขาพัฒนาขึ้นไป โดยที่เขาไม่ได้รู้สึกว่าสิ่งที่เขาทำมันผิดหรืออะไร เพราะสุดท้ายแล้วอาร์ตมันไม่มีสิ่งที่ผิด มันแค่ว่า ถ้าในสกิลเบสิคที่แบบ เต้นต้องล็อคท่านี้ อะไรแบบนี้มันโอเค ในวันนึงที่เราทำสิ่งนั้นได้แล้ว เราจะสามารถ expand ไปยังสิ่งต่าง ๆ ได้ คาแรคเตอร์ของน้อง ๆ ที่มีมาอยู่แล้ว อยากให้มันกรูมไปในแนวทางไหน เราต้องคิดตลอดเวลา แต่ความสนุกมันคือการได้ทำสิ่งนี้แหละ เพราะผมรู้สึกว่าการได้ไกด์น้อง ๆ ได้เอาประสบการณ์ทั้งหมดมาใช้ มันเป็นอะไรที่เราอยากทำให้กับใครสักคนนึง แล้วการได้มา explore ในสิ่งนั้น มันเป็นเรื่องที่ดี”เจฟคิดว่าตัวเองเป็นเมนเทอร์สายไหน ดุมั้ย“ผมไม่ได้ดุนะ เป็นเมนเทอร์สายชิล เป็นคนที่น้อง ๆ จะสามารถ โย่วเจฟ วอทซัพเจฟ อะไรแบบนี้ได้ ชิล เพราะผมมีความเชื่อว่างานศิลปะ มันจะเกิดมาจากการที่เรา relax อะครับ ในอีพีแรกผมอาจจะดูเคร่งนิดนึง เพราะว่ามันเป็นการที่เราต้องตั้งสมาธิมาก ๆ กับการดูน้อง ๆ ร้องเพลง ถ้าเราพูดอะไรออกไปโดยที่เราไม่ได้ตั้งใจมากพอ ผมรู้สึกว่ามันเป็นการทรยศต่อความตั้งใจของน้อง ๆ”เจฟทำอะไรหลายอย่างมากเลย แบ่งเวลายังไง“ก็ไม่แบ่งนะฮะ (หัวเราะ) จริง ๆ ผมรู้สึกว่าสำคัญที่สุด คือเวลาพักผ่อน ผมควรจะพักยังไงให้มีคุณภาพ ก็คือการนอน การได้ดูอะไร ผมก็ใช้เวลาว่าง ๆ ในการทำสิ่งนั้น แต่ไม่ได้รู้สึกว่ามันเหนื่อยขนาดที่ทนไม่ไหว มันเป็นอะไรที่สนุกในทุกแง่มุม พอทำอะไรที่แตกต่างกัน อย่างเช่น สัมภาษณ์ ถ่ายแบบ โอเค มันก็เป็นสิ่งที่ต่างกัน มันก็รู้สึกว่าสนุกดี”มีอะไรที่เจฟอยากทำ แล้วยังไม่ได้ทำอีกมั้ย“ผมอยากทำซีรีส์ของตัวเอง ซึ่งก็คิดว่าก็คงได้ทำครับ”พูดแบบนี้แสดงว่ามีแพลนไว้บ้างแล้ว“คิดไว้แล้วครับ”เจฟเคยบอกไว้ว่าอยากเขียนหนังสือ พาร์ทนี้มีความเป็นไปได้แค่ไหน“อันนั้นก็มีแน่นอนครับ แล้วก็กลับมาที่คำถามเดิมว่า แล้วแบ่งเวลายังไง ก็ไม่แบ่งครับ (หัวเราะ)”เจฟได้มองภาพในเส้นทางสายดนตรีไว้มั้ย ว่าเราอยากไปถึงจุดไหนในฐานะศิลปิน“ความฝันของผมคือการได้เล่นเวิลด์ทัวร์ ไปเจอแฟน ๆ ในทุก ๆ เมือง ทุก ๆ ประเทศ ผมมองว่าถ้าได้ทำสิ่งนั้น มันก็จะเป็น achievement นึง แต่ถามว่ามองไปถึงตรงไหนมั้ย ผมว่าผมยังสนุกกับการลุ้นว่าพรุ่งนี้ผมจะทำอะไร หรือว่าพรุ่งนี้มันจะมีอะไรเกิดขึ้นอีก เพราะว่าจากที่เคยวางแพลนมาแล้วเนี่ย ทุกอย่างมันผิดไปหมดเลย มันคนละแบบ ผมก็เลยรู้สึกว่า งั้นก็ไม่ต้องวางหรอก ก็ทำเต็มที่ในทุก ๆ อย่างที่ทำ แล้วก็รอดูว่ามันจะพาเราไปไหน”ถ้าให้พูดอะไรถึงเจฟในอดีต วันแรกที่เราเริ่มเข้ามาเป็นศิลปิน จะพูดอะไรกับเขา“ไม่บอกอะไรฮะ เพราะว่าที่เขาทำมา มันก็ดีมากแล้ว”แล้วถ้าให้พูดถึงเจฟในอนาคตล่ะ“ก็ไม่บอกอะไรเหมือนกัน เพราะผมเชื่อว่าเขาจะเป็นคนที่คิดอะไรได้ด้วยตัวเองอยู่แล้วครับ เขาคงไม่ต้องการคำพูดจากผม”ฝากผลงานหน่อย ช่วงนี้เจฟทำอะไรอยู่บ้าง“ช่วงนี้ก็จะมีหนัง GDH ครับ ช่วงประมาณกลาง ๆ ปี มี Space Shuttle No.8 ที่เป็นทั้งอัลบั้มแล้วก็คอนเสิร์ต ยังซื้อบัตรรอบวันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน 2567 ได้นะครับ ที่ Thai Ticket Major แล้วก็รายการ Chuang Asia ที่ผมเป็นเมนเทอร์ในเรื่องของโวคอล แล้วก็จะมีโปรเจคพิเศษค่อย ๆ ตามมา จะค่อย ๆ ปล่อยมาเรื่อย ๆ แต่ว่าตลอดปีนี้ยาว ๆ แน่นอนครับ”อยากให้เจฟพูดอะไรถึงคุณวันเสาร์หน่อย“การที่ได้มาเจอกันในช่วงเวลานี้ ไม่ว่าจะเพิ่งมาเจอกัน หรือเจอกันมานานแล้ว ก็อยากให้ทุกคนมีความสุข ไม่ต้องรู้สึกกดดันว่าเป็นแฟนคลับที่ดีต้องเป็นยังไง เป็นแฟนคลับที่ไม่ดีคืออะไร แค่รู้สึกว่าการที่เราได้รู้จักกัน ติดตามผลงาน ได้ร่วมเดินทางครั้งนี้ไปด้วยกัน ผมก็รู้สึกมีความสุขมากแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นยังไง ผมก็หวังว่าทุกคนจะมีความสุขในการเดินทางครั้งนี้ เพราะว่าผมมีความสุขจริง ๆ ที่ได้เจอ แล้วก็ได้เดินทางร่วมกับทุกคน มันมีความหมายมาก แล้วก็ขอให้ทุกคนมีความสุข ไม่ว่าจะอยู่ตรงนี้ หรือไม่อยู่ตรงนี้ก็ตาม”คุณวันเสาร์เขาจะชอบเจฟในหลาย ๆ โพ เรามีชอบโพไหนเป็นพิเศษมั้ย“ผมไม่มีนะ แล้วแต่เขาแล้วกัน เขาอยากจะเลือกเป็นสถานะอะไรก็เลือกไปเถอะ เพราะทุกคนเป็นคนรักของผม”

ชวนคุยกับ “Ice Paris” ถึงการทำงานในซิงเกิลใหม่ “งอนตลอด” (Tell me what you want)

02 ต.ค. 2023

ชวนคุยกับ “Ice Paris” ถึงการทำงานในซิงเกิลใหม่ “งอนตลอด” (Tell me what you want)

ห่างหายจากการทำงานเพลงไปสักพัก ล่าสุด ไอซ์-พาริส อินทรโกมาลย์สุต กลับมาอีกครั้งพร้อมซิงเกิลแรกในนาม Ice Paris Entertainment กับ “งอนตลอด” (Tell me what you want) เพลงจังหวะน่ารัก สไตล์ป็อปเรกเก้ ชวนให้ทุกคนโยกตาม วันนี้เราจึงได้ชวน Ice Paris มาพูดคุยถึงเบื้องหลังการทำงานในซิงเกิลนี้กันซิงเกิลนี้ “งอนตลอด” (Tell me what you want) เริ่มต้นมาจากอะไร“จริง ๆ มันคือแค่ผมอยากกลับมาทำเพลงครับ เพราะว่าหลังจากที่นาดาวปิดไปใช่มั้ย เราก็มีงานแสดงมาเรื่อย ๆ แล้วมันก็นานมาก ๆ ประมาณปีนึงละหลังจากเพลงล่าสุด เราก็เลยรวบรวมทีมทุกอย่างเพื่อที่จะมาทำเพลง จริง ๆ ตอนแรกเรากะจะปล่อยแบบทำเป็นอีพี ไม่ได้อยากปล่อยเป็นซิงเกิล เพราะมันยังไม่สะใจเราพอ เราอยากพูดมากกว่านั้น มากกว่าแค่ที่มันจะใส่ได้ในเพลงเดียว ก็เลยเหมือนตั้งใจทำออกมา 5 เพลง ซึ่งสุดท้ายก็ทำออกมา 5 เพลงจริง ๆ ครับ แต่ว่าพอทำออกมาปุ๊บ ทุกคนก็มาวางแผนกันว่าเราจะปล่อยมายังไง สุดท้ายเลยตัดสินใจว่า เราจะปล่อยเป็นซิงเกิล 2 ซิงเกิลก่อน แล้วค่อยรวมเป็นอีพีอีกทีตอนหลังจากนั้น ซึ่งเพลง งอนตลอด (Tell me what you want) เนี่ยก็จะเป็นเพลงแรกของอีพีนี้ครับผม”เพลงนี้มันมีความเรกเก้เนอะ ทำไมถึงเลือกที่จะคัมแบคในสไตล์นี้“จริง ๆ อะผมชอบอยู่แล้ว เป็นคนชอบไปทะเล ชอบแบบชิล ๆ ก็เลยชอบแนวเรกเก้อยู่แล้ว แล้วก็อยากลองเอามาใส่ความเป็นป็อปให้มันได้ ก็เลยลองเอามารวม ๆ กันให้มันได้ที่สุด ซึ่งก็เลยออกมาเป็นแบบนี้ครับ”เนื้อหาเพลงนี้ มาจากอินเนอร์เรามั้ย“โอย สุด ๆ ฮะ (หัวเราะ) มันเป็นความที่เราไม่เข้าใจผู้หญิง ผมรู้สึกว่ามันมีหลาย ๆ จังหวะในชีวิตเรา สมมุติว่าเรามีคนรัก เราอยากจะทำทุก ๆ อย่างให้เขานะ เราอยากจะตามใจเขา เราอยากจะทำให้เขาแฮปปี้ แต่เราไม่เข้าใจว่าเขาต้องการอะไรอะ เราไม่เข้าใจจริง ๆ นะ ผมรู้สึกว่ามันเป็นเนเจอร์อะไรสักอย่างของผู้หญิงที่ชอบให้เราอ่านใจเขาออก ซึ่งบางทีเราอ่านไม่ออก เราก็เลยแบบ บอกมาตรง ๆ เลยได้มั้ย อย่างถามว่าวันนี้อยากกินอะไร บอกอะไรก็ได้เงี้ย อะไรก็ได้มันไม่มีอยู่จริง มันไม่เคยมีจริง อันนี้มั้ย ไม่เอา อ้วน ปิ้งย่างชาบูมั้ย ไม่เอา ผมเหม็น มันแบบ แล้วต้องการอะไรอะ ตอนผมทำเพลงนี้ออกมา หรือพอคนอื่น ๆ ได้ฟังเพลงนี้ มันก็ทำให้เข้าใจกันมากขึ้นนะ นิดนึง คือเนเจอร์ของผู้หญิงก็เป็นแบบนี้ เนเจอร์ของผู้ชายก็เป็นแบบนี้ เพลงนี้เลยได้พูดสิ่งนี้ เหมือนเป็นความอัดอั้นเล็ก ๆ ไม่เล็กหรอก (หัวเราะ)”แสดงว่าปกติเรามักจะเป็นฝ่ายง้อคนที่งอนเราใช่มั้ย“ใช่ คือจริง ๆ ตอนผมเริ่มทำเพลงนี้ ผมก็ไม่ได้คิดถึงชื่อเพลงก่อน แต่พอเราแต่งออกมา คำคำนี้มันน่ารักดี ซึ่งจริง ๆ ตัวเพลงมันก็ไม่ได้เหมือนงอนสักทีเดียวหรอก มันแค่เป็นการที่เราอยากเข้าใจเขามากกว่า แต่พอแต่งออกมามันก็ดีนะ มันทำให้เรื่องการไม่เข้าใจกันเป็นเรื่องขำ ๆ ไปเลย พอเขาได้ฟังแล้วว่าเราคิดยังไง มันก็กลายเป็นเรื่องที่ตลก ๆ ได้อะครับ”เวลาโดนคนงอน เรามีวิธีง้อยังไง ที่รู้สึกว่าวิธีนี้ง้อสำเร็จแน่ ๆ“ผมก็พยายามตีไปทางตลกอะ อย่างงั้นยังไงก็รอด พยายามไม่ดึงลงไปให้เครียดอะ ให้มันเป็นแบบตลกต่อไปอยู่ เดี๋ยวเขาก็จะหลุดขำหลุดยิ้มออกมาเอง พยายามเล่นตลกให้เขาดู”เวลามีคนบอกกินอะไรก็ได้ เรามีเมนูไหนที่เป็นไม้ตายที่เราใช้มั้ย แบบเปิดการ์ดนี้แล้วมักจะรอด“มันจะมีเป็นช่วง ๆ ฮะ บางช่วงเขาอินหมูกระทะ อย่างช่วงนี้ก็จะอินหม่าล่า ก็จะได้ตลอด อันนี้มั้ย ไม่เอา อันนี้มั้ย ไม่เอา งั้นหม่าล่ามั้ย เขาจะแบบมีจังหวะหยุดคิด แล้วบอก อะ ก็ได้ ถ้าเกิดจังหวะพอสเมื่อไหร่ ก็ใช่ละ”เรื่องราวใน MV “งอนตลอด” เป็นยังไง“MV เพลงนี้มันจะมีความมิวสิเคิลสูงมาก มันจะมีความเกินจริง เกินธรรมชาติของคน มีความอยู่ ๆ ก็มาเต้นด้วย แต่ว่ามันก็สไตล์ที่ผมชอบ หลัง ๆ ผมชอบดูพวก La La Land, The Greatest Showman รู้สึกว่ามันเป็นสไตล์ที่เราอยากทำ เราชอบเต้นด้วย มันก็เหมาะพอดี แล้วสตอรีมันก็คือเหมือนผมไปเที่ยวกับแฟนอยู่ ก็พูดเรื่องนี้เลย อยากกินอะไร แล้วเขาก็พูดว่า คิดมาได้ยังไง แล้วก็เลยงอน เราก็เลยเหมือนไถสเกตตามไปง้อ แต่ก็ยังไม่หายงอน เราก็เลยไม่รู้จะทำยังไง ก็เลยเดินไปเรื่อย ๆ ไปเจอเพื่อน ๆ ผู้ชายที่โดนงอนมาเหมือนกัน เราก็เลยมาเต้นด้วยกัน เป็นความปลดปล่อย แล้วพอเราหายแล้ว เราก็เลยกลับไปง้อเขาอีกทีด้วยความสุข แล้วทีนี้เราก็เข้าใจกัน ก็เลยมาเต้นด้วยกันตอนจบ แล้วอยู่ ๆ ก็มีแบนด์โผล่มาล้อมรอบ มันจะมีความมิวสิเคิลสูงมาก”ทำไมเราเลือกเปิด MV ด้วยซีนเขย่าเซียมซี“จริง ๆ ไม่ได้อะไรกับมันขนาดนั้นอะครับ อยากให้มันเป็นฟีลเหมือนเราไปเที่ยวกับแฟน ไม่รู้จะทำอะไร ก็เลยเป็นการไปทำบุญกับแฟน โลเคชันตรงนั้นมันเป็นศาลเจ้าพอดี ก็เลยออกมาเป็นแบบนั้นครับ”MV ได้พี่วรรณแวว-แวววรรณ มากำกับให้ การทำงานเป็นยังไงบ้าง“คือผมเคยทำงานกับพี่เขามานานแล้วครับ ตั้งแต่ รักติดไซเรน, Great Men Academy เคยเจอกันมานานมาก ก็ค่อนข้างสนิทกัน แล้วก็ค่อนข้างรู้สไตล์เขา แล้วก็รู้สึกว่าเราชอบสไตล์เขาอยู่แล้ว ความมิวสิเคิล ชอบทำลองเทค มีความคิวเยอะ ๆ ยาก ๆ เต้นเยอะ ๆ ผมชอบ พอมาอันนี้เป็นซิงเกิลแรก ก็เลยอยากจะชวนเขากลับมาอีกทีครับ เพราะตอนรักติดไซเรน มันก็เป็นเหมือนเขาเป็นคนแรก ๆ ที่เราเริ่มทำงานด้วย แล้วพอเราออกมาทำค่ายเองครั้งแรก ก็เลยอยากย้อนกลับไปให้มันเป็นครั้งแรกครับ”มีอุปสรรค หรือเรื่องเซอร์ไพรส์อะไรในกองถ่ายบ้าง“คือจริง ๆ วันนั้นอะ พยากรณ์อากาศบอกว่าพายุเข้าครับ พายุเข้าหนักมาก 3 วัน เป็นพายุอะไรสักอย่าง ตอนนั้นก็กลัวมาก เพราะซีนที่วางไว้เป็น outdoor หมดเลย เราก็ เอาล่ะ ทำยังไงดี กลัวฝนตกทั้งวัน เรารู้สึกว่าไม่น่ารอดแน่เลย แต่ทุกคนก็ส่งสีเสื้อมงคลมาในกลุ่ม คือปกติผมไม่เคยดู ไม่เคยใส่ตามเลยนะ แต่ว่าวันนั้นวันเดียว เขาบอกว่าสีฟ้าดีต่อการงาน แต่ถ้าเกิดว่าสีฟ้าน้ำทะเล จะดีกว่าเดิมไปอีก ผมก็เลยใส่เสื้อเหมือนเสื้อฮาวาย เป็นลายทะเลไปเลย ลายคลื่น เขาบอกว่าน้ำทะเลใช่มั้ย ได้ ก็เลยเป็นน้ำทั้งตัวเลย เป็นสีฟ้าทั้งตัว แล้วหลาย ๆ คนก็ใส่สีฟ้ามาเหมือนกัน แล้วก็กลายเป็นว่าฝนมันไม่ตกเลยทั้งวัน ทั้งที่วันก่อนหน้ากับวันรุ่งขึ้นคือฝนตกหนักมากนะ แต่วันนั้นที่ถ่ายทั้งวันไม่ตกเลย พยากรณ์อากาศก็ยังสู้สีเสื้อเราไม่ได้ สีเสื้อเรามันแบบ สุด ๆ ช่วยให้เราทำงานออกมารอด”แล้วปกติเราเชื่อเรื่องดวงมั้ย“ไม่ได้ขนาดนั้นครับ คือปกติผมเชื่อเรื่องมายเซต แบบถ้าเราเชื่ออะไร แล้วมันก็จะเกิดขึ้น แบบนั้นมากกว่า แต่ว่าวันนั้นก็คือ เรายอมใช้ทุกอย่างที่สามารถช่วยเราได้ฮะ”ใน MV ใส่ความเป็นไทยแฝงไปเยอะ เช่น รถเข็นผลไม้ รถไอติม ถุงน้ำเขียว ผัดกระเพรา อันนี้เป็นความตั้งใจของเรามั้ย“จริง ๆ เราอยากทำให้มันดูมีความสตรีท เป็นกรุงเทพ คือตอนแรกมีอีกไอเดียนึงเหมือนกัน ที่พอเราทำเพลงนี้ ที่มันเป็นเรกเก้ เราจะไปถ่ายทะเล เพราะใคร ๆ ฟังก็นึกถึงทะเล ตอนแรกก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แล้วก็เกือบจะไปแล้วด้วย แต่รู้สึกว่ามันเดาง่าย แล้วมันเป็นภาพซ้ำ ๆ สำหรับผมนะ เราเลยลองเปลี่ยนให้มันดูใหม่ขึ้นไปอีก แบบผมทำเรกเก้ก็ใหม่แล้ว ก็เลยเปลี่ยนให้มันใหม่ขึ้นไปอีก ให้มันดูเป็นสตรีท มีความสเกตเตอร์บอย เพราะจริง ๆ ผมก็ชอบเล่นอยู่แล้ว พวกสเกตบอร์ด เวคบอร์ด บอร์คต่าง ๆ ผมชอบมาก ก็เลยทำให้มันดูเหมือนสตรีทกราฟิตี้อะครับ แล้วพี่วรรณพี่แววเขาก็ไปหาโลเคชันมา ก็เลยเลือกมาเป็นตามที่เห็น”คนมองว่ามันเป็น soft power ของไทยเหมือนกันนะ“จริง ๆ คือพยายามทำให้มันดูดิบ ๆ มีความเป็นสตรีท มีกลิ่นอายความอาร์ตของกรุงเทพ ผมรู้สึกว่าผมอยาก represent ในด้านนั้นครับ”อยากทำเพลงแนวไหนเพิ่มอีกบ้าง หลังจากที่แตะเรกเก้แล้วในเพลงนี้“จริง ๆ อีก 4 เพลงที่เหลือ ที่กำลังทำอยู่อะครับ ก็มีไวบ์ที่คล้าย ๆ เพลงนี้ แต่มันก็ไม่ใช่เรกเก้อยู่ดี แต่ไม่ว่ายังไงทั้ง 4 เพลงผมเนี่ย มันจะมีทั้งเพลงเร็วเพลงช้า มีเพลงที่เหมือนจะเศร้าด้วย แต่ไม่ว่ายังไง ผมก็จะทำเพลงที่มีความแฮปปี้ มีไวบ์ที่แฮปปี้ ถึงแม้มันจะเป็นเพลงเศร้าที่เกี่ยวกับการสูญเสียอะไรก็ตาม แต่มันก็จะมีมุม positive ที่ออกมาจากเหตุการณ์นั้น”ในอนาคตจะมี feat. กับใครมั้ย“ยังไม่มีเลยครับผม คือจริง ๆ ในอีพีนี้ มันก็ยังมีช่องว่างในการสามารถอยู่นะ แล้วผมก็กำลังคิดอยู่ด้วยเหมือนกัน แต่ก็ ณ ตอนนี้ ยังไม่มีครับ”เราจะได้เห็นอีพีอัลบั้มภายในปีนี้มั้ย“อีพีทั้งหมดน่าจะต้นปีหน้าครับ ถ้าเกิดครบทั้งหมด 5 เพลงนะครับ”ฝากอะไรถึงคนที่กำลังเจอสถานการณ์แบบในเพลง “งอนตลอด” หน่อย“อย่าไปซีเรียสฮะ ถ้าเกิดเจอลบมา ก็ต้องสู้ด้วยบวก เราสู้ด้วยบวกไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวมันจะกลายเป็นบวกเอง อย่าไปคิดว่าลบเจอลบจะเป็นบวกฮะ มันไม่เคยเกิดขึ้นจริง ผมรู้สึกว่าถ้าเรายังคีปไวบ์ของเรา ความ positive เหมือนเล่นตลกไปให้เขาดู คือคนเรามันไม่มีทางจะโกรธคนที่มันแฮปปี้ได้ตลอดเวลาหรอก ผมเชื่อแบบนั้นนะ”พูดถึงแฟนคลับติดตามไอซ์อยู่หน่อย“ก็อยากจะฝากครับ ฝากติดตามต่อไปเรื่อย ๆ ฝากรักกัน ส่งกำลังใจให้กัน ฝากรักผลงานของผมที่ทำออกมา มันเป็นเหมือนลูกรักของเราอีกคนนึง ก็อยากจะให้รักมันด้วย อยากขอบคุณที่ทุกคนเข้ามาฟีดแบค ซัพพอร์ตอะไรเราอยู่ตลอด ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้ปล่อยเพลงมานาน ทุกคนก็ยังซัพพอร์ตอยู่ ขอบคุณมาก ๆ ตอนนี้ก็ฝากเพลงนี้ และเพลงต่อ ๆ ไปในอีพีด้วย ก็กำลังจะมาเรื่อย ๆ อยากให้ทุกคนรอติดตามต่อไปนะครับ”แอบบอกได้มั้ยว่าเพลงนี้จะมีเวอร์ชั่นอื่น ๆ ออกมาอีกหรือเปล่า“ณ ตอนนี้ ยังไม่มี แต่ก็อาจจะมี live session หรืออะไรอย่างงี้ เดี๋ยวเรามาคอนเฟิร์มกันอีกทีครับ” ฟังเพลง "งอนตลอด" (Tell Me What You Want) ได้แล้ว ทาง Music Streaming ทุกช่องทาง พร้อมชมมิวสิกวิดีโอได้ที่ YouTube Channel: Ice Paris Entertainment

ชวนใส่ใจกับ “bamm” เจ้าของผลงานเพลงสุดน่ารัก “ชอบใส่ใจ”

30 มี.ค. 2023

ชวนใส่ใจกับ “bamm” เจ้าของผลงานเพลงสุดน่ารัก “ชอบใส่ใจ”

"bamm" ศิลปิน Co-ed Group จากค่าย LIT Entertainment กลับมาอีกครั้ง กับผลงานใหม่ล่าสุด เอาใจคนแอบชอบ อย่าง "ชอบใส่ใจ" เพลงจังหวะสนุก ๆ ที่มาพร้อมท่าเต้นสุดน่ารัก วันนี้เราเลยขอชวนทุกคนมาทำความรู้จักกับ "bamm" ให้มาขึ้น พูดคุยถึงความใส่ใจในสไตล์ของ "มาง-อาร์ตี้-เปา" กันอยากให้เล่าคอนเสปของเพลง “ชอบใส่ใจ” ให้เราฟังหน่อยเปา – “คอนเสปเพลงนี้จะสดใสมากขึ้นจากเพลงเก่า ๆ จะค่อนข้างอินเลิฟ เป็นการที่เราชอบใครสักคนนึง แล้วก็อยากจะใส่ใจในทุก ๆ ด้าน เราจะได้ให้เขาถูกอย่างที่เขาต้องการ เช่น เขาชอบผู้ชายอบอุ่น เราก็เอาผ้าห่มมาคลุมตัวเอง ร้อนได้เพื่อเธอ อะไรประมาณนั้น”แต่ละคนชอบท่อนไหนที่สุดในเพลงมาง – “อันนี้ไม่เรียกว่าเผือก เค้าเรียกว่าชอบใส่ใจ”เปา – “ชอบท่อน เย่”มาง – “มีเหรอ”เปา – “มีครับ ๆ เป็นไฮป์”มาง – “พูดจริงปะเนี่ย”เปา – “พูดจริงครับ พูดจริง”อาร์ตี้ – “ชอบท่อนฮุคละกัน”คำคมที่ใช้ในเพลงนี้ใครเป็นคิดbamm – “ช่วยกันหมดเลย”เปา – “เหมือนจริง ๆ แล้ว ซิกเนเจอร์อีกอย่างนึงของ bamm คือท่อนที่มันเป็นแบรคดาวน์ลงไป มันจะมีแอดลิป หรือมีดนตรี มีจังหวะ มีไฮป์ แต่เพลงนี้คือเรารู้สึกว่ามันเป็น special single เลยอยากทำอะไรที่มันแตกต่างจากเดิม ก็เลยมาสุมหัวกัน เลยได้เป็นคำคมขึ้นมาครับ”ที่บอกว่า “คนไทยต้องใส่จาน ส่วนคนทานต้องใส่ใจ” อันนี้ตกลงทำไมคนไทยต้องใส่จานเปา – “อันนี้คือจริง ๆ ผมขอร้องพี่โดมแล้วนะ พี่โดม ผมขอร้อง เปลี่ยนคำได้มั้ย แต่พี่โดมบอก พี่ชอบอันนี้ เอาเลย มันไม่รู้เรื่องดี”แต่ละคนเป็นสายชอบใส่ใจคนอื่น หรือชอบให้คนอื่นมาใส่ใจอาร์ตี้ – “ผมชอบใส่ใจเขามากกว่าครับ ผมไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับผม”มาง – “เอ้า สันโดษซะละ สำหรับหนูจริง ๆ ชอบทั้งสองอย่าง ทั้งใส่ใจคนอื่น แล้วก็ชอบให้คนอื่นมาใส่ใจด้วย”เปา – “ของผมก็ขึ้นอยู่กับว่าวันนั้นอยากจะกินพวกแร่ธาตุเยอะ ๆ หรือเปล่า เวลาเรากินต้มเลือดหมู มันก็ใส่หมู ใส่เลือด ใส่ใจ”มาง – “ไปเวย์ก๋วยจั๊บต้มเลือดหมูเหรอ”เปา – “จริง ๆ ผมชอบทั้งสองอย่างครับ ผมรู้สึกว่ามันก็จะมีหลายช่วงเวลา ในช่วงที่เรารู้สึกว่าเราเอเนอร์จี้มากพอ เราพร้อมที่จะให้คนอื่นได้ เราก็อยากให้มากกว่า แต่ถ้าช่วงไหนที่เราอ่อนแอมาก ๆ เราก็ต้องการได้รับจากคนอื่นเช่นกัน มันอยู่ที่ช่วงเวลาครับ”ในวง bamm ใครเป็นคนที่ใส่ใจคนอื่นมากที่สุดเปา – “ไม่มีครับ พวกเราใส่ใจตัวเองกัน อันนี้คือเรื่องจริงครับ”มาง – “ไม่ จริง ๆ ก็แบบ มีเป็นห่วงเป็นใยกัน”เปา – “ไม่มีนะครับ”มาง – “แต่ว่าก็จะดูแลตัวเองด้วยมากกว่า ซะส่วนใหญ่”เปา – “อันนี้เราต้องตอบกันตามความเป็นจริงเลยเหรอ”มาง – “ก็ตอบตามความเป็นจริง ก็คือหมายถึงว่า ใส่ใจกันบ้างในบางโอกาส”อาร์ตี้ – “ปีละครั้ง ตามวันหยุดนักขัตฤกษ์”เปา – “วางโควต้าไว้เป็นปีละครั้ง นัดมาใส่ใจกันซะหน่อย”แล้วช่วงนี้แต่ละคนใส่ใจกับเรื่องอะไรมากที่สุดอาร์ตี้ – “การนอน อยากใส่ใจเรื่องนอน แต่ว่าก็ยังทำไม่ได้”เปา – “ของผมเป็นเรื่องของการออกกำลังกาย ช่วงนี้เห็นข่าวคือสภาพแวดล้อมหลาย ๆ อย่างแย่ ก็เลยรู้สึกว่าเราต้องดูแลตัวเองให้มากขึ้น”มาง – “สำหรับหนูคือการกิน ช่วงนี้กำลังเอ็นจอยการกิน”อยากบอกอะไรแฟนคลับมั้ยมาง – “ขอบคุณ bammboo แล้วก็ขอบคุณแฟนคลับ T-pop ทุกวงเลย ที่ช่วยกันสนับสนุนทั้งพวกเรา แล้วก็วงอื่น ๆ ในวงการ T-pop ช่วยให้พวกเราได้ออกมาเจอกับทุก ๆ คน ได้ทำผลงานใหม่ ๆ ออกมา การที่มีทุกคนรอฟังมันทำให้รู้สึกดีมาก ๆ เป็นแรงใจ เป็นกำลังใจให้พวกเราในการทำผลงานดี ๆ ออกมาให้พวกเขาฟัง”เปา – “ผมเห็นด้วยกับเขาครับ แล้วก็อยากจะบอกว่า ขอบคุณทุกอย่างเลยครับ ทั้งแฟนคลับ ทั้งศิลปิน ทั้งผู้ใหญ่ในวงการ ที่ทำให้การเดินทางของเรามันเดินมาถึงตรงนี้แล้ว ได้มีเพลง มีอัลบั้มเป็นของตัวเอง รวมไปถึง special single ล่าสุด แล้วก็หวังว่าทุกคนจะชอบเพลงนี้ เพราะว่าเพลงนี้ก็เป็นอีกบรรยากาศนึงที่เราได้ทำงาน แล้วก็ตั้งใจทำมาก ๆ อยากลองทำแบบใส่คำคมก็ได้ใส่ลงไป ก็หวังว่าทุกคนจะชอบครับ”อาร์ตี้ – “ก็รักนะครับ bammboo”เปา – “เขามาแนวโอปป้าเกาหลีอีกแล้ว”มาง – “วันนี้เขามาดี เขามาแนวนี้”สุดท้ายแล้ว ถ้าไม่ชอบใส่ใจ จะชอบใส่อะไรแทนดีอาร์ตี้ – “ใส่จาน”มาง – “ใส่เดี่ยวละกันค่ะ เสื้อใส่เดี่ยว(สายเดี่ยว)”เปา – “ใส่ไข่ละกันครับ ช่วงนี้ต้องเน้นโปรตีนเป็นหลัก อย่างที่บอกไปว่ากำลังออกกำลังกาย ขอพิเศษใส่ไข่”ฟังเพลงจังหวะสนุก ๆ “ชอบใส่ใจ” (Just Curious) จาก bamm ได้แล้ววันนี้ ทาง YouTube LIT Entertainment และสตรีมมิ่งทุกแพลทฟอร์ม

album

0
0.8
1