ดูเหมือนไม่มีอะไรจะหยุดลุงมาร์ตี้ได้ง่าย ๆ ผู้กำกับชั้นครู มาร์ติน สกอร์เซซี (จาก Taxi Driver, Goodfellas) ในวัย 80 ปี กลับมาพร้อมกับผลงานที่อาจเรียกได้ว่าเป็นมาสเตอร์พีซอีกครั้ง หลังตลอด 5 ทศวรรษที่ผ่านมา ล้วนมีผลงานที่ได้รับการยกย่องมาตลอด ผลงานล่าสุดคือ Killers of the Flower Moon หนังเอพิกอาชญากรรมที่สร้างความตื่นตะลึงให้กับแฟนหนังมาตั้งแต่ช่วงกลางปี หลังเปิดตัวไปในเทศกาลหนังเมืองคานส์และกวาดคะแนนนักวิจารณ์ด้านบวกไปอย่างท่วมท้น มากถึง 98% จากเว็บไซด์ Rotten Tomatoes รวมถึงสร้างความตื่นตะลึงกับแฟนหนังอีกครั้งในความบ้าพลัง ด้วยความยาวหนังมากถึง 3 ชั่วโมง 26 นาที แทบจะยาวเท่ากับ The Irishman ผลงานชิ้นก่อนเลย แต่ความแตกต่างคือ แฟนหนังทั่วโลกต้องดู The Irishman ใน Netflix สามารถมีเวลาพักไปเข้าห้องน้ำได้ แต่กับ Killers of the Flower Moon แม้จะสร้างโดยบริษัทสตรีมมิ่งอีกเครืออย่าง Apple TV+ แต่ได้จับมือกับพันธมิตรอย่าง Paramount Pictures ทำให้หนังเรื่องนี้ ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ ผู้ชมได้ดูในจอใหญ่ในแบบที่ควรจะเป็น ดังนั้น เตรียมวางแผนการเข้าห้องน้ำก่อนดูกันให้ดี
Killers of the Flower Moon สร้างจากหนังสือของ เดวิด แกรนน์ ที่หยิบเอาเรื่องจริงอันอัปยศมาถ่ายทอด เล่าเรื่องราวของ ออเซจ อินเดียนแดงชนเผ่าหนึ่งที่อาศัยอยู่ในอเมริกา จากการที่พวกเขาขุดเจาะจนพบน้ำมัน ทำให้พวกเขาร่ำรวยมหาศาล และดึงดูดให้คนขาวเข้ามาในพื้นที่ดังกล่าวเพื่อตักตวงผลประโยชน์ และเมื่อสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อเริ่มมีชาวอินเดียนล้มตายอย่างเป็นปริศนา เอฟบีไอจึงเข้ามา เพื่อเริ่มสะสางคดีสุดอำมหิตเหล่านี้ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป โดยหนังเป็นผลงานการร่วมงานกันครั้งที่ 6 แล้วของ มาร์ติน กับพระเอกคู่บุญอย่าง ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ ในบทออเนสต์ ทหารผ่านศึกที่เข้ามาอาศัยในเมืองนี้ และตกหลุมรักกับ มอลลี่ สาวชาวอินเดียนผู้มีฐานะ โดยโศกนาฏกรรมเริ่มเกิดขึ้นรอบๆตัวเธอ เมื่อสมาชิกในครอบครัวของเธอ เริ่มเสียชีวิตทีละคน โดยนอกจาก ลีโอนาร์โด แล้ว หนังยังเป็นการกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งของ มาร์ติน กับ โรเบิร์ต เดอนีโร หลังเคยร่วมงานกันมาแล้วถึง 9 ครั้ง นับตั้งแต่ Mean Street ในปี 1973 และนี่คือครั้งที่ 10 !
นี่คือหนังดราม่าอาชญากรรม ที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นหนังระดับเอพิก จากหลายๆปัจจัย ทั้งความยิ่งใหญ่ของงานสร้างที่ Apple TV+ ทุ่มไปมากถึง 200 ล้านเหรียญฯ, ความยาวของหนังที่ยาวมากถึง 206 นาที และสเกลการเล่าเรื่องที่กินเวลายาวนานหลายปี เกี่ยวพันกับชีวิตคนมากมาย Killers of the Flower Moon จึงกลายเป็นหนัง Epic Crime ซึ่งดูจะเข้ามือ มาร์ติน สกอร์เซซี มากเป็นพิเศษ เพราะหนังประเภทที่สร้างชื่อให้กับแกมาตลอด คือหนังแนวอาชญากรรม โดยมาร์ติน ใช้เวลา 3.30ชั่วโมงในการเล่าอย่างคุ้มค่า ค่อยๆพาผู้ชมเข้าสู่โลกของชนเผ่าออเซจ ที่มีวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ค่อยๆพาไปรู้จักกับสังคมของคนขาวที่เข้ามาในพื้นที่นี้เพราะหวังผลประโยชน์ ค่อยๆ ทำความรู้จักตัวละคร ออเนสต์, มอลลี่ และที่สำคัญอีกตัวคือ วิลเลี่ยม เฮล ของ โรเบิร์ต เดอนีโร ลุงของออเนสต์ คนขาวผู้มีอิทธิพลเหนือทุกคนในพื้นที่แห่งนี้ หนังใช้เวลาช่วงแรกในการ Set Up เรื่อง ก่อนที่จะค่อยๆพาผู้ชมเข้าสู่โลกแห่งความโลภ ความเลวร้าย อันน่าขยะแขยง จนนำไปสู่ชั่วโมงสุดท้าย ที่บีบหัวใจผู้ชมแทบทุกวินาที จนแทบไม่มีนาทีไหนที่หนังดูจะน่าเบื่อเลย มาร์ตินสามารถรักษา Pacing ในการเล่าที่แม้จะดูเหมือนนิ่ง แต่ชวนระทึกได้ตลอด
นอกจากฝีมือการกำกับชั้นครูของ มาร์ติน สกอร์เซซี แล้ว องค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ Killers of the Flower Moon เป็นหนังอาชญากรรมระดับมหากาพย์ ยังมีทั้งงานโปรดักชั่น ที่ดูยิ่งใหญ่ เนรมิตเมืองเล็กๆเมืองนึงให้ออกมาสมจริงเท่าที่สุดที่จะเป็นได้ และใช้มุมกล้องช่วยถ่ายทอดความรู้สึกให้สัมผัสได้ถึงความเอพิกมากที่สุด เสริมด้วยดนตรีประกอบ ที่เหมือนจะนิ่งแต่เร้าใจลึกๆในแทบทุกฉาก ผู้ชมจะกลิ่นอายของความเป็นชนเผ่าตลอดทั้งเรื่อง และหัวใจสำคัญของหนัง อยู่ที่การแสดงของ 3 นักแสดงนำ เริ่มจาก ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ ที่ถ่ายทอดบทของออเนสต์ออกมาได้อย่างซับซ้อน สำหรับตัวละครนี้ อาจจะยังบอกไม่ได้ว่าเล่นยากอย่างไร แต่ถือว่าเป็นหนึ่งในบทที่ยากที่สุดบทนึงเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังที่มีความซับซ้อนและสับสนในอารมณ์ค่อนข้างสูง ค่อนข้างแน่นอนว่าแล้ว ลีโอนาร์โด อาจกลับไปชิงออสการ์อีกครั้งในต้นปีหน้า ส่วน โรเบิร์ต เดอนีโร สามารถถ่ายทอดบทอันน่าเกรงขามได้อย่างทรงพลังแบบที่เขาทำได้ดีมาโดยตลอด แต่ที่ชวนตื่นตะลึงที่สุดคือ ลิลี่ แกลดสโตน นักแสดงหญิงในวัย 37 ปีในบทหญิงชาวอินเดียนคนรักของพระเอก เธอสามารถถ่ายทอดบทนี้ได้อย่างถึงอารมณ์ โดยเฉพาะเคมีกับลีโอนาร์โด ในช่วงหลังๆคือพลังทำลายล้างสูงมาก
Killers of the Flower Moon คือหนังที่พูดถึงความรักและความโลภได้อย่างชวนขนลุก สามารถถ่ายทอดถึงความน่ารังเกียจของคนที่เก็บซ่อนอยู่ได้อย่างถึงขั้ว ระหว่างชมเหมือนผู้ชมจะค่อยๆถูกดูดเข้าไปในโลกของอาชญากรรมที่เต็มไปด้วยความโสมม จากองค์ประกอบทั้งหมดส่งให้นี่คือหนังมหากาพย์อาชญากรรมอีกเรื่องที่ค่อนข้างลงตัวและทรงพลังสุดของ มาร์ติน สกอร์เซซี สมคำร่ำลือ ซึ่งต้องไปลุ้นกันต่อบนเวทีออสการ์ต้นปีหน้า เพราะนาทีนี้ ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า สองตัวเต็งสำคัญในรางวัลใหญ่ๆคือ Oppenheimer ของ คริสโตเฟอร์ โนแลน และหนังเรื่องนี้ของ Martin Scorsese แต่ใครจะคว้าชัยไป คงต้องติดตามกันแบบยาวๆ
ชมตัวอย่าง Killers of the Flower Moon เข้าฉาย 19 ตุลาคมในโรงภาพยนตร์
ขอบคุณภาพจาก : UIP Thailand