[REVIEW] ‘The Little Mermaid’ เงือกน้อยฉบับใหม่ที่เต็มเปี่ยมด้วยมนต์เสน่ห์แบบดิสนีย์ | GOSSIP GUN

ขึ้นแท่นหนังกระแสแรงที่สุดแห่งปี 2023 ไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับ The Little Mermaid เวอร์ชั่น Live-Action ของดิสนีย์ ที่สานต่อความสำเร็จ เทรนด์ของค่าย หนังหยิบเอา Disney Classic มารีเมกใหม่เป็นเวอร์ชั่นคนแสดง แล้วกวาดเงินถล่มทลายหลายต่อหลายเรื่อง ไม่ว่าจะด้วยกระแสทางบวกหรือลบ ดราม่ามากมายที่เกิดขึ้นหลังจากหนังประกาศสร้างและเผยถึงทีมนักแสดง The Little Mermaid กลายเป็นหนังที่ถูกพูดถึงในทุกสเต็ปของการโปรโมตตั้งแต่ปล่อยภาพแรก ภาพนิ่ง ไปจนถึงตัวอย่าง และเพลงประกอบ Part of the World ในเวอร์ชั่นใหม่นี้ แม้ว่าเสียงวิจารณ์จะแตกออกมาค่อนข้างหลากหลาย แต่ที่ต้องยอมรับคือ The Little Mermaid ถูกพูดถึงอย่างมาก และไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม แฟนๆจำนวนมากก็ยังรอคอยดูหนังฉบับเต็มอยู่ดี และวันที่แฟนดิสนีย์รอคอยก็มาถึงแล้วในวันนี้

The Little Mermaid ในเวอร์ชั่นปี 2023 นี้ ดิสนีย์มอบหน้าที่ผู้กำกับให้ ร็อบ มาร์แชลล์ อีกหนึ่งตัวพ่อของหนังมิวสิคัล หลังเคยส่ง Chicago ชนะออสการ์ และสร้างหนังให้ดิสนีย์มากมายทั้ง Into The Woods, Mary Poppins Return รวมถึงหนังฟอร์มยักษ์อย่าง Pirates of the Caribbean : On Strangers Tide ด้วยคุณสัมภาษณ์ที่ทำหนังมิวสิคัลก็ได้ ทำหนังใหญ่ก็ได้ เขาจึงกลายเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกับหน้าที่นี้ แต่ที่กลายเป็นดราม่าก็คือ เปลี่ยนสีผิวของตัวละครแอเรียล ด้วยการประกาศให้ ฮัลลี เบลีย์ นักร้องที่เคยเข้าชิงรางวัลแกรมมี่ในวัย 19 ปี (ณ ตอนประกาศสร้าง) มารับบท ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามภาพจำของหลายๆคนที่ติดภาพแอเรียลในฉบับการ์ตูนปี 1989 แม้บทนำจะเป็นนักแสดงใหม่ แต่ตัวละครแวดล้อมก็ยังได้นักแสดงชื่อดังมาร่วมจอเพียบ ทั้ง เมลิสซ่า แมคคาร์ธีย์ ก็งดตลกมารับบทร้ายกับบทเออร์ซูล่า ในขณะที่นักแสดงรางวัลออสการ์ ฮาเวียร์ บาร์เดม ก็มารับบท คิงไทรตัน ร่วมด้วย ดาวีด ดิก, อควาฟีน่า และจาค็อบ เทรมเบล่ย์ ที่ตกเท้ากันมาให้เสียงพากย์

สำหรับการรีเมกใหม่ในครั้งนี้ แม้จะไม่ได้อารมณ์ออริจินัลสดใหม่แบบเวอร์ชั่นแอนิเมชั่น แต่ถือว่ายังคงรักษามนต์เสน่ห์ และคงไว้ซึ่งความอัศจรรย์ในแบบดิสนีย์ได้อย่างเต็มๆ หลังจากที่ผลงานรีเมกหลายเรื่องหลังขาดหายความรู้สึกแบบนี้ ทั้ง The Lion King ฉบับใหม่ที่ค่อนข้างแห้งแล้ง ขาดอารมณ์ร่วมอย่างชัดเจน ส่วน Mulan นั้นก็เกียร์ไปทางหนังแอ็กชันสงครามแบบเต็มตัว ไม่ได้เป็นหนังที่มีเมจิกในแบบดิสนีย์ นี่ถือเป็นหนังที่ทำให้กลับไปหวนคิดถึงความรู้สึก สมัยเสพหนังการ์ตูนของดิสนีย์ในช่วงปลายยุค 80s มาจนถึงยุค 90s ซึ่งถือว่าเป็นช่วงพีกสุดๆได้ จากความสำเร็จแบบต่อเนื่องของ The Little Mermaid, Beauty and the Beast, Aladdin และ The Lion King ในยุคสมัยนั้น

ไฮไลต์ที่คงไม่พูดถึงไม่ได้คือ ฮัลลี เบลีย์ เจ้าของบทแอเรียล ซึ่งก่อนดูหนังเชื่อว่าหลายคนยังกังขาในตัวเลือกนี้ของดิสนีย์ รวมถึงในตัวอย่างและภาพโปรโมตที่ค่อนข้างแกงนักแสดงพอสมควร แต่สำหรับในหนังเต็มนั้น เธอเต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ และจริตในแบบที่นางเอกดิสนีย์ควรจะเป็น ผู้ชมสามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของเธอตั้งแต่ฉากแรกๆ โดยเฉพาะเมื่อเพลง Part of the World ดังขึ้น เสียงร้องของเธอถือว่าไร้ข้อกังขา ทั้งไพเราะและทรงพลังมากๆ บวกกับการสื่ออารมณ์โดยเฉพาะการโคลสอัพช่วงท้ายเพลง ที่อยากจะแทบลุกขึ้นยืนปรบมือให้ แค่เพลงแรกก็สามารถดึงอารมณ์ ให้ผู้ชมอินไปกับตัวละครนี้ได้แล้ว ในขณะที่ทั้ง เมลิสซ่า แมคคาร์ธีย์ และ ฮาเวียร์ บารเดม ก็สามารถเป็นเออร์ซูล่าและคิงไทรตัน ได้อย่างเหมาะสม แต่ที่ขโมยซีนไปแบบเต็มๆ คือเหล่าแก๊งสัตว์เพื่อนสนิทของนางเอก โดยเฉพาะ เซบาสเตียนในเวอร์ชั่นของ ดาวีด ดิก และสกัตเติลในเวอร์ชั่นของ อควาฟีน่า รับส่งมุกกันอย่างสนุกสนาน ขโมยซีนไปแบบเต็มๆ และเพลงแร็ปของพวกเขาก็ช่วยเพิ่มความสนุกและทันสมัยให้กับหนังอีกด้วย

โดยรวม The Little Mermaid ฉบับนี้ ถือว่าทั้งสนุก กลมกล่อม เต็มไปด้วยความอัศจรรย์ในแบบดิสนีย์ เสริมความตื่นตาด้วยงานภาพที่ชวนตื่นตะลึง โดยเฉพาะฉากใต้ทะเลที่ถ้าใครได้ดู IMAX3D ตระการตาระดับน้องๆ Avatar : The Way of Water กันเลยทีเดียว โหมด้วยเพลงประกอบที่ทั้งไพเราะติดหู ทั้งเพลงและเพลงใหม่ที่ถูกแต่งเพิ่มเข้ามาโดย อลัน เมคเคน ผู้ประพันธ์คนเดิมจากหนังฉบับการ์ตูน ดังนั้น ลองพิสูจน์ด้วยตัวคุณเองกับ The Little Mermaid ฉบับใหม่ ที่น่าจะถูกใจหลายๆคน

ชมตัวอย่าง The Little Mermaid วันนี้ในโรงภาพยนตร์

ภาพ Walt Disney Studios